ตอนที่ 917 โกลเดนไลท์
ตอนที่ 917 โกลเดนไลท์
ไม่มีใครเคยคาดคิดว่าเซี่ยเฟยจะนำแท่งทองมาใช้ในแผนการ หนอนด้วงมิติร่างยักษ์จึงอมสถานีวิจัยลับเอาไว้ในปากขณะท่องไปในช่องว่างมิติอย่างรวดเร็ว
ภายในช่องว่างมิติไร้ซึ่งสัญญาณการสื่อสาร สถานีวิจัยลับจึงสูญเสียการติดต่อกับบริษัทฟิกส์โดยสมบูรณ์ หรือก็คือสถานีวิจัยนี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของชายหนุ่มแล้ว
การเก็บเกี่ยวในครั้งนี้สร้างผลกำไรให้กับเซี่ยเฟยอย่างมหาศาล เพราะท้ายที่สุดสถานีวิจัยลับก็เป็นตัวแทนของเทคโนโลยีระดับสูงสุดภายในบริษัท การได้รับสถานีวิจัยแห่งนี้มามันจึงไม่ต่างไปจากการที่เขามีหัวเชื้อของบริษัทฟิกส์อยู่กับตัว
เซี่ยเฟยจู่โจมเข้าใส่คาวิสอย่างไร้ปรานี ทำให้แขนขาของชายชราคนนี้แตกละเอียดนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด
“นี่แกคือคนของสกายวิงงั้นเหรอ? ถ้าหากข่าวเรื่องที่แกยึดสถานีวิจัยลับเผยแพร่ออกไป ตระกูลแกก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย” คาวิสพยายามใช้ชื่อเสียงของบริษัทฟิกส์เพื่อข่มขู่เซี่ยเฟย
ผัวะ ๆ
ชายหนุ่มตบหน้าชายชราอย่างรุนแรงจนทำให้ฟันสีขาวและฟองเลือดกระเด็นออกมาจากปาก คาวิสจึงเกือบจะเป็นลมด้วยความเจ็บปวด
“ในเมื่อฉันตัดสินใจทำเรื่องทุกอย่างขึ้นมาแล้ว แกยังคิดว่าฉันจะกลัวคำขู่ของแกอีกงั้นเหรอ?”
หลังจากพูดจบเซี่ยเฟยก็หันหน้าไปทางหน้าจอ ก่อนที่เขาจะได้พบกับประโยคที่ลินนิจส่งข้อความมาหา
“นายควบคุมหนอนด้วงมิติได้ยังไง? แม้แต่บริษัทฟิกส์ก็ทำอะไรแบบนี้ไม่ได้เลยนะ”
เซี่ยเฟยเลือกที่จะไม่ตอบคำถามแต่เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องไปเรื่องใหม่
“คุณช่วยควบคุมทุกคนเอาไว้หน่อยได้ไหม? มันคงจะไม่ดีถ้าหากว่ามีใครเปิดระบบทำลายตัวเองขึ้นมา”
“ไม่มีปัญหา ตอนนี้สถานีอวกาศทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของฉันแล้ว” ลินนิจส่งข้อความตอบกลับ
“ผมขอรายชื่อของคนที่ต้องจัดการมาให้ผมด้วย” เซี่ยเฟยพิมพ์
การขโมยสถานีวิจัยเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น หลังจากนี้เขาจำเป็นจะต้องจัดการกับคนทั่วทั้งสถานี เหลือเอาไว้เพียงแต่คนที่ลินนิจคิดว่าเชื่อถือได้เท่านั้น ส่วนคนที่เหลือจะต้องถูกสังหารลงไปทั้งหมด
ลินนิจหยุดนิ่งไปชั่วคราว ก่อนที่เขาจะส่งข้อความขึ้นมาใหม่
“ฉันไม่เคยควบคุมสถานีวิจัยนี้มาก่อนเลยและฉันก็ไม่รู้จักคนทุกคนบนสถานีวิจัยนี้ด้วย บางทีมันอาจจะมีคนที่ถูกจับตัวมาเหมือนกับฉัน แล้วเราจะแยกแยะได้ยังไงว่าใครคนไหนเป็นคนที่เชื่อถือได้?”
“ไม่จำเป็นจะต้องแยกแยะหรอก เพื่อความปลอดภัยนอกเหนือจากคนที่ถูกกักขังเอาไว้แล้วคนอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่ไม่น่าไว้ใจทั้งหมด” เซี่ยเฟยพิมพ์พร้อมกับส่ายหัว
“นั่นมันคนมากกว่า 40,000 คนเลยนะ” ลินนิจพิมพ์ขึ้นมาด้วยความตกใจ
“40,000 คนแล้วยังไง ตราบใดที่คนในนั้นยังเป็นอันตรายพวกเราก็ต้องกำจัดพวกมันโดยเร็วที่สุด”
—
ณ บริษัทฟิกส์
ปัจจุบันคณะกรรมการได้ทำการเรียกรวมประชุมเป็นการฉุกเฉิน
“อะไรนะ?! นายกำลังบอกว่าจู่ ๆ สถานีวิจัยก็หายสาบสูญไปงั้นเหรอ?” เมแกนถามอย่างตกใจซึ่งคณะกรรมการทั้งหมดต่างก็รู้สึกตกตะลึงด้วยเช่นกัน
การสูญเสียสถานีวิจัยลับถือว่าเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของบริษัทฟิกส์ ซึ่งบางทีใครหลาย ๆ คนก็อาจจะเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ก็ได้
“ฉันชี้แจงอย่างละเอียดแล้วว่าสถานีวิจัยได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย” ชายฉกรรจ์หน้าเหลี่ยมบนหน้าจอกล่าวตอบอย่างเฉยเมย
“แล้วทำไมถึงไม่รีบตามหา! รีบส่งทุกคนออกไปตามหาเบาะแสเร็วเข้า!!” เมแกนตะโกนออกคำสั่งเสียงดัง
“พวกเราพยายามตามหาอย่างสุดกำลังแล้ว เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับหยิงเฟยที่เพิ่งถูกส่งตัวเข้าไปในสถานีวิจัย แต่ฉันขอแนะนำว่าพวกคุณทุกคนอย่าตั้งความหวังเอาไว้มากนักจะดีกว่า และคุณก็ไม่ควรมาตะโกนใส่ฉันด้วย เพราะคุณไม่มีคุณสมบัติอีกต่อไปแล้ว” ชายหน้าเหลี่ยมกล่าวอย่างเย็นชา
เหล่าบรรดาคณะกรรมการต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล เมื่อได้ยินว่าพวกเขาอาจจะไม่เหลือความหวังในการตามหาร่องรอยสถานีวิจัยอีกต่อไปแล้ว
สีหน้าของเมแกนบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ แต่ในขณะที่เขากำลังจะตะโกนคำสาปแช่งออกมา ชายหน้าเหลี่ยมก็กล่าวขึ้นมาอย่างสงบว่า
“นี่คุณยังไม่เข้าใจอีกงั้นเหรอว่าความผิดครั้งนี้มันอยู่ในความรับผิดชอบของคุณ หลังจากนี้ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านประธาน”
ปิ๊บ!
ทันทีที่ชายหน้าเหลี่ยมพูดจบเขาก็ตัดการเชื่อมต่อออกไปทิ้งเอาไว้เพียงแต่คณะกรรมการทั้ง 12 คนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมด้วยใบหน้าอันซีดเผือด
ทันใดนั่นเองหน้าจออีกหนึ่งหน้าจอก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นเจ้าหน้าที่ที่กำลังแสดงสีหน้ากังวลขึ้นมาอย่างชัดเจน
“ท่านเมแกนตอนนี้ห้องขังของฟลินน์เต็มไปด้วยเลือด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 130 คนถูกสังหารทั้งหมด และตัวของฟลินน์ก็หายสาบสูญไปแล้วครับ” เจ้าหน้าที่รายงานอย่างกระวนกระวายใจ
“อะไรนะ?!” เมแกนใช้มือทุบโต๊ะอย่างโกรธเกรี้ยว ซึ่งความโกรธที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันก็เกือบจะทำให้เขาถึงกับเป็นลม
ทุกอย่างมีความเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่สถานีวิจัยได้หายไปอย่างลึกลับ หรือการที่ฟลินน์หลบหนีออกจากคุกและทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ชี้ไปยังชายหนุ่มที่ชื่อว่าหยิงเฟย
—
“ไอ้โง่พวกนี้คิดจะให้ฉันรับผิดชอบความผิดของพวกมันงั้นเหรอ? คนที่ขโมยสถานีวิจัยไปได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน พวกแกจัดการเรื่องนี้เอาเองเถอะ” ชายหน้าเหลี่ยมพึมพำกับตัวเองด้วยใบหน้าอันเย็นชา หลังจากที่เขาได้ปิดหน้าจอสื่อสารของคณะกรรมการบริษัทฟิกส์
ทันใดนั้นมันก็มีหน้าจอสว่างขึ้นมาบริเวณทางด้านหลังเขาเผยให้เห็นชายชราที่อยู่ในเสื้อคลุมสีแดงเพลิง
“ท่านประธานผมผิดไปแล้วครับ” ชายหน้าเหลี่ยมผู้ซึ่งมีความเยือกเย็นอยู่เสมอสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อเขาได้เห็นชายชราในหน้าจอ
“ดรากูน นายไม่ผิดอะไรหรอก เจ้าพวกโง่ในห้องประชุมนั่นต่างหากที่สมควรตาย ความผิดของฉันคือฉันเชื่อใจพวกมันมากเกินไป ฉันคิดว่ามันไม่มีใครกล้ามาแตะต้องบริษัทฟิกส์ แต่สุดท้ายฉันก็คิดผิด จะว่าไปแล้วเรื่องนี้มันก็เป็นความผิดของฉันด้วย” ชายชรากล่าวพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่าง
“เชิญท่านประธานออกคำสั่งมาได้เลยครับ” ดรากูนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
“ตรวจสอบทั่วทั้งดินแดนกฎว่าเรื่องนี้มันเป็นแผนการของใคร การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แบบนี้ไม่ใช่แผนการที่จะเตรียมตัวได้ในไม่กี่วัน เห็นได้ชัดเลยว่าพวกมันจะต้องแอบวางแผนมานานหลายปีแล้ว เริ่มต้นจากศัตรูของบริษัทฟิกส์ก่อน” ชายชราชุดแดงเพลิงออกคำสั่ง
ความเป็นจริงประธานบริษัทฟิกส์คนนี้ประเมินศัตรูผิดไปจากความเป็นจริงค่อนข้างไกล เพราะเซี่ยเฟยกับบริษัทฟิกส์ไม่เคยมีความบาดหมางกันมาก่อน และเขาได้ใช้เวลาในการวางแผนพร้อมกับดำเนินงานในช่วงเวลาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมาเท่านั้น
“ฉันได้ยินมาว่ามันมีสัญญาณของช่องว่างมิติเกิดขึ้นด้วยงั้นเหรอ?” ชายชราพูดต่อหลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ใช่ครับ ระบบตรวจจับแสดงให้เห็นว่าช่วงเวลาเดียวกันกับสัญญาณช่วยเหลือถูกส่งออกมา มันก็มีสัญญาณของช่องว่างมิติเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันด้วย มีแนวโน้มสูงมากที่ศัตรูอาจจะใช้ช่องว่างมิติในการดำเนินงานแผนการนี้” ดรากูนตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ช่องว่างมิติ!? ช่องว่างมิติไม่ใช่พื้นที่ที่พวกเราจะเข้าไปยุ่มย่ามได้ง่าย ๆ รีบติดต่อไปหาชาวอิโดซายืมโกลเดนไลท์ของพวกเขามาแล้วเข้าไปตรวจสอบในช่องว่างมิติซะ” ชายชราเริ่มสั่งการ
“ชาวอิโดซาคือคนของเผ่ามารนะครับ ถ้าหากมีข่าวหลุดออกไปว่าบริษัทฟิกส์ติดต่อกับคนของเผ่ามาร มันอาจจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทได้”
“นอกจากนี้โกลเดนไลท์ยังเป็นหนอนด้วงมิติที่ล้ำค่าที่สุดภายในเผ่าของพวกเขา ถึงแม้พวกเขาจะให้เรายืมมาใช้แต่เราก็คงจะต้องจ่ายค่าเช่าในราคามหาศาล” ดรากูนกล่าวขึ้นมาอย่างไม่ค่อยสบายใจ
“สถานการณ์ในตอนนี้มันไม่จำเป็นที่พวกเราจะต้องไปกังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงอะไรอีกแล้ว เพราะถ้าหากบริษัทฟิกส์ไม่มีสถานีวิจัยลับ ตัวบริษัทก็ไม่ได้มีความหมายอะไรอีกต่อไป” ชายชรากล่าว
ดรากูนสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อได้รู้ว่าการสูญเสียสถานีวิจัยลับ หมายถึงการสูญเสียคุณค่าของบริษัทไปโดยตรง
แท้ที่จริงแล้วคำว่าบริษัทฟิกส์คือสถานีวิจัยลับงั้นเหรอ!?
“หากใช้ชื่อของฉันพวกอิโดซาน่าจะยอมเจรจากับพวกเราอยู่บ้าง ปัญหาในตอนนี้มันไม่ใช่ปัญหาในเรื่องเงินแล้ว แต่มันเป็นปัญหาว่าบริษัทจะอยู่รอดต่อไปได้หรือเปล่า” ชายชรากล่าวเน้นย้ำขึ้นมาอีกครั้ง
“ได้ครับ ผมจะรีบไปติดต่อชาวอิโดซาเพื่อขอยืมโกลเดนไลท์มาเดี๋ยวนี้ ตราบใดก็ตามที่พวกเราใช้ราชาแห่งช่องว่างมิติในการไล่ล่า พวกมันย่อมไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเราไปได้” ดรากูนพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม
“ในสถานีวิจัยลับมีระบบการสื่อสารที่ดีที่สุดในดินแดนกฎ พวกมันย่อมไม่ออกมาจากช่องว่างมิติง่าย ๆ หรอก จนกว่าพวกมันจะหาทางทำลายระบบสื่อสารนั้นลงไปได้ แต่นายจะต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด ฉันกำลังสงสัยว่าพวกที่ดำเนินการน่าจะมีความเชี่ยวชาญที่สูงมาก บางทีพวกมันอาจจะทำลายระบบสื่อสารได้ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน”
—
การโยนหินลงในน้ำของเซี่ยเฟยในคราวนี้ก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งจักรวาล จนทำให้ประธานบริษัทฟิกส์พยายามออกมาตามหาสถานีวิจัยภายในช่องว่างมิติ แม้ว่าการเคลื่อนไหวนั้นจะต้องแลกกับการขอความช่วยเหลือไปทางเผ่ามารก็ตาม
โกลเดนไลท์คือหนอนด้วงมิติที่โอโร่เคยบอกว่ามันคือราชาของหนอนด้วงมิติทั้งหมด หนอนด้วงตัวนี้มีดวงตามากกว่า 10,000 ดวง และมันก็ได้ครอบครองพลังต่อสู้ที่ใครยากจะเทียบเคียงกับมันได้ หากหนอนตัวนี้ถูกส่งออกมาไล่ล่าเซี่ยเฟยจริง ๆ มันก็คงจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างมากมาย เพราะในช่องว่างมิติมันไม่มีสัตว์ชนิดไหนมีความเชี่ยวชาญมากกว่าหนอนด้วงมิติแล้ว
ณ คฤหาสน์อีวิลวิง
ปัจจุบันเซี่ยเค่อกับเซี่ยเหลียนหนิงกำลังรอฟังข่าวอย่างกังวล
ฟุบ!
“ผมช่วยศาสตราจารย์ฟลินน์และเอาเขาไปหลบในสถานที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้วครับ” เซี่ยกวงไห่พุ่งเข้ามาภายในห้องและรายงานด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” เซี่ยเค่อถาม
“ไม่ต้องห่วงครับ เซี่ยเฟยเปิดช่องว่างให้เราเยอะมาก ไม่มีทางที่บริษัทฟิกส์จะตรวจจับร่องรอยของพวกเราได้” เซี่ยกวงไห่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยกวงไห่รู้สึกภาคภูมิใจในตัวของเซี่ยเฟยเล็กน้อย เพราะเส้นทางที่ชายหนุ่มเปิดเอาไว้ให้ทำให้เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกสบายมาก เมื่อมันรวมกับความเชี่ยวชาญของเขาแล้วการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้จึงไม่มีอุปสรรคเลยแม้แต่นิดเดียว
“ทำไมพวกคุณถึงกังวลขนาดนี้ แล้วเซี่ยเฟยอยู่ไหน?” เซี่ยกวงไห่ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ตอนนี้เรื่องมันใหญ่กว่าที่เราคิดเอาไว้มาก จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็ขโมยสถานีวิจัยลับไปทั้งสถานี” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“สถานีวิจัยลับมันคืออะไรงั้นเหรอครับ? แต่บรรพบุรุษบอกมาแล้วไม่ใช่เหรอว่าเซี่ยเฟยสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่เขาต้องการ ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจทำอะไรพวกเราก็ต้องสนับสนุนเขาไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยกวงไห่ถามอย่างไร้เดียงสา
“ฉันคิดว่าบรรพบุรุษคงไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซี่ยเฟยจะก่อเรื่องใหญ่จนถึงขนาดนี้ ฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะว่าสถานีวิจัยลับมันคืออะไร แต่ฉันพอจะพูดได้ว่าการสูญเสียสถานีวิจัยลับไปอาจจะทำให้บริษัทฟิกส์ปิดตัวลงได้เลย เพราะแม้แต่ฟิวรี่ที่หายไปนานหลายปีก็ยังปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง” เซี่ยเค่อกล่าวอย่างกังวล
“ฟิวรี่!? ประธานบริษัทฟิกส์คนนั้นนั่นเหรอครับ!” เซี่ยกวงไห่สะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ
***************
เผ่าเทพยังไม่ชินในการสร้างปัญหาของพี่เฟยนะสิ คนอื่น ๆ ที่รู้จักมาก่อนเขาชินกันหมดแล้วนะ 55555


แสดงความคิดเห็น