บทที่ 106 ปรับความเข้าใจ
“มันจะคิดจริงหรือคิดเล่นก็ไม่เกี่ยวกับเฮียสักหน่อย เพราะยังไงเฮียก็จะมีเอลิซเป็นเมียเพียงคนเดียวเท่านั้น” ฟอด~~ เขาเงยหน้าขึ้นมาบอกกับฉันด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเขา ก่อนจะแอบขโมยหอมแก้มของฉันเสียฟอดใหญ่
ฉันที่ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับคำพูดของเขา เกี่ยวกับเรื่องระหว่างเขากับเรน่า เพราะมีหรือถ้าคนเราไม่เล่นด้วยอีกฝ่ายจะมั่นอกมั่นใจขนาดนั้นถึงขนาดกล้าพูดเรื่องแบบนี้
แต่เนื่องจากเพราะฉันไม่อยากจะทะเลาะหรือสาวเอาความอะไรกับเขาอีกแล้วในตอนนี้ เพราะฉันยังรู้สึกมึนหัวอยู่ สงสัยจะเป็นเพราะทั้งร้องไห้ คิดมาก และตกใจ จากเหตุการณ์ที่ได้เจอะเจอมาในวันนี้ เลยได้แต่เลยตามเลย ไม่ซักไซ้อะไรเขาอีกแล้ว
เขาที่ถือโอกาสในตอนที่ฉันไม่ถือสา และไม่ปัดป้องต่อการกระทำของเขา ยิ่งได้ใจเข้ามานัวเนียเดี๋ยวกอด เดี๋ยวระดมจูบไปทั่ว ก่อนที่สุดท้ายคนตัวโตจะตีมึนโน้มตัวลงมานอนที่ตักฉัน แล้วทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“นายครับ ยากับอาหารมาส่งแล้วครับ” เสียงพี่กิตเอ่ยบอก
จ๊อก ~~ จ๊อก ~~ ฉันที่ได้ยินคำว่าอาหาร ถึงกับท้องร้องออกมาทันที
“ฮ่าๆๆ “ เขาที่นอนหนุนตักหูแนบอยู่กับท้องของฉัน ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เมื่อได้ยินเสียงร้องที่ดังมาจากท้องของฉัน
“หิวแล้วหรอค่ะ” เขาเอ่ยถามฉันทั้งที่ยังกลั้วขำในลำคอ
ฉันบุ้ยปากใส่เขาด้วยความไม่พอใจ คนไม่หิวท้องจะร้องหรอ...ชิ แค่นี้ก็ต้องมาหัวเราะเยาะกันด้วย ฉันที่ไม่สบอารมณ์อยู่ แล้วยังมาโดนเขาเยาะเย้ยใส่ รีบผลักหัวเขาให้ลงไปจากตักทันที ก่อนจะรีบลุกออกไปเปิดประตูเพื่อออกไปหาของกิน
โดยที่เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ของเขาที่ถูกเปลี่ยนแทนชุดวาบหวิวชุดเดิมนั้นแล้ว
ติ๊ด ~~ แกร๊ก ~~
“นายหญิง เป็นยังไงบ้างครับ สบายดีขึ้นแล้วไหมครับ จะให้ผมโทรเรียกหมอให้ไหมครับ” พี่กิตรัวคำถามใส่ฉันเป็นชุดด้วยความเป็นห่วงทันทีที่ฉันโผล่หน้าออกไป โดยที่เขาคงลืมไปมั้งว่าตัวเองก็บาดเจ็บเหมือนกัน
ฉันยิ้มกว้างให้เขาแทนการขอบคุณ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณว่าฉันโอเคขึ้นแล้ว
“แล้วพี่กิตล่ะคะ ใส่ยาที่แผลหรือยัง ต้องกินยาแก้อักเสบด้วยนะคะ” ฉันถามเขากลับไปด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน
“ผมไม่เป็นไรครับ แผลแค่นี้ไกลหัวใจ...โอ๊ยยย...ซี๊ดดดด” เขาตอบกลับมาโดยที่พยายามจะยิ้มให้ฉัน แต่พอยิ้มเมื่อไรก็ร้องออกมาเพราะเจ็บแผลที่มุมปาก
ฉันยืนสนทนากับพี่กิตได้ไม่นาน เสียงเย็นก็ถูกส่งตามออกมาจากทางด้านหลังทันที
“ไม่มีอะไรทำหรือไง ผัวเมียเขาจะจู๋จี๋กัน” เขาพูดพร้อมกับเดินมาตรงที่ฉันและพี่กิตยืนอยู่ แล้วยังถือวิสาสะโอบกอดเอวของฉันจากทางด้านหลัง
ฉันหันขวับส่งสายตาไม่พอใจไปให้เขาทันที ก่อนที่จะพยายามดิ้นให้ออกจากอ้อมกอดแกร่ง ที่แม้จะดิ้นยังไงก็ไม่สามารถหลุดไปจากมือปลาหมึกนี้ได้
“อาหารและยาผมวางไว้ให้บนโต๊ะที่ห้องทำงานนายนะครับ” พี่กิตที่ก้มหัวลงทันทีอย่างไม่กล้าสบตาคนเป็นเจ้านายที่เดินมาประจันหน้า เพราะความรู้สึกผิดที่ตนเองบังอาจไปแตะต้องนายหญิงจนทำให้เจ้านายตัวเองต้องขุ่นเคือง ทั้งยังกลัวว่าผู้เป็นนายจะยังโกรธเขาอยู่
“ขอบคุณนะคะ” ^-^ ฉันเอ่ยบอกเขา
“ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ และถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกผมได้ตลอดเลยนะครับนายหญิง...นะ...นาย” พี่กิตเอ่ยอย่างระมัดระวัง
เมื่อสิ้นประโยคพี่กิตก็ค่อยๆ เดินถอยหลังออกไปช้าๆ เพราะกลัวว่าเสียงจากการเคลื่อนไหวที่มาจากร่างกายของเขา จะไปกระตุ้นต่อมโมโหของผู้เป็นนายอีก
และก่อนที่เขาจะทันได้ไปถึงประตูห้องทำงาน เสียงเข้มทุ้มกังวานก็ดังขึ้น ~~
“กูขอโทษที่อารมณ์ร้อนพูดจาทำร้ายทั้งมึงทั้งเอลิซ แล้วก็ยังทำร้ายร่างกายมึงอีก ไปหายาใส่สะ หรือจะไปหาหมอก็ไป ค่าใช้จ่ายเดี๋ยวกูจัดการเอง ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้วมึงกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ” คุณเซฟเอ่ยพูดขึ้นมาโดยที่สายตาจับจ้องไปทางลูกน้อง ฉันเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างเขาจะยอมเอ่ยปากขอโทษลูกน้องก่อน
ส่วนพี่กิตเมื่อฉันมองไปยังใบหน้าของเขา ฉันได้เห็นถึงรอยยิ้มกว้างที่เกิดจากความความโล่งใจฉายขึ้นบนใบหน้าเข้มทันที ก่อนี่เขาจะโค้งหัวคำนับให้กับผู้เป็นเจ้านายด้วยหัวใจที่เบิกบานแล้วค่อยเปิดประตูเดินออกไป
“สบายใจหรือยังค่ะ ที่เฮียขอโทษไอ้กิตมันแล้ว นี่เฮียถึงขึ้นยอมลดศักดิ์ศรีของท่านเซบาสเธียขอโทษลูกน้องเพื่อเมียรักเลยนะ” เขารีบชิงบอกความดีความชอบต่อฉัน ก่อนที่จะซุกหน้าเข้าสูดดมความหอมจากลำคอขาว
ฉันที่ไม่ค่อยพอใจกับคำพูดของเขาเท่าไร ค่อยๆ พลิกตัวหันไปเผชิญหน้ากับเขา เพื่อทำความเข้าใจกับเขาเสียใหม่
“เฮียฟังเอลิซนะคะ เอลิซอยากให้เฮียขอโทษพี่กิตด้วยความรู้สึกที่อยากขอโทษจริงๆ ไม่ใช่แค่อยากมาเอาใจเอลิซ แล้วการขอโทษมันไม่เกี่ยวกับการลดศักดิ์ศรีเลย ในเมื่อเฮียเห็นพี่กิตเป็นเหมือนพี่น้อง เป็นเหมือนญาติ เป็นเหมือนคนในครอบครัว เป็นเหมือนเพื่อนสนิท ดังนั้นมันก็สมควรแล้วที่เมื่อเฮียทำผิดต่อเขาเฮียก็ต้องขอโทษเขานะคะ” ฉันร่ายยาวบ่นใส่เขาทันที
เขาจ้องมองหน้าฉันด้วยแววตาสุกใสเปล่งประกาย และนึกขอบคุณในใจที่ฉันกล้าที่จะเตือนสติเขา เพราะบางทีเขาเองก็อาจจะเผอเรอสิ่งสำคัญเหล่านี้ไป
“ขอบคุณนะคะ” ^-^ เขามองมาที่ฉันแล้วเอ่ยคำขอบคุณจนทำฉันถึงกับงง
“ขอบคุณ ขอบคุณเรื่องอะไรคะ” ฉันเอียงคอถามเขาด้วยความสงสัย
“ก็ขอบคุณที่เอลิซกล้าที่จะบอกถึงข้อเสียของเฮียอย่างตรงไปตรงมา มันทำให้เฮียรู้สึกว่าเฮียคิดไม่ผิดที่เลือกเอลิซมาเป็นแม่ของลูก” เขาเอ่ยคำหวานด้วยดวงตาเปี่ยมสุข
“แม่ของลูกอะไรกันล่ะ...ใครเขาจะเป็นให้...ชิ ไปบอกคู่หมั้นตัวเองนู้นไป๊” ฉันที่เขินกับคำหวานและสายตาของเขา อดไม่ได้ที่จะพูดกระแนะกระแหนเขาแก้เขิน พร้อมกับเบี่ยงตัวหลบสายตาหยาดเยิ้มที่ส่งมา
“คู่หมั้นอะไร เลิกพูดได้แล้ว จะให้เฮียตายเพื่อยืนยันความจริงเลยก็ได้นะ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังจนฉันอดหวั่นไม่ได้
“แล้วก็เรื่องที่เฮียขอโทษไอ้กิตมัน เฮียตั้งใจจริง ไอ้ที่พูดว่าเพื่อเอาใจเอลิซมันก็แค่ผลพลอยได้เผื่อเอลิซจะติ๊กคะแนนความเอาใจใส่ให้เฮียเพิ่มบ้างเพื่อชดเชยกับคะแนนเสียที่เฮียปล่อยให้คนอื่นมาทำร้ายจิตใจของเอลิซ มาทำให้เอลิซร้องไห้ไงคะ” เขาที่กระชับอ้อมแขนที่วาดอยู่บนเอวของฉันให้แน่นขึ้น เพื่อให้ฉันมั่นใจในตัวเขายิ่งขึ้น
เราสองคนต่างคนต่างมองตากัน เพื่อสร้างความมั่นใจ ความเชื่อใจให้เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยที่แต่ละฝ่ายก็พยายามที่จะแสดงสิ่งเหล่านั้นให้ออกมาจากดวงตาแล้วส่งไปยังอีกคนหนึ่งให้ประจักษ์เห็น
ในขณะที่ต่างคนต่างดื่มด่ำกับความเสน่หาที่มาจากดวงตาของกันและกันอยู่นั้น...
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 39
แสดงความคิดเห็น