ตอนที่ 974 วิวัฒนาการครั้งที่ 7
ตอนที่ 974 วิวัฒนาการครั้งที่ 7
ตูม!
เมื่อคมดาบเสี้ยวจันทร์ที่เกิดจากกฎแห่งความโกลาหลปะทะเข้ากับลูกธนูที่เกิดขึ้นมาจากการรวมพลังของกฎทั้งสาม มันก็ก่อให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ในจักรวาลที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างไปจากการเกิดบิกแบง
เมื่อกฎแห่งมิติระเบิดออกมันจะเริ่มควบคุมมิติโดยรอบ จากนั้นกฎแห่งสสารจะบิดเบือนสสารทั้งหมดในบริเวณนั้น เรียกได้ว่าการระเบิดสองชนิดแรกนี้ปิดผนึกการหลบหนีไปโดยสมบูรณ์ และในที่สุดกฎแห่งแสงที่ระเบิดในขั้นตอนสุดท้ายก็จะทำหน้าที่เป็นมือสังหาร
การโจมตีของฟูลมูนรุนแรงมากจนทำให้จอมกฎเป็นจำนวนมากเสียชีวิตภายใต้ลูกศร 3 กฎ ตำแหน่งมือสังหารอันดับ 1 จึงยังคงอยู่ในมือฟูลมูนมาหลายร้อยปี นั่นก็เพราะว่ามันยังไม่มีใครสามารถรอดพ้นไปจากการโจมตีอันรุนแรงนี้ได้นั่นเอง
แต่ในกรณีของเซี่ยเฟยมีความแตกต่างจากนักรบคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง เพราะกฎแห่งความโกลาหลที่เขาใช้มันไม่ใช่กฎทั่วไปที่สามารถหาพบได้ในจักรวาล ยิ่งไปกว่านั้นพลังของกฎแห่งความโกลาหลยังแปลกประหลาด เพราะมันสามารถลบล้างหรือบิดเบือนพลังของผู้อื่นได้
ดาบเสี้ยวจันทร์จากกฎแห่งความโกลาหลเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าพลังของลูกศร 3 กฎนี้ทรงพลังมากแค่ไหน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝั่งของกฎแห่งความโกลาหลจะตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด แต่มันกลับสามารถหยุดยั้งลูกศร 3 กฎเอาไว้ได้จริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นลูกศรอันทรงพลังยังค่อย ๆ บิดเบี้ยวตามเวลาผ่านพ้นไปเรียกได้ว่าตัวลูกศรกำลังถูกผ่าแยกออกจากตรงกลาง
“ทำลายมันไปซะ!” เซี่ยเฟยร้องคำรามดังลั่นด้วยแววตาอันเยือกเย็น
“เป็นไปไม่ได้!! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?!” ฟูลมูนมองไปยังภาพตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เมื่อได้พบว่าลูกศร 3 กฎที่เขาภาคภูมิใจกำลังถูกผ่าแยกออกจากตรงกลาง
หากเขาไม่ได้มาเห็นเหตุการณ์นี้ด้วยตาของตัวเอง เขาย่อมไม่มีทางเชื่อถือสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ในระหว่างนั้นความมั่นใจที่เคยมีมาตลอดก็เริ่มสั่นไหว เพราะมันไม่เคยมีใครสามารถหยุดลูกศรของเขาเอาไว้ได้เหมือนกับเซี่ยเฟย
นี่คือพลังของกฎแห่งความโกลาหล พลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้อยู่เสมอ การดำรงอยู่ของมันถือได้ว่าเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดในจักรวาล แต่มันก็เป็นพลังที่สามารถรักษาสมดุลย์ของจักรวาลนี้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ต้องขอบคุณความพยายามที่เขาเลื่อนระดับกฎแห่งความโกลาหลได้จนถึงขั้นที่ 5 ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น ไม่อย่างนั้นพลังของกฎแห่งความโกลาหลขั้นที่ 4 ก็อาจจะไม่สามารถหยุดยั้งลูกศร 3 กฎของฟูลมูนเอาไว้ได้
แน่นอนว่าส่วนที่ช่วยส่งเสริมให้กฎแห่งความโกลาหลสามารถแสดงพลังออกมาได้มากขนาดนี้ นั่นก็เพราะว่ามันได้รับพลังมาจากเม็ดพลังงานภายในสมองของชายหนุ่มด้วย เรียกได้ว่าหากขาดองค์ประกอบอื่นใดไปมันย่อมไม่สามารถแสดงผลลัพธ์เช่นนี้ออกมาได้เลย
การโต้กลับได้เพียงครั้งเดียวเสริมความมั่นใจของเซี่ยเฟยได้เป็นอย่างมาก เพราะข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าลูกศร 3 กฎของศัตรูไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับเขาเลย สถานการณ์ระหว่างสองฝ่ายจึงยังคงเสมอกัน และผู้ที่จะสามารถเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ได้สำเร็จนั่นก็คือผู้ที่มีความเหี้ยมโหดมากกว่า
เมื่อดาบเสี้ยวจันทร์แยกลูกศร 3 กฎออกจากกัน มันก็เริ่มพุ่งไปหาฟูลมูนในระยะไกล ในเวลาเดียวกันนั้นเซี่ยเฟยก็ใช้พลังของกฎแห่งความโกลาหลเป็นจุดดึงดูดสายตา เพื่อใช้ความเร็วแอบเข้าหาชายชราอย่างเงียบ ๆ
ความพ่ายแพ้ของลูกศร 3 กฎทำให้ฟูลมูนอารมณ์เสียมาก เพราะใครจะไปคิดว่าราชันย์ขั้นต้นจะสามารถต่อกรกับเขาได้นานขนาดนี้ และถ้าหากเรื่องราวในปัจจุบันแพร่งพรายออกไปแล้วเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปพบเจอคนอื่น
ธนูผนึกสวรรค์ถูกยกขึ้นอีกครั้ง ซึ่งถ้าหากว่าลูกศรลูกเดี่ยวไม่สามารถทำลายกฎแห่งความโกลาหลได้ เขาก็ไม่เชื่อว่าลูกศร 3 ดอกจะไม่สามารถทำลายพลังปริศนานี้ได้จริง ๆ
ในเวลาเดียวกันแววตาของฟูลมูนก็ส่องประกายออกมาอย่างเยือกเย็น ก่อนที่เขาจะวาดมือซ้ายออกไปเป็นครึ่งวงกลม และใช้แขนขวาดึงแสงดาวอันเปล่งประกายบริเวณโดยรอบมาปกคลุมตัว
“ดาบลับพิฆาต! ที่แท้ชายคนนี้ก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญ 3 กฎเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนของตระกูลดาบพิฆาตอีกด้วย!!” ลินนิจอุทานขึ้นมาเสียงดัง
ดาบลับพิฆาตคือหนึ่งในดาบที่เคยอยู่ทางฝั่งของเผ่าเทพ และถึงแม้ว่าดาบเล่มนี้จะไม่ได้มีความน่ากลัวเหมือนกับดาบคลั่งสกายวิง แต่พวกเขาก็เป็นตัวตนที่ไม่ควรประมาทเลยแม้แต่นิดเดียว
ความน่ากลัวของดาบเล่มนี้คือคำว่าลับ เพราะเมื่อพวกเขาดึงแสงสว่างเข้ามาปกคลุมตัว คนจากตระกูลนี้จะสามารถอำพรางตัวอยู่ท่ามกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่ได้
แม้ภายนอกจะดูเหมือนว่าฟูลมูนยังคงอยู่ภายใต้แสงดาวที่พร่างพราว แต่เซี่ยเฟยรู้ดีว่าอีกฝ่ายได้ลอบเร้นไปยังที่อื่นแล้ว
ศัตรูที่มองไม่เห็นคือศัตรูที่อันตรายที่สุด!
ฟูลมูนสามารถที่จะปรากฏการณ์ขึ้นมาจากที่ไหนก็ได้ตลอดเวลา และการปรากฏตัวในครั้งนั้นมันก็อาจจะมาพร้อมกับการโจมตีที่ทำให้ถึงตาย
ดวงตาของเซี่ยเฟยเบิกกว้างขึ้นอีกครั้งพร้อมกับการเปิดใช้งานวิชาเนตรมนตราอย่างสุดกำลัง
ชายหนุ่มกวาดสายตามองพื้นที่รอบ ๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อพยายามมองหาสถานที่ที่ฟูลมูนมีโอกาสจะไปซ่อนตัวอยู่มากที่สุด
วินาทีต่อมาประกายแสงดาบสีขาวซีดก็ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันเล็งไปยังซี่โครงบริเวณด้านขวาของเซี่ยเฟย ซึ่งเป็นจุดป้องกันที่อ่อนแอที่สุดในเวลานี้
เมื่อดาบของศัตรูเข้ามาใกล้ จู่ ๆ หงส์ครามก็ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นมันก็ใช้ใบหญ้าทั้งเจ็ดจู่โจมเข้าใส่ศัตรูและใช้ใบหญ้าอีกใบอ้อมไปด้านหลังเพื่อจับขาชายชราเอาไว้
การป้องกันลูกศร 3 กฎเมื่อสักครู่ทำให้หงส์ครามได้รับบาดเจ็บสาหัสไปจริง ๆ แต่มันก็คือวัชพืชที่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างรวดเร็ว การได้พักในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ จึงเพียงพอแล้วที่จะทำให้มันสามารถกลับเข้าสู่สนามรบได้อีกครั้งหนึ่ง
อาวุธชั้นยอดกับอาวุธมายาปะทะกันอย่างรุนแรง ก่อนที่การลอบโจมตีของฟูลมูนจะถูกป้องกันเอาไว้ด้วยหงส์ครามได้สำเร็จ
เล่ห์กายา!
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยก็เคลื่อนที่อ้อมไปด้านหลัง ก่อนที่เขาจะยกเนอร์วาน่าขึ้นมาเพื่อจู่โจม
—
ระหว่างที่เซี่ยเฟยกับฟูลมูนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ขนอุยก็กำลังกินพลังงานอย่างอิ่มหนำสำราญ
แสงสีขาวเคลื่อนที่จากเสาหินทั้งเจ็ดไปรวมตัวอยู่ยังจุดเดียว และจุดนั้นก็ไม่ใช่จุดอื่นใดเลยนอกเสียจากปากของอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยนั่นเอง
พลังงานปริมาณมหาศาลถูกดูดกลืนอย่างรวดเร็ว แต่ขนอุยก็ทำตัวเป็นเหมือนกับมหาสมุทรพลังงานที่อาหารเหล่านี้ไม่สามารถเติมเต็มกระเพาะของมันได้ง่าย ๆ
ทั้งโมฮาและซูย่าต่างก็มองไปยังภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง เพราะพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งอสูรที่ถูกกักขังอยู่ในเขตอาคมจะกำลังกลืนกินพลังงานจากเขตอาคมอยู่จริง ๆ
“นี่มันกำลังพยายามกลืนกินพลังงานทั้งหมดเข้าไปในท้องของมันงั้นเหรอ? ในเขตอาคมมันมีหัวใจจักรวาลอยู่เกือบ 10 ล้านชิ้นเชียวนะ?!” ซูย่าอุทานขึ้นมาอย่างตกใจ
ใบหน้าของโมฮาเริ่มปรากฏความกังวล ท้ายที่สุดเขตอาคมก็ทำงานด้วยพลังงาน ตราบใดก็ตามที่พลังงานถูกดูดซับไป มันก็มีแนวโน้มที่ขนอุยจะสามารถหลบหนีออกไปได้ด้วยเช่นกัน
แหวะ!
ทันใดนั้นภาพอันหน้าตกตะลึงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เพราะดูเหมือนว่าขนอุยจะกลืนกินพลังงานเข้าไปมากเกินไป มันจึงเริ่มอาเจียนพลังงานบางส่วนออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ฮ่า ๆ ๆ ดูมันสิ! ดูเหมือนมันจะกินไม่ไหวแล้ว แต่มันก็ยังพยายามกลืนกินพลังงานเข้าไปอยู่ มันคิดว่ามันสามารถกลืนกินพลังงานทั้งหมดเข้าไปได้หรือยังไง ระวังกินมากไปแล้วท้องจะแตกตายเอานะ!” ซูย่าใช้มือข้างหนึ่งจับท้องและใช้มืออีกข้างชี้ไปยังขนอุยราวกับว่ามันเป็นมนุษย์
“มันแค่พยายามดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้นแหละ ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่มีทางกลืนกินพลังงานปริมาณมหาศาลขนาดนั้นเข้าไปได้หรอก” โมฮากล่าวด้วยแววตาที่เหยียดหยาม
ทันทีที่เขาพูดจบทั่วทั้งร่างของขนอุยก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสว่าง และเมื่อแสงสว่างได้จางหายไป ร่างของเจ้าตัวน้อยก็หายไปจากตำแหน่งเดิมด้วยเช่นกัน
“มันหนีไปแล้วงั้นเหรอ!?” ซูย่าอุทานขึ้นมาอย่างตกใจ
โมฮามองภาพตรงหน้าอย่างสับสนด้วยเช่นกัน แต่เขาก็ไม่เห็นขนอุยอยู่ในเขตอาคมแล้วจริง ๆ อย่างไรก็ตามเขตอาคมสวรรค์กลืนอสูรก็ยังไม่ได้รับความเสียหาย เขาจึงไม่เข้าใจว่าเจ้าตัวน้อยหลบหนีออกไปได้ยังไงกันแน่
ในระหว่างที่ 1 คน 1 อสูรร้ายกำลังสับสน ดาวตกจากฟากฟ้าก็พุ่งลงมาบนพื้นอย่างรุนแรง
โมฮามองภาพตรงหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว เพราะเขตอาคมที่เขาภาคภูมิใจกลับถูกขนอุยย่ำยีไม่เหลือชิ้นดี ทั้ง ๆ ที่เขามั่นใจว่าเขตอาคมนี้สามารถกักขังอสูรทุกชนิดเอาไว้ได้ แต่ขนอุยกลับเข้าออกเขตอาคมของเขาตามอำเภอใจ มันจึงทำให้เขารู้สึกอับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อิ้ว!
เจ้าตัวน้อยส่งเสียงร้องคำราม ก่อนที่มันจะกระโดดขึ้นมาจากหลุมอุกกาบาต จากนั้นมันก็ใช้ดวงตาน้อย ๆ กวาดมองพื้นที่โดยรอบอย่างเย็นชา
อย่างไรก็ตามภาพที่ปรากฏต่างก็ทำให้โมฮาและซูย่าอ้าปากค้างขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะหลังจากที่ขนอุยได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง รูปร่างของมันก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยในตอนนี้ขนสีขาวทั่วทั้งร่างของเจ้าตัวน้อยมีความแหลมคมราวกับเข็มเหล็ก ทำให้โดยรวมแล้วมันดูคล้ายกับปลาปักเป้าที่กำลังมองหาศัตรูอย่างบ้าคลั่ง
ปิ้ว!
ต่อมาขนอุยก็เริ่มยิงสิ่งที่คล้ายกับกระสุนปืนออกมาจากปาก ซึ่งกระสุนแต่ละนัดก็ทำให้เขตอาคมสวรรค์กลืนอสูรสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง
นี่คือรูปแบบการวิวัฒนาการครั้งที่ 7 ของอสูรศักดิ์สิทธิ์มารขาว พลังของการวิวัฒนาการนี้คือการยิงกระสุนพลังงานอันรุนแรงออกมาอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าเขตอาคมกำลังจะตกอยู่ในอันตราย แต่โมฮาก็ไม่สามารถที่จะใช้กระแสจิตเพื่อเข้าควบคุมขนอุยได้เลย เพราะเขตอาคมขัดขวางทุกอย่างไว้ เนื่องจากการที่มันป้องกันไม่ให้ขนอุยออกมาได้ มันก็เป็นการป้องกันไม่ให้โมฮาส่งพลังเข้าไปด้านในด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ผู้ควบคุมสัตว์อสูรที่เก่งกาจที่สุดในดินแดนดาร์คไนท์จึงทำได้เพียงแต่เฝ้ามองดูเขตอาคมสุดรักโดนจู่โจมอย่างต่อเนื่องเท่านั้น และในที่สุดเขตอาคมสวรรค์กลืนอสูรที่เขาใช้เวลาสร้างมาทั้งชีวิตก็พังทลายลงไปต่อหน้าต่อตาของเขาเอง
หลังจากขนอุยวิวัฒนาการได้เพียงแค่ 3 นาที มันก็สามารถทำลายเขตอาคมที่กักขังมันได้สำเร็จ จากนั้นมันก็ส่งเสียงร้องคำรามและพุ่งตัวเข้าไปหาศัตรูที่กล้าจับตัวมันมาขังในที่แห่งนี้
***************
ขนอุยโมโหหิว ดูดพลังงานให้หมด! หวังว่าพี่เฟยจะทันมาดูดเลือดกับเอาดอกบัวห้วงสมุทรทันนะ…
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 318
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น