ตอนที่ 995 เริ่มสงคราม

-A A +A

ตอนที่ 995 เริ่มสงคราม

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 995 เริ่มสงคราม

สถานที่ตั้งแห่งใหม่ของสกายวิงคือพื้นที่บริเวณริมทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาสีเขียวขจี สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างจะสวยงามและสะดวกสบาย ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าสถานที่ตั้งของดวงดาวจะอยู่ใกล้กับแดนเนรเทศ แต่มันก็ยังไม่ได้ล่วงล้ำไปในแดนเนรเทศซะทีเดียว

“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสกายวิงจะลงหลักปักฐานที่นี่ ส่วนพวกนายตามฉันมาพวกเราจะเดินทางไปยังแดนเนรเทศกันต่อ” เซี่ยกู่เฉิงกล่าวขณะยืนชมวิวทิวทัศน์จากบนยอดเขา

“คุณตั้งใจจะแยกนักรบออกจากสมาชิกธรรมดางั้นเหรอ? การแยกกำลังออกไปแบบนี้มันไม่เอื้ออำนวยต่อการปกป้องคนของตระกูลเลยนะครับ ท้ายที่สุดพวกเราก็เพิ่งทรยศต่อดินแดนกฎและมีศัตรูมากมายที่จ้องจะทำร้ายพวกเราอยู่” เซี่ยเค่อถามอย่างสงสัย

“มันเป็นเพราะว่าพวกเราถูกจ้องจะโดนทำร้ายเนี่ยแหละ เราเลยต้องแยกนักรบออกจากสมาชิกธรรมดา ไม่ต้องห่วงดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ท่ามกลางรังสีอวกาศอันวุ่นวาย การจะหาฐานที่มั่นของเราเจอมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้นหรอก” เซี่ยกู่เฉิงกล่าว

“แดนเนรเทศเป็นสถานที่ที่ไม่มีเจ้าของและใช้ระบบการปกครองแบบควบคุมกันเอง ผมเกรงว่าเมื่อเราไปที่นั่นมันจะดึงดูดความสนใจของผู้คนได้เป็นจำนวนมาก เพราะพวกเขาคงคิดว่าพวกเราจะมาแย่งชิงอำนาจในดินแดนของตัวเองไป” เซี่ยเฟยกล่าว

“ใช่ ฉันคิดจะปกครองพื้นที่ในแดนเนรเทศจริง ๆ ถึงยังไงมันก็เป็นพื้นที่ที่ไม่มีเจ้าของแต่เดิมอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเราสกายวิงจะเป็นคนปกครองแดนเนรเทศเอง” เซี่ยกู่เฉิงกล่าว

ทันใดนั้นเครื่องสื่อสารของเซี่ยเค่อก็ดังขึ้นและเมื่อเขาได้อ่านข้อความสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างตกใจ

“บรรพบุรุษ! สงครามระหว่างเทพมารเริ่มต้นขึ้นแล้ว!!” เซี่ยเค่อรีบรายงานอย่างรวดเร็วและถึงแม้ว่าสกายวิงจะถอนตัวออกจากดินแดนกฎ แต่มันก็ยังมีสายลับของพวกเขาแฝงตัวอยู่ทั่วทุกที่ ในฐานะหัวหน้าผู้จัดการของตระกูล เซี่ยเค่อจึงล่วงรู้เรื่องสำคัญ ๆ ภายในดินแดนกฎได้อย่างรวดเร็ว

“ดูเหมือนว่าพวกผู้สร้างตั้งใจจะรักษาสมดุลย์ของจักรวาลจริง ๆ สินะ พวกมันจึงเริ่มทำสงครามเพื่อให้กองกำลังของทั้งสองฝ่ายเกิดการสูญเสียมากที่สุด” เซี่ยกู่เฉิงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“แล้วพวกเราควรจะทำยังไงดีครับ? คราวนี้พวกเราจะยืนดูสงครามอยู่เฉย ๆ ใช่ไหม?” เซี่ยเค่อกล่าว

“ถ้าฉันเดาไม่ผิดพวกผู้สร้างจะต้องกังวลเรื่องประตูจักรวาลมาก ถึงขั้นรีบเปิดสงครามขึ้นมาแบบนี้ เซี่ยเฟยนายมีเพื่อนอยู่ในกลุ่มผู้พิทักษ์ใช่ไหม? ลองถามเขาดูสิว่าตอนนี้สถานการณ์ของประตูจักรวาลเป็นยังไงบ้าง?”

“ส่วนคนอื่นให้เตรียมตัวรับสภาวะสงครามได้เลย คราวนี้มันเป็นสงครามที่วุ่นวายมาก พวกเราจะต้องต่อกรกับกองกำลังของผู้สร้าง, ต้องระวังการพังทลายของประตูจักรวาล และเรายังต้องเฝ้าระวังการจู่โจมของดาร์คไนท์ด้วย”

“แต่ทุกคนไม่จำเป็นจะต้องกังวลมากจนเกินไป ถึงแม้พวกเราจะออกมาจากดินแดนกฎ แต่สกายวิงก็ยังคงเป็นดาบคลั่งที่เฉียบคมอยู่เหมือนเดิม คนที่กล้าแตะต้องสมาชิกในตระกูลของเราจะต้องตายไม่ว่ามันคนนั้นจะเป็นตัวตนในระดับไหนของจักรวาลก็ตาม”

คำสั่งของเซี่ยกู่เฉิงทำให้ฝูงหมาป่าเริ่มเคลื่อนไหวและไม่ว่าสถานการณ์ของจักรวาลจะเลวร้ายเพียงใด แต่สกายวิงก็ยังคงเคลื่อนไหวตามจังหวะของตัวเอง

“จากนี้ไปสกายวิงจะเข้าสู่สภาวะสงคราม เซี่ยเฟยไปตรวจสอบสถานการณ์ของประตูจักรวาลซะ ส่วนคนที่เหลือให้รออยู่ที่บ้านจนกว่าฉันจะกลับมา” เซี่ยกู่เฉิงกล่าว

“บรรพบุรุษ คุณคิดจะหยุดสงครามงั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยถามอย่างเร่งรีบ

“นี่นายเข้าใจแผนการทั้งหมดของฉันแล้วงั้นเหรอ?” เซี่ยกู่เฉิงอุทานอย่างประหลาดใจขณะจ้องมองไปยังชายหนุ่ม

สงครามเกิดขึ้นมาอย่างกะทันหันทั้งเผ่าเทพและเผ่ามารต่างก็เริ่มต่อสู้กันข้ามวันข้ามคืน จากตอนแรกความขัดแย้งเป็นเพียงแค่การปะทะกันของกลุ่มเล็ก ๆ แต่มันก็เริ่มบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่ระหว่างเผ่าพันธุ์

ว่ากันว่าสาเหตุที่แท้จริงของสงครามในครั้งนี้คือการก่อกบฏของตระกูลสกายวิง ท้ายสุดดาบคลั่งก็ถูกยกย่องว่าเป็นดาบที่แหลมคมที่สุดของเผ่าเทพ การก่อกบฏของสกายวิงจึงทำให้เผ่ามารมองเห็นความหวังของชัยชนะ

ด้วยเหตุนี้เผ่ามารจึงเริ่มเปิดสงครามอย่างเป็นทางการ และใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่เผ่าเทพสูญเสียกองกำลังหลักของตัวเองไปในการทำลายศัตรูทั้งหมดลงในคราวเดียว

อย่างไรก็ตามสมาชิกทุกคนของสกายวิงก็รู้ดีว่าสาเหตุที่สงครามเริ่มต้นขึ้นอย่างกะทันหันไม่ใช่เพราะการก่อกบฏของสกายวิงเลย แต่มันเป็นเพราะว่าพวกผู้สร้างต้องการรักษาสมดุลย์ของจักรวาลโดยเร็วที่สุด และเหตุการณ์นั้นมันก็จำเป็นจะต้องสังเวยนักรบชั้นยอดเป็นจำนวนมหาศาล

ภายในราชวังซึ่งเป็นสถานที่พำนักของ 13 ผู้สร้าง แต่ถ้าหากจะพูดให้ถูกตอนนี้มันก็มีผู้สร้างอยู่เพียงแค่ 7 คนเท่านั้น เพราะผู้สร้างอีกหกคนได้ปลีกตัวออกไปเนื่องจากข้อพิพาทภายในระหว่างพวกเขา

“1 ล้านดวงวิญญาณมาตรฐานกับ 10,000 ดวงวิญญาณระดับสูง ราคาที่พวกมันเรียกร้องจะสูงมากเกินไปแล้ว เราจะรวบรวมดวงวิญญาณขนาดนั้นในระยะเวลาสั้น ๆ ได้ยังไง?” อินฟิกซ์ผู้ซึ่งเป็นชาวเขมือบกล่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ไม่มีใครรู้ว่ารูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของเขามีหน้าตายังไง เพราะรูปลักษณ์ของเขาสามารถเปลี่ยนแปลงไปมาได้อยู่เสมอ

ชาวเขมือบคือชนเผ่าที่ป่าเถื่อนที่สุดภายในดินแดนกฎ วิธีการเลื่อนระดับพลังของคนกลุ่มนี้คือการกลืนกินร่างนักรบเข้าไปคล้ายกับชาวเชพเพิร์ดผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในแดนเนรเทศ

คอนสแตนพยักหน้าอย่างนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร ซึ่งชายคนนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ที่น่ากลัวที่สุดในหมู่ผู้สร้างเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนที่มีสติมากที่สุดในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ด้วย

หากมองจากภายนอกคอนสแตนก็ดูไม่ต่างไปจากคนทั่วไปมากนัก บุคลิกของเขาดูเหมือนกับคนอ่อนแอ แม้แต่ระดับพลังก็ไม่ได้โดดเด่นเหมือนกับผู้สร้างคนอื่น ๆ มันจึงมีเพียงเฉพาะผู้ที่รู้จักเขาดีเท่านั้นที่รู้ว่าเขาคือคนที่น่าทึ่งที่สุดในจักรวาลจนกลุ่มผู้สร้างแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้นำ

“พวกรีเวิร์สยอมรับเฉพาะดวงวิญญาณของนักรบระดับจักรพรรดิขึ้นไปเท่านั้น ขณะที่ดวงวิญญาณระดับสูงคือดวงวิญญาณของนักรบระดับจักรพรรดิขั้นสูงสุดขึ้นไป ถ้าหากพวกเรายอมส่งมอบดวงวิญญาณตามที่พวกมันเรียกร้อง ดินแดนกฎก็แทบที่จะไม่เหลือนักรบอยู่อีกแล้ว” กรีนผู้ซึ่งเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวจาก 13 ผู้สร้างกัดฟันพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ

ผู้สร้างทุกคนยกเว้นคอนสแตนต่างก็แสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา ซึ่งเรื่องหนึ่งที่ทุกคนพูดเหมือน ๆ กันคือสิ่งที่ถูกเรียกร้องมาในครั้งนี้แทบที่จะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

“ไม่ว่าหนทางจะยากลำบากมากแค่ไหน แต่พวกเราก็ต้องยืนหยัดฝ่าฟันมันไปให้ได้ อย่าลืมว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่พวกเราเลือกเอง หากพวกเรายอมแพ้พวกเราก็จะเป็นเพียงแค่คนบาปชั่วนิรันดร์ ทุกคนอยากให้ผลลัพธ์มันจบลงแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?” คอนสแตนกล่าวอย่างเย็นชาหลังจากรับฟังความคิดเห็นของทุกคน

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด เพราะพวกเขามีมติอย่างเอกฉันท์ว่าจะยอมทำตามข้อเรียกร้องของรีเวิร์สอย่างเชื่อฟัง พวกเขาจึงสังเวยดวงวิญญาณของนักรบภายในดินแดนกฎให้กับพวกรีเวิร์สมาโดยตลอด

ย้อนกลับไปพวกรีเวิร์สรู้สึกว่าดินแดนกฎคุกคามการคงอยู่ของพวกมัน เนื่องมาจากสมาชิกภายในดินแดนกฎทวีความแข็งแกร่งมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ผู้สร้างทั้งเจ็ดคนจึงมีความคิดให้ผู้คนภายในดินแดนกฎทำสงครามกันเอง เพื่อลดความแข็งแกร่งโดยรวมของดินแดนกฎลงจนกว่าพวกรีเวิร์สจะพอใจ

น่าเสียดายที่จักรวาลนี้ยังคงมีกองกำลังใหญ่อย่างเช่นกลุ่มผู้พิทักษ์หรือกลุ่มกบฏที่ไม่ได้ปฏิบัติตามบทที่ถูกผู้สร้างวางเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีคนอย่างเซี่ยกู่เฉิงและเซี่ยเฟยที่พร้อมจะแหกกฎอยู่ตลอดเวลา

ในเวลาเดียวกันพวกรีเวิร์สก็แอบคำนวณดัชนีความแข็งแกร่งของนักรบภายในดินแดนกฎอยู่อย่างลับ ๆ ยกตัวอย่างเช่นการหลอมรวมอาวุธมายาของเซี่ยเฟย หรือการเลื่อนระดับกลายเป็นพระเจ้าของเซี่ยกู่เฉิง ต่างก็ถูกบันทึกเอาไว้เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีประตูจักรวาลอีกครั้ง

นอกจากนี้ในคราวนี้พวกรีเวิร์สยังเรียกร้องดวงวิญญาณมูลค่าสูงมากอย่างที่ไม่เคยเรียกร้องมาก่อน เพราะมันคือการเรียกร้องชีวิตของจักรพรรดิถึง 1 ล้านคนและเรียกร้องชีวิตของจักรพรรดิระดับสูงสุดขึ้นไปเป็นจำนวนถึง 10,000 คน

หากพวกเขายอมรับข้อเรียกร้องในครั้งนี้ มันก็หมายความว่านักรบระดับสูงครึ่งหนึ่งที่มีในปัจจุบันจะต้องตายภายในสงคราม

ข้อเรียกร้องในครั้งนี้มันสูงมากเกินไปจริง ๆ จนทำให้แม้แต่เหล่าบรรดาผู้สร้างก็ยังเริ่มรู้สึกลังเล นอกจากนี้มันยังไม่มีอะไรรับประกันว่าถ้าหากพวกเขายอมรับเงื่อนไข ครั้งต่อไปพวกรีเวิร์สจะไม่เรียกร้องมากกว่านี้

ความเป็นจริงแล้วพวกรีเวิร์สมองว่าดินแดนกฎเป็นแหล่งเพาะพันธุ์วิญญาณ และพวกมันก็มองว่าผู้สร้างทั้งเจ็ดเป็นเครื่องมือในการเก็บเกี่ยววิญญาณมาให้กับพวกมันเท่านั้น

ตลอดเวลาที่ผ่านมาสาเหตุที่นักรบจำนวนนับไม่ถ้วนถูกกำจัดไป นั่นก็เพราะว่าพลังงานของพวกเขาถูกแปลงเป็นวิญญาณเพื่อถูกนำไปสังเวยให้กับพวกรีเวิร์ส แน่นอนว่าแม้แต่เหล่าบรรดาอีวิลวิงของสกายวิงก็ถูกรวมอยู่ในบรรดาเครื่องสังเวยเหล่านี้ด้วย

ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงแค่การจัดฉากที่ผู้สร้างทั้งเจ็ดคอยบงการมาเป็นเวลานานหลายล้านปีแล้ว และนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเซี่ยกู่เฉิงถึงแยกตัวออกมาจากดินแดนกฎ แม้ว่ามันจะเสี่ยงต่อการที่พวกเขาจะต้องกลายเป็นศัตรูของผู้คนทั่วทั้งดินแดนกฎก็ตาม

“เอาล่ะพวกเรามาพยายามอีกครั้งกันเถอะ ฉันหวังว่าหลังจากที่พวกมันได้วิญญาณไปแล้ว พวกมันจะไม่บุกเข้ามาภายในจักรวาลของเรา” กรีนเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้นมาหลังจากที่พวกเขานิ่งเงียบไปอยู่นาน

แม้ว่าผู้สร้างบางคนจะไม่เห็นด้วยกับการสังเวยในครั้งนี้ แต่พวกเขาก็จำใจจะต้องตอบตกลง ท้ายที่สุดถ้าหากว่าพวกเขายอมแพ้ชีวิตอันรุ่งโรจน์ของพวกเขาก็จะหายไป ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็อาจจะกลายเป็นเป้าโจมตีของผู้คนทั่วทั้งจักรวาล

การตัดสินใจของผู้สร้างทั้งเจ็ดเป็นความผิดพลาดตั้งแต่การติดกระดุมเม็ดแรก และถ้าหากว่าพวกเขายังคงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเดิม ๆ มันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ได้อย่างแท้จริง

คอนสแตนกวาดสายตามองทุกคนอีกครั้งและเมื่อเขาได้เห็นว่าไม่มีใครพูดคัดค้านอะไรออกมาแล้ว เขาจึงกล่าวออกมาว่า

“คราวนี้พวกเราต้องการวิญญาณเป็นจำนวนมาก และสงครามระหว่างทั้งสองเผ่ามันก็ยังไม่เพียงพอ ชิลล์รีบติดต่อไปหาพวกดาร์คไนท์ให้พวกเขาส่งกองกำลังมาโจมตีเผ่าพันธุ์ทั้งสองที่กำลังทำสงครามกันอย่างรุนแรง ดวงวิญญาณจากดินแดนกฎมันยังไม่เพียงพอ พวกเราจำเป็นจะต้องสังเวยดวงวิญญาณของพวกดาร์คไนท์ส่วนหนึ่งไปด้วย”

“พวกดาร์คไนท์ไม่มีวันยอมสังเวยนักรบระดับสูงของตัวเองหรอก” ชิลล์กล่าว

“ถึงพวกมันจะไม่ยอมแต่พวกมันก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นทุกคนก็ต้องตายเหมือนกันหมด คิดเหรอว่าถ้าหากดินแดนกฎถูกทำลายแล้วดินแดนดาร์คไนท์จะรอดไปได้ เหวินต้าย่อมเข้าใจความจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างดี สงครามครั้งนี้จะต้องเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และมันจะต้องมีคนล้มตายกันไปเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะรวบรวมดวงวิญญาณได้ครบตามที่พวกรีเวิร์สได้กำหนดไว้” คอนสแตนกล่าวอย่างเคร่งขรึม

***************

ขายวิญญาณตกเป็นทาสรีเวิร์สอย่างสมบูรณ์

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.