ตอนที่ 951 ความน่ากลัวของดีม่อนวิง
ตอนที่ 951 ความน่ากลัวของดีม่อนวิง
ในระหว่างที่วารีเคียดแค้นกำลังจะถูกฉุดเข้าไปอยู่ภายในมือของนักรบดาร์คไนท์ หมาป่าเดียวดายจากสกายวิงก็ลงมือทำลายอาวุธมายาชิ้นนั้นลงไปซะก่อน
“นายทำลายอาวุธมายาลงไปได้ยังไง?! นี่มันเป็นการแหกกฎของจักรวาลชัด ๆ” ลินนิจอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
“ช่างหัวไอ้กฎแห่งจักรวาลอะไรนั่นไปสิ! ฉันไม่มีทางมอบอาวุธมายาให้กับศัตรูเด็ดขาด อีกอย่างกฎมันมีเอาไว้แหก ถ้าหากว่ากฎนั้นมันมาขวางทางฉัน ฉันก็จะทำลายพวกมันไปให้หมด!!” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ทำให้ลินนิจรู้สึกประหลาดใจมาก เพราะเขาไม่คิดว่าเซี่ยเฟยจะไม่ลังเลแม้กระทั่งการฝ่าฝืนกฎของจักรวาลด้วยซ้ำ
อ๊าก!
เหล่าบรรดานักรบดาร์คไนท์ร้องคำรามขึ้นมาด้วยความโกรธ และในตอนนี้ชายหนุ่มก็ได้กลายเป็นเป้าหมายอันดับ 1 ที่กองทัพนับล้านต้องการจะสังหารมากที่สุด
ฟุบ!
เหล่าบรรดานักรบภายในกองทัพดาร์คไนท์เริ่มกระจายกำลังอย่างรวดเร็ว แต่เป้าหมายของพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวคือการปลิดชีวิตของเซี่ยเฟย
การกระทำของเซี่ยเฟยเปลี่ยนกระแสสงครามอย่างกะทันหัน จากตอนแรกที่มันเป็นสงครามระหว่างสองฝั่งกลับกลายเป็นสงครามระหว่างหนึ่งคนกับหนึ่งกองทัพ
“ทุกคนมั่วยืนทำอะไรอยู่? รีบจัดการกับพวกมันเร็วเข้า!!” โอโร่พยายามตะโกนกระตุ้นนักรบคนอื่น ๆ เนื่องมาจากว่าเขากำลังกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเซี่ยเฟย
อย่างไรก็ตามนักรบจากกองกำลังต่าง ๆ ก็ไม่ได้คิดที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับเซี่ยเฟยเลยแม้แต่นิดเดียว บางคนกำลังพยายามติดต่อไปยังตระกูลของตัวเอง ขณะที่บางคนพยายามหายานอวกาศเพื่อหลบหนีออกไปจากดาวดวงนี้
ความสามัคคีของทุกกองกำลังถึงกับทำให้โอโร่รู้สึกโกรธจนพูดไม่ออก เพราะถ้าสมมุติว่าวันหนึ่งประตูจักรวาลถูกเปิดออกมาจริง ๆ กองกำลังที่เหลาะแหละแบบนี้จะต้านทานศัตรูเอาไว้ได้ยังไง
ฟุบ!
โอโร่กัดฟันพุ่งเข้าหากองทัพศัตรูด้วยตัวคนเดียว แต่หลังจากที่เขาเคลื่อนที่ออกไปได้เพียงแค่ไม่นาน เขาก็ได้พบกับนักรบเกราะทองกลุ่มหนึ่งที่เคลื่อนไหวตามร่างเขามาติด ๆ
“นายทำได้ดีมาก! พวกเราผู้พิทักษ์คือกลุ่มคนที่สาบานว่าจะปกป้องจักรวาลนี้ ถึงแม้เราจะไม่สามารถควบคุมผู้อื่นได้แต่เราเลือกที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูด้วยกำลังของพวกเราได้ พวกดาร์คไนท์คือศัตรูตัวฉกาจของพวกเรา ถึงแม้พวกเราจะมีกันเพียงแค่นี้แต่พวกเราก็ต้องกำจัดศัตรูลงไปให้ได้มากที่สุด!” นักรบเกราะทองคนหนึ่งยกนิ้วโป้งให้กับโอโร่
ภาพที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือภาพที่ดูหดหู่มาก เพราะกลุ่มผู้พิทักษ์เกราะทองกับโอโร่กำลังบุกทะลวงเข้าไปท่ามกลางกองทัพของศัตรูนับล้าน
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราจะละทิ้งบ้าน, ละทิ้งตระกูล, ละทิ้งความรุ่งโรจน์และใช้ชีวิตเป็นดั่งกำแพงอันแข็งแกร่งเพื่อต้านลำแสงที่มุ่งร้ายเข้าหาทุกคน…” กลุ่มผู้พิทักษ์เริ่มร้องเพลงประจำตัว ก่อนที่ดวงตาของพวกเขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงและดาบภายในมือของพวกเขาก็เริ่มทำการกวัดแกว่งออกไปอย่างรวดเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถึงแม้จำนวนของผู้พิทักษ์เกราะทองจะมีเพียงแค่ 50 คน แต่พวกเขาก็เผชิญหน้ากับศัตรูอย่างกล้าหาญ พร้อมกับพยายามร้องเพลงปลุกขวัญกำลังใจ แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าพวกเขาจะร้องเพลงดังแค่ไหนแต่สถานการณ์ของพวกเขาก็ค่อย ๆ เลวร้ายลงมากขึ้นเรื่อย ๆ
อีกด้านหนึ่งเซี่ยเฟยก็กำลังต้านทานศัตรูอย่างสิ้นหวังด้วยเช่นกัน ซึ่งเขาจำเป็นจะต้องปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างเต็มที่เพื่อรักษาความเร็วในระดับ 4 ล้านเมตรต่อวินาทีเอาไว้
การระเบิดพลังงานทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเบาสบายไปทั่วทั้งตัว และความสุขที่ได้จากการสังหารศัตรูมันก็อยู่เหนือเกินกว่าที่เขาจะสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจมากที่สุดนั่นก็คือในระหว่างที่เขาทำการออกวิ่ง มันได้มีปีกปรากฏขึ้นบริเวณแผ่นหลังของเขาอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งไปกว่านั้นปีกสีดำอันนี้ยังมีความสามารถในการสังหารศัตรูได้อีกด้วย
ปีกที่ปรากฏเป็นปีกที่ดูขาดรุ่งริ่งสีดำกางยาวออกไปประมาณ 9 เมตร ตัวปีกมีความคล้ายคลึงกับปีกของปีศาจในตำนาน บริเวณขอบของปีกเป็นมุมอันแหลมคมคล้ายกับว่ามันเป็นใบดาบที่ถูกออกแบบมาสำหรับการสังหารศัตรู
มันเป็นปีกที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมปีกของเขาถึงขาดรุ่งริ่งเหมือนกับปีกที่ถูกทำลายอย่างรุนแรงแบบนี้?
สมมุติว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่บริเวณด้านหลังทางฝั่งขวาของเขามันคือปีกจริง ๆ แล้วทำไมรูปร่างของมันถึงมีความแหลมคมราวกับใบดาบ?
ด้วยปีกที่ปรากฏขึ้นมาใหม่นี้เอง ทุกที่ที่เซี่ยเฟยวิ่งผ่านไปจะเต็มไปด้วยซากศพของศัตรู ซึ่งปีกเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทำให้เขารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งในระดับใหม่เท่านั้น แม้แต่จิตอสูรที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากภายในร่างของเขาก็ยังมีความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ปีกปีศาจทำหน้าที่เป็นใบดาบอันแหลมคม และด้วยปีกนี้เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้อาวุธออกมาด้วยซ้ำ เพราะปีกปีศาจก็มีความแข็งแกร่งไม่ต่างไปจากอาวุธชั้นยอด
“นี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว! นายรู้ไหมว่าปีกบนหลังของนายมีพลังมากกว่าอาวุธชั้นยอดซะอีก” ลินนิจอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
ด้วยปีกที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาลินนิจก็ประมาณการว่าแม้เซี่ยเฟยจะไม่มีอาวุธมายาหรืออสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มเพียงลำพังก็เทียบเคียงได้กับจอมเทพเรียบร้อยแล้ว
ชีวิตของนักรบดาร์คไนท์คือหลักฐานสำหรับเรื่องนี้ได้ดีที่สุด เพราะหลังจากที่ชายหนุ่มเคลื่อนไหวได้ไม่นาน ปีกปีศาจก็สังหารศัตรูได้มากกว่าหงส์ครามกับขนอุยที่ร่วมมือกันเสียอีก
ทางฝั่งของกลุ่มผู้พิทักษ์ก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นเดียวกัน ซึ่งหลังจากบุกฝ่าศัตรูมาเป็นเวลานานในที่สุดพวกเขาก็ได้มาสมทบกับเซี่ยเฟย
“ดีม่อนวิง!?” ผู้นำผู้พิทักษ์อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อเขาได้เห็นปีกปีศาจที่อยู่บนหลังของเซี่ยเฟย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมองมาที่ปีกของเขาด้วยความตกใจแบบนี้ เพราะในตอนที่จูปิเตอร์ได้เห็นปีกอีกฝ่ายก็ตกตะลึงจนแทบจะเสียสติไปด้วยเช่นเดียวกัน ราวกับว่าทุกคนรู้จักปีกบนหลังเขาเป็นอย่างดี แต่เขากลับไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับปีกที่อยู่บนหลังของตัวเองเลย
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าปีกนี้มันมาจากไหน เขาจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะหันหน้าไปเพื่อจัดการกับศัตรู
“ฮ่า ๆ ๆ สกายวิงมีดีม่อนวิงปรากฏขึ้นมาอีกคนแล้วสินะ”
“แต่บรรพบุรุษของนายจะต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่กล้าส่งดีม่อนวิงมาในสถานการณ์ที่อันตรายขนาดนี้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ฉันก็ไม่สามารถคาดเดาความคิดของสกายวิงได้จริง ๆ” หัวหน้าผู้พิทักษ์กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย เพราะมันดูเหมือนว่าผู้พิทักษ์คนนี้จะให้ความสำคัญกับปีกบนหลังของเขามาก?
“เอาล่ะ อย่างน้อยแค่ฉันได้เห็นดีม่อนวิงในตำนานแค่นี้ฉันก็นอนตายตาหลับแล้ว” หัวหน้าผู้พิทักษ์กล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง จากนั้นผู้พิทักษ์คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าให้กับเซี่ยเฟยอย่างหนักแน่น
การกระทำของพวกผู้พิทักษ์ยิ่งทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนมากขึ้นกว่าเดิม และทันใดนั้นเขาก็ได้สังเกตเห็นว่าโอโร่กำลังจ้องมองมาทางเขาราวกับว่าอีกฝ่ายก็รู้จักปีกปีศาจนี้เหมือนกัน
น่าเสียดายที่เซี่ยเฟยไม่สามารถสนทนากับโอโร่ในตอนนี้ได้ เพราะท้ายที่สุดอีกฝ่ายก็เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มผู้พิทักษ์ ถ้าหากเขาแสดงท่าทางสนิทสนมกับโอโร่ออกไป โอกาสที่อดีตจอมมารจะได้เข้าร่วมกลุ่มผู้พิทักษ์ก็จะลดน้อยลง
การสังหารยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ และถึงแม้ว่านักรบดาร์คไนท์จะถาโถมเข้าใส่พวกเซี่ยเฟย แต่ทีมที่มีสมาชิกเพียงแค่ 50 กว่าคนนี้กลับสามารถต่อต้านกองทัพนับล้านได้เป็นเวลานาน
“จำนวนของพวกเราน้อยเกินไป เรารีบถอยกันก่อนเถอะ” ผู้พิทักษ์คนหนึ่งกล่าวขึ้นมาอย่างเคร่งขรึมพร้อมกับใช้มือจับไหล่ที่บาดเจ็บของตัวเอง
การที่พวกเขาต่อต้านศัตรูได้นานถึงขนาดนี้มันก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว แต่น่าเสียดายที่ในปัจจุบันสภาพของแต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่ได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า
แม้แต่โอโร่ผู้มีประสบการณ์ในสนามรบมาอย่างโชกโชนก็ยังมีรอยแผลถูกกรีดบนใบหน้า ทำให้ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเริ่มมีความหยาบกร้านปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย
“ถอย? ถอยไปไหน? คุณคิดจะทิ้งพี่น้องที่บาดเจ็บเพื่อถอยเอาชีวิตรอดหรือยังไง?!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำราม
หากพวกเขาล่าถอยในเวลานี้เหล่าบรรดาพี่น้องนักรบที่ได้รับบาดเจ็บย่อมไม่สามารถต้านทานได้แน่นอน และถึงแม้ว่าทุกคนจะมีระดับพลังที่สูงมาก แต่มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีความเร็วเหมือนกับเซี่ยเฟย
ทันใดนั้นเหล่าผู้พิทักษ์ก็เริ่มจู่โจมโต้กลับอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเซี่ยเฟยตะโกนปลุกขวัญกำลังใจของพวกเขาให้กลับมาต่อสู้เพื่อปกป้องพี่น้องของตัวเองอีกครั้ง
“เซี่ยเฟยบอกความจริงมาเดี๋ยวนี้ว่านายทนได้อีกนานแค่ไหน?” ลินนิจถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ไม่เกิน 1 นาที” เซี่ยเฟยตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ถาโถมเข้ามาตลอดเวลา เขาก็จะจำเป็นจะต้องทุ่มสมาธิเพื่อต่อต้านศัตรูทุกวินาที ซึ่งเวลาทุกวินาทีที่ผ่านพ้นไปต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความทรมาน และจากสภาพในปัจจุบันอย่างมากที่สุดเขาก็สามารถที่จะอดทนต่อไปได้เพียงแค่นาทีเดียวเท่านั้น
ดวงตาของเซี่ยเฟยถูกเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ก่อนที่เขาจะทุ่มเทพลังอย่างเต็มที่เพื่อสังหารศัตรูให้ได้มากที่สุด
จนถึงตอนนี้เซี่ยเฟยเป็นเพียงนักรบคนเดียวที่ยังไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพนับล้านด้วยตัวคนเดียวได้
ในช่วงเวลาที่สถานการณ์กำลังจะสิ้นหวังอยู่นั่นเอง จู่ ๆ เสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้นมาจากท้องฟ้า
“นี่คือเรื่องของสกายวิง ใครไม่เกี่ยวไสหัวออกไปซะ!”
เสียงร้องคำรามดังสนั่นราวกับสายฟ้า ก่อนที่เซี่ยกวงไห่จะนำฝูงหมาป่ากลับมาเข้าร่วมสนามรบ
เจมินี่เคลื่อนที่ผ่านสนามรบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ราชันย์จากสกายวิงทั้ง 13 คนจะพุ่งทะยานลงมาในสนามรบเพื่อสมทบกับเซี่ยเฟย
นอกเหนือจากเซี่ยเกิงที่ทำหน้าที่คุมตัวฮันนิซีและขับยานเจมินี่ ฝูงหมาป่าของสกายวิงทุกคนต่างก็กลับมาช่วยเหลือเซี่ยเฟยด้วยกันทั้งหมด
สกายวิงไม่เคยทอดทิ้งสมาชิกแม้แต่คนเดียว และถึงแม้ศัตรูจะมีจำนวนนับล้าน แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“ฆ่ามัน!!” เซี่ยกวงไห่ส่งเสียงตะโกนก่อนที่จะเริ่มขับเคลื่อนฝูงหมาป่าอย่างรวดเร็ว
ราชันย์เหล่านี้ต่างก็มีความเร็วไม่น้อยกว่า 1 ล้านเมตรต่อวินาที การเคลื่อนไหวของพวกเขาจึงก่อให้เกิดเพียงแค่กลุ่มเงาลาง ๆ ที่สามารถสังหารศัตรูได้ทั่วทุกที่ที่พวกเขาเคลื่อนที่ผ่านไป
***************
งื้ออออ ทุกคนมาช่วยพี่เฟยแล้ววววว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 215
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น