บทที่ 48 พลังทมิฬ 1
บทที่ 48 พลังทมิฬ 1
แสงสีม่วงอันเจิดจ้าดับวูบลงราวกับไฟที่ถูกดับด้วยน้ำ แทนที่ด้วยความมืดมิดและกลิ่นอับชื้นของดินโคลนและพืชที่เน่าเปื่อย
เอเรนลืมตาขึ้นช้าๆ สัมผัสแรกคือความเจ็บปวดที่ศีรษะจากการกระแทกกับพื้นดินแข็ง สติที่เคยเลื่อนลอยไปกับความเจ็บปวดจากการถูกทรยศเริ่มกลับคืนมา แต่ความว่างเปล่าในใจยังคงหนักอึ้ง
เขายังคงถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่เวทมนตร์สีเงินที่พันรอบร่างกายอย่างแน่นหนา
“อ๊ากกก!”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นจากทางด้านขวา นั่นคือ เซอร์เจราล์ด หัวหน้าอัศวินในชุดเกราะหรูหรา ดูเหมือนว่าพวกเขาทุกคนจะมาถึงที่นี่พร้อมกัน
เอเรนพยายามยันตัวขึ้นอย่างยากลำบาก ท่ามกลางบรรยากาศที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทุ่งหิมะอันกว้างใหญ่หายไปแล้ว สิ่งที่อยู่รอบตัวคือ ป่าทึบ รกชัฏไปด้วยต้นไม้ขนาดมหึมาที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แสงอาทิตย์ส่องลงมาได้เพียงริบหรี่ผ่านม่านใบไม้หนาทึบ ทำให้ทุกอย่างดูมืดมิดและน่าขนลุก
เสียงร้องของแมลงและสัตว์แปลกๆ ดังเซ็งแซ่ไปทั่วราวกับเสียงกระซิบของโลกที่แปลกแยก
“นี่มัน... ที่ไหนกันแน่”
เสียงของ อาร์เธอร์ ดังขึ้นด้วยความระแวดระวัง ผู้กล้าผมทองยืนตระหง่านอยู่ไม่ไกลจากเอเรน เขานิ่งสงบ แต่แววตาจับจ้องไปยังต้นไม้รอบด้าน ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่เคยสลายกลายเป็นละอองแสงกลับมาปรากฏอยู่ในมืออีกครั้ง แสงสีทองอ่อนๆ ของมันดูโดดเดี่ยวในความมืดนี้
อัศวินที่เหลือจากอาณาจักรแห่งแดนใต้สิบคน ต่างอยู่ในสภาพยับเยิน บางคนเกราะแตกร้าว บางคนถือดาบขึ้นตั้งท่าด้วยความตื่นตระหนก สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้
“ท่านอาร์เธอร์! นี่อาจจะเป็นกับดักของราชาแม็กนัส!”
เซอร์เจราล์ดกล่าวเสียงแผ่ว พยายามควบคุมลูกน้องที่เริ่มเสียขวัญ
อาร์เธอร์เหลือบมองเอเรนที่ยังคงคุกเข่าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปตอบ “ราชาแม็กนัส... จะไม่มีทางพาเรามายังที่แบบนี้ นี่ไม่ใช่พลังของอาณาจักรแห่งแดนเหนือ” อาร์เธอร์ตอบเสียงเรียบ แต่ความเย็นชาในน้ำเสียงแสดงให้เห็นว่าเขากำลังประมวลผลสถานการณ์อย่างหนัก
เอเรนเงียบไปราวกับคนหูหนวก ดวงตาของเขายังคงว่างเปล่าราวกับจิตวิญญาณได้หลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว ความสับสนและความเจ็บปวดจากการถูกหลอกได้กัดกินความรู้สึกทั้งหมดของเขาไปจนหมดสิ้น
ความจริงที่ว่าความภักดีและเป้าหมายในชีวิตของเขาเป็นเพียงคำโกหก ยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจที่แตกสลาย
“ไม่ว่าแกจะคิดอะไรอยู่ ไอ้ผู้กล้าทรยศ” เซอร์เจราล์ดกล่าวอย่างหงุดหงิดพลางชักดาบออกมา
“แกยังอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเรา จงเชื่อฟัง!”
อาร์เธอร์หันมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีฟ้าครามเปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง “พอได้แล้ว! เซอร์เจราล์ด! เจ้านี่ตอนนี้น่ะมีประโยชน์มากกว่าตอนที่ตาย เราต้องการให้เขาเป็นลูกกุญแจสำคัญ!” อาร์เธอร์ก้าวเข้ามาใกล้เอเรนจนประชิด
“เอเรน! ฟังฉันนะ!” อาร์เธอร์จ้องหน้าเอเรนอย่างแน่วแน่ “ไม่ว่าใครจะเป็นคนส่งเรามาที่นี่ มันจะต้องเกี่ยวข้องกับ ราชาแม็กนัส และ ศาสตราโลหิต นี่คือโอกาสของแกที่จะได้พิสูจน์ความจริงที่ฉันบอกไป”
เอเรนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองอาร์เธอร์ ใบหน้าของเขาซีดเผือดไร้สีเลือด แววตาที่ว่างเปล่านั้นทำให้ความอำมหิตในใจของอาร์เธอร์สั่นคลอนอย่างประหลาด
“ฉันไม่รู้... ว่าความจริงที่พวกแกพูดน่ะมันเป็นความจริงไม่…. ไม่สิฉันไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว” เอเรนตอบเสียงแผ่วพร่า ชายหนุ่มก้มหน้าลง
“ฉัน... ถูกหลอก... จนไม่เหลือความเชื่อใดๆ อีกแล้ว”
อาเธอร์เดินเข้ามา ก่อนที่จะง้อมึงและกระชากคอเสื้อของอดีตผู้กล้าเอเรน
“ไอ้โง่… แล้วผู้หญิงของแกล่ะวะ จะปล่อยให้ราชาบ้านั่นมันฆ่าเธอหรอ… ฉันไม่รู้หรอกว่าแมกนัสมันจะเก่งแค่ไหน… แต่ว่าถ้าแกกับฉันร่วมมือกันล่ะก็”
ทันใดนั้นเอง! พื้นดินที่พวกเขาเหยียบอยู่ก็สั่นสะเทือนรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่วงเวทปรากฏ เสียงดังครืนครืนก้องไปทั่วป่า ต้นไม้ขนาดใหญ่รอบข้างเริ่มโค่นล้มลงอย่างช้าๆ ราวกับถูกพลังงานมหาศาลบีบอัด
“เกิดอะไรขึ้นอีก!” เหล่าอัศวินต่างส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวและชักโล่ขึ้นตั้งรับ
อาร์เธอร์กำดาบศักดิ์สิทธิ์แน่น เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานที่มืดมิด เยือกเย็น และกำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว มันเป็นพลังงานเดียวกับวงเวทสีม่วงที่ส่งพวกเขามาที่นี่!
แล้วมันก็ปรากฏตัว!
ร่างเงาสองร่าง ที่มีดวงตาเรืองแสงสีแดงก่ำ พุ่งทะยานลงมาจากยอดไม้ รวดเร็วเกินกว่าที่สายตาจะมองตามทัน ร่างของพวกมันคล้ายมนุษย์ แต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของสัตว์ร้ายที่กระหายเลือด
“พวกแก!” อาร์เธอร์คำราม เขารู้ทันทีว่านี่คือผู้ที่เข้ามาแทรกแซงการต่อสู้ในทุ่งหิมะ!
ร่างเงาตัวหนึ่งหันไปทางกลุ่มอัศวินที่แตกตื่น อีกตัวพุ่งเข้าใส่เป้าหมายเดิมของพวกมันอย่างไม่ลังเล... เอเรน!
“พวกเรา... มาตามหาพลังของพวกแก... ทั้งสอง!” เสียงแหบแห้งดังขึ้นซ้ำอีกครั้งพร้อมกับกรงเล็บสีดำเงาที่แหลมคมพุ่งเข้ามาหมายจะฉีกร่างของเอเรนที่ถูกพันธนาการอยู่ให้แหลกเป็นชิ้น!
ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น! แววตาที่ว่างเปล่าของเอเรนพลันกลับมาลุกโชนด้วยประกายของความแค้น ความแค้นที่ถูกจุดขึ้นใหม่จากความรู้สึกสิ้นหวัง ดาบนิล อีเร็น ซึ่งติดอยู่กับโซ่ตรวนของเขาก็พลันลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีดำอมแดงอย่างรุนแรง... เขาจะไม่ยอมตายที่นี่!


แสดงความคิดเห็น