ตอนที่ 950 ทำลายอาวุธมายา
ตอนที่ 950 ทำลายอาวุธมายา
สาเหตุที่ตระกูลสกายวิงตั้งชื่อตระกูลด้วยชื่อนี้ มันก็ไม่ใช่การตั้งชื่อขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล เพราะเมื่อพวกเขาสามารถเลื่อนระดับพลังไปจนถึงระดับหนึ่ง มันจะมีปีกปรากฏขึ้นมาบนหลังของพวกเขาจริง ๆ และในขณะนี้เซี่ยเฟยก็สามารถเรียกปีกของเขาออกมาได้แล้ว
ในระหว่างการพยายามต่อสู้อย่างสุดกำลัง เซี่ยเฟยก็สามารถเรียกปีกแรกของตัวเองออกมาได้โดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วมันก็ทำให้แม้แต่ราชันย์ระดับสูงสุดของตระกูลไบร์ทไลท์ก็ยังต้องรู้สึกหวาดกลัว
ปัจจุบันเขาคือสมาชิกระดับสูงของตระกูลไบร์ทไลท์ จูปิเตอร์จึงรู้ดีว่าการที่ปีกนี้ปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้ามันหมายถึงอันตรายต่อชีวิตของเขา
“นี่มันหมายความว่ายังไง?! แกเป็นเพียงแค่ราชันย์ขั้นต้นแล้วทำไมแกถึงสามารถเรียกปีกออกมาได้?!” จูปิเตอร์ตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจพร้อมกับก้าวเท้าถอยหลังราวกับว่าเขากำลังมองเห็นสัตว์ประหลาด
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความสับสนเล็กน้อย ซึ่งในความเป็นจริงเขาก็สัมผัสได้ถึงกระแสลมที่แตกต่างจากปกติตรงบริเวณทางด้านขวา ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไรกันแน่
อย่างไรก็ตามแววตาของเขามันก็กลับมาเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตอย่างรวดเร็ว เพราะการพยายามลอบโจมตีขนอุยมันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะให้อภัยได้ง่าย ๆ
“ไม่ว่าเรื่องอื่นจะเป็นยังไง แต่ท้ายที่สุดคือแกจะต้องตาย!” ชายหนุ่มร้องคำราม ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
คราวนี้สีหน้าของจูปิเตอร์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างชัดเจน เพราะเขาสามารถยืนยันได้แล้วว่ากระแสลมทางด้านขวาของเซี่ยเฟยเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นปีกให้เขาได้เห็นอยู่จริง ๆ
เซี่ยเฟยก็กำลังตกใจกับการเคลื่อนไหวในปัจจุบันของตัวเองด้วยเช่นกัน เพราะเขาไม่เคยเร่งความเร็วอย่างง่ายดายแบบนี้มาก่อน จนทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน
‘ฉันพัฒนาขึ้นมาอีกขั้น!’ เซี่ยเฟยตะโกนภายในใจ
ช่วงเวลาที่ปีกถูกกางออกเขาก็ได้พบว่ากฎแห่งความเร็วถูกพัฒนามาจนถึงขั้นที่ 4 แล้ว เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้พลังงานจากสมองเพื่อเร่งความเร็ว แต่ปัจจุบันความเร็วของเขามันก็ทะลุเกินกว่า 2 ล้านเมตรต่อวินาที หรือมันก็หมายความว่าถ้าหากเขาระเบิดพลังออกมาความเร็วของเขาก็จะทะลุเกินกว่า 4 ล้านเมตรต่อวินาที
แม้แต่อัจฉริยะในรอบหลาย 100 ปีของตระกูลอย่างเซี่ยกวงไห่ก็ฝึกฝนกฎแห่งความเร็วได้จนถึงขั้นที่ 6 และมีความเร็วในปัจจุบันอยู่ที่ 4 ล้านเมตรต่อวินาทีเท่านั้น แต่เซี่ยเฟยที่มีพลังกฎแห่งความเร็วในขั้นที่ 4 สามารถเร่งความเร็วเทียบชั้นเซี่ยกวงไห่ได้แล้วจริง ๆ!
‘ที่แท้ปีกนี้มันก็ช่วยให้ฉันพัฒนาพลังความเร็วได้ทันทีสินะ’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจอย่างสับสน ซึ่งแน่นอนว่าความคิดนี้เกิดขึ้นเพียงแค่ไม่ถึงวินาที ก่อนที่เขาจะมุ่งเน้นความสนใจไปที่การสังหารศัตรูเป็นอันดับแรก
ชายหนุ่มเริ่มทำการระเบิดพลังออกมาจากสมองอีกครั้ง จนทำให้ร่างของเขาเคลื่อนไหวออกไปด้วยความเร็วมากกว่า 4 ล้านเมตรต่อวินาที
การใช้ความเร็ว 2 ล้านเมตรต่อวินาทีกับ 4 ล้านเมตรต่อวินาทีเป็นเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะหมายความว่าจูปิเตอร์จะต้องใช้ปฏิกิริยาการตอบสนองเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 2 เท่า เพื่อจะตามการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยให้ทัน
น่าเสียดายที่ชายคนนี้ไม่ใช่สัตว์ประหลาดย่างเซี่ยเฟย เขาจึงไม่สามารถที่จะเร่งปฏิกิริยาการตอบสนองตามความเร็วของศัตรูได้
“สร้างเกราะ!” จูปิเตอร์ตะโกนพร้อมกับรีบควบคุมวารีเคียดแค้นให้กลายเป็นเกราะป้องกันล้อมรอบร่างของเขาเอาไว้
“เกราะแค่นั้นช่วยแกไม่ได้หรอก!” เซี่ยเฟยตะโกนอย่างดุร้าย ก่อนที่เขาจะเขวี้ยงเนอร์วาน่าออกไปสุดแรง
อย่าลืมว่าเซี่ยเฟยกำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วมากกว่า 4 ล้านเมตรต่อวินาที การโจมตีด้วยเนอร์วาน่าในครั้งนี้จึงมีพลังมากพอที่จะตัดผ่านมหาสมุทรไปได้อย่างง่ายดาย
ขวับ!
ดาบกลืนวิญญาณเคลื่อนที่ผ่าร่างศัตรูพร้อมกับทำให้พื้นที่บริเวณนั้นถูกตัดออกเป็น 2 ส่วน และแน่นอนว่าราชันย์ขั้นสูงสุดจูปิเตอร์ก็ได้เสียชีวิตภายใต้การโจมตีในครั้งนี้แล้ว
—
หลังจากปีกถูกกางออกไม่เพียงแต่ความเร็วของเซี่ยเฟยจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเท่านั้น แต่จิตอสูรที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากภายในร่างยังทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน
หลังจากสังหารจูปิเตอร์ได้เรียบร้อยแล้วเซี่ยเฟยก็รีบเก็บแหวนมิติของอีกฝ่ายมา จากนั้นเขาก็ทำการส่งกระแสจิตเข้าไปภายในแหวนเพื่อสำรวจว่าภายในนั้นมันมีสารานุกรมดาร์คไนท์อยู่จริง ๆ หรือเปล่า
“นี่มัน…” เซี่ยเฟยสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ลินนิจรีบถามอย่างอยากรู้
“ของในแหวนไม่ได้มีเพียงแต่สารานุกรมดาร์คไนท์เท่านั้น แต่มันยังมีสมบัติล้ำค่าอีกเพียบเลย!” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตื่นเต้น
แม้เขาจะได้รับแหวนมิติมาเพียงแค่วงเดียว แต่ด้านในมันกลับมีสมบัติหายากกองอยู่นับพันชิ้น มันจึงทำให้แม้แต่ชายหนุ่มก็ยังอดที่จะเบิกตากว้างขึ้นมาไม่ได้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เตะตาเขามากที่สุดยังคงเป็นสารานุกรมดาร์คไนท์อยู่เช่นเดิม เพราะบันทึกเล่มนี้ให้ความรู้สึกอันลึกลับอย่างที่เขาอธิบายไม่ถูก
ชายหนุ่มต้องการจะนำสารานุกรมออกมาตรวจสอบตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย แต่การโจมตีของพวกดาร์คไนท์ยังคงพุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โชคดีที่ตอนนี้เขาสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดถึง 4 ล้านเมตรต่อวินาทีแล้ว การโจมตีพวกนั้นจึงไม่สามารถสร้างอันตรายให้กับเขาได้
ในเวลาเดียวกันวารีเคียดแค้นก็กำลังรวมตัวเข้าด้วยกันอย่างช้า ๆ และเนื่องมาจากว่าในตอนนี้เจ้านายของมันเสียชีวิตลงไปแล้ว ตามขั้นตอนปกติมันก็จะต้องหวนกลับคืนสู่จักรวาลเพื่อรอให้เจ้านายคนใหม่มาพิชิตมันไป
“จะหนีไปไหน!” เซี่ยเฟยตะโกนเสียงดังก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าไปหาวารีเคียดแค้น
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์มาแล้วว่าอาวุธมายาคืออาวุธที่ดีที่สุดสำหรับการจัดการกับพวกดาร์คไนท์ เมื่อสงครามจักรวาลกำลังจะปะทุขึ้นอาวุธมายาแต่ละชิ้นย่อมทวีความสำคัญขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย ชายหนุ่มจึงไม่ต้องการจะปล่อยอาวุธชิ้นใดให้เล็ดรอดออกจากมือเขาไปอย่างเด็ดขาด
ระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังเร่งความเร็ว วารีเคียดแค้นก็กำลังพุ่งตัวขึ้นไปบนฟากฟ้า
“หงส์ครามหยุดมันไว้!”
ใบหญ้าทั้งหกพยายามห่อตัวกลายเป็นถังสกัดกั้นวารีเคียดแค้นไม่ให้อาวุธมายาชิ้นนี้หนีไปไหนได้
น่าเสียดายที่วารีเคียดแค้นเป็นของเหลว มันจึงสามารถเคลื่อนไหวซอกซอยผ่านรอยแตกของใบหญ้าไปได้อย่างอิสระ หงส์ครามจึงจนปัญญาที่จะหยุดอาวุธชิ้นนี้เอาไว้จริง ๆ
“มันเป็นของเหลว นายหยุดมันเอาไว้ไม่ได้หรอก” ลินนิจกล่าว
“ถ้าหยุดมันไม่ได้ก็ดูดซับมันเข้าไปซะก็สิ้นเรื่อง!” เซี่ยเฟยตะโกนก่อนที่เนอร์วาน่าจะโบยบินออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็ฝังตัวเข้าไปภายในมวลน้ำและดูดพลังงานเข้ามาภายในร่างอย่างบ้าคลั่ง
ไหน ๆ เขาก็ไม่สามารถหยุดอาวุธชิ้นนี้เอาไว้กับตัวเองได้แล้ว เขาจึงพยายามเก็บเกี่ยวพลังงานกลับมาให้ได้มากที่สุด แม้ว่ามันจะหมายถึงการทำลายอาวุธมายาลงไปก็ตาม
น้ำสีฟ้าเริ่มกลายเป็นสีใสมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าเมื่อมันถูกดูดพลังงานจากเนอร์วาน่า อาวุธมายาชิ้นนี้ก็ค่อย ๆ อ่อนกำลังลงด้วยเช่นเดียวกัน
ในเวลาเดียวกันแสงสีดำก็พุ่งออกมาจากระยะไกลล้อมรอบอาวุธมายาชิ้นนี้เอาไว้และพยายามฉุดรั้งมันไปอีกฝั่งหนึ่ง
เมื่อเซี่ยเฟยมองไปยังต้นตอของแสง เขาก็ได้พบว่าผู้ที่ปล่อยแสงสีดำแสงนี้มาคือนักรบดาร์คไนท์ผู้สวมชุดเกราะอันสง่างาม
‘นั่นมันอะไร? มันเป็นพลังของกรดชนิดหนึ่งนั้นเหรอ?!’ เซี่ยเฟยอุทานภายในใจ
“ดูดพลังงานมาให้เร็วกว่านี้อีก!!” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งการเสียงดัง
อาวุธกลืนวิญญาณกับนักรบดาร์คไนท์ผู้ลึกลับกำลังพยายามแย่งชิงอาวุธมายากันอย่างสิ้นหวัง โดยฝ่ายหนึ่งพยายามดูดซับพลังงานทั้งหมดของอาวุธชนิดนี้ไป ขณะที่อีกฝ่ายก็ต้องการจะฉุดรั้งวารีเคียดแค้นไปเป็นของตัวเอง
พริบตาต่อมามันก็มีแสงสีดำพุ่งออกมาจากทิศทางอื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ และแสงพวกนี้ก็เข้ามาพันธนาการวารีเคียดแค้นเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
ท้ายที่สุดอาวุธชิ้นนี้ก็เป็นอาวุธมายา ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะถูกเนอร์วาน่าดูดพลังจนอ่อนแอ แต่มันก็ไม่มีทางที่จะสูญสลายหายไป อย่างไรก็ตามถ้าหากอาวุธมายาได้ไปตกอยู่ในมือของพวกดาร์คไนท์ อาวุธชิ้นนี้ก็อาจจะไม่ปรากฏขึ้นมาในจักรวาลอีกเป็นครั้งที่ 2
จิตสังหารของเซี่ยเฟยถูกปลดปล่อยออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับพลังของกฎแห่งความโกลาหลที่ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเงียบ ๆ
“นั่นนายกำลังจะทำอะไร?” ลินนิจอุทานอย่างตกใจ เพราะสภาพจิตใจของเซี่ยเฟยในปัจจุบันราวกับปีศาจจนทำให้เขาอดที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมาไม่ได้
“ฉันยอมเป็นหยกที่แหลกลาญดีกว่าเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์! ในเมื่อฉันเอาอาวุธชิ้นนี้มาไม่ได้ก็อย่าหวังว่าใครจะเอามันไปจากฉันได้!!” เซี่ยเฟยตะโกนด้วยน้ำเสียงอันแหบห้าว
ฟุบ!
ชายหนุ่มพุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วกว่า 4 ล้านเมตรวินาทีเพื่อใช้กฎแห่งความโกลาหลจู่โจมเข้าใส่วารีเคียดแค้นโดยตรง
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกฝ่ายสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะมันไม่มีใครคิดว่าเซี่ยเฟยต้องการจะทำลายอาวุธมายาจริง ๆ
นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!
เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูได้รับอาวุธมายาไป เซี่ยเฟยถึงกับเต็มใจทำลายอาวุธชิ้นนี้ด้วยตัวเอง!!
ตูม ๆ ๆ ๆ ๆ
เซี่ยเฟยจู่โจมเข้าใส่วารีเคียดแค้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหล่าบรรดานักรบดาร์คไนท์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็พยายามส่งเสียงร้องเพื่อหยุดชายหนุ่มเอาไว้ แต่น่าเสียดายที่เสียงเหล่านั้นไม่เข้าหูเซี่ยเฟยเลย เพราะในตรรกะของเขาหากศัตรูต้องการอะไรพวกมันจะต้องไม่ได้รับของสิ่งนั้นไป แม้ว่ามันจะต้องหมายถึงการทำลายอาวุธมายาก็ตาม
ตูม!!!!
การจู่โจมครั้งสุดท้ายก่อให้เกิดการระเบิดขึ้นมาครั้งใหญ่ ก่อนที่วารีเคียดแค้นจะหายไปจากสายตาของทุกคน
เหล่าบรรดานักรบดาร์คไนท์มองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่แตกสลาย เพราะอาวุธมายาที่เคยอยู่ตรงหน้าได้หายไปจากสายตาของพวกมันแล้วจริง ๆ
เซี่ยเฟยได้พิสูจน์อีกครั้งว่าศัตรูทุกคนของเขาจะต้องทนทุกข์ทรมาน และถึงแม้ว่าเขาจะจัดการกับศัตรูโดยตรงไม่ได้ แต่เขาก็จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางความปรารถนาของศัตรูให้ได้
วินาทีต่อมาชายหนุ่มก็เดินออกมาจากเปลวไฟด้วยกลิ่นอายอันชั่วร้ายที่ปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเขาก็ยกนิ้วกลางขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่ง พร้อมกับตะโกนเข้าใส่เหล่าบรรดานักรบดาร์คไนท์ที่กำลังยืนตกตะลึง
“ไปลงนรกซะ!”
***************
จินตนาการเป็นฉาก ๆ ตามได้เลยอ่ะ ว่าไหม?


แสดงความคิดเห็น