บทที่ 257: หุบเขาหมอเทวดายากจนขนาดนั้นเลยหรือ?
“ทำไมท่านยังยืนบื้ออยู่ตรงนี้อีกล่ะ!” มู่ไป๋ไป่เห็นชายคนนั้นยังคงยืนอยู่กับที่ เธอจึงรีบเข้าไปผลักเขาอย่างหมดความอดทน “เร็วเข้า อย่ามัวแต่ชักช้า ถ้าท่านต้องมาตายในอาณาเขตของหุบเขาหมอเทวดาของเรา แบบนี้มันจะไม่ทำให้หุบเขาหมอเทวดาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงหรอกหรือ?”
ขณะที่ทั้ง 2 กำลังพูดคุยกัน ชายหญิงคู่หนึ่งที่แต่งตัวในเครื่องแบบของสำนักตระกูลถังก็ร่อนลงมาในป่าขวางทางชายหนุ่มเอาไว้
“ข้าก็คิดอยู่ว่าวันนี้เจ้ายังมีชีวิตรอดอยู่ได้อย่างไรหลังจากถูกสำนักตระกูลถังของเราวางยาพิษ ที่แท้เจ้าก็ได้รับความช่วยเหลือจากคนของหุบเขาหมอเทวดานี่เอง”
“นี่แม่สาวน้อย เพื่อเห็นแก่ที่เจ้าเป็นคนของหุบเขาหมอเทวดา พวกเราจะละเว้นเจ้า ดังนั้นเจ้าจงอย่าได้มาขวางทางเรา”
ชายหญิงคู่นั้นมีหน้าตาเกือบจะเหมือนกันทุกประการ หากจะพูดให้ถูกก็คือ จริง ๆ แล้วพวกเขาเป็นฝาแฝดกัน
มู่ไป๋ไป่ทำหน้าประหลาดใจขณะที่ถามว่า “พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ามาจากหุบเขาหมอเทวดา เช่นนั้นพวกเจ้าคงจะรู้กฎของหุบเขา ตอนนี้เขาเป็นคนไข้ของหุบเขาหมอเทวดาแล้ว พวกเจ้าคิดว่าข้าจะยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”
หญิงสาวเอามือเท้าเอวข้างหนึ่งแล้วยกนิ้วโป้งชี้ไปยังชายที่อยู่ด้านหลังราวกับว่าเธอต้องการจะปกป้องเขา ซึ่งมันถือเป็นเรื่องแปลกตามากสำหรับเขา
“แม่สาวน้อย ฟังจากน้ำเสียงของเจ้า เจ้าก็ไม่ใช่เด็กแล้ว” สตรีจากสำนักตระกูลถังหัวเราะ ก่อนที่ดวงตาของนางจะเปลี่ยนเป็นดุดันทันที “ท่านพี่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเราไม่ฆ่านางด้วยล่ะ?”
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของหุบเขาหมอเทวดาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มันทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และค่อย ๆ ไปบดบังชื่อเสียงของสำนักตระกูลถังที่อยู่ในยุทธภพมานาน
ดังนั้นคนของสำนักตระกูลถังจึงรู้สึกไม่พอใจหุบเขาหมอเทวดามากขึ้น แล้วพวกเขาก็อยากจะบ่งหนามที่ยอกอกนี้ออกนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของหุบเขาหมอเทวดานั้นเป็นไปในทางที่ดีมากจนจอมยุทธ์ในยุทธภพเกินครึ่งหนึ่งได้รับการช่วยเหลือจากคนของที่นี่ ดังนั้นไม่ว่าสำนักตระกูลถังจะทำอย่างไร พวกเขาก็ไม่สมปรารถนา
“น้องสาว อย่าได้กระทำการประมาท” ‘ถังฉี’ พูดพลางหรี่ตาลง “ภารกิจของเราในวันนี้คือการจับตัวชายคนนี้กลับไป เราไม่จำเป็นจะต้องมีปัญหากับหุบเขาหมอเทวดา”
ปัจจุบันมีการจัดงานชุมนุมจอมยุทธ์ และคนของสำนักตระกูลถังก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน
หากพวกเขาฆ่าคนของหุบเขาหมอเทวดาในเวลานี้ สำนักตระกูลถังคงจะเกิดเรื่องยุ่งยากต่อหน้าทุกคนในงานชุมนุมจอมยุทธ์อย่างแน่นอน
“ฮึ! ในเมื่อท่านพี่พูดเช่นนั้น ข้าก็จะไว้ชีวิตผู้หญิงคนนี้” ‘ถังเหยา’ แค่นเสียงเย็นชาในลำคอ “แม่สาวน้อย เจ้าได้ยินหรือไม่ ถ้าเจ้าไม่รีบหลบไปให้พ้นทางเร็ว ๆ นี้ ข้าก็ไม่รับประกันว่าชีวิตของเจ้าจะปลอดภัยหรือไม่”
“เราไม่เคยขัดขวางหุบเขาหมอเทวดาของเจ้าที่ทำตัวเป็นพระโพธิสัตว์ช่วยชีวิตผู้คนทุกอย่าง”
“แต่สำหรับคนผู้นี้เป็นข้อยกเว้น เจ้าจะช่วยเขาไม่ได้!”
“พวกเจ้าบอกไม่ให้ช่วยแล้วข้าก็ต้องไม่ช่วยอย่างนั้นหรือ? นั่นจะไม่ล้ำเส้นกันไปหน่อยหรืออย่างไร?” มู่ไป๋ไป่เชิดคางขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว “วันนี้ข้าเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน มาดูกันว่าใครกันแน่ที่ควรต้องถอย”
“ถ้าเจ้ามีความสามารถก็เข้ามา!”
ขณะที่หญิงสาวพูด เธอก็คว้าแส้ที่อยู่ตรงเอวมาเตรียมพร้อมต่อสู้
แส้นี้เป็นของขวัญที่ท่านพี่รัชทายาทมอบให้เมื่อ 2 ปีก่อน เขาบอกว่าแส้เส้นนี้ถูกทำขึ้นมาโดยปรมาจารย์ที่เก่งกาจที่สุดของสำนักเสวียนเถี่ย
เนื่องจากร่างกายของเธออ่อนแอและกำลังภายในไม่มั่นคง แต่ถึงกระนั้น เธอก็สามารถใช้แส้ทำลายก้อนหินได้อย่างง่ายดายโดยการฟาดครั้งเดียว
นี่เรียกได้ว่าเป็นอาวุธวิเศษเลยทีเดียว
“แม่สาวน้อย พูดดี ๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลังสินะ ในเมื่อเจ้าคิดรนหาที่ตายเอง เช่นนั้นข้าก็ขอไม่ปรานี” ถังเหยาทำหน้าเย็นชาและพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้
คนของสำนักตระกูลถังนั้นเก่งในการใช้อาวุธเคลือบยาพิษ มู่ไป๋ไป่ที่รู้จุดนี้ดีจึงระวังตัวเอาไว้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เธอยังคงประเมินฝีมือของตัวเองสูงเกินไป
ถึงแม้ว่าเธอจะได้เรียนรู้วิชามากมายจากอวี้เซิ่งในตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่เธอก็ไม่มีประสบการณ์การต่อสู้จริง ๆ สักครั้ง
ดังนั้นภายในไม่กี่กระบวนท่า เธอก็เริ่มเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ในขณะนั้นเอง พอชายชุดดำเห็นว่าคนจากสำนักตระกูลถังกำลังจะปลิดชีวิตหญิงสาวคนนั้น เขาก็เคลื่อนไหวทันที
มู่ไป๋ไป่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าวิชาตัวเบาของชายหนุ่มจะดีมากขนาดนี้ เธอแทบไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเคลื่อนไหวอย่างไรในตอนที่เธอเห็นศัตรูที่อยู่ตรงหน้าถูกฝ่ามือของเขากระแทกออกไป
ปัง!
“ไป” หลังจากที่ร่างสูงพูดเช่นนั้นกับเธอเบา ๆ เธอก็ถูกเขาดึงออกจากป่า
ทางด้านมู่ไป๋ไป่อ้าปากจะบอกทางเข้าหุบเขาหมอเทวดาให้กับอีกฝ่าย
เพราะถึงอย่างไรที่ทางเข้าหุบเขาหมอเทวดาก็มีค่ายกลอยู่ เธอสามารถเปิดค่ายกลและขวางคนของสำนักตระกูลถังทั้ง 2 เอาไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่หญิงสาวเปิดปาก ลมกระโชกแรงก็พัดเข้ามาเต็มปากของเธอ
มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนพูดไม่ออก
วิชาตัวเบาของผู้ชายคนนี้ล้ำเลิศมาก ล้ำเลิศเสียจนมู่ไป๋ไป่สงสัยว่าอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาเมื่อครู่เป็นการเสแสร้งหรือไม่
ทว่าในตอนที่เธอพยายามสัมผัสชีพจรของอีกคน ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ จากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นแล้วหมดสติไปทั้งแบบนั้น
“หา?” สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้มู่ไป๋ไป่ตกตะลึง “ไม่นะ ท่านจะล้มอยู่ในสถานที่แบบนี้ไม่ได้ ทำไมไม่บอกกันสักหน่อยเล่า!”
หญิงสาวมองไปที่ป่าทึบรอบ ๆ ตัวเอง จากนั้นก็ถอนหายใจหนัก ๆ และลุกขึ้นเพื่อลากคนไม่ได้สติเข้าไปในป่าลึกมากกว่าเดิม
เพราะไม่เช่นนั้นถ้าคนของสำนักถังทั้ง 2 ตามมาทัน พวกเธอคงจะถูกค้นพบทันที
การหลบหนีเมื่อครู่นี้ทำให้พละกำลังของชายหนุ่มหมดลง คราวนี้มู่ไป๋ไป่ได้เอื้อมมือไปสัมผัสชีพจรของเขา แต่เขากลับไม่ตอบสนองอีกเลย
“ชิ… อาการบาดเจ็บภายในบวกกับพิษ…” มู่ไป๋ไป่พิจารณาชีพจรของอีกฝ่าย “พี่น้องสำนักตระกูลถังพูดถูกจริง ๆ ทำไมท่านยังสามารถหนีมาถึงหุบเขาหมอเทวดาได้หลังจากที่ถูกพิษนี้เข้าไป ช่างโชคดีจริง ๆ”
“แล้วโชคอีกต่อหนึ่งก็คือ วันนี้ท่านได้พบกับลูกศิษย์สายตรงของหมอเทวดาอันดับ 1 ในใต้หล้า”
“ถ้าท่านไปพบคนอื่น ข้าไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าเขาจะรักษาท่านให้หายได้หรือไม่”
มู่ไป๋ไป่พูดแล้วหยิบถุงใส่ยาออกมา จากนั้นก็ยัดยาอีก 2-3 เม็ดเข้าไปในปากของชายคนนั้น
ในไม่ช้าผิวซีดขาวของเขาก็ดูดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“จุ๊ ๆ คนผู้นี้หน้าตาดีมากจริง ๆ” มู่ไป๋ไป่นั่งมองสำรวจใบหน้าของชายหนุ่มด้วยสีหน้าเฉยเมย “ถ้าหน้าตาแบบนี้แล้วเกิดในยุคของข้า เขาคงจะได้เป็นคนดังไปแล้ว”
“เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็เนื้อดีมากเช่นกัน ครอบครัวของเขาจะต้องร่ำรวยมากแน่ ๆ”
หญิงสาวพูดพลางคอยเอานิ้วเขี่ยชายคนนั้นโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายที่เคยหมดสติค่อย ๆ ขมวดคิ้ว
พอมู่ไป๋ไป่กำลังจะแตะที่เอวของชายตรงหน้า ในที่สุดข้อมือของเธอก็ถูกเขาคว้าไว้อีกครั้ง
คราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้ออกแรงกำมากนัก “ในหุบเขาหมอเทวดามีสตรีไร้ยางอายอยู่ด้วยหรือ?”
“ท่านตื่นแล้ว!” หญิงสาวมองชายคนนั้นด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าเขาเพิ่งพูดอะไรออกมา เธอจึงขมวดคิ้วทันที “สตรีไร้ยางอายที่ไหน? ข้ากำลังตรวจร่างกายของท่านอยู่”
“ท่านไม่เคยให้หมอตรวจหรืออย่างไร?”
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าท่านมีอาการบาดเจ็บอื่น ๆ ที่ข้าไม่รู้ ทำให้ไม่ได้รับการรักษาทันกาล เช่นนี้ท่านก็เอาไปเที่ยวพูดกับคนอื่นได้ว่าหมอในหุบเขาหมอเทวดานั้นไม่ได้เก่งกาจเหมือนที่เขาร่ำลือกัน!”
มู่ไป๋ไป่พูดเหมือนกับว่าสิ่งที่เธอพูดมาเป็นความจริง
ทำให้ชายหนุ่มยอมปล่อยมือ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิเพื่อปรับลมหายใจของตัวเอง
ทันทีที่ทุกอย่างเงียบลง มู่ไป๋ไป่ก็กลับมากระสับกระส่ายอีกครั้ง เธออดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “นี่ ท่านไปทำอะไรให้สำนักตระกูลถังโกรธเข้าหรือ คนของสำนักตระกูลถังถึงได้วางยาพิษท่าน แล้วยานั้นก็ไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะ”
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมองคนถามนิ่ง ๆ ก่อนจะถามกลับไปว่า “หุบเขาหมอเทวดายากจนขนาดนั้นเลยหรือ?”
“บ้า กล้าดีอย่างไรถึงมาว่าหมอของหุบเขาหมอเทวดาของเรา” มู่ไป๋ไป่จ้องอีกฝ่ายเขม็ง “ข้าสังเกตมาสักพักแล้ว ท่านนี่มันปากเปราะ ท่านคงไปพูดจาไม่เข้าหูคนอื่น…”
พอหญิงสาวคิดถึงคนที่ไม่ยอมตอบจดหมายเธอมามากกว่า 10 ปี เธอก็กัดริมฝีปากตัวเองก่อนจะถอนหายใจเสียงดัง
ลืมมันไปเสีย เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นไม่สมควรให้เธอต้องคิดถึงอีกต่อไป
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: น้องคิดถึงเซียวถังอี้! พ่อหนุ่มนั่นก็ช่างใจร้ายไม่ตอบกลับน้องเลย แล้วพ่อหนุ่มคนนี้จะใช่อย่างที่เราคิดรึเปล่าน้า
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 211
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น