ตอนที่ 1,007 เส้นทางที่เลือกเดิน

-A A +A

ตอนที่ 1,007 เส้นทางที่เลือกเดิน

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 1,007 เส้นทางที่เลือกเดิน

“เอาล่ะถึงเวลาที่คุณจะต้องเลือกแล้วว่าคุณจะเป็นโซลฮันเตอร์หรือโซลอีทเตอร์” ริเวอร์กล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่ามันจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้

เซี่ยเฟยรู้สึกคันมากราวกับว่ามันมีมดนับล้านกำลังคลานอยู่บนร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้นผิวหนังของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องจากความร้อนที่กำลังแผดเผา

“โซลฮันเตอร์? โซลอีทเตอร์? มันคืออะไรกันแน่” เซี่ยเฟยถามอย่างสับสน

“โซลฮันเตอร์กับโซลอีทเตอร์คือประเภทของนักรบวิญญาณที่ทุกคนจะต้องเลือกเส้นทางตั้งแต่ช่วงแรกของการพัฒนา ทั้งฉันและริเวอร์ต่างก็เป็นโซลฮันเตอร์เหมือนกัน พวกเราได้อาศัยการล่าวิญญาณเพื่อนำมาเพิ่มพลังให้กับตัวเอง”

“โซลอีทเตอร์คือนักรบที่มีลักษณะที่แตกต่างจากโซลฮันเตอร์โดยสิ้นเชิง เป้าหมายของการลงมือของคนกลุ่มนี้ไม่ใช่การล่าแต่เป็นการฆ่าโดยเฉพาะ ตัวตนของโซลอีทเตอร์จึงกลายเป็นฝันร้ายสำหรับนักรบทุกคน เพราะผู้ที่ถูกกลืนกินดวงวิญญาณจะไม่สามารถกลับไปเกิดใหม่ได้อีกต่อไป”

“ถึงแม้โซลอีทเตอร์จะสามารถสังหารเป้าหมายได้อย่างเด็ดขาด แต่นักรบประเภทนี้ก็ไม่สามารถดึงพลังจากวิญญาณมาเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้ด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนโซลฮันเตอร์ถึงแม้พวกเขาจะสามารถดึงพลังจากวิญญาณมาเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสังหารศัตรูได้อย่างเด็ดขาด และจำเป็นจะต้องใช้วิธีการอื่น ๆ ในการผนึก หากต้องการไม่ให้ศัตรูกลับไปเกิดใหม่” ลินนิจอธิบาย

เซี่ยเฟยเริ่มขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด เพราะเส้นทางทั้งสองสายเป็นเส้นทางที่มีทั้งข้อเสียและข้อดีในแต่ละเส้นทางอย่างชัดเจน เส้นทางหนึ่งคือเส้นทางที่ไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องพลังงาน แต่จะมีปัญหาในการสังหารศัตรูอย่างแท้จริง ขณะที่อีกเส้นทางสามารถสังหารศัตรูได้อย่างเด็ดขาด แต่พวกเขาก็จะขาดพลังงานสำหรับการพัฒนา

การไม่สามารถสังหารศัตรูได้ย่อมทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหดหู่ใจมาก การมีพลังงานไม่เพียงพอก็ไม่ใช่สิ่งที่เซี่ยเฟยปรารถนาด้วยเช่นกัน

ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังลังเลอยู่นั่นเอง แสงสว่าง 3 สีก็ปรากฏขึ้นมาภายในสมองส่วนที่ 7 ของเขา โดยมันเป็นดวงดาวเล็ก ๆ สีแดง, สีขาวและสีดำ

แสงสามดวงหมุนวนรอบตราประทับสีทองในสมองอย่างช้า ๆ เพื่อรอคอยให้เซี่ยเฟยทำการคัดเลือกว่าเขาต้องการจะเก็บดาวดวงไหนเอาไว้กันแน่

“ถึงเวลาเลือกแล้ว สีขาวหมายถึงการเลือกเป็นโซลฮันเตอร์ ผู้ซึ่งเป็นนักรบวิญญาณที่มีพลังงานไร้ที่สิ้นสุด ยิ่งคุณล่าศัตรูได้มากเท่าไหร่พลังวิญญาณก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”

“ขณะที่สีแดงหมายถึงการเลือกเป็นโซลอีทเตอร์ ผู้กลืนกินวิญญาณที่สามารถสังหารวิญญาณของศัตรูได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นทางไหนแต่ต่อจากนี้คุณก็จะกลายเป็นนักรบวิญญาณเต็มตัว”

“นี่คือเส้นทางของนักรบมืออาชีพที่จะได้รับการยกย่อง แม้ว่าคุณจะเดินทางไปยังอีกฟากฝั่งของประตูจักรวาลก็ตาม” ริเวอร์กล่าวอย่างตื่นเต้น

“ใช่ นายจะต้องตัดสินใจภายใน 3 นาที แต่ไม่ต้องห่วงด้วยสายเลือดออโรร่าและมรดกที่นายน้อยทิ้งไว้ให้ ไม่ว่านายจะเลือกเส้นทางไหนท้ายที่สุดนายก็จะกลายเป็นนักรบชั้นยอดอยู่ดี” ลินนิจกล่าว

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดถึงแสงดวงสีขาวกับแสงดวงสีแดง เซี่ยเฟยกลับสนใจในแสงดวงสีดำมากกว่า เพราะมันมีกลิ่นอายอันเย็นชาที่น่ากลัวมากกว่าแสงดวงสีแดงของโซลอีทเตอร์เสียอีก

“ถ้าสีขาวหมายถึงโซลฮันเตอร์ สีแดงหมายถึงโซลอีทเตอร์ แล้วสีดำมันหมายถึงอะไร?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย

“สีดำ? สีดำอะไร?” ทั้งลินนิจและริเวอร์ต่างก็อุทานอย่างสับสนราวกับว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องแสงสีดำมาก่อน

“นายตาฝาดหรือเปล่า? ปกติหลังจากเปิดใช้งานโซลมาร์คมันจะมีดวงแสงมาให้เลือกแค่สีแดงกับสีขาวเท่านั้น นายไปเอาดวงแสงสีดำมาจากไหน?” ลินนิจกล่าว

“พวกเราไม่เคยได้ยินเรื่องดวงแสงสีดำจริง ๆ แต่ถ้าให้ฉันแนะนำคุณควรเลือกดวงแสงสีขาวมากกว่า ชาวออโรร่าคือโซลฮันเตอร์ที่โดดเด่น นักรบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือโซลฮันเตอร์ด้วยเหมือนกัน คุณควรจะเลือกปฏิบัติตามประเพณีของตระกูล” ริเวอร์กล่าว

ถึงแม้ลินนิจกับริเวอร์จะยืนยันว่ามันไม่มีดวงแสงสีดำปรากฏขึ้นมาให้เลือกจริง ๆ แต่ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นดวงแสงสีดำภายในสมองอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นดวงแสงที่น่าดึงดูดมากที่สุดสำหรับเขาอีกด้วย

เวลามีให้เลือกไม่มากนัก ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็ต้องเลือกเส้นทางของตัวเองภายใน 3 นาที ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วว่าดวงแสงสีดำจะปรากฏขึ้นในสมองของเขาหรือเปล่า สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือเขาจำเป็นจะต้องเลือกหนึ่งในดวงแสงเหล่านั้น

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าดวงแสงสีขาวและดวงแสงสีแดงมันหมายถึงอะไร แต่ดวงแสงสีดำอันลึกลับกลับเป็นสิ่งที่แม้แต่ลินนิจกับริเวอร์ก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน

ชายหนุ่มเริ่มเผยรอยยิ้มออกมาอย่างแปลกประหลาด เพราะท้ายที่สุดเขาก็ไม่เคยเลือกเดินตามเส้นทางปกติเหมือนกับคนอื่นอยู่แล้ว และด้วยการก้าวเดินตามเส้นทางที่ไม่เหมือนใครมาตลอดนี่เอง มันจึงทำให้เขากลายเป็นเขาอย่างในปัจจุบัน

ทางเลือกนี้ไม่ใช่เรื่องยากลำบากสำหรับเซี่ยเฟยเลย เพราะเส้นทางที่เขาเลือกเดินย่อมจะต้องเป็นเส้นทางที่ลึกลับมากที่สุดอยู่แล้ว

พลังจิตที่เหมือนกับนิ้วของชายหนุ่มสัมผัสกับดวงแสงสีดำอย่างอ่อนโยน ก่อนที่มันจะระเบิดแสงสว่างออกมาราวกับว่าปีศาจเป็นจำนวนมากกำลังปรากฏกายขึ้นมาร่ายรำ

วินาทีต่อมาพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ก็หายไปในทันทีถูกแทนที่ด้วยโซลมาร์ค ซึ่งเป็นลวดลายทรงเก้าเหลี่ยม บริเวณมุมหนึ่งถูกประทับด้วยตราสีทองสลับดำ หากชายหนุ่มมีตราประทับเพิ่มขึ้นมาอีก 8 อัน โซลมาร์คในสมองก็จะถูกเติมเต็มโดยสมบูรณ์

คลื่น!

มังกรทั้งหกเริ่มทะยานสู่ท้องฟ้า การปรากฏของโซลมาร์คทำให้เซี่ยเฟยเติบโตจากราชันย์ขั้นที่ 5 กลายเป็นจอมเทพในคราวเดียว

กองทัพหุ่นยนต์หยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่อย่างกะทันหัน ขณะมองไปยังมังกรแสงที่กำลังทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าอย่างตกตะลึง

ทั้งลินนิจและริเวอร์ต่างก็มองไปยังภาพตรงหน้าด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง เพราะพวกเขาก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าเซี่ยเฟยจะก้าวข้ามผ่านระดับมาในคราวเดียวแบบนี้

มังกรแสงทั้งหกไม่เพียงแต่จะทะยานขึ้นไปบนฟากฟ้าเท่านั้น แต่มันยังมีดวงแสงอีกสี่ดวงเปล่งประกายบริเวณรอบ ๆ ตัวของมังกรอีกด้วย เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ลินนิจกับริเวอร์ตกตะลึงมากขึ้นไปอีก เพราะมันหมายความว่าชายหนุ่มไม่เพียงแต่จะทะลวงผ่านระดับกลายเป็นจอมเทพในคราวเดียวเท่านั้น แต่มันยังมีการเลื่อนระดับอย่างต่อเนื่องไปอีก 4 ระดับเรียบร้อยแล้วด้วย

จอมเทพขั้นที่ 5!

นี่คือพลังในระดับจอมเทพขั้นสูงที่ขาดการพัฒนาอีกเพียงแค่ 4 ขั้นก็จะกลายเป็นจอมเทพขั้นสูงสุด ซึ่งเป็นขีดจำกัดของการพัฒนาความแข็งแกร่งทางกายภาพเพียงอย่างเดียว

พัฒนาจากราชันย์ขั้นที่ 5 เป็นจอมเทพขั้นที่ 5 ในคราวเดียว ความเร็วในการพัฒนานี้มันก็ทำให้แม้แต่ริเวอร์กับลินนิจก็ยังพูดไม่ออก

“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?!” ลินนิจถามด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ริเวอร์กล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมฉันถึงมองไม่เห็นเมล็ดพันธุ์ชีวิตของเซี่ยเฟยเลย” ลินนิจกล่าวขณะพิจารณาไปทางเซี่ยเฟยอยู่สักพัก

“เป็นไปไม่ได้! เขากลายเป็นจอมเทพขั้นที่ 5 แล้วแต่ทำไมเขาถึงไม่มีเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต แบบนี้เขาก็ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ไม่ได้น่ะสิ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ริเวอร์อุทานอย่างไม่เข้าใจ

“ปกติการเปิดโซลมาร์คควรจะช่วยให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 3 ระดับเท่านั้น แต่เซี่ยเฟยกลับพัฒนาถึง 9 ระดับโดยตรง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก แต่ที่ฉันไม่เข้าใจคือทำไมเซี่ยเฟยถึงไม่มีเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต” ลินนิจกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมากุมศีรษะ

“พวกคุณจะตกใจอะไรขนาดนั้น?” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากที่เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ

การพัฒนาในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อชายหนุ่มเป็นอย่างมาก จนทำให้ทั่วทั้งใบหน้าของเซี่ยเฟยเต็มไปด้วยเหงื่อ น้ำหนักภายในร่างของเขาก็ลดลงอย่างรุนแรง เนื่องมาจากการพัฒนาเป็นไปอย่างก้าวกระโดดมากเกินไป

“คุณทำอะไรลงไป?! รู้ไหมว่าตอนนี้คุณมีพลังในระดับจอมเทพขั้นที่ 5 แล้ว ขาดอีกเพียงแค่ 4 ระดับคุณก็จะไปถึงขีดจำกัดของความแข็งแกร่งทางกายภาพ” ริเวอร์กล่าวเสียงดัง

“ถึงแม้นายจะกลายเป็นจอมเทพแต่นายกลับไม่มีเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต ซึ่งมันก็หมายความว่านายไม่สามารถกลับมาเกิดใหม่ได้ หากว่านายตายมันก็คือการตายจริง ๆ เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตของนายมันหายไปไหน?!” ลินนิจกล่าว

“ถ้าพวกคุณไม่รู้แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง พวกคุณควรจะรู้เรื่องนี้มากกว่าผมสิ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

ในฐานะผู้รับใช้ที่ภักดีต่อตระกูลออโรร่า ลินนิจและริเวอร์ต่างก็รู้สึกเป็นห่วงเซี่ยเฟยเป็นอย่างมาก

ของรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับการพัฒนากลายเป็นจอมเทพคือการได้รับเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต เพราะไม่เพียงแต่มันจะมีความหมายถึงการที่พวกเขากลายเป็นอมตะเท่านั้น แต่มันยังหมายความว่าพวกเขาจะสามารถฝึกฝนได้อย่างไร้ขีดจำกัดอีกด้วย

มีเพียงนักรบผู้เป็นอมตะเท่านั้นจึงจะสามารถพัฒนาไปจนถึงจุดสูงสุดของจักรวาล เพราะท้ายที่สุดเส้นทางสายนี้มันก็เป็นเส้นทางที่ยาวนานมากจนเกินไป

ถึงแม้นักรบจะมีพรสวรรค์ขั้นสุดยอด แต่มันก็ไม่มีทางที่เขาจะพัฒนาไปจนถึงขีดสุดภายในช่วงอายุขัยของตัวเองได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเซี่ยเฟยขาดความสามารถในการเกิดใหม่ ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายด้วยชีวิตเพียงชีวิตเดียว

จักรวาลยิ่งใหญ่มากและมันก็ไม่มีใครรู้ว่าทางด้านหน้าและด้านหลังประตูจักรวาลมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอยู่อีกกี่คน ไม่มีใครสามารถรับประกันได้อย่างแท้จริงว่าในอนาคตเซี่ยเฟยจะไม่ได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านี้ และเขาก็ไม่มีโอกาสที่ 2 ในการกลับมาแก้แค้นศัตรูของเขาด้วย

“ริเวอร์! รีบเอามรดกของนายน้อยออกมาเดี๋ยวนี้!! ถ้าหากเขาได้ฝึกฝนทักษะของออโรร่า อย่างน้อยเขาก็น่าจะยืนหยัดในจักรวาลนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต” ลินนิจกล่าวอย่างเร่งรีบ

ริเวอร์สะดุ้งขึ้นมาทันที ก่อนที่เขาจะรีบค้นหาสิ่งต่าง ๆ ในแหวนมิติอย่างรวดเร็ว ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเซี่ยเฟยไม่มีเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต เขาจึงไม่อาจปล่อยให้ชายหนุ่มนำชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงอันตรายโดยไร้ซึ่งวิชาป้องกันตัว

ตราบใดก็ตามที่เซี่ยเฟยแข็งแกร่งขึ้นเขาย่อมผจญภัยไปทั่วทั้งจักรวาลได้อย่างปลอดภัย

“เอานี่ มรดกของนายน้อย” ริเวอร์กล่าวก่อนที่เขาจะหยิบของมากมายเอามาวางกองไว้บนพื้น

***************

สรุปแล้วสีดำคืออะไร?

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.