ตอนที่ 885 เรียกฉันว่าอัลฟ่า
ตอนที่ 885 เรียกฉันว่าอัลฟ่า
“จงเรียนรู้แล้วนายจะไขปริศนาทั้งหมดได้” เซี่ยเฟยพึมพำข้อความที่ปรากฏขึ้นมาเบา ๆ
สิ่งต่าง ๆ ดูคล้ายจะเริ่มน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมันเหมือนกับว่าจะมีมือที่มองไม่เห็นคอยแอบช่วยเหลือเขาอยู่อย่างลับ ๆ ให้เขาเข้ามาในพื้นที่ส่วนลึกของบริษัทฟิกส์
นับตั้งแต่ที่เซี่ยเฟยเปิดใช้งานเครื่องปลอมแปลงบัตร เรื่องลึกลับก็เข้ามาหาตัวเขาไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาที่มีตัวตนอยู่จริง ๆ และตัวตนของศาสตราจารย์ฟลินน์ยังนำพาให้เขาได้มาประสบกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจพิมพ์ประโยคข้อความลงไปบนหน้าจอ
“คุณเป็นใคร? แล้วปริศนาที่คุณว่าคืออะไร?”
ทันทีที่พิมพ์จบชายหนุ่มก็จ้องมองค้างไปที่หน้าจอด้วยหวังว่าตัวตนอันลึกลับจะตอบคำถามเขากลับมา ซึ่งในไม่ช้ามันก็มีข้อความตอบกลับมาในหน้าจอจริง ๆ
“นายเรียกฉันว่าอัลฟ่าก็ได้ ขั้นตอนแรกของการไขปริศนาคือนายจะต้องเข้าสู่ศูนย์วิจัยหลักให้ได้ซะก่อน”
ข้อความของอัลฟ่าถึงกับทำให้เซี่ยเฟยสะดุ้งตกใจ เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจจุดประสงค์ที่เขาเข้ามาในบริษัทนี้ ไม่ว่าจะเป็นการไขปริศนาเรื่องประตูจักรวาลจากคำใบ้ของเทพขาวเทพดำ และการสืบหาข่าวคราวเรื่องของลินนิจผู้ซึ่งเป็นผู้นำของเผ่าจักรกล
อย่างไรก็ตามมันก็ต้องอย่าลืมว่าสถานที่แห่งนี้คือบริษัทฟิกส์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในจักรวาล ภายในบริษัทจึงเป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าบรรดาอัจฉริยะ แต่ถึงกระนั้นอัลฟ่าก็ต้องการให้เขาเข้าสู่ศูนย์วิจัยหลักให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก
ที่สำคัญคืออัลฟ่าบอกว่าการเข้าสู่ศูนย์วิจัยหลักเป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น และการที่มันมีขั้นตอนแรก มันก็หมายความว่าหลังจากนี้มันจะต้องมีขั้นตอนต่อ ๆ ไป
เรื่องนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าบางทีบริษัทฟิกส์อาจจะไม่ได้ขาวสะอาดอย่างที่ทุกคนได้เข้าใจ บางทีมันอาจจะมีกองกำลังที่ไม่รู้จักซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังบริษัทนี้ หรือบางทีบริษัทอาจจะมีเรื่องบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณชนได้
“แล้วฉันจะต้องทำยังไงถึงจะเข้าสู่ศูนย์วิจัยหลักได้?” เซี่ยเฟยพิมพ์ถาม
“จงเรียนรู้แล้วแสดงความสามารถของนายออกมา”
“เรียนรู้แล้วแสดงความสามารถออกมา?” เซี่ยเฟยอ่านข้อความพร้อมกับขมวดคิ้ว เพราะนิสัยตามปกติเขาชอบที่จะลงมืออย่างเงียบ ๆ แต่บุคคลปริศนากลับต้องการให้เขาทำตัวโดดเด่น
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาคิดพิจารณาเรื่องนี้อยู่สักพัก เขาก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ เพราะสิ่งที่อัลฟ่าพูดเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว บริษัทฟิกส์มีขนาดใหญ่มากถ้าหากว่าเขายังคงเก็บตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ เขาก็ไม่รู้ว่ามันจะต้องใช้เวลาอีกกี่ปีเขาถึงจะสามารถเข้าไปยังศูนย์วิจัยหลักได้
ดาร์คไนท์กำลังใกล้เข้ามาแล้ว และถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าดาร์คไนท์คืออะไร แต่มันเห็นได้ชัดเลยว่าเขาเหลือเวลาจัดการเรื่องทุกอย่างอีกไม่มากนัก
“ถ้าอย่างนั้นเราก็มาเริ่มกันเถอะ” เซี่ยเฟยพิมพ์ข้อความโดยไม่ได้ถามต่อ เพราะอัลฟ่าดูเหมือนไม่เต็มใจจะตอบเขาจึงไม่คิดจะถามเรื่องอะไรให้มันมากเกินไป
หลังจากหยุดไปอีกครู่หนึ่งอัลฟ่าก็ตอบกลับมา แต่คำตอบนี้ค่อนข้างที่จะอยู่นอกเหนือจากความคาดหมายของเขา
“ขั้นแรกของการเรียนรู้คือการฝึกฝนให้เชี่ยวชาญ”
ทันใดนั้นหน้าจอบริเวณด้านหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเผยให้เห็นแผนการเรียนรู้อันน่าตกตะลึง ที่มันจำเป็นจะต้องใช้การประสานงานระหว่างดวงตา, สมองและพลังงานให้ทำงานพร้อม ๆ กัน
วิธีการเรียนรู้ลักษณะนี้เป็นวิธีการที่น่าทึ่งมาก เพราะมันคือการใช้ดวงตาส่งภาพเข้าไปสู่สมอง จากนั้นพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ก็จะทำหน้าที่ป้อนพลังงานเพื่อกักเก็บความรู้ทั้งหมดเข้าสู่สมองโดยสมบูรณ์
สมองซีกซ้ายและสมองซีกขวาของมนุษย์มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน โดยสมองซีกขวาทำหน้าที่เกี่ยวกับอารมณ์ ขณะที่สมองซีกซ้ายทำหน้าที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ วิธีการที่อัลฟ่านำเสนอมาคือการให้สมองทั้งสองส่วนทำงานขึ้นมาในเวลาเดียวกัน และทำให้สมองสามารถประมวลผลได้ด้วยความเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เซี่ยเฟยกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่พร้อมกับพยายามจดจำวิธีการเรียนรู้ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าวิธีการเรียนรู้แบบนี้จะให้ผลลัพธ์เป็นยังไง แต่สิ่งที่เขารู้คือคนคิดวิธีการนี้ขึ้นมาย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
อัลฟ่าคล้ายกับจะได้ศึกษาสมองของมนุษย์โดยละเอียด และทำการออกแบบวิธีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งถ้าหากว่าวิธีการเรียนรู้วิธีการนี้ได้ผลลัพธ์ตามทฤษฎีจริง ๆ หลังจากนี้การเรียนรู้ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาอีกต่อไป
หากเปรียบเทียบวิธีการเรียนรู้แบบดั้งเดิมของเขาจำเป็นจะต้องใช้เวลาเรียนรู้ยาวนานถึง 1 ปี วิธีการนี้ก็อาจจะย่นระยะเวลาการเรียนรู้ลงมาให้เหลือเพียงแค่ประมาณ 1 อาทิตย์เท่านั้น
หลังจากนั้นภาพบนหน้าจอก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อป้อนข้อมูลเข้าสู่สมองของชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง
เนตรมายา!
เซี่ยเฟยใช้พลังเสริมการมองเห็นให้กับตัวเอง เนื่องมาจากภาพบนหน้าจอเคลื่อนที่รวดเร็วมาก และถ้าหากว่าเขาไม่ได้ใช้เนตรมายาเขาก็จะเห็นเนื้อหาข้อความเพียงบางส่วนเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นานระบบประสาทของนักรบสายความเร็วก็ทำการส่งภาพทุกอย่างไปยังสมองซีกขวา และมอบหน้าที่ให้สมองซีกซ้ายทำการประมวลผลข้อมูล ระหว่างนั้นพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ก็ทำการป้อนพลังงานเข้าสู่สมองอย่างบ้าคลั่งสลักชุดข้อมูลความรู้ทั้งหมดที่เพิ่งเรียนรู้มาเข้าสู่เซลล์เก็บความทรงจำภายในสมองโดยตรง
หลังจากเรียนรู้ไปได้สักพักเซี่ยเฟยก็ตระหนักว่าวิธีการนี้สามารถใช้ได้ผลจริง ๆ สมองของเขาจึงสามารถประมวลผลได้ทรงพลังมากกว่าซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าเขาจะสามารถทำได้ในชีวิต
มันเคยมีคำกล่าวในอดีตว่ามนุษย์สามารถใช้งานสมองได้เพียงแค่ไม่ถึง 5% เท่านั้น ถึงแม้มนุษย์จะใช้งานพลังพิเศษได้แต่ประสิทธิภาพของสมองก็ถูกนำมาใช้งานไม่ถึง 20%
ในวันนี้ชายหนุ่มสามารถใช้สมองทุกส่วนให้ทำงานได้ 100% แล้ว และผลจากการใช้สมองอย่างเต็มประสิทธิภาพมันก็สร้างผลลัพธ์ขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ
เมื่อเซี่ยเฟยเริ่มคุ้นเคยกับวิธีการเรียนรู้แบบใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ ภาพบนหน้าจอก็เร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งทุก ๆ 1 นาทีที่ผ่านไปข้อมูลที่ชายหนุ่มได้เรียนรู้มันก็เทียบเท่าได้กับการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยเป็นเวลานานถึง 3 เดือน
หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไป 5 นาที ในที่สุดการเรียนรู้อันบ้าคลั่งก็ได้หยุดลง
ชายหนุ่มหอบหายใจออกมาอย่างหนักทั่วทั้งร่างของเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เพราะในช่วง 5 นาทีที่ผ่านมานี้สมองของเขาได้จดจำความรู้ที่จำเป็นจะต้องใช้เวลาเรียนรู้ 1 ปีเข้ามาแล้ว
“เอาอีก”
เซี่ยเฟยพักผ่อนแค่ช่วงสั้น ๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มกระบวนการเรียนรู้อย่างบ้าคลั่งอีกครั้งหนึ่ง
น่าเสียดายที่กระบวนการเรียนรู้ในลักษณะนี้สร้างภาระให้กับร่างกายมากเกินไป เซี่ยเฟยจึงสามารถเรียนรู้ต่อเนื่องได้ครั้งละ 5 นาที และจำเป็นจะต้องพักอีก 5 นาทีก่อนที่จะเริ่มเรียนรู้ในครั้งต่อไป
แต่ถึงกระนั้นอัตราการเรียนรู้ของเขาก็อยู่ในระดับที่สูงมาก เพราะในช่วง 10 ชั่วโมงต่อมาเขาก็ได้รับความรู้เทียบเท่ากับความรู้ของผู้อื่นเป็นเวลาถึง 60 ปี
แม้ว่าจะได้รับความรู้เข้ามาในปริมาณมหาศาล แต่ชายหนุ่มก็ยังต้องการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้นอีกเรื่อย ๆ เพราะการเรียนรู้แบบนี้ทำให้สมองของเขาถูกใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ จนทำให้การเรียนรู้ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาไม่สามารถนำมาเทียบได้กับความรู้ที่เขาได้เรียนรู้ในวันนี้เพียงวันเดียว
น่าเสียดายที่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปครบ 10 ชั่วโมงแล้วอัลฟ่าก็ขาดการติดต่อไปอย่างกระทันหัน จนทำให้เซี่ยเฟยจำเป็นจะต้องจบการเรียนรู้ของวันนี้เอาไว้เพียงเท่านั้น เขาจึงจำเป็นจะต้องไปพักผ่อนโดยไม่เต็มใจ
—
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ โดยใช้เวลาภายในทีมซ่อมบำรุงวันละ 1 ชั่วโมงแบ่งออกเป็นการทำงาน 30 นาที และการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน 30 นาทีเพื่อเรียนรู้สิ่งที่น่าสนใจเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับบริษัท
เมื่อกลับมาที่หอพักชายหนุ่มก็จะเข้าไปในมิติฝึกฝนในทันที และเริ่มเรียนรู้กับอัลฟ่าเป็นเวลาวันละ 10 ชั่วโมง
เวลาเรียนรู้ 10 ชั่วโมงไม่ใช่เวลามากหรือน้อยจนเกินไป ซึ่งภายในเวลา 10 ชั่วโมงนี้มันก็ช่วยให้เขาสามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่โดยไม่สร้างภาระให้กับสมองมากเกินไป
ทันทีชายหนุ่มทำการย่อยข้อมูลภายในสมองจนเสร็จ เขาก็จะเริ่มทำการฝึกฝนเรื่องอื่นจนถึงเช้า ก่อนที่เขาจะไปทำงานในทีมซ่อมบำรุงวนอยู่เรื่อย ๆ แบบนี้ในทุก ๆ วัน
—
ศูนย์วิจัย 137
ตอนที่เซี่ยเฟยเข้ามาทำงานมีคนให้ความสนใจกับเขาไม่มากนัก แต่ในทางกลับกันตอนนี้ทุกคนต่างก็กำลังให้ความสนใจกับคาเตอร์ผู้ซึ่งเป็นอัจฉริยะที่จบการศึกษามาจากสาขานิรันดร์
เป็นที่รู้กันดีว่าสาขานิรันดร์ส่งบัณฑิตจบการศึกษาออกมาน้อยมาก ทุกคนจึงอยากรู้ว่าผู้ที่สามารถสำเร็จการศึกษาได้ในรอบ 150 ปีจะมีความรู้ความสามารถอยู่ในระดับไหนกันแน่
“ดูนั่น! คาเตอร์กำลังตอบคำถามชิงคะแนนอีกแล้ว” พนักงานสาวสวมแว่นอุทานขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
เมื่อมีคนพูดเปิดประเด็นพนักงานคนอื่น ๆ ในศูนย์วิจัยต่างก็รีบเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายของบริษัทอย่างรวดเร็ว
ในบริษัทฟิกส์มีกระทู้สำหรับการตั้งคำถาม ทำให้ไม่ว่าใครก็ตามสามารถถามคำถามและเสนอของรางวัลสำหรับคำถามพวกนั้นได้
การตอบคำถามไม่เพียงแต่จะช่วยปรับปรุงชื่อเสียงของผู้ตอบภายในบริษัทได้เท่านั้น แต่คะแนนที่พวกเขาได้รับสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้อีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ระดับสูงหลาย ๆ ชิ้นสามารถหาซื้อได้ด้วยคะแนนของบริษัทเท่านั้น พนักงานเป็นจำนวนมากจึงพยายามตอบคำถามเพื่ออวดทักษะความรู้ของตัวเอง และหาคะแนนกลับมาเป็นสิ่งตอบแทน
สิ่งแรกที่คาเตอร์ทำหลังจากเข้ามาในบริษัทฟิกส์คือการใช้เวลาวันละ 2 ชั่วโมงในการตอบคำถามในกระทู้ ซึ่งความเร็วในการตอบคำถามของชายคนนี้อยู่ในระดับที่สูงมาก จนเพื่อนร่วมงานตั้งฉายาให้กับคาเตอร์ว่าเป็นกองหน้าตัวยิงประตู
“นี่สินะอัจฉริยะที่สามารถจบการศึกษามาจากสาขานิรันดร์ได้ หลังจากเขาเข้าบริษัทมาได้แค่ไม่กี่วัน เขาก็ทำคะแนนไปได้มากกว่า 1 ล้านคะแนนแล้ว” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยความอิจฉา
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจไปกับคาเตอร์ พวกเขาก็ไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามันกำลังมีชื่อ ๆ หนึ่งกำลังไล่ตอบปัญหาภายในกระทู้ด้วยเช่นกัน และความเร็วในการแก้ปัญหาของชายคนนั้นก็เร็วยิ่งกว่าคาเตอร์เสียอีก
***************
พี่เฟยสินะ
วันสุดท้ายของปี 2566 แล้วขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาอย่างยาวนาน ทิ้งสิ่งที่แย่ สิ่งที่ไม่ดีไว้แล้วไปฉลองปีใหม่กัน เย้!!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 441
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น