ตอนที่ 831 ประวัติศาสตร์ที่ถูกบิดเบือน
ตอนที่ 831 ประวัติศาสตร์ที่ถูกบิดเบือน
“นี่มันชุดเกราะอะไรกันเนี่ย!? นี่นายสร้างอุปกรณ์แปลก ๆ ขึ้นมาอีกแล้วงั้นเหรอ?” โอโร่อุทานด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ฉันไม่เคยเห็นชุดเกราะอะไรที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้แบบนี้มาก่อนเลย ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มพลังการโจมตีให้กับนายได้เท่านั้น แต่มันยังช่วยเสริมพลังป้องกันให้มากขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย ฉันรับรองได้เลยว่าตอนนี้ชุดเกราะของนายได้พัฒนามาจนถึงระดับราชันย์แล้ว” โอโร่กล่าวอย่างตื่นเต้น
“ระดับราชันย์?” คำอธิบายของโอโร่ทำให้เซี่ยเฟยสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจในทันที
“ระดับพลังในดินแดนกฎถูกแบ่งระดับตั้งแต่ระดับนักรบ, ระดับอัศวิน, ระดับราชา, ระดับจักรพรรดิและขั้นต่อมานั่นก็คือระดับราชันย์ ที่ตามปกติจะถูกเรียกติดปากว่าระดับเทพหรือระดับมาร เพราะผู้ที่มีพลังในระดับนี้มีเพียงแต่ผู้ที่อยู่ในเผ่าเทพหรือเผ่ามารเท่านั้น”
เท่าที่เขารู้ระดับราชันย์สมควรจะเป็นพลังระดับสูงสุดในจักรวาลแล้ว และถึงแม้ว่าในปัจจุบันเขาจะมีพลังในระดับราชาเท่านั้น แต่เขากลับครอบครองชุดเกราะในระดับราชันย์ ซึ่งมันเป็นการครอบครองอุปกรณ์ที่มีระดับก้าวกระโดดไปจากตัวเอง
“ไม่ว่าจะเป็นบลัดบิวเทียสหรือชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นอุปกรณ์ระดับราชันย์ทั้งหมด ฉันคิดว่าทั่วทั้งกลุ่มดาวม้าขาวคงจะไม่มีใครมีอุปกรณ์ที่ดีกว่านายแล้ว แม้แต่ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของนายก็ยังสวมใส่อุปกรณ์ที่ด้อยกว่านายมาก” โอโร่กล่าว
ในหลาย ๆ ครั้งระดับของอาวุธอุปกรณ์ก็สามารถที่จะตัดสินผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้เช่นกัน นักรบที่ดีจึงไม่ได้พึ่งพาเพียงแต่พละกำลังของตัวเองเท่านั้น แต่พวกเขายังจำเป็นจะต้องรู้จักพึ่งพาพลังของอาวุธอุปกรณ์ที่ดีอีกด้วย
ระดับของอุปกรณ์ที่เซี่ยเฟยสวมใส่อยู่นั้นจัดอยู่ในระดับที่ดีมากเกินไป จนทำให้แม้แต่โอโร่ก็ยังรู้สึกอิจฉา เพราะถึงแม้จะเทียบในระดับจักรวาล แต่อาวุธอุปกรณ์ของชายหนุ่มก็ยังคงจัดอยู่ในระดับแนวหน้าของนักรบทั่วทั้งจักรวาลอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังได้ครอบครองทั้งอสูรศักดิ์สิทธิ์และอาวุธมายา เรียกได้ว่าสิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้ครอบครองอยู่นั้นต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาด้วยกันทั้งสิ้น
บางทีมันอาจจะเป็นเพราะนิสัยของชายหนุ่มคนนี้นี่เองที่ดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาหาตัวเองอย่างมากมาย เพราะผู้ที่สามารถครอบครองสิ่งของเหล่านี้ได้ย่อมจะต้องเป็นผู้ที่ไม่ได้เลือกเดินในเส้นทางธรรมดา
“ดูเหมือนว่าวิธีการใช้ค้อนรวมศูนย์ของผมจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องแล้วสินะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าเขาจะสูญเสียเงินค่าอัปเกรดชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นในราคาที่สูงมาก แต่ผลลัพธ์ที่เขาได้รับกลับมาก็ถือว่าน่าพึงพอใจ ท้ายที่สุดชุดเกราะที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างของตัวเองตามสถานการณ์ได้แบบนี้ มันย่อมช่วยเสริมพลังการสู้รบของเขาขึ้นจากเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย และมันก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถถูกวัดค่าด้วยเงินตามวิธีการปกติได้เลย
“คุณพอจะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับวิญญาณอมตะบ้างไหม?” เซี่ยเฟยถามเพราะเขารู้สึกกังวลเรื่องการหาร่างใหม่ให้อันธด้วยเช่นกัน
“ฉันไม่ค่อยรู้อะไรเรื่องนี้มากนักหรอก สิ่งที่ฉันรู้มีเพียงข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สืบทอดต่อ ๆ กันมาในตระกูลของฉันเท่านั้น” โอโร่กล่าว
“มันมีบันทึกข้อมูลเรื่องวิญญาณอมตะอยู่ในตระกูลไลอ้อนฮาร์ทด้วยงั้นเหรอ? คุณพอจะหาวิธีการเข้าถึงข้อมูลพวกนั้นในตอนนี้ได้ไหมครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสนใจ
“ฉันจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง ว่าแต่ในตระกูลสกายวิงของนายก็ควรจะมีบันทึกอยู่เหมือนกัน ทำไมนายถึงไม่ลองไปหาข้อมูลในตระกูลของตัวเองก่อนล่ะ?” โอโร่กล่าว
“นั่นสินะ ผมลืมไปเลย”
—
ณ สวนสายลม
รูปร่างหน้าตาภายนอกของชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก ดังนั้นแม้ว่าเขาจะกลับมายังสวนสายลมแล้ว แต่เซี่ยอู๋เย่กับเซี่ยจงไห่ก็ยังไม่สามารถระบุความแตกต่างของชุดเกราะชั้นยอดของตระกูลชุดนี้ได้
“คุณตาครับ ผมอยากจะตรวจสอบข้อมูลอะไรบางอย่างนิดหน่อย ในตระกูลของเราพอจะมีห้องสมุดอยู่บ้างไหมครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“ในตระกูลมีห้องสมุดอยู่จริง ๆ แต่ในช่วงสงครามบันทึกพวกนั้นถูกย้ายออกไปชั่วคราว ตอนนี้พวกเรากำลังจัดเรียงบันทึกทุกอย่างอยู่ คาดว่าอาจจะต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่จะเปิดให้ใช้งานได้อีกครั้ง”
“ถ้าหากนายน้อยอยากจะตรวจสอบข้อมูลอะไร ทำไมถึงไม่ไปที่สมาคมผู้คุมกฎล่ะ? ที่นั่นมันก็มีห้องสมุดขนาดใหญ่อยู่เหมือนกัน” เซี่ยอู๋เย่กล่าว
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะลองไปดู แต่ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเทคโนโลยีของพวกเราพัฒนาไปมาก แต่ทำไมทุกคนถึงยังชอบบันทึกข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรอยู่ ทั้ง ๆ ที่การสร้างห้องสมุดออนไลน์มันสะดวกสบายมากกว่าแท้ ๆ” เซี่ยเฟยกล่าว
“คนรุ่นเก่ายังชอบวิธีการเก่า ๆ อยู่เหมือนเดิม ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่มีค่าอย่างแท้จริงย่อมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเข้าถึงง่าย ๆ ได้อยู่แล้ว” เซี่ยอู๋เย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เหตุการณ์นี้ทำให้เขานึกถึงตอนที่เขายังอยู่กับฉินหมางภายในพันธมิตร เพราะย้อนกลับไปตอนนั้นชายชราก็เคยพูดอะไรในทำนองนี้ด้วยเช่นกัน ว่าข้อมูลที่มีค่าจริง ๆ มักจะถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรมากกว่าจะถูกบันทึกในรูปแบบของข้อมูลออนไลน์
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็เดินทางไปหาหลางซุนเย่ที่สมาคมผู้คุมกฎ เพื่อที่จะขอใช้ห้องสมุดของสมาคม เมื่อชายหนุ่มจากตระกูลเชฟชิฟเตอร์ได้รู้ข่าวว่าเซี่ยเฟยกำลังจะลงทะเบียนในกลุ่มมังกรฟ้า มันก็ทำให้เขาเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
การเข้าร่วมกลุ่มมังกรฟ้าเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับประชาชนทั่ว ๆ ไปเท่านั้น แต่สำหรับตระกูลใหญ่อย่างสกายวิงหรือตระกูลเชฟชิฟเตอร์ การเข้าร่วมกับกลุ่มมังกรฟ้าไม่ใช่เรื่องยากลำบากสำหรับพวกเขาเลย เพราะท้ายที่สุดแม้แต่กลุ่มมังกรฟ้าก็ต้องการนักรบชั้นยอดเข้าไปภายในกลุ่มของตัวเองด้วยเหมือนกัน
ขณะเดียวกันหลางจิวหลินผู้ซึ่งเป็นลุงของหลางซุนเย่ก็เป็นถึงรองประธานสมาคมที่รับผิดชอบในเรื่องข้อมูลและการประชาสัมพันธ์ แน่นอนว่าการที่เขาสามารถนำเอาหลานชายตัวแสบมาทำงานในสมาคมได้ การขอกุญแจห้องสมุดจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
แอ๊ด!
เมื่อเซี่ยเฟยเปิดประตูห้องสมุดกลิ่นหนังสือเก่าก็ลอยโชยมากระทบกับใบหน้าของเขา ทำให้ชายหนุ่มคิดถึงตอนที่เขายังคงทำหน้าที่เป็นบรรณารักษ์ในทันที ซึ่งย้อนกลับไปในตอนนั้นแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังจำไม่ได้ว่าตัวเองอ่านหนังสือจบไปแล้วกี่เล่ม
‘ตอนนี้คุณตาจะเป็นยังไงบ้างนะ?’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจขณะที่เขาเดินเข้าไปในห้องสมุด
“นี่คือกุญแจห้องสมุดทุกห้องของสมาคมแล้ว ฉันเกลียดหนังสือพวกนั้นมาก รอบนี้ฉันขอตัวไม่ไปกับนายนะ” หลางซุนเย่กล่าวพร้อมกับโยนกุญแจเก่า ๆ ชุดหนึ่งไปให้กับชายหนุ่ม
ห้องสมุดของสมาคมดูเหมือนจะไม่ถูกเปิดใช้งานบ่อยมากนัก พื้นที่หลาย ๆ ส่วนจึงถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนา เป็นหลักฐานบ่งชี้เป็นอย่างดีว่าไม่มีใครเข้ามาในห้องแห่งนี้เป็นเวลานานแล้ว
“ไหนดูซิ! วิธีการฝึกการกลั่นพลังงาน, วิธีการฝึกการประดิษฐ์, ... หนังสือมีเยอะมากเลย ผมควรเริ่มหาข้อมูลจากตรงไหนดี?” เซี่ยเฟยกล่าวถามโอโร่
“เริ่มจากประวัติศาสตร์ดินแดนกฎเลยก็ได้” โอโร่กล่าว
—
เนื่องจากชายหนุ่มเป็นผู้มีพลังพิเศษสายความเร็ว เขาจึงสามารถอ่านหนังสือเล่มต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเขาก็อ่านบันทึกจบลงไปเยอะมาก แต่เขาก็เลือกที่จะออกจากห้องสมุดเพียงเท่านี้ก่อน
“ข้อมูลพวกนี้มันเต็มไปด้วยความลำเอียงชัด ๆ” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาเบา ๆ
“ตอนนี้นายอยู่ในเขตแดนเทพมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บันทึกในแดนเทพจะเชิดชูวีรกรรมของตัวเอง แน่นอนว่าบันทึกที่นายอ่านคือบันทึกที่ถูกบิดเบือนไปจากความจริงในประวัติศาสตร์อย่างมากมาย แล้วมีความจริงปะปนอยู่ในข้อมูลพวกนั้นน้อยมาก” โอโร่กล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจและถ้าหากว่าเขาต้องการที่จะค้นหาข้อมูลที่สมบูรณ์ที่สุด เขาก็ควรจะต้องค้นหาข้อมูลจากทั้งฝั่งแดนเทพและมาร การอ่านข้อมูลจากฝั่งเดียวแทบที่จะไม่สามารถทำให้เขาหาข้อสรุปได้เลย
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่านั้นคือมันมีร่องรอยการลบประวัติศาสตร์บางส่วนออกไปอย่างชัดเจน ข้อมูลที่เขาหามามันจึงดูไม่ต่อเนื่องกัน คล้ายกับว่าใครบางคนจงใจปกปิดประวัติศาสตร์บางส่วนเอาไว้
จากข้อสรุปที่เขาได้อ่านหนังสือมาในช่วง 2 ชั่วโมงนี้ มันยิ่งทำให้เขารู้สึกสับสนมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเหตุผลในการทำสงครามระหว่างเผ่าเทพกับเผ่ามารในแต่ละครั้งดูจะเป็นเหตุผลที่คลุมเครือมาก คล้ายกับว่ามันมีใครบางคนกำลังผลักดันให้ทั้งสองเผ่าพันธุ์ทำสงครามกันครั้งแล้วครั้งเล่า
ทั้งสองเผ่าพันธุ์ทำสงครามกันไปเพื่ออะไรกันแน่? เซี่ยเฟยไม่สามารถหาข้อสรุปในเรื่องนี้ได้เลย
ส่วนในเรื่องของประตูจักรวาลที่เขาสนใจมากที่สุดก็มีบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เพียงแค่เล็กน้อย ซึ่งข้อมูลเพียงเท่านี้มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อเขามากนัก
“ห้องสมุดของสมาคมผู้คุมกฎมีขนาดใหญ่มาก วันนี้พวกเราค้นหาข้อมูลมาได้แค่บางส่วนเท่านั้น พรุ่งนี้พวกเราค่อยมาหาข้อมูลต่อก็แล้วกัน บางทีเราอาจจะเจอข้อมูลอะไรอื่นบ้างก็ได้ หลังจากฉันกลับไปเดี๋ยวฉันจะลองคิดหาวิธีส่งนายไปที่ห้องสมุดของไลอ้อนฮาร์ทด้วย เผื่อนายจะได้มีข้อมูลเปรียบเทียบจากทั้งสองฝั่ง มันน่าจะช่วยให้นายมองเห็นเรื่องต่าง ๆ ได้ชัดเจนมากขึ้น” โอโร่กล่าว
—
หลังจากที่เซี่ยเฟยกลับมายังสวนสายลม เขาก็ได้พบว่าเซี่ยเหล่าสือได้มารอเขาอยู่ก่อนแล้ว
ก่อนหน้านี้พวกเขาพอจะมีเรื่องบาดหมางกันมาบ้าง การพบเจอกันในครั้งนี้จึงทำให้ทั้งสองฝั่งค่อนข้างที่จะรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย
“ฉันรอนายมาสักพักหนึ่งแล้ว หลักสูตรการเรียนกฎแห่งการกลั่นพลังงานและกฎแห่งการประดิษฐ์เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ความสามารถในการควบคุมพลังงานของนายก็ยอดเยี่ยมมากด้วยเหมือนกัน”
“ฉันคิดว่าตราบใดก็ตามที่นายมีความพยายามมากพอ การสำเร็จศาสตร์ทั้งสองประเภทนี้ก็คงจะไม่เชื่อเรื่องที่เกินกว่าความสามารถของนายมากนัก” เซี่ยเหล่าสือเริ่มบทสนทนาเพื่อทำลายบรรยากาศที่อึดอัด
เนื่องมาจากชายชราเป็นฝ่ายเริ่มต้นยุติความขัดแย้ง ชายหนุ่มก็แสดงความจริงใจของตัวเองออกไปด้วยเช่นกัน ไม่ว่ายังไงเซี่ยเหล่าสือก็คือสมาชิกคนสำคัญของตระกูล และชายชราคนนี้ยังจะต้องเป็นครูฝึกให้กับเขาในเรื่องการกลั่นพลังงานและการประดิษฐ์ด้วย การรักษาความสัมพันธ์อันดีเอาไว้มันย่อมดีต่อการพัฒนาของเขาในอนาคต
“ผู้อาวุโส ผมยังไม่ทันหาเวลาไปขอโทษคุณเลยที่ผมเผลอใช้พลังงานในศูนย์ฝึกสายลมไปจนหมด หวังว่าผู้อาวุโสจะให้อภัยผมด้วยนะครับ” เซี่ยเฟยเริ่มขอโทษอย่างจริงใจ
“คนเรามันเผลอใช้พลังงานจากคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 กว่า 10,000 ก้อนได้ด้วยเหรอ?” เซี่ยเหล่าสือกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง ก่อนที่เขาจะกล่าวตอบมาว่า
“ช่างมันเถอะ! ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้มันก็ผ่านไปแล้ว ฉันฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานจนถึงขั้นที่ 4 ฉันจึงสามารถสร้างคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ขึ้นมาใช้ได้สบาย ๆ ถ้าหากวันนั้นนายใช้คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ฉันคงจะไม่รู้สึกอะไรมากนัก แต่มันเป็นเพราะว่านายใช้คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 มันเลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงโกรธมากขนาดนั้น”
“อีกอย่างนายก็เป็นถึงผู้ที่มีศักยภาพพัฒนาเป็นอีวิลวิงในอนาคต และตระกูลก็ต้องการที่จะตอบแทนนายจากสงครามที่เพิ่งผ่านพ้นมานี้ ถ้าหากในวันนั้นพวกเราไม่ได้มีนายในฐานะหมาป่าเดียวดาย บางทีพวกเราก็คงต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่”
“ถึงแม้ว่าฉันจะรักเงินมากแต่ฉันก็รักตระกูลมากกว่า ในเมื่อเรื่องนี้มันคือเรื่องสำคัญของตระกูล ฉันคงจะไม่มัวมาทะเลาะกับนายด้วยเรื่องเงินแค่นั้นหรอก”
เซี่ยเฟยรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่าสมาชิกทุกคนในตระกูลให้ความสำคัญกับความสามัคคีเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เมื่อชายหนุ่มรับผิดชอบหน้าที่หมาป่าเดียวดายอย่างสมบูรณ์ ทัศนคติของชายชราที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วยเช่นกัน
เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปภายในห้องฝึก เซี่ยเหล่าสือก็เริ่มถามคำถามเกี่ยวกับกฎแห่งการกลั่นพลังงานของชายหนุ่ม
“อะไรนะ?! นี่นายเรียนรู้กฎแห่งการกลั่นพลังงานด้วยตัวเองงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่าสืออุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
***************
ดีกันแล้วววว ก็ลุ้นอยู่ว่าจะจบลงยังไง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 391
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น