ตอนที่ 786 คนแรกในประวัติศาสตร์
ตอนที่ 786 คนแรกในประวัติศาสตร์
กฎแห่งความเร็วซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสกายวิงนั้นไม่เพียงแต่จะมีวิธีการฝึกฝนที่ยากมากที่สุดเท่านั้น แต่ผลลัพธ์ของมันยังเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในจักรวาลอีกด้วย
การพยายามฝึกฝนระหว่างการวิ่งด้วยความเร็วสูงถือว่าเป็นเรื่องที่บ้ามาก แต่วิธีการฝึกแบบนี้มันก็สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกของสกายวิง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของความบ้าไปทั่วทั้งจักรวาล
เซี่ยเฟยทุ่มเทกับการฝึกฝนอย่างหนักจนลืมเลือนไปแม้กระทั่งเรื่องของเวลา เพราะประสบการณ์ในการฝึกฝนเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์อันแปลกประหลาดที่เขายังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
เมื่อเริ่มฝึกฝนชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงความยากลำบากสำหรับการฝึกในระหว่างการวิ่งด้วยความเร็วสูงทันที เนื่องจากในระหว่างที่เขาออกวิ่งเขาก็จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับสมดุลย์ของร่างกายและสิ่งกีดขวางที่อยู่โดยรอบ มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะแบ่งสมาธิไปถักทอกระแสจิตเพื่อสร้างอักขระกฎ
ยิ่งไปกว่านั้นการฝึกของสกายวิงยังสร้างภาระให้กับร่างกายอย่างมหาศาล เพราะถ้าหากว่าเขาต้องการที่จะสัมผัสถึงความรู้สึกอันเป็นอิสระ เขาก็จำเป็นจะต้องรักษาความเร็วในระดับสูงสุดเอาไว้อย่างต่อเนื่อง การฝึกในลักษณะนี้มันจึงทำให้เขาจำเป็นจะต้องบริโภคพลังงานเข้าไปตลอดเวลาด้วยเช่นกัน
โชคดีที่ชายหนุ่มยังมีคริสตัลต้นกำเนิดสำรองเอาไว้อย่างมากมาย และเขาก็จำเป็นจะต้องกัดฟันหยิบคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 ออกมาเพื่อเติมเต็มพลังงานให้กับร่างกายของเขา เนื่องจากการฝึกฝนในช่วงเริ่มต้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เขาจึงจำเป็นจะต้องใช้พลังงานที่บริสุทธิ์ที่สุดเพื่อเติมเต็มให้กับร่างกายของตัวเอง
พลังงานภายในคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 ทั้งบริสุทธิ์และมีปริมาณมหาศาล คริสตัลก้อนสีเขียวเพียงก้อนเดียวจึงเพียงพอที่จะทำให้เซี่ยเฟยวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดไปได้อย่างยาวนาน
นอกจากนี้คริสตัลต้นกำเนิดระดับสูงยังดูดซึมพลังงานได้ง่ายกว่าคริสตัลต้นกำเนิดระดับต่ำ ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาจะมีพลังงานไปสร้างอักขระกฎได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
เซี่ยจงไห่และเซี่ยอู๋เย่ยังคงอยู่ในห้องฝึกโดยไม่จากไปไหน ขณะที่พวกเขาสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยและแอบพยักหน้าอยู่บ่อยครั้ง
“เซี่ยเฟยมีความสามารถในการควบคุมพลังงานที่โดดเด่นมากจริง ๆ ทั่วทั้งตระกูลของเราคงจะไม่มีใครสามารถดูดซึมพลังงานได้รวดเร็วเท่ากับเขาแล้ว ท้ายที่สุดการพยายามดูดซึมพลังงานในระหว่างการวิ่งด้วยความเร็วสูงก็เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่เขากลับดูดซึมพลังงานเข้าสู่ร่างกายได้ราวกับการวิ่งไม่ได้สร้างผลกระทบต่อการดูดซึมพลังงานของเขาเลย”
“ฉันน่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าเขาไปเรียนรู้วิธีการควบคุมพลังงานแบบนั้นมาจากใคร?” เซี่ยจงไห่พึมพำขึ้นมาด้วยความสับสน
“ฉันคิดว่าเขาไม่ได้ไปเรียนรู้วิธีการควบคุมพลังงานมาจากใครหรอก มันน่าจะเป็นพรสวรรค์โดยกำเนิดของเขามากกว่า” เซี่ยอู๋เย่กล่าว
“พรสวรรค์โดยกำเนิดงั้นเหรอ!? ทำไมฉันถึงไม่เกิดมามีพรสวรรค์แบบนี้บ้างนะ คุณรู้ไหมว่าผมต้องทนทรมานเรียนรู้วิธีเติมพลังงานในระหว่างออกวิ่งไปตั้งกี่วัน” เซี่ยจงไห่กล่าวขึ้นมาอย่างตัดพ้อ
“นายน้อยมีสายเลือดสกายวิงเพียงแค่ 25% เองนะ บางทีสายเลือดในส่วนที่เหลืออาจจะทำให้เขาได้รับความสามารถในการควบคุมพลังงานแบบนี้มาก็ได้” เซี่ยอู๋เย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ว่าแต่คุณตาส่งคนไปที่โลกเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้แล้วหรือยัง?” เซี่ยจงไห่กล่าวถามขึ้นมาเบา ๆ เมื่อนึกถึงอดีตของเซี่ยเฟย
“ฉันพยายามตรวจหาข้อมูลทุกอย่างแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่าเขาไปอยู่ที่ดาวโลกได้ยังไง?” เซี่ยอู๋เย่กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“โชคดีที่เซี่ยเฟยไม่คิดจะตั้งคำถามเรื่องอดีตของตัวเอง ไม่อย่างนั้นพวกเราคงจะไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงต้องไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียวอย่างยากลำบากแบบนั้น” เซี่ยจงไห่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“นายน้อยเคยพยายามถามเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ตอนนี้มันก็ดูเหมือนกับว่าเขาจะได้คำตอบที่ดีสำหรับตัวเองแล้วเหมือนกัน” เซี่ยอู๋เย่กล่าวอย่างใจเย็น
“เขาได้คำตอบว่าอะไร?”
“เขาบอกว่าเขาคือเซี่ยเฟย”
“เขาคือเซี่ยเฟย? เฮ้อ! ไอ้หนุ่มนี่มันคงเป็นคนบ้าไปแล้วจริง ๆ” เซี่ยจงไห่กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
—
พริบตาเดียวเวลาก็ได้ล่วงเลยไปจนถึงช่วงเช้า โดยทั้งเซี่ยจงไห่และเซี่ยอู๋เย่ต่างก็อยู่เป็นเพื่อนเซี่ยเฟยตลอดทั้งคืน เพราะสำหรับนักรบชั้นยอดอย่างพวกเขาแล้วการอดนอนเพียงคืนเดียวย่อมไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนัก แต่การที่เซี่ยเฟยฝึกฝนตลอดทั้งคืนเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกตกใจอย่างแท้จริง
ท้ายที่สุดแล้วการฝึกฝนในรูปแบบของสกายวิงก็จำเป็นจะต้องใช้พละกำลังและพลังงานสูงมาก ยิ่งไปกว่านั้นผู้ฝึกยังต้องคอยประคองสติในระดับสูงเอาไว้ตลอดเวลา แต่เซี่ยเฟยกลับสามารถยืนระยะฝึกฝนอย่างยาวนานได้ตั้งแต่ที่เขาเริ่มฝึกในวันแรก มันจึงทำให้เซี่ยจงไห่และเซี่ยอู๋เย่ต่างก็มองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“เซี่ยเฟย!” เซี่ยจงไห่ตะโกนเรียกชื่อชายหนุ่มเสียงดัง
ฟุบ!
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” เซี่ยเฟยเคลื่อนไหวมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายชราพร้อมกับยกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
“วันนี้พอได้แล้ว กลับไปพักเถอะ” เซี่ยจงไห่กล่าว
“แต่ผมยังไม่เหนื่อยเลยนะครับ” เซี่ยเฟยโต้กลับ
“แม้ว่านายจะไม่เหนื่อยแต่นายก็ต้องไปพักผ่อน นี่นายรู้ตัวไหมว่านายฝึกต่อเนื่องกันมา 10 ชั่วโมงแล้ว ถ้าหากว่านายยังฝืนต่อไปมันอาจจะสร้างผลกระทบให้กับร่างกายได้ ถึงตอนนั้นระวังจะมานั่งเสียใจทีหลังแล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” เซี่ยจงไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เมื่อผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลยืนยันอย่างหนักแน่น เซี่ยเฟยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเดินตามเซี่ยจงไห่กับเซี่ยอู๋เย่ออกจากสนามฝึก
“กฎแห่งความเร็วของตระกูลพวกเราฝึกฝนได้ยากมาก และนายก็ไม่มีทางฝึกมันได้ภายในวันสองวันหรอก แต่ตราบใดก็ตามที่นายยังคงอดทนฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง อีกไม่นานนายก็จะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน” เซี่ยจงไห่กล่าวพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟยเบา ๆ
หลังจากนั้นชายชราก็ได้ตั้งกฎให้กับเซี่ยเฟยว่าชายหนุ่มจะต้องมาเริ่มต้นฝึกฝนในทุก ๆ เย็น โดยตัวเขากับเซี่ยอู๋เย่จะคอยผลัดกันมาเฝ้าดูชายหนุ่มในระหว่างการฝึกคนละคืน
ท้ายที่สุดวิธีการฝึกฝนตามแบบฉบับของสกายวิงก็เป็นวิธีการที่อันตรายมาก พวกเขาจึงจำเป็นจะต้องคอยจับตาดูเซี่ยเฟยอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา จนกว่าชายหนุ่มคนนี้จะมีความคุ้นเคยกับกฎแห่งความเร็ว เมื่อนั้นพวกเขาจึงจะไว้วางใจปล่อยให้เซี่ยเฟยทำการฝึกฝนเพียงลำพัง
หลังจากล้างหน้าล้างตากินอาหารเช้า เซี่ยจงไห่ก็เดินทางออกไปยังสมาคมเพื่อหาคนเล่นหมากรุก เพราะในฐานะของสมาชิกสกายวิงที่โชคร้ายจับฉลากได้ทำงานในสมาคม การเล่นหมากรุกก็ถือได้ว่าเป็นความสุขเพียงอย่างเดียวที่เขาพอจะทำได้ในแต่ละวัน
เซี่ยอู๋เย่กลับไปทำความสะอาดสวนสายลมอย่างช้า ๆ เซี่ยเฟยจึงกลายเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวในตระกูลที่ไม่มีอะไรทำ เขาจึงทำการเปิดแหวนมิติเพื่อเชื่อมต่อกับโอโร่อีกครั้งหนึ่ง
“ฉันคิดมาทั้งคืนแล้ว ตระกูลของนายสมควรจะถูกเรียกว่าตระกูลคนบ้าจริง ๆ แต่ข้อเท็จจริงก็ได้พิสูจน์ออกมาอย่างชัดเจนแล้วด้วยเหมือนกันว่าสาเหตุที่สกายวิงประสบความสำเร็จอย่างในปัจจุบัน นั่นก็เพราะความบ้าในตระกูลของนาย” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดเขาก็ต้องยอมรับว่าข้อสรุปของโอโร่นั้นคือเรื่องจริง โดยเฉพาะหลังจากที่เขาได้เผชิญกับวิธีการฝึกฝนกฎแห่งความเร็วตามแบบฉบับของสกายวิง ซึ่งมันก็คงจะมีเพียงแต่คนบ้าที่จะคิดวิธีการฝึกแบบบ้า ๆ เช่นนี้ขึ้นมาได้
เมื่อไม่มีอะไรทำเซี่ยเฟยก็ทำการเก็บข้าวของเดินทางออกมาจากสวนสายลม เพื่อตามหาวัตถุดิบตามที่ฮัวหยูตงร้องขอมา
แม้ว่าราคาสินค้าที่ฮัวหยูตงเรียกร้องมาจะค่อนข้างสูงเกินไปสักหน่อย แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ใช่คนที่คิดจะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ก่อนที่เขาจะได้ลองพยายามดูสักครั้ง นอกจากนี้เขายังได้เก็บสะสมของไร้ประโยชน์เอาไว้ในแหวนมิติเป็นจำนวนมาก และเขาก็ต้องการที่จะเอาพวกมันออกไปเทขายเพื่อเปลี่ยนเป็นคริสตัลต้นกำเนิดอยู่พอดี
ขั้นตอนแรกเซี่ยเฟยได้ทำการเดินทางไปยังธนาคารฟารซี และทำการนำสิ่งของที่เขาคิดว่าไร้ประโยชน์ออกมาจากห้องแห่งความลับเอามาเก็บไว้ภายในแหวนมิติของเขาทั้งหมด
หลังจากนั้นเขาก็ได้เดินทางไปขอความช่วยเหลือจากหลางซุนเย่เพื่อนำสินค้าทั้งหมดออกไปขาย และเนื่องมาจากว่าในปัจจุบันเขามีสถานะเป็นคุณชายจากตระกูลสกายวิง เขาจึงสามารถขายสินค้าออกไปได้ทั้งหมดในเวลาเพียงแค่ไม่นาน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้รับราคาที่ดีกว่าราคารับซื้อในตลาดถึง 10% มันจึงทำให้เขาได้รับเงินกลับมาเป็นจำนวนมากพอสมควร
สาเหตุที่เขาสามารถขายสินค้าทั้งหมดออกไปได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ มันก็ต้องยกความดีความชอบให้กับหลางซุนเย่ผู้เป็นสหายของเขาเลย เพราะท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็ยังไม่ค่อยรู้จักใครมากนัก แต่ด้วยเส้นสายของหลางซุนเย่มันจึงทำให้ชายหนุ่มสามารถขายสินค้าทั้งหมดออกไปได้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง
“นายกำลังจะทำอะไร? ทำไมจู่ ๆ ถึงเอาของออกมาขายเยอะขนาดนั้น?” หลางซุนเย่กล่าวถามอย่างสงสัยและเขาก็ยังรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นเซี่ยเฟยร่ำรวยกว่าที่เขาคิด
“ของพวกนั้นมันเป็นเพียงแค่ของไร้ประโยชน์ ฉันเลยอยากจะขายพวกมันเพื่อสะสมเงินไปงานแลกเปลี่ยนสินค้าของเผ่าซุนนี” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็แนะนำว่าให้นายเตรียมคริสตัลเหลืองไปประมาณ 3 ล้านก้อน ว่าแต่ถ้านายต้องการเงินแล้วทำไมนายถึงซื้อวัตถุดิบสำหรับงานประดิษฐ์ไปเยอะมาก นี่นายกำลังวางแผนจะทำอะไรอยู่งั้นเหรอ?” หลางซุนเย่กล่าวถาม
เซี่ยเฟยไม่ต้องการจะบอกคนอื่นว่าเขากำลังพยายามจะสร้างค้อนรวมศูนย์ระดับสูงขึ้นมา เขาจึงพยายามตอบกลับไปอย่างคลุมเครือว่าเขาเริ่มสนใจอาชีพนักประดิษฐ์ เขาจึงซื้อวัตถุดิบพวกนี้เพื่อไปลองใช้งานเอง
แน่นอนว่าหลางซุนเย่ย่อมไม่เชื่อคำตอบของเซี่ยเฟย แต่เขาก็ไม่คิดที่จะถามอะไรมากไปกว่านี้ด้วยเหมือนกัน เนื่องจากเงินทั้งหมดก็เป็นของเซี่ยเฟย สหายของเขาจะเอาเงินไปทำอะไรมันก็สุดแล้วแต่สหายของเขาเลย
เซี่ยเฟยรู้ดีว่าเขาไม่ควรรีบร้อนขายของทั้งหมดออกไปในคราวเดียว ไม่อย่างนั้นเขาย่อมถูกกดราคาค่าสินค้าอย่างแน่นอน สิ่งที่เขาทำหลังจากนั้นคือการฝึกฝนในตอนกลางคืนและค่อย ๆ ออกมาปล่อยสินค้าขายออกไปในตอนกลางวัน และมันก็ทำให้เซี่ยเฟยได้ตระหนักว่าการปล้นของคนอื่นมาขายมันสร้างรายได้มากกว่าการเปิดบริษัทขึ้นมาซะอีก
เนื่องจากมันไม่มีนักรบคนไหนที่ไม่มีแหวนมิติอยู่ในมือ ตราบใดก็ตามที่เขาสามารถสังหารนักรบได้คนหนึ่ง มันก็หมายความว่าเขาจะได้รับของทุกอย่างที่อยู่ในแหวนมิติของนักรบคนนั้นด้วยเช่นกัน และถึงแม้ว่าของในแหวนมิติบางวงจะไม่ค่อยมีสินค้าระดับสูงมากนัก แต่การรวบรวมสิ่งของจากแหวนมิติมาหลาย ๆ วงมันก็สร้างเงินให้กับเขาอย่างมากมายเลยทีเดียว
หลังจากเวลาผ่านพ้นไปประมาณ 10 วันเซี่ยเฟยก็ได้รับทั้งเงินและวัตถุดิบสำหรับการสร้างค้อนรวมศูนย์กลับมาเป็นจำนวนมาก แต่น่าเสียดายที่พ่อค้าในกลุ่มดาวม้าขาวมีสินค้าอยู่อย่างจำกัด เขาจึงรวบรวมวัตถุดิบที่ฮัวหยูตงต้องการได้เพียงแค่ไม่กี่รายการเท่านั้นเอง
เมื่อเขาไม่สามารถรวบรวมวัตถุดิบเพิ่มเติมได้แล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่รอวันแลกเปลี่ยนสินค้าของเผ่าซุนนีเท่านั้น ท้ายที่สุดงานแลกเปลี่ยนสินค้าครั้งนั้นย่อมเป็นงานแลกเปลี่ยนสินค้าครั้งใหญ่ที่รวบรวมสินค้าคุณภาพสูงจากสถานที่ต่าง ๆ มาไว้ภายในงานอย่างแน่นอน เซี่ยเฟยจึงคิดที่จะไปรวบรวมวัตถุดิบที่งานแลกเปลี่ยนสินค้าในคราวเดียว
—
2 สัปดาห์ต่อมา
วันนี้เป็นเวรของเซี่ยอู๋เย่ที่ต้องอยู่คอยเฝ้าดูการฝึกซ้อมของเซี่ยเฟย อย่างไรก็ตามเซี่ยจงไห่ก็รีบวิ่งเข้ามาที่สนามฝึกด้วยความตื่นตระหนก
ภาพที่ชายชราเห็นคือเซี่ยเฟยยังคงมีร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อทั่วทั้งตัวอยู่เช่นเดิม แต่แววตาของเซี่ยอู๋เย่กับกำลังเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
“ทำไมคุณตาถึงเรียกผมมาที่นี่กลางดึกงั้นเหรอครับ?” เซี่ยจงไห่กล่าวถามด้วยความสับสน
“ฉันเรียกคุณมาดูปาฏิหาริย์” เซี่ยอู๋เย่กล่าวตอบกลับไปเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่คุมความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่
“ปาฏิหาริย์? ปาฏิหาริย์อะไรนั้นเหรอ?” เซี่ยจงไห่กล่าวถามพร้อมกับหันศีรษะไปมาเพื่อตามหาปาฏิหาริย์ที่พ่อบ้านชราว่า
“คุณเคยเห็นใครฝึกฝนกฎแห่งความเร็วขั้นแรกได้ในเวลาแค่ 14 วันหรือเปล่า?” เซี่ยอู๋เย่กล่าวถาม
“14 วัน!? มันเป็นไปไม่ได้! กฎแห่งความเร็วของตระกูลเราฝึกฝนได้ยากมาก แล้วใครจะสามารถฝึกกฎแห่งความเร็วขั้นแรกได้ในเวลาเพียงแค่ 14 วันได้ยังไง ถ้ามันมีใครฝึกในระยะเวลาแค่นั้นได้มันย่อมเป็นปาฏิหาริย์อย่างแน่นอน เพราะเท่าที่ผมรู้มาแม้แต่กฎแห่งความเร็วธรรมดาก็ยังไม่เคยมีใครฝึกฝนขั้นแรกสำเร็จได้ภายในเวลาเพียงแค่ 14 วัน” เซี่ยจงไห่อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ควรดูให้ดี ๆ เพราะถ้าหากว่าฉันเดาไม่ผิด เซี่ยเฟยน่าจะฝึกกฎแห่งความเร็วขั้นแรกได้สำเร็จในคืนนี้แหละ” เซี่ยอู๋เย่กล่าวพร้อมกับมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาอันเป็นประกาย
***************
พี่เฟยยังคงสร้างปาฏิหาริย์การเลื่อนระดับด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง


แสดงความคิดเห็น