บทที่ 282 คำขอโทษ
บทที่ 282 คำขอโทษ
“สงครามในครั้งนี้พวกเราจะต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน เพราะภายในมือของฉันยังมีคำรับรองสำหรับการเปลี่ยนอาชีพอยู่อีก 10 ใบ ตราบใดก็ตามที่ฉันให้ใบเปลี่ยนอาชีพพวกนั้นออกไป ทุกคนจะสามารถเปลี่ยนอาชีพสำเร็จได้ในครึ่งวัน นอกจากนี้ในใบเปลี่ยนอาชีพทั้ง 10 ใบนั้นยังมีใบเปลี่ยนอาชีพพิเศษถึง 4 ใบ ซึ่งมันก็มีโอกาสที่เราจะได้รับนักเวทไฟที่มีเวทมนตร์กึ่งต้องห้ามมาเพิ่ม”
เซี่ยหยู่เว่ยกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาว่า
“คุณนี่มันเลือดเย็นจริง ๆ”
ตอนแรกลู่หยางคิดว่าคำพูดเมื่อสักครู่จะทำให้เซี่ยหยู่เว่ยเคารพเขามากขึ้น แต่คำตอบที่เธอพูดออกมากลับทำให้เขาล้มลงไปทั้งยืน
“เธออยากจะลองดีกับฉันใช่ไหม?”
เซี่ยหยู่เว่ยหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ ก่อนที่เธอจะวิ่งหนีไปอย่างมีความสุข
ลู่หยางส่ายหน้าพลางหัวเราะและพึมพำขึ้นมาว่า
“ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ใช่หัวหน้าที่น่าเกรงขามอะไรเลยสินะ บางทีฉันอาจจะต้องกลับไปนึกถึงวิธีการเป็นหัวหน้ากิลด์ที่ดีบ้างแล้ว”
บทความนี้เป็นผลงานชิ้นเอกที่มีชื่อเสียงมากในชาติก่อน เพราะมันเป็นผลงานที่ถูกเขียนขึ้นมาจากหัวหน้ากิลด์หลาย ๆ คนเพื่อช่วยปรับมุมมองให้หัวหน้ากิลด์รุ่นใหม่กลายเป็นหัวหน้ากิลด์ที่ดีในอนาคต
—
“หัวหน้าว่ายังไงบ้าง?” ไป๋ฉือถามหลังจากที่ได้เห็นเซี่ยหยู่เว่ยเดินกลับมา
“อย่าถามเลยฉันว่าเขาไม่ใช่มนุษย์แล้วแต่เป็นปีศาจในร่างมนุษย์ชัด ๆ โชคดีที่ฉันเป็นลูกน้องของเขาเพราะถ้าฉันเป็นศัตรูบางทีฉันคงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
เหล่าบรรดาแกนหลักของกิลด์ต่างก็แสดงสีหน้าออกมาอย่างสับสน เพราะทุกคนไม่คิดว่าหลังจากที่เซี่ยหยู่เว่ยพูดคุยกับลู่หยางเพียงแค่ไม่นาน การกลับมาจะทำให้หญิงสาวประเมินหัวหน้ากิลด์สูงขึ้นไปจากระดับเดิม
ความจริงเรื่องในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่พวกฉิงชางอยากจะถามลู่หยางด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขารู้สึกว่าการทำสงครามแบบนี้มันไม่มีความหมายใด ๆ เลย แต่มันก็ไม่มีใครกล้าถามลู่หยางออกมาตรง ๆ ท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องสุ่มหาตัวแทนไปพูดคุยกับลู่หยาง และคนที่พ่ายแพ้ให้กับการแข่งขันนั่นก็คือเซี่ยหยู่เว่ยนั่นเอง
“ถ้าเซี่ยหยู่เว่ยพูดมาแบบนี้พวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องถามต่อแล้วล่ะมั้ง ฉันเชื่อว่าหัวหน้าจะต้องมีเหตุผลดี ๆ แน่นอน” โคลด์วิลโลว์กล่าว
“ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หัวหน้าก็คงจะบอกรายละเอียดให้กับทุกคนเอง” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
หลังพูดจบร่างของหญิงสาวก็กลายเป็นแสงเทเลพอร์ตกลับไปยังเมืองเซนต์กอลล์ ส่วนคนอื่น ๆ ก็เริ่มทยอยเดินทางกลับเมืองไปเพื่อทำการออกจากเกมด้วยเช่นกัน
—
บ่ายวันรุ่งขึ้น
เมื่อลู่หยางออนไลน์เจียงเจ๋อก็นำจดหมายขอร่วมรบของลูกกิลด์ทั้ง 3,000 คนมาให้ โดยที่เขายังไม่ทันจะได้ออกคำสั่งอะไรเพิ่มเติมเลย
“ฉันทำอะไรไม่ได้จริง ๆ พวกเขาบังคับให้ฉันมา” เจียงเจ๋อกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาแหย่ ๆ
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสนิทกับนายดีนะ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ก็พอจะสนิทกันบ้าง โดยเฉพาะหลังเปลี่ยนอาชีพพวกเขาก็ให้ความเคารพฉันมากยิ่งขึ้น” เจียงเจ๋อกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
เมื่อคืนนี้เจียงเจ๋อมีเลเวลถึง 30 แล้วและเนื่องมาจากเขาคือผู้ถือครองเดธแมสเซนเจอร์ซึ่งเป็นดาบระดับตำนาน มันจึงทำให้เขาได้รับสิทธิ์เปลี่ยนอาชีพเป็นเดดไนท์
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้นายก็นำกำลังพล 3,000 คนเข้ารบเป็นการชั่วคราว แต่จำเอาไว้ว่าห้ามใช้เดธแมสเซนเจอร์หรือสกิลใหม่แม้แต่อย่างเดียว” ลู่หยางกล่าว
“โอ้โห แบบนี้ฉันก็อดอวดความสามารถใหม่เลยนะสิ” เจียงเจ๋อพูดขึ้นมาด้วยความเสียดาย
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงเคาะประตู เพราะหลังจากที่พวกฉิงชางเตรียมกองกำลังเสร็จแล้วพวกเขาจึงเดินเข้ามารายงาน
“ทุกคนมากันพอดีเลย แผนการในวันนี้ของพวกเราคือ…”
ลู่หยางเริ่มอธิบายสิ่งที่เขาได้พูดกับเซี่ยหยู่เว่ยเมื่อวานให้ทุกคนฟังอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะถามเป็นครั้งสุดท้ายขึ้นมาว่า
“ภารกิจของทุกคนคือยับยั้งศัตรูเอาไว้ ทำยังไงก็ได้ให้สงครามในครั้งนี้ยืดเยื้อออกไปให้นานมากที่สุด เข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้ว” เจียงเจ๋อตอบรับอย่างผิดหวัง เพราะท้ายที่สุดเดดไนท์ก็มีสกิลแบบพายุหมุนด้วยเช่นกัน เขาจึงอยากจะลองใช้สกิลพายุหมุนสังหารศัตรูในสนามรบด้วยตัวเองดู แต่ใครจะไปคิดว่าในครั้งนี้ลู่หยางกลับออกคำสั่งห้ามเอาไว้ซะก่อน
การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นในช่วงเย็นอีกครั้งลากยาวไปจนถึงช่วงกลางดึก คราวนี้ฉือมู่สามารถนำกองกำลังตั้งรับอย่างเหนียวแน่น ซึ่งมันก็สมแล้วที่เพอร์เพิลโกลด์เดสตินี่เป็นกิลด์ขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถดูถูกได้ง่าย ๆ
ขณะเดียวกันสาเหตุที่เดธโซลและบลัดเติสตี้ไม่สามารถบุกทะลวงเข้ามาได้ นั่นก็เพราะว่าสกายซอร์ทไม่ได้ทำตามคำสั่งของแบล็คบลัดตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นคืนนี้ป้อมปราการก็คงจะตกเป็นของฝ่ายเดธโซลแล้ว
“ไม่เป็นไร คืนนี้พวกเราพลาดกันไปเพียงแค่นิดเดียว พรุ่งนี้พวกเราค่อยแก้ไขกันใหม่” แบล็คบลัดพูดให้กำลังใจ
“ใช่แล้ว ทุกคนต้องอดทนกันเอาไว้ พวกเราต้องห้ามยอมแพ้ในเวลาแบบนี้เป็นอันขาด” บลัดไทแรนท์กล่าว
…
การต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ในวันที่ 5 พวกเขาก็ยังคงเผชิญหน้ากันแบบเดิม
วันที่ 6...
วันที่ 7…
ช่วงบ่ายของวันที่ 8 หลังจากที่ลู่หยางเข้ามาภายในเกม ฉือมู่ก็ดึงเขาเข้าไปในพื้นที่พิเศษ
“มีอะไรเหรอครับ?” ลู่หยางถาม
ฉือมู่ถอนหายใจพร้อมกับพูดว่า
“น้องชาย ฉันอยากจะปรึกษาเรื่องหนึ่ง หากเราต้องการจะหยุดสงครามในครั้งนี้ นายจะมีปัญหาอะไรไหม?”
“เดธโซลยอมแพ้แล้วเหรอครับ?” ลู่หยางถามด้วยความประหลาดใจ
“เมื่อกี้แบล็คบลัดกับบลัดไทแรนท์ขอให้โซลออฟอีเทอนิตี้ หัวหน้ากิลด์ดีวายโซลกับหลิวเซี่ยฮุย เจ้าของหอเฟิ่งเซียนมาช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องสงครามกับฉันและฉงป้าด้วยบอกว่าพวกเขาอยากจะหยุดสงครามในครั้งนี้เอาไว้เป็นการชั่วคราว”
“โซลออฟอีเทอนิตี้?!” ลู่หยางอุทานด้วยแววตาอันเยือกเย็น เพราะชายคนนี้คือหนึ่งในศัตรูเก่าตั้งแต่ชาติที่แล้วของเขา ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็น 1 ใน 6 กิลด์ใหญ่ภายใต้การนำทัพของลิ่วเจีย ลู่หยางจึงไม่คิดว่าจะได้พบกับโซลออฟอีเทอนิตี้เร็วขนาดนี้
อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของโซลออฟอีเทอนิตี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะอีกฝ่ายอยู่ในเมืองซีเอ็มเพอเรอร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เมืองหลักของเผ่ามนุษย์และเป็นเมืองหลักที่อยู่ใกล้กับเมืองเซนต์กอลล์มากที่สุดอีกด้วย
“แล้วพวกคุณคิดว่ายังไง?” ลู่หยางถาม
“พูดตรง ๆ นะน้องชายว่าฉันไม่สามารถยืดเยื้อสงครามออกไปได้อีกแล้ว ดังนั้นฉันจึงตอบตกลงพวกเขาไป” ฉือมู่กล่าวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“ฉันก็คิดแบบเดียวกัน พวกเราเสียเวลาอยู่ที่นี่กันมานานมากแล้ว” ฉงป้ากล่าว
“แล้วเงื่อนไขในการหยุดสงครามคืออะไรครับ?” ลู่หยางถาม
“ตอนนี้มีการค้นพบป้อมปราการอีกแห่งทางทิศตะวันตกของเมืองเซนต์กอลล์ แบล็คบลัดกับบลัดไทแรนท์จึงยื่นข้อเสนอเข้ามาว่าพวกเขาจะไม่โจมตีป้อมปราการฟลาวเวอร์ของเราแล้วพวกเราก็จะต้องไม่ไปโจมตีป้อมปราการที่พวกเขาพึ่งค้นพบใหม่ด้วย” ฉือมู่กล่าวอย่างอึดอัด
พื้นที่เก็บเลเวลของลู่หยางอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง ดังนั้นถ้าหากว่ามันมีการค้นพบป้อมปราการบริเวณนี้ มันก็สมควรจะต้องตกเป็นป้อมปราการของลู่หยาง เพราะมันคือสิ่งที่พวกเขาได้ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ผลประโยชน์ที่ควรจะเป็นของลู่หยางกลับถูกฉือมู่และฉงป้าขายให้กับแบล็คบลัดและบลัดไทแรนท์ ด้วยเหตุนี้ลู่หยางจึงตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ในเมื่อพวกคุณตัดสินใจกันแล้วยังจะมาถามผมอีกทำไม?”
เหตุการณ์ในปัจจุบันทำให้ฉือมู่เริ่มรู้สึกอึดอัดจนพูดไม่ออก
“น้องชายเรื่องนี้มันเป็นเพียงแค่มาตรการชั่วคราว ฉันสัญญาว่าหลังจากที่เราฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับมาได้แล้วเราจะช่วยนายบุกยึดป้อมปราการกลับมาอย่างแน่นอน” ฉงป้ากล่าว
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพื่อเป็นการชดเชยฉันจะให้บลูปริ้นชุดเซ็ตระดับแพลตตินั่มเลเวล 30 ของโจร 1 ชุด, อัญมณีระดับ 3 จำนวน 5,000 เม็ด, อัญมณีระดับ 1 จำนวน 30,000 เม็ดและหนังหมีโลหิตอีก 30,000 ชุด” ฉือมู่กล่าว
ลู่หยางทำได้เพียงถอนหายใจอย่างจนปัญญา ก่อนที่เขาจะพูดออกไปว่า
“ในเมื่อพวกคุณยอมพูดกันขนาดนี้ ผมก็ทำได้เพียงแต่จะต้องยอมรับมันให้ได้เท่านั้น”
หวังว่าข่าวเรื่องป้อมปราการคริมสันจะยังเป็นความลับอยู่
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 214
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น