ตอนที่ 935 เริ่มสร้างอาวุธวิญญาณ
ตอนที่ 935 เริ่มสร้างอาวุธวิญญาณ
เมื่อภายในกระโจมเหลือเพียงแค่เซี่ยเฟยกับสามผู้นำของกลุ่มกบฏ บรรยากาศในพื้นที่บริเวณนี้ก็ค่อนข้างที่จะตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
ทูม่า, คีมอและเครนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีพลังในระดับจอมกฎ พวกเขาจึงไม่เสียชีวิตเว้นแต่ว่าเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตจะถูกทำลาย เซี่ยเฟยจึงประมาณการว่าชายชราทั้งสามน่าจะมีอายุไม่น้อยกว่าหลักหมื่นปี
“อะแฮ่ม พวกเราลืมเรื่องเมื่อกี้กันเถอะ ถึงยังไงเซี่ยเฟยก็เป็นตัวแทนสกายวิง มันเป็นความผิดคนของเราเองที่ไปพูดจาดูหมิ่นตระกูลของเขา” ทูม่าส่งเสียงกะแอมขึ้นมาเบา ๆ และพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์
เซี่ยเฟยมองไปยังชายชราคนนี้อย่างพิจารณา แล้วเขาก็ได้พบว่าทูม่าเป็นชายชราที่ดูน่าเข้าหามากกว่าผู้นำอีกสองคน
เครนพ่นลมออกมาพร้อมกับพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ ขณะที่คีมอพยายามฝืนยิ้มให้ชายหนุ่มโดยไม่นึกถึงเรื่องในอดีต
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะถึงแม้ภาพเบื้องหน้าชายชราทั้งสามจะดูเหมือนมีสิทธิ์มีเสียงเท่า ๆ กัน แต่ในความเป็นจริงทูม่ากลับมีอำนาจเหนือกว่าอีกสองคนอย่างเห็นได้ชัด และถึงแม้ว่าทั้งสามคนจะพยายามปกปิดความจริงเอาไว้ แต่เซี่ยเฟยก็ยังสามารถสังเกตเห็นได้อย่างง่ายดายว่าแท้ที่จริงแล้วทูม่าคือผู้นำกลุ่มกบฏที่แท้จริง
“พวกเราทั้งสามคนค่อนข้างจะคุ้นเคยกับบรรพบุรุษของนายเป็นอย่างดี เนื่องมาจากว่าพวกเราได้ทำหน้าที่ภายในราชวังราชันย์เทพมาเป็นเวลานาน ต่อมาพวกเราก็ไม่สามารถอดทนต่อความลับที่เบื้องบนปิดบังพวกเราได้ พวกเราจึงแยกตัวออกมาตั้งตัวเป็นกลุ่มก้อนของตัวเอง” ทูม่าแนะนำตัวอย่างตรงไปตรงมา
“ผมชื่อเซี่ยเฟยได้รับการแต่งตั้งจากบรรพบุรุษให้เป็นตัวแทนของตระกูลมาเจรจากับพวกคุณ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
เมื่อเปรียบเทียบกับการแนะนำตัวของอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว การแนะนำตัวของเซี่ยเฟยเรียบง่ายกว่ามาก เพราะนอกเหนือจากการพูดถึงชื่อของเขากับตระกูลสกายวิง เขาก็ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลอื่นใดออกมาเลย
“เอาล่ะในเมื่อคุณมาในฐานะตัวแทนสกายวิง คุณก็ช่วยบอกพวกเรามาหน่อยได้ไหมว่าเซี่ยกู่เฉิงต้องการอะไรจากพวกเรา?” ทูม่ากล่าวถามด้วยรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์
“ผู้อาวุโส คำถามนี้ไม่ควรจะเป็นคำถามของทางฝั่งคุณเลย พวกคุณก็รู้ว่าสกายวิงต้องเสี่ยงมากแค่ไหนในการแอบติดต่อกับพวกคุณ ดังนั้นทางฝั่งของพวกคุณควรจะเป็นฝ่ายที่แสดงความจริงใจออกมาก่อนหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น
การเจรจาถือได้ว่าเป็นศิลปะในการเผชิญหน้ากันรูปแบบหนึ่ง หากใครเปิดเผยเจตนาที่แท้จริงของตัวเองมาก่อน ฝ่ายนั้นก็จะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันถึงแม้เซี่ยเฟยจะอายุยังน้อยแต่เขาก็เจรจาหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองมาตั้งแต่เด็ก และเขาก็เข้าใจถึงเล่ห์เหลี่ยมในการเจรจาธุรกิจเป็นอย่างดี
แม้ว่าวันหนึ่งสกายวิงจะต้องออกมาจากดินแดนกฎและเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏจริง ๆ แต่การมาถึงของพวกเขาต้องเป็นการมาถึงอย่างยิ่งใหญ่ เขาไม่มีทางปล่อยให้ตระกูลตกอยู่ในการควบคุมของผู้นำทั้งสามคนนี้อย่างแน่นอน
หลังจากพูดคุยเผชิญหน้ากันไปหลายรอบ ทูม่าก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด เพราะชายหนุ่มตรงหน้าเขี้ยวรากดินไม่สมกับอายุของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าเขาจะพยายามหลอกล่อเซี่ยเฟยแค่ไหน แต่ชายหนุ่มคนนี้ก็สามารถหลีกเลี่ยงกับดักของเขาได้ทุกประเภท
“เซี่ยกู่เฉิงอยากรู้ว่าทำไมประตูจักรวาลถึงได้กลายเป็นสิ่งต้องห้าม และมันก็คือสิ่งที่กลุ่มกบฏของเราพยายามสืบสวนมานานมากแล้ว โดยสรุปก็คือทั้งสองเผ่าพันธุ์สูงสุดจงใจปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ ฉันสามารถบอกความจริงเรื่องนี้กับบรรพบุรุษของนายได้แค่นี้ ถือว่าจริงใจมากพอแล้วหรือยัง?” ทูม่ากล่าวอย่างรำคาญใจเล็กน้อย
“เงื่อนไขของพวกคุณคืออะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น
“เมื่อไหร่ก็ตามที่เราบอกความจริงเซี่ยกู่เฉิงจะต้องนำสกายวิงออกมาจากแดนเทพเพื่อเข้าร่วมกลุ่มกบฏทันที ห้ามไปมีความเกี่ยวข้องกับพวกขยะในราชวังอีกต่อไป” ทูม่ากล่าวพร้อมกับโน้มตัวมาด้านหน้าด้วยแววตาอันเป็นประกาย
“ตอนนี้ผมเหนื่อยจากการเดินทางมามากแล้ว ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนแล้วพรุ่งนี้พวกเราค่อยมาคุยกันใหม่ดีไหม?” เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นบิดขี้เกียจพร้อมกับกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเซี่ยเฟยกลับต้องการหลบหนีไปดื้อ ๆ แบบนี้เลยงั้นเหรอ!?
“เนี่ยน่ะเหรอตัวแทนของตระกูล ถ้าตัดสินใจเองไม่ได้ก็กลับไปปรึกษากับบรรพบุรุษของตัวเองก่อนเถอะ” เครนพูดขึ้นมายังไม่พอใจ
“ในเมื่อคุณบอกแบบนี้ผมก็ขอตอบตามตรงเลยว่าสกายวิงไม่ยอมรับเงื่อนไขเมื่อสักครู่ พวกคุณควรจะต้องกลับไปคิดเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างนิ่งเฉย
“ทำไมล่ะ?” ทูม่ารีบถาม
“พวกเราสกายวิงมีอิสระเป็นของตัวเอง ทั่วทั้งจักรวาลนี้ไม่มีใครสามารถมาควบคุมพวกเราได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มกบฏหรือเผ่าพันธุ์ทั้งสองก็ตาม หากพวกคุณยอมรับเงื่อนไขของพวกเราในเรื่องนี้ไม่ได้พวกคุณก็ควรจะเปลี่ยนแผนการใหม่จะดีกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ
“นายมีสิทธิ์อะไรถึงมาตัดสินใจแทนตระกูลแบบนี้? รีบส่งข่าวกลับไปให้เซี่ยกู่เฉิงแล้วให้เขาเป็นคนตอบพวกเราด้วยตัวเอง!” เครนลุกยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนเสียงดัง
“ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมคือผู้มีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจครั้งนี้ คำตอบของผมคือคำตอบของบรรพบุรุษ ถ้าหากว่าคุณต้องการคุยกับบรรพบุรุษคุณก็ติดต่อไปหาบรรพบุรุษเอง” ท่าทางอันหยาบคายของเครนเริ่มทำให้ความสุภาพของเซี่ยเฟยลดน้อยลง
ทันใดนั้นทูม่าก็ลุกขึ้นมาขัดขวางความบาดหมางนี้เอาไว้ และขอให้เซี่ยเฟยกลับไปพักผ่อนแล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่ในวันพรุ่งนี้ แม้ว่าการตัดสินใจของทูม่าจะทำให้เครนไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องตอบตกลง
เมื่อเซี่ยเฟยจากไปแล้วเครนก็ถอนหายใจพร้อมกับกล่าวขึ้นมาว่า
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าสกายวิงไม่มีทางเห็นด้วยกับเงื่อนไขนี้แน่นอน เซี่ยเฟยเป็นเพียงสมาชิกธรรมดาของตระกูลเขาเลยยังประนีประนอมกับพวกเราบ้าง นี่ถ้าหากเซี่ยกู่เฉิงมาที่นี่ด้วยตัวเองเขาก็คงจะตอกหน้าพวกเรากลับมาแล้วด้วยซ้ำ”
ทูม่ายังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรขณะมองไปยังคีมอที่อยู่ใกล้ ๆ โดยชายชราคนนี้ยังไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาสักคำตั้งแต่การเจรจาได้เริ่มต้นขึ้นจนถึงช่วงเวลาที่การเจรจาได้จบลงไป
“นายคิดว่าไง?” ทูม่าถาม
“การรับมือทั้งเซี่ยกู่เฉิงกับเซี่ยเฟยต่างก็ยากมากพอ ๆ กัน เพียงแต่ทั้งสองคนใช้วิธีการปฏิเสธที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง” คีมอกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
ทูม่าพยักหน้ารับเบา ๆ ด้วยสีหน้าลำบากใจ
“หากสกายวิงเข้าร่วมกับเรา พวกเราก็พอจะต่อกรกับกลุ่มผู้พิทักษ์ได้ แต่ถ้าสกายวิงปฏิเสธแล้วพวกเราจะทำอะไรได้อีก” เครนเริ่มส่งเสียงร้องคร่ำครวญ
ทันใดนั่นเองคีมอก็หรี่ตาลงก่อนที่จะกำหมัดขวาของเขาเอาไว้ ซึ่งมันก็ทำให้ทั้งทูม่าและเครนรู้สึกตกตะลึง
“จะเอาแบบนี้จริง ๆ เหรอ!?”
—
เทพขาวเทพดำเป็นคนจัดการหาที่พักให้กับเซี่ยเฟยเป็นการส่วนตัว และพวกเขาก็พยายามถามชายหนุ่มว่าการเจรจาเป็นยังไงบ้าง อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ให้คำตอบอย่างคลุมเครือโดยพยายามบอกว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ และเขาก็ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวอย่างบุ่มบามได้อย่างแท้จริง
“นกที่ดีย่อมเลือกต้นไม้ใหญ่อยู่อาศัย พวกคุณน่าจะเข้าใจความหมายที่ผมกำลังจะสื่อถึง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขยิบตาแอบส่งสัญญาณให้กับเทพขาวเทพดำ
เทพดำแอบคิดว่าเซี่ยเฟยน่าจะหมายถึงสถานการณ์ของสกายวิง เขาจึงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ขณะที่เทพขาวที่อยู่ใกล้ ๆ สะดุ้งขึ้นมาอย่างฉับพลัน
หลังจากนั้นสองพี่น้องก็จากไปทิ้งเอาไว้ให้เซี่ยเฟยได้พักผ่อนภายในห้องคนเดียว
“สิ่งที่นายพูดเมื่อกี้หมายถึงพวกเขาทั้งสองคนใช่ไหม?” ลินนิจถาม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างตรงไปตรงมา
“ทำไมนายถึงบอกแบบนั้นล่ะ? นายเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเปล่า?” ลินนิจถามอย่างสงสัย
“ผมถามคุณแค่คำถามเดียว สมมุติว่าบรรพบุรุษตัดสินใจเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏจริง ๆ แล้วใครจะเป็นผู้มีอำนาจภายในกลุ่มกบฏมากที่สุด?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างเยาะเย้ย
“บรรพบุรุษของนายถึงกับกล้าล้มโต๊ะในราชวังราชันย์เทพ ฉันคิดว่าในกลุ่มกบฏนี้ไม่มีใครสามารถหยุดเขาเอาไว้ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ บรรพบุรุษของนายก็ควรจะเป็นผู้นำของกลุ่มกบฏ” ลินนิจพยายามวิเคราะห์สถานการณ์
“แล้วคุณคิดว่าตาเฒ่า 3 คนนั้นจะยอมส่งมอบอำนาจให้กับบรรพบุรุษของผมไหม?” เซี่ยเฟยถามอีกครั้ง
“ไม่มีทาง! พวกเขาเป็นคนก่อตั้งกลุ่มกบฏขึ้นมาแล้วพวกเขาจะมอบอำนาจให้คนอื่นได้ยังไง” ลินนิจกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ถึงแม้เครนจะหยาบคายมากที่สุดแต่เขาก็คือคนที่อยากให้สกายวิงเข้าร่วมกลุ่มกบฏมากที่สุดด้วยเหมือนกัน ทูม่าแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขากลัวสกายวิงแย่งชิงอำนาจของเขาไป ในบรรดาผู้นำทั้งสามผมคิดว่าคีมอมีไหวพริบมากที่สุด”
“ทูม่าบอกว่าเขาเคยร่วมงานกับบรรพบุรุษในราชวังราชันเทพมาก่อน ถึงแม้ผมจะไม่เคยพบกับบรรพบุรุษแต่ผมก็รู้จักนิสัยของเขาดี เงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียมกันแบบนี้มันไม่มีทางที่บรรพบุรุษจะเห็นด้วยแน่ ๆ”
“โดยผิวเผินอาจจะดูเหมือนกลุ่มพันธมิตรกำลังพยายามผูกมิตรกับสกายวิง แต่แท้ที่จริงแล้วพวกเขากำลังต้องการกองกำลังอย่างเร่งด่วน สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่ตัวตนที่มีอำนาจอย่างบรรพบุรุษของพวกเราเลย ไม่ว่าจะดูยังไงข้อตกลงนี้มันก็เป็นการพยายามหลอกใช้สกายวิงชัด ๆ”
“กลุ่มกบฏที่นำโดยสามคนนั้นไม่มีทางจบลงด้วยดี ผมจึงพยายามให้คำแนะนำสองพี่น้องคู่นั้นไป แต่พวกเขาจะตัดสินใจยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาเอง” เซี่ยเฟยอธิบาย
“นี่นายมองคนอื่นทะลุปรุโปร่งแบบนี้เลยงั้นเหรอ? ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมนายถึงกล้าปฏิเสธกลับไปตรง ๆ แบบนั้น” ลินนิจมองไปทางเซี่ยเฟยอย่างประหลาดใจ
ความสามารถในการมองคนของเซี่ยเฟยเรียกได้ว่าเป็นของจริง เพราะถึงแม้ผู้นำทั้งสามของกลุ่มกบฏจะมีชีวิตอยู่มาหลายหมื่นปี แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหลบหนีไปจากสายตาอันเฉียบคมของเซี่ยเฟยได้
“เอาล่ะพวกเรามาเริ่มทำอาวุธวิญญาณกันเถอะ” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากที่เขาตรวจสอบห้องพักอย่างระมัดระวัง
“ที่นี่เลยงั้นเหรอ? อย่าลืมนะว่าพวกเรากำลังอยู่ในเขตแดนของกลุ่มกบฏ แล้วนายตัดสินใจได้หรือยังว่านายจะเปลี่ยนอาวุธชิ้นไหนเป็นอาวุธวิญญาณ?” ลินนิจถามอย่างแปลกใจ
“คุณไม่เคยได้ยินเหรอว่าสถานที่ที่อันตรายที่สุดคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด นอกจากนี้ผมก็มาเยือนกลุ่มกบฏในฐานะตัวแทนสกายวิง หากพวกเขาต้องการทำร้ายผมมันก็เหมือนการประกาศสงครามกับสกายวิงนั่นแหละ”
“ถ้าหากคุณถามว่าผมจะเปลี่ยนอาวุธชิ้นไหนเป็นอาวุธวิญญาณ มันก็ไม่จำเป็นจะต้องคิดให้มากความเลย เพราะอาวุธที่ดีที่สุดของผมในตอนนี้มันมีเพียงแค่ชิ้นเดียวนั่นก็คือบลัดบิวเทียสฎ เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหยิบบลัดบิวเทียสเอามาวางไว้บนโต๊ะ
***************
3 ผู้เฒ่าฝีมือยังอีกไกลนะจ้ะ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 259
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น