บทที่ 47: ผู้มาใหม่
บทที่ 47: ผู้มาใหม่
อาร์เธอร์มองร่างของอดีตผู้กล้าที่ทรุดคุกเข่าอยู่บนพื้นหิมะด้วยสีหน้าว่างเปล่าและแววตาที่แตกสลาย เมื่อเห็นดังนั้น ความตั้งใจที่จะสังหารก็เลือนหายไปจนหมดสิ้น เขาค่อยๆ ลดดาบแห่งแสงในมือลง ปล่อยให้มันสลายกลายเป็นละอองแสงสีทองจางๆ ไปในอากาศ
ถึงอย่างไร... เขากับเอเรนก็เป็นคนจากโลกใบเดียวกัน ในห้วงลึกของจิตใจ เขาย่อมไม่อาจตัดใจสังหารคนจากบ้านเกิดเดียวกันได้อย่างง่ายดายเหมือนคนในโลกแฟนตาซีใบนี้
ทว่าทันใดนั้นเอง ประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของอาร์เธอร์กลับรับรู้ได้ถึงกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ด้วยความเร็วสูง
'ไม่คิดเลยว่าอาณาจักรจะส่งคนตามเรามาเร็วขนาดนี้' เขาคิดในใจพลางขมวดคิ้วแน่น
ในขณะเดียวกัน เสียงฝีเท้าที่ย่ำบนหิมะจนดังขึ้นเรื่อยๆ ก็ดึงสติของเอเรนกลับมาจากความสับสนเช่นเดียวกัน เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางนั้นด้วยแววตาที่ยังคงเลื่อนลอย 'กองทัพงั้นเหรอ...'
“คนจากอาณาจักรแห่งแดนใต้น่ะ คงกำลังตามฉันมา” อาร์เธอร์เอ่ยขึ้นเรียบๆ เป็นการตอบคำถามในใจของเอเรน
“นี่พวกแก... คิดจะบุกอาณาจักรแห่งแดนเหนือเลยอย่างนั้นสินะ” เอเรนเค้นเสียงถาม ความรู้สึกซับซ้อนฉายชัดในแววตา
“ไม่ใช่หรอก” อาร์เธอร์ส่ายหน้า
“เดิมทีเป้าหมายของพวกเรามีแค่จัดการแก เพื่อไม่ให้ราชาแมกนัสรู้ว่าแกยังมีชีวิตอยู่ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้... คงต้องเปลี่ยนแผนแล้ว”
สิ้นคำของอาร์เธอร์ กลุ่มอัศวินในชุดเกราะสีเงินแวววาวราวสิบคนก็ปรากฏตัวขึ้นจากอีกฟากของเนินหิมะ พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงและเป็นระเบียบราวกับเครื่องจักรสังหาร ล้อมกรอบผู้กล้าทั้งสองเอาไว้ในพริบตา
อัศวินผู้เป็นหัวหน้าก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เขาสวมเกราะที่หรูหรากว่าคนอื่นและมีหมวกเกราะที่ประดับด้วยขนนกสีขาวบริสุทธิ์ เขาก้มศีรษะให้อาร์เธอร์เล็กน้อย ก่อนจะตวัดสายตาคมกริบมายังเอเรนที่ยังคงคุกเข่าอยู่
“ท่านอาร์เธอร์” อัศวินผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ
“ภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาสำเร็จลุล่วงแล้วหรือไม่พะย่ะค่ะ?”
อาร์เธอร์เหลือบมองเอเรนแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปตอบ “สถานการณ์เปลี่ยนไปนิดหน่อย เซอร์เจราล์ด เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
แววตาภายใต้หมวกเกราะของเซอร์เจราล์ดหรี่ลงเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้ารับคำ แล้วจึงหันไปออกคำสั่งกับลูกน้อง “จับตัวผู้ทรยศ... เอเรน ไว้!”
อัศวินสองนายก้าวออกมาจากแถว ตรงเข้าควบคุมตัวเอเรนที่ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแม้แต่น้อย เขายอมให้โซ่เวทมนตร์พันธนาการร่างกายแต่โดยดี สายตาของเขายังคงว่างเปล่าราวกับจิตวิญญาณได้หลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว
อาร์เธอร์มองภาพนั้นนิ่งๆ ในใจพลางถอนหายใจ 'เรื่องมันคงไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว' เขาครุ่นคิด 'ความจริงที่เอเรนได้รับรู้ในวันนี้ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่แม้แต่ตัวเราเองก็ยังคาดไม่ถึง'
หิมะยังคงโปรยปรายลงมาอย่างเงียบเชียบ ปกคลุมร่องรอยการต่อสู้ให้เลือนหายไปทีละน้อย บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่น่าอึดอัด
เซอร์เจราล์ดก้าวเข้ามาหาอาร์เธอร์ ก่อนจะลดเสียงลงเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน “ท่านอาร์เธอร์ แต่ภารกิจของเราคือ... กำจัดเป้าหมาย”
เขาเหลือบมองไปยังเอเรนที่ถูกควบคุมตัวอยู่ “การจับเป็นเช่นนี้อยู่นอกเหนือคำสั่ง”
อาร์เธอร์ส่ายหน้าช้าๆ สายตาของเขาทอประกายลึกล้ำ “ภารกิจเปลี่ยนไปแล้ว เซอร์เจราล์ด” เขากล่าว “ตอนนี้เขามีประโยชน์มากกว่าตอนที่ตาย ข้าต้องการพาเขากลับไปยังชายแดนของอาณาจักรแห่งแดนเหนือ”
“แดนเหนือ!?” เซอร์เจราล์ดทวนคำด้วยความตกใจ
“แต่การจะทำเช่นนั้นได้ เราต้องหาประตูมิติที่ใกล้ที่สุด ซึ่งมันเสี่ยงเกินไปพะย่ะค่ะ! หากคนของราชาแมกนัสพบเราเข้า...”
“ข้ารู้” อาร์เธอร์ตัดบท
“แต่มีความจริงบางอย่างที่ข้าต้องไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเอง และเอเรนคือลูกกุญแจสำคัญ”
เซอร์เจราล์ดนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แม้จะเต็มไปด้วยข้อสงสัย แต่คำสั่งของผู้กล้าย่อมถือเป็นที่สุด เขาพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม
“ข้าเข้าใจแล้ว แล้วจะให้เริ่มค้นหาประตูมิติเมื่อใด?”
แต่ทว่า... ก่อนที่อาร์เธอร์จะได้ทันเอ่ยคำสั่งใดๆ พื้นหิมะใต้เท้าของพวกเขาทุกคนก็พลันส่องสว่างขึ้นมา
วูมมมมมม!
อักขระเวทมนตร์อันซับซ้อนส่องประกายแสงสีม่วงน่าขนลุก มันก่อตัวเป็นวงเวทขนาดมหึมาครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดที่พวกเขายืนอยู่ อากาศรอบกายสั่นสะเทือนรุนแรง และพลังงานมหาศาลก็ปะทุขึ้นจากพื้นดินราวกับภูเขาไฟที่รอวันระเบิด
“เกิดอะไรขึ้น!”
“ตั้งแนวป้องกัน!”
เหล่าอัศวินตื่นตระหนกและชักดาบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พวกเขายืนล้อมเจ้านายของตนเป็นวงกลม พยายามมองหาศัตรูที่มองไม่เห็น
เอเรนที่อยู่ในสภาพใกล้หมดสติ พลันยิ้มเยาะเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังเวทอันผิดปกตินี้ ความรู้สึกอันตรายแล่นพล่านไปทั่วร่างจนสร่างจากอาการใจลอย
อาร์เธอร์เบิกตากว้าง นัยน์ตาของเขาสะท้อนภาพวงเวทอันซับซ้อนเบื้องล่าง ในเสี้ยววินาทีนั้น เขาก็เข้าใจทุกอย่าง... การปรากฏตัวของพวกเขา การต่อสู้กับเอเรน... ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของใครบางคนมาโดยตลอด!
วงเวทส่องสว่างจ้าขึ้นจนแสบตา พลังงานมหาศาลเริ่มดูดร่างของพวกเขาทุกคนให้จมลงไป
“แย่แล้ว! เราถูกหลอก!!!”
อาร์เธอร์ตะโกนสุดเสียง แต่ก็สายเกินไป แสงสีม่วงสว่างวาบขึ้นบดบังทุกสิ่งจนมองไม่เห็น ก่อนที่ร่างของอัศวินแดนใต้และอดีตผู้กล้าทั้งสองพลันหายวับไปจากทุ่งหิมะ... ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าและความเงียบงันใต้เกล็ดหิมะที่ยังคงร่วงโรยลงมาไม่หยุดหย่อน


แสดงความคิดเห็น