ตอนที่ 957 ไวท์สคัล
ตอนที่ 957 ไวท์สคัล
วิชามิสเทอรีมูนเป็นวิธีการเรียนรู้กฎแห่งการประดิษฐ์รูปแบบหนึ่ง เพียงแต่จุดประสงค์ของการเรียนรู้กฎแห่งการประดิษฐ์ตามแนวทางนี้มันไม่ใช่เพื่อการสร้างสรรค์ แต่มันเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยการทำลาย
“ควบแน่น!” เซี่ยเฟยทำการเรียกลูกบอลแสงสีขาวขึ้นมาที่มือขวา ซึ่งลูกบอลพลังงานนี้มีกระแสพลังงานที่กระโดดไปมาราวกับว่ามีพยัคฆ์ถูกขังอยู่ด้านในนั้น
ลูกบอลพลังงานนี้คือเตาหลอมมิสเทอรีมูน ซึ่งมีความสามารถเทียบเคียงกับค้อนรวมศูนย์ เพียงแต่ว่าค้อนรวมศูนย์มีเอาไว้สำหรับการสร้างสรรค์ แต่เตาหลอมมิสเทอรีมูนมีไว้สำหรับการทำลาย
พลังกฎถูกควบคุมอยู่ภายในขอบเขตแคบ ๆ ในรูปแบบของลูกบอลพลังงาน และตราบใดก็ตามที่สิ่งประดิษฐ์ชิ้นใดถูกโยนเข้าไปภายในเตาหลอมนี้ สิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นก็จะถูกทำลายลงไปอย่างรวดเร็วเพื่อทิ้งข้อบกพร่องเอาไว้ภายในเตาหลอมพลังงาน
สิ่งประดิษฐ์ชั้นยอดถูกเซี่ยเฟยโยนเข้าไปในลูกบอลแสงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกบอลพลังงานเริ่มเปลี่ยนสีกลายเป็นสีสันต่าง ๆ ขณะที่ขนาดของลูกบอลพลังงานค่อย ๆ ถูกขยายขนาดออกไปทีละหน่อย
หนึ่งชิ้น!
อีกชิ้น!
และอีกชิ้น!
“นายนี่มันกู่ไม่กลับแล้วจริง ๆ รู้ตัวหรือเปล่าว่าสิ่งประดิษฐ์ที่นายทำลายลงไปมันมีมูลค่ารวมกันตั้งเท่าไหร่” ลินนิจกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“หากพวกมันไม่ได้มีความสามารถอย่างเนอร์วาน่า พวกมันก็เป็นเพียงแค่เศษขยะสำหรับผมเท่านั้นแหละ อีกอย่างของพวกนี้ก็เป็นของที่เราขโมยมาจากฮันนิซี ถึงแม้พวกมันจะถูกทำลายลงไปผมก็ไม่มีอะไรจำเป็นต้องเสียดาย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ลินนิจถึงกับพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่งเมื่อได้พบมาตรฐานด้านสิ่งประดิษฐ์ของเซี่ยเฟย
หากสิ่งประดิษฐ์ชิ้นไหนมีระดับต่ำกว่าเนอร์วาน่าเท่ากับเศษขยะ สิ่งประดิษฐ์เกือบทั้งจักรวาลก็คงจะเป็นเศษขยะด้วยกันทั้งหมด ท้ายที่สุดเนอร์วาน่าก็ผ่านการวิวัฒนาการมาแล้วหลายครั้ง ที่สำคัญมันยังถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นอาวุธวิญญาณเพียงหนึ่งเดียวของจักรวาลนี้
“นี่เป็นวิธีฝึกกฎแห่งการประดิษฐ์ที่บ้าที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าในตอนสุดท้ายผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไง” ลินนิจกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
—
มันไม่มีการบันทึกว่าชายหนุ่มจะต้องทำการหลอมสิ่งประดิษฐ์ไปมากเท่าไหร่ เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องพึ่งพาเพียงแค่ความเข้าใจของตัวเองในระหว่างการฝึกฝนด้วยวิธีการอันแปลกประหลาดนี้เท่านั้น
เมื่อเซี่ยเฟยตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเขาก็มักที่จะไปสุดทางอยู่เสมอ ดังนั้นเขาจึงทำการหลอมสิ่งประดิษฐ์ไปเรื่อย ๆ จนกว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือสิ่งประดิษฐ์ภายในมือของเขาจะหมดลงไปซะก่อน
6 ชั่วโมงต่อมากะโหลกสีขาวจาง ๆ ก็เริ่มปรากฏขึ้นท่ามกลางลูกบอลแสง ปากของหัวกะโหลกเปิดปิดอยู่ตลอดเวลาราวกับว่ามันกำลังพยายามพูดอะไรบางอย่าง
“นี่อาจจะเป็นกระบวนการควบแน่นที่ถูกบันทึกเอาไว้ก็ได้ ขั้นตอนต่อไปมันถึงวิธีการหล่อแล้ว” ลินนิจกล่าวด้วยดวงตาอันเป็นประกาย
ลินนิจยังคงสงสัยว่าวิธีการทำลายลักษณะนี้มีเป้าหมายเพื่ออะไรกันแน่ เขาจึงพยายามเฝ้าดูอย่างอยากรู้อยากเห็นในกระบวนการขั้นถัดไป
เทคนิคมิสเทอรีมูนมีขั้นตอนสำคัญอยู่ทั้งหมด 4 ขั้นตอน
ขั้นตอนแรกคือการควบแน่น หมายถึงการแยกส่วนที่ไม่สมบูรณ์มารวมเอาไว้ในที่เดียวกัน
ขั้นตอนที่ 2 คือการหล่อ หมายถึงการกำหนดรูปร่างของสิ่งประดิษฐ์ ยกตัวอย่างเช่น หากเซี่ยเฟยต้องการดาบไขว้แบบเนอร์วาน่า เขาก็จำเป็นจะต้องปรับแต่งพลังงานตามจินตนาการเพื่อให้มันออกมามีรูปทรงอย่างที่เขาได้คิดเอาไว้
ขั้นตอนที่ 3 คือการหลอมจิต หมายถึงการใส่เจตจำนงลงไปในอาวุธ
และขั้นตอนสุดท้ายคือการหลอมรวม หมายถึงการรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสิ่งประดิษฐ์ชั้นยอดขึ้นมาในจักรวาลแห่งนี้
เซี่ยเฟยหรี่ตามองลูกบอลแสงอย่างระมัดระวัง ซึ่งแต่เดิมมันเป็นลูกบอลแสงที่มีขนาดเท่าไข่ไก่เท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังจากที่มันได้ทำการหลอมสิ่งประดิษฐ์เข้าไปเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมันก็เป็นลูกบอลแสงที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 1 กิโลเมตร
เซี่ยเฟยยกลูกบอลแสงขึ้นมาด้วยมือขวา ซึ่งมันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าเขากำลังถือพระจันทร์อยู่ภายในมือ
“มันเป็นความรู้สึกที่ทรงพลังจริง ๆ สิ่งที่ฉันถืออยู่ในตอนนี้คือแก่นแท้ของสิ่งประดิษฐ์ทั้งหมดสินะ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างมีความสุข
“ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าพวกมันจะกลายเป็นอะไรกันแน่?” ลินนิจกล่าว
“ไม่ว่ามันจะกลายเป็นอะไรเดี๋ยวพวกเราก็จะรู้เอง แต่สิ่งที่ผมจำเป็นจะต้องทำในตอนนี้คือการเสริมพลังให้มันต่อไปไม่ใช่เริ่มทำการหล่อเหมือนที่คุณพูดถึง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อะไรนะ?! ตอนนี้นายทำลายสิ่งประดิษฐ์ไปเป็น 100 ชิ้นแล้วนะ นายยังต้องการจะเสริมพลังให้กับมันอีกงั้นเหรอ?” ลินนิจสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ถูกต้อง อาวุธที่ดีไม่ได้วัดกันที่ปริมาณ แต่มันวัดกันที่คุณภาพต่างหาก ผมอยากจะสร้างอาวุธชั้นยอดขึ้นมาเพียงแค่ชิ้นเดียวดีกว่าการสร้างอาวุธธรรมดาเป็นล้าน ๆ ชิ้น ตราบใดก็ตามที่มันยังไม่ถึงขีดจำกัด ผมก็จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับมันต่อไป” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
ทันทีที่เขาพูดจบเขาก็เริ่มโยนสิ่งประดิษฐ์เข้าไปในลูกบอลแสงอย่างต่อเนื่อง ละเมื่อไหร่ก็ตามที่สิ่งประดิษฐ์ถูกโยนเข้าไปขนาดของลูกบอลแสงก็ค่อย ๆ ขยายออกไปด้วยเช่นเดียวกัน
200!
300!
500!
1,000!
1,900!
“ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าในตอนสุดท้ายมันจะกลายเป็นอะไรกันแน่?” ลินนิจเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นจำนวนของสิ่งประดิษฐ์ที่เซี่ยเฟยโยนเข้าไปภายในลูกบอลอย่างไม่เสียดาย
เมื่อสิ่งประดิษฐ์เกือบ 2,000 ชิ้นถูกโยนเข้าไปในลูกบอลแสง ทั่วทั้งใบหน้าของชายหนุ่มก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดอันปูดโปน เพราะว่าเขาจำเป็นจะต้องทุ่มเทสมาธิอย่างสุดกำลังเพื่อพยายามควบคุมลูกบอลแสงที่ไม่เสถียรลูกนี้เอาไว้
หล่อ!
เซี่ยเฟยร้องคำรามออกมาเสียงดัง ก่อนที่ลูกบอลแสงภายในมือของเขาจะถูกบีบอัดลงมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็ได้กลายเป็นเพียงแค่ลูกบอลแสงเล็ก ๆ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เมตรเท่านั้น
การกระทำของเซี่ยเฟยเป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะลูกบอลแสงลูกใหญ่เต็มไปด้วยความผันผวนของพลังงานอันรุนแรง การพยายามบีบอัดลูกบอลแสงที่มีความผันผวนแบบนี้ย่อมพร้อมจะเกิดการระเบิดได้ทุกวินาที แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ยังคงสามารถควบคุมทุกอย่างเอาไว้ได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย
หลังจากทำการหล่อให้อาวุธกลายเป็นรูปร่าง ชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ทำการใส่จิตวิญญาณลงไปในอาวุธชิ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาวุธที่เขาสร้างขึ้นมาในขณะนี้ไม่ใช่อาวุธขนาดใหญ่แต่เป็นดาบลับที่นำไปซ่อนในแขนเสื้อของเขาได้
เนอร์วาน่าคอยทำหน้าที่ต่อสู้อย่างเปิดเผยได้อย่างดีอยู่แล้ว สิ่งที่เขายังขาดไปในตอนนี้คืออาวุธที่เอาไว้สังหารในที่ลับ
การใช้พลังจิตเพื่อจินตนาการโครงสร้างดาบลับในลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเซี่ยเฟยไม่เพียงแต่จะต้องจินตนาการถึงใบดาบเท่านั้น แต่เขายังจำเป็นจะต้องจินตนาการถึงสปริง, กลไกการควบคุมและรายละเอียดอื่น ๆ ที่จะต้องถูกติดตั้งเอาไว้ภายในดาบลับอีกด้วย
ลินนิจอ้าปากค้างขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อได้เห็นพลังจิตอันแข็งแกร่งที่สามารถปรับเปลี่ยนลูกบอลแสงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปประมาณ 20 นาที ดาบลับใต้แขนเสื้อก็ค่อย ๆ ถูกสร้างเป็นรูปเป็นร่าง
นี่มันการควบคุมที่ทรงพลังมาก เซี่ยเฟยไม่เพียงแต่จะบีบอัดพลังงานที่ผันผวนได้เท่านั้น แต่เขาสามารถปรับแต่งรูปร่างของลูกบอลพลังงานตามจินตนาการของเขาได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
“อ๊าก!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามเพื่อพยายามหลอมรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันในขั้นตอนสุดท้าย และในที่สุดบทสรุปของการทำลายอย่างยาวนานก็กำลังจะก่อกำเนิดสิ่งใหม่ขึ้นมาภายในจักรวาลแห่งนี้แล้ว
—
ไม่กี่นาทีต่อมาใต้แขนเสื้อของเซี่ยเฟยก็มีดาบลับสีเงินถูกติดตั้งเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งอาวุธชิ้นนี้ก่อกำเนิดขึ้นมาจากการทำลายสิ่งประดิษฐ์เกือบ 2,000 ชิ้น มูลค่าของมันจึงยากที่จะประเมินออกมาเป็นตัวเลขได้
“นี่สินะผลลัพธ์ของการหลอมสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่สมบูรณ์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน อาวุธลับชิ้นนี้สวยงามมากจริง ๆ คนอื่นคงไม่มีทางเชื่อว่ามันเป็นอาวุธที่ถูกหลอมขึ้นมาจากสิ่งประดิษฐ์เกือบ 2,000 ชิ้นแน่ ๆ” ลินนิจกล่าวอย่างตื่นเต้น
“แปลกมาก ผมไม่เคยจินตนาการถึงหัวกะโหลกนี้เลยแล้วมันโผล่ออกมาได้ยังไง?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว ขณะจ้องมองไปยังหัวกะโหลกสีขาวขนาดใหญ่ที่ถูกประดับเอาไว้บนอาวุธชิ้นใหม่ของเขา
“นี่มันไม่ใช่หัวกะโหลกที่เราเห็นในลูกบอลแสงงั้นเหรอ? นอกจากหัวกะโหลกนี้แล้วมีอะไรอื่นที่แตกต่างไปจากจินตนาการของนายอีกไหม?” ลินนิจถาม
“ตัวใบดาบมีความคมและเรียวกว่าสิ่งที่ผมจินตนาการเอาไว้นิดหน่อย ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยแตกต่างจากที่ผมจินตนาการเอาไว้มากนัก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ใบมีด
“เรายังรู้จักวิชามิสเทอรีมูนน้อยเกินไป เอาเถอะถึงยังไงนายก็ได้อาวุธชิ้นใหม่ออกมาแล้ว ทำไมนายถึงไม่ลองตั้งชื่อให้มันดูก่อนล่ะ” ลินนิจกล่าว
“ผมขอตั้งชื่อมันว่าไวท์สคัลก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“อืม ตั้งชื่อได้ตรงตัวดี” ลินนิจกล่าวพร้อมกับพยักหน้า ซึ่งทันทีที่เขาพูดจบยานรบก็เริ่มส่องแสงกระพริบ
“ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาจนถึงดินแดนดาร์คไนท์เรียบร้อยแล้ว”
***************
พี่เฟยมาแนะนำตัวกับดินแดนใหม่อีกแล้ว ป่วนแน่นอน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 282
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น