บทที่ 418: เรื่องนี้จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?

-A A +A

บทที่ 418: เรื่องนี้จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?

ในสายตาของมู่ไป๋ไป่ ตัวตนปัจจุบันของจวงอี้หรานเป็นเพียงบุคคลที่น่าสงสัยมากที่ตนเพิ่งพบเจอกันได้เพียงไม่นาน

เซียวถังอี้ไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงทำเพื่อเขาถึงขั้นนี้

“หืม?” มู่ไป๋ไป่ทำหน้าสับสนมากยิ่งขึ้น “มันจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?”

เธอเป็นหมอ ซึ่งหมอย่อมมองทุกคนเป็นเหมือนญาติพี่น้อง ทำไมพวกเธอจึงต้องหาเหตุผลในการรักษาโรคหรือช่วยชีวิตคนด้วยล่ะ?

“เจ้าไม่ได้ต้องการรู้หรอกหรือ?” เซียวถังอี้ขยับเข้าไปหามู่ไป๋ไป่ พร้อมกับมีรอยยิ้มเย็นชาปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา “แม่นางไป๋สงสัยเรื่องตัวตนที่แท้จริงของข้ามาโดยตลอด เจ้าไม่เคยคิดเลยหรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าเป็นคนสารเลวที่ก่อเรื่องร้ายแรงมา?”

ชายหนุ่มจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้า เขาพยายามค้นหาบางอย่างจากนัยน์ตาคู่สวยที่สุกใสของนาง

อย่างไรก็ตาม ดวงตาของมู่ไป๋ไป่ก็ยังสดใสดั่งน้ำในสายธารอยู่เสมอ

“แล้วอย่างไร?” หญิงสาวจ้องจวงอี้หรานกลับแล้วตอบอย่างจริงจังว่า “ไม่ว่าท่านจะเป็นคนดีหรือคนเลว มันก็ไม่ได้สำคัญสำหรับข้า”

“ในสายตาของข้า ท่านเป็นเพียงคนไข้ที่ใกล้ตายซึ่งต้องได้รับการรักษา”

เซียวถังอี้เม้มปากก่อนจะถามออกไปอย่างต่อเนื่องว่า “แม่นางไป๋ เจ้าไม่เข้าใจหรือว่าข้าต้องการจะบอกอะไร?”

“ข้าหมายความว่า ถ้าข้าเป็นคนไม่ดี และเจ้ายินยอมใช้ทรัพยากรมากมายเพื่อช่วยเหลือข้า เจ้าจะอธิบายให้คนที่ข้าติดหนี้ฟังว่าอย่างไร เจ้าไม่คิดว่ามันไม่คุ้มค่าบ้างหรือ?”

“ทำไมข้าต้องอธิบายให้คนพวกนั้นฟังด้วย?” มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วพูดพร้อมกับทำหน้าไม่เข้าใจ “จอมยุทธ์จวง คำถามของท่านฟังดูแปลกมาก ข้าเป็นเพียงหมอ การช่วยชีวิตท่านไว้ถือว่าเป็นการทำความดีสำหรับข้า”

“หากท่านเป็นคนเลว การที่ข้าช่วยชีวิตท่านไว้ให้ท่านได้มีชีวิตอยู่รอดต่อไปนั้น มันก็จะทำให้ท่านได้ชดใช้สิ่งที่ทำลงไปได้”

เสียงที่ชัดเจนและแน่วแน่ของหญิงสาวสะท้อนไปทั่วห้องโถงที่ว่างเปล่า ไม่นานแววตาเย็นชาของเซียวถังอี้ก็ค่อย ๆ จางหายไป

ขณะนี้ในสายตาของชายหนุ่ม ใบหน้าที่งดงามของมู่ไป๋ไป่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปจนมีรูปร่างกลมมนแบบตอนที่นางยังเป็นเด็ก

เจ้าตัวเล็กคนนี้… ไม่เปลี่ยนไปเลย

เซียวถังอี้ลดเปลือกตาลงเพื่อซ่อนอารมณ์ในดวงตาของตนเอง แล้วระงับความรู้สึกปั่นป่วนในอก ก่อนที่เขาจะพูดติดตลกว่า “ความคิดของแม่นางไป๋ช่างน่าสนใจจริง ๆ”

“สรุปท่านถามคำถามเสร็จหรือยัง?” มู่ไป๋ไป่กอดอกจ้องอีกฝ่าย “ถ้าถามเสร็จแล้วก็รีบตามข้ามาเร็วเข้า” 

“อย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย ไม่อย่างนั้นข้าต้องเตรียมทุกอย่างใหม่อีกครั้ง”

“ก่อนหน้านี้ท่านปล่อยให้พิษกัดกร่อนร่างกายตัวเองนานเกินไปจนทำให้ร่างกายของท่านอ่อนแอไปมาก การแช่สมุนไพรครั้งสุดท้ายนั้นจะช่วยล้างพิษหลิวกวงได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ท่านจะดูดีขึ้นมากแล้ว”

“หากท่านอยากจะไปให้ถึงเมืองหลวงด้วยสภาพเช่นนี้จริง ๆ ถึงเวลานั้นแม้แต่เทพเซียนก็ช่วยท่านไม่ได้”

อย่างไรก็ตาม คนผู้นี้รู้แล้วว่าเธอใช้เลือดของตัวเองรักษาเขา ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังเขาอีกต่อไป

เซียวถังอี้สบตากับมู่ไป๋ไป่ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ ในเวลาเดียวกัน แววตาจริงใจก็ปรากฏชัดอยู่ในดวงตาสีเข้ม “แม่นางไป๋ ข้าจะจดจำบุญคุณในครั้งนี้ของเจ้าไปตลอดชีวิต”

“อืม ๆ ท่านจงจำเอาไว้ให้ดี” หญิงสาวผงกหัวรับไปตามตรงก่อนจะหันหลังเดินขึ้นบันไดไป

ในที่ที่ไม่มีใครเห็น เธอได้แอบยิ้มเจ้าเล่ห์เงียบ ๆ

อิอิ ดูเหมือนว่าเมื่อกี้นี้ฉันจะแสดงเป็นเหยื่อได้ดีมาก

ฮึ มาดูกันว่าคราวนี้ฉันจะเปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของจวงอี้หรานคนนี้ได้หรือไม่

หลังจากที่ร่างระหงหายไปบนชั้น 2 เซียวถังอี้ก็พูดขึ้นเสียงเบาว่า “ซั่วเยว่ เจ้าช่วยไปหาอะไรบางอย่างมาให้ข้าหน่อย”

ประมาณ 1 เค่อต่อมา ที่ห้องพักบนชั้น 2

 ในห้องนั้นเต็มไปด้วยไอน้ำหนาทึบและมีกลิ่นสมุนไพรเข้มข้นที่ทำให้คนที่ได้สูดดมเข้าไปรู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจ

ยามนี้มู่ไป๋ไป่กำลังนั่งดื่มชาอย่างสบายใจโดยหันไปมองด้านหลังม่านเป็นระยะ ๆ

“นี่ ท่านจะใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่?”

“ท่านเป็นผู้ชายตัวโตขนาดนั้นทำไมถึงได้เหนียมอายเป็นผู้หญิงไปได้ ทำเหมือนกับข้าไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างนั้นแหละ”

ฝ่ายที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นชะงักไปทันทีที่ได้ยินคำพูดของหญิงสาว ขณะนั้นมู่ไป๋ไป่ได้ยินเสียงถอนหายใจแว่วมาจากด้านหลัง

“เฮ้อ… เจ้าคุยกับผู้ชายแบบนี้บ่อยหรือไม่?”

มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วและกำลังจะตอบคำถามนั้น แต่เธอก็ต้องตกตะลึงกับสภาพของคนที่เดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้น

ปัจจุบันเซียวถังอี้สวมเพียงชุดคลุมสีขาวราวหิมะเท่านั้น หลังจากถอดชุดคลุมชั้นนอกออก ร่างกายของเขากลับไม่ดูผ่ายผอมเหมือนที่เห็นก่อนหน้านี้

หญิงสาวไล่สายตามองผิวเรียบเนียนที่เห็นได้ชัดเจนผ่านชุดเนื้อบางสีขาว หุ่นของเขาดีมากจริง ๆ

เขาหุ่นดียิ่งกว่าชายหนุ่มที่มีกล้ามหน้าท้อง 6 ลูกแบบที่เธอเคยเห็นในทีวีเสียอีก

ขณะเดียวกัน เมื่อเซียวถังอี้เห็นหญิงสาวจ้องมองมาที่ตนตาไม่กะพริบ เขาก็รู้สึกขบขันปนกับเอือมระอา “แม่นางไป๋ เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่าชายหญิงนั้นแตกต่างกัน?”

พอเขาคิดว่าหากเจ้าตัวเล็กคนนี้ไปจ้องมองผู้ชายคนอื่นเช่นเดียวกับที่ทำกับเขา ความรู้สึกแปลก ๆ ก็บังเกิดขึ้นในใจ มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะบ่นอีกฝ่าย

“หืม?” มู่ไป๋ไป่หลุดออกจากภวังค์ความคิดตัวเอง และเงยหน้ามองชายหนุ่มร่างสูงด้วยสายตารังเกียจ “น่าขัน! ท่านกำลังบอกหมอเรื่องความแตกต่างระหว่างชายหญิงอย่างนั้นหรือ? 

“แปลว่าในตอนที่รักษาจะต้องมีม่านกั้นระหว่างคนไข้กับผู้รักษาใช่หรือไม่?”

“จอมยุทธ์จวง ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นคนหัวโบราณขนาดนี้”

สีหน้าของเซียวถังอี้แข็งทื่อไปชั่วขณะ “...หัวโบราณ?”

“ใช่!” หญิงสาวยืนขึ้นพร้อมกับพูดเร่งเร้าอีกฝ่าย “เลิกพูดเหลวไหลกันได้แล้ว มานี่เร็วเข้า น้ำที่เตรียมไว้จะเย็นหมดแล้ว”

ขณะนั้นชายหนุ่มอ้าปากเหมือนจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาทำได้เพียงแค่ถอนหายใจแล้วเดินไปยังอ่างอาบน้ำ

 “ว่าแต่ซั่วเยว่อยู่ที่ไหน?” มู่ไป๋ไป่หันไปมองด้านนอกประตู เธอเห็นเพียงแผ่นหลังของจื่อเฟิงที่กำลังกินอะไรบางอย่างผ่านเงาด้านนอก ทว่าซั่วเยว่กลับไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย ทั้งที่ปกติเขาจะไม่อยู่ห่างจวงอี้หราน

เธอจำได้ว่าเมื่อกี้นี้องครักษ์หนุ่มอยู่ที่ชั้นล่าง แต่เหตุใดจู่ ๆ เขาถึงหายตัวไปเสียล่ะ?

“ข้าไม่รู้” เซียวถังอี้พูดโกหกตาไม่กะพริบ

“ท่านไม่รู้?” มู่ไป๋ไป่เลิกคิ้วในขณะที่คาดเดาในใจ “หรือว่าเซียวถังอี้สั่งให้เขาไปทำอะไรบางอย่าง?”

“...” ชายหนุ่มยังคงทำหน้าเรียบเฉย 

“ต้องเป็นอย่างนั้นแน่เลย!” ยิ่งหญิงสาวคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผลมากขึ้นเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรชางหลานก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ดังนั้นเซียวถังอี้จะต้องอยู่ใกล้ ๆ เธอแน่นอน

เนื่องจากซั่วเยว่เป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก นอกจากนายท่านของเขาแล้ว เธอไม่สามารถนึกถึงใครที่สามารถสั่งเขาให้ทำอะไรได้อีก 

ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังคิดอย่างจริงจัง เธอไม่ทันสังเกตเห็นว่าคนไข้ของตัวเองก้าวเข้าไปในอ่างน้ำและยืนอยู่ตรงข้ามเธอแล้ว

“ให้ข้าทำเถอะ” เซียวถังอี้พูดขึ้นเสียงเรียบ

“อะไร?” เนื่องจากมู่ไป๋ไป่ถูกขัดจังหวะความคิด เธอจึงไม่สามารถเข้าใจความหมายในคำพูดของอีกฝ่ายได้ชั่วขณะหนึ่ง

ร่างสูงมองไปที่มีดสั้นในมือของหญิงสาวแล้วถามว่า “หรือเจ้าอยากจะทำมันด้วยตัวเอง?”

มู่ไป๋ไป่เข้าใจในทันทีจึงยื่นมีดสั้นให้กับชายตรงหน้าโดยไม่ต้องคิด “ท่านทำก็ดี”

แม้ว่ามีดสั้นจะคมมาก แต่ร่างกายของมนุษย์ก็มีกลไกป้องกันตัวเอง ไม่ว่าเธอจะพยายามทำร้ายตัวเองรุนแรงมากเพียงใด ร่างกายของเธอก็จะแสดงปฏิกิริยาต่อต้านและเธอจะรู้สึกเจ็บปวดมาก

คราวที่แล้วเธอกรีดแขนตัวเองไปตั้งหลายครั้ง แค่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น มันก็ทำให้เธอเจ็บแปลบขึ้นมาแล้ว

ไม่นานข้อมือของหญิงสาวก็ถูกมือเย็น ๆ ข้างหนึ่งจับเอาไว้ เพียงเท่านั้นมันก็ทำให้เธอตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

“ขออภัยที่ล่วงเกิน” เซียวถังอี้หลุบตาลงแล้วพูดเบา ๆ “ข้าจะทำให้เบามือที่สุด”

มู่ไป๋ไป่เงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่าโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ระยะห่างระหว่างทั้งคู่อยู่ใกล้กันมาก มันใกล้จนเธอได้กลิ่นจาง ๆ จากตัวของอีกฝ่าย

ในช่วงเวลานั้นหญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ กลิ่นกายของชายหนุ่มนั้นช่างคุ้นจมูกยิ่งนัก

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.