ตอนที่ 832 ตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

-A A +A

ตอนที่ 832 ตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 832 ตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“อะไรนะ?! นี่นายเรียนรู้กฎแห่งการกลั่นพลังงานด้วยตัวเองงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่าสืออุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะกล่าวออกมาว่า

“ตอนนี้นายฝึกฝนไปจนถึงระดับไหนแล้ว?”

“ผมฝึกกฎแห่งการกลั่นพลังงานจนถึงขั้นที่ 3 แล้วครับ ตามทฤษฎีผมควรจะสร้างคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 ขึ้นมาได้ แต่พลังงานภายในคริสตัลต้นกำเนิดระดับนั้นมันต่ำมากจนเกินไป ผมเลยยังไม่เคยลองสร้างคริสตัลต้นกำเนิดขึ้นมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ

หลังจากพูดจบชายหนุ่มก็สังเกตเห็นว่าปากของเซี่ยเหล่าสือกำลังอ้าค้าง และดวงตาของเขาก็เบิกโพลงราวกับว่าเขากำลังรู้สึกตกใจมาก

“เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ?” เซี่ยเหล่าสือถามอีกครั้ง

“ผมบอกว่าผมฝึกกฎแห่งการกลั่นพลังงานจนถึงขั้นที่ 3 แล้วครับ” เซี่ยเฟยกล่าวย้ำ

คำตอบนี้ถึงกับทำให้เซี่ยเหล่าสือตกตะลึงจนพูดไม่ออก

มันเป็นเรื่องที่รู้กันดีว่าการฝึกกฎแห่งการกลั่นพลังงานคือกระบวนการที่ยากมาก และมันก็ได้มีเหตุผลหลักอยู่ประมาณ 3 ประการที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานพลังงานได้

ประการแรกการทำความเข้าใจกฎแห่งการกลั่นพลังงานเป็นเรื่องที่ยากมาก จนคนบางคนไม่สามารถที่จะแกะความซับซ้อนของอักขระกฎแห่งการกลั่นพลังงานได้ด้วยซ้ำ

เหตุผลประกาศที่ 2 คือมันจำเป็นจะต้องใช้พรสวรรค์ในการควบคุมพลังงานระดับที่สูงมาก ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องยากที่จะฝึกฝนด้วยเช่นกัน

ส่วนประการที่ 3 คือมันจำเป็นจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญคอยชี้นำผู้ฝึกฝนอย่างใกล้ชิด ผู้ฝึกจึงจะสามารถเดินไปยังเส้นทางที่ถูกต้องท่ามกลางเขาวงกตได้สำเร็จ

แม้แต่ผู้ที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะก็จำเป็นจะต้องมีอาจารย์คอยชี้นำเส้นทางในระหว่างการฝึกฝน แต่เซี่ยเฟยกลับบอกว่าเขาฝึกกฎแห่งการกลั่นพลังงานมาจนถึงขั้นที่ 3 ด้วยตัวเอง หากใครมาได้ยินเรื่องนี้พวกเขาก็คงจะรู้สึกตกตะลึงด้วยกันทั้งนั้น

ในความเป็นจริงแม้ว่าผู้ฝึกจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด แต่ผู้ฝึกส่วนใหญ่ก็จะสามารถฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานขั้นแรกได้ภายในเวลาประมาณ 3 ปี ส่วนผู้ที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปี ถึงจะสามารถฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานขั้นแรกได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยกลับสามารถเรียนรู้กฎแห่งการกลั่นพลังงานได้จนถึงขั้นที่ 3 โดยไม่จำเป็นจะต้องมีคนชี้แนะ ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มคนนี้ยังใช้ช่วงเวลาว่างจากการฝึกฝนตามปกติเพื่อฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงาน ไม่ใช่การฝึกฝนทั้งวันทั้งคืนเหมือนกับนักกลั่นพลังงานรุ่นเยาว์โดยทั่วไป 

ด้วยเหตุนี้สายตาที่เซี่ยเหล่าสือมองไปยังชายหนุ่มในขณะนี้ มันจึงเป็นสายตาที่ดูเหมือนกับว่าเขากำลังจ้องมองไปยังสัตว์ประหลาดในตำนาน

“นายยังเป็นคนอยู่จริง ๆ ใช่ไหม?” เซี่ยเหล่าสือกล่าวถามอย่างเลื่อนลอยหลังจากที่เขาตกตะลึงอยู่นาน

เซี่ยเหล่าสือคือครูฝึกที่มีประสบการณ์สูงมาก และเขาก็คือคนที่ฝึกฝนนักรบสกายวิงขึ้นมาอย่างมากมาย แม้แต่ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันอย่างเซี่ยบูหยุนก็เคยเป็นลูกศิษย์ของชายชราพวกนี้มาก่อน

ด้วยประสบการณ์ที่มีมาอย่างโชกโชน เซี่ยเหล่าสือเพียงแค่พยายามระงับอาการตกใจและตรวจสอบดูว่าวิธีการฝึกฝนของชายหนุ่มขัดต่อวิธีการฝึกฝนในอนาคตหรือไม่ เมื่อชายชราสามารถยืนยันความปลอดภัยได้แล้ว เขาก็เริ่มวางแผนการฝึกให้เซี่ยเฟยใหม่อีกครั้ง

เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเหล่าสือรู้สึกหดหู่ใจพอสมควร เพราะเขาไม่ได้รับลูกศิษย์ส่วนตัวมาเป็นเวลานานมากแล้ว แต่ทันทีที่เขากลับมารับลูกศิษย์อีกครั้งลูกศิษย์คนใหม่ของเขากลับเป็นสัตว์ประหลาดที่เขาแทบจะไม่ต้องสอนอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่เมื่อย้อนกลับไปกว่าที่เขาจะสามารถฝึกกฎแห่งการกลั่นพลังงานได้จนถึงขั้นที่ 3 เขาก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการพัฒนานานถึง 5 ปีเต็ม ๆ

อย่างไรก็ตามการก้าวข้ามกฎการกลั่นพลังงานขั้นที่ 3 ไปยังขั้นที่ 4 ก็ไม่ใช่แค่การก้าวข้ามผ่านระดับไปเพียงแค่ระดับเดียวเท่านั้น แต่มันยังเป็นการก้าวข้ามจากระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับกลาง มันจึงเป็นการก้าวข้ามผ่านช่วงระดับที่สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของแต่ละคนเลยทีเดียว

ไม่ว่าเซี่ยเฟยจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหน แต่การพยายามก้าวข้ามผ่านระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับกลางก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะสามารถทำได้ง่าย ๆ แม้ว่าจะมีผู้ฝึกสอนคอยดูแลอย่างใกล้ชิดก็ตาม 

นอกจากนี้เซี่ยเหล่าสือยังไม่ได้เชี่ยวชาญการใช้กฎแห่งการกลั่นพลังงานระดับกลางเพียงแค่กฎเดียว เพราะเขายังมีความเชี่ยวชาญในการใช้กฎแห่งการประดิษฐ์จนถึงระดับกลางอีกด้วย มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงสามารถยืนอยู่ในตำแหน่งครูฝึกของตระกูลได้อย่างยาวนาน และไม่มีใครสามารถเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของเขาได้

ถึงแม้เซี่ยเฟยจะมีพรสวรรค์ในการฝึกกฎแห่งการกลั่นพลังงาน แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่เคยฝึกกฎแห่งการประดิษฐ์เลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มันก็ทำให้เซี่ยเหล่าสือรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย เพราะมันยังคงเหลือช่องว่างให้เขาได้แนะนำแนวทางการฝึกฝนให้กับชายหนุ่ม

“ขอรบกวนด้วยครับ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงใจ

เซี่ยเหล่าสือพยักหน้ารับ ก่อนที่เขาจะหยิบอักขระของกฎแห่งการกลั่นพลังงานขั้นที่ 4 มาวางไว้บนพื้น

กฎแห่งการกลั่นพลังงานทั้งเก้าระดับต่างก็มีอักขระกฎที่แตกต่างกันไปจำนวน 9 แบบ แน่นอนว่ายิ่งระดับของอักขระกฎมีความสูงมากขึ้นเท่าไหร่ ความซับซ้อนของอักขระก็จะยิ่งมีมากขึ้นไปเท่านั้น

จำนวนของอักขระของกฎแห่งการกลั่นพลังงานเหมือนกับจำนวนอักขระของกฎแห่งความโกลาหนและกฎแห่งความเร็ว แต่กฎหลักอย่างกฎแห่งมิติและกฎแห่งสสารมีความแตกต่างกัน เพราะกฎพวกนั้นมีอักขระแยกย่อยออกไป 9 ตัวอักษรในแต่ละระดับย่อยอีกที การเลื่อนระดับให้สำเร็จมันก็ต้องเริ่มจากการค่อย ๆ สร้างอักขระตัวแรกขึ้นมาจนถึงอักขระตัวสุดท้าย

แต่ไม่ว่าผู้ฝึกจะฝึกฝนกฎอะไรอักขระกฎเหล่านี้ก็จำเป็นจะต้องถูกบันทึกเอาไว้ภายในพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ซึ่งโดยปกติผู้ที่สามารถเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้จนถึง 80% ก็จะถูกนับว่าเป็นอัจฉริยะของจักรวาลแห่งนี้อยู่แล้ว มันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงผู้ที่สามารถเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้ถึง 100% อย่างเซี่ยเฟยเลย

ผู้ที่เปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้เพียงแค่เล็กน้อยก็จำเป็นจะต้องคัดเลือกกฎที่พวกเขาจะทำการฝึกฝนเป็นอย่างดี เพราะพื้นที่ของพวกเขามีอยู่อย่างจำกัด 

ขณะที่เซี่ยเฟยสามารถจะฝึกฝนกฎอะไรก็ได้ เพราะพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขามีขนาดใหญ่มาก จนทำให้มันสามารถบรรจุได้ทั้งกฎแห่งมิติ, กฎแห่งความโกลาหล, กฎแห่งความเร็ว, กฎแห่งการกลั่นพลังงานและกฎแห่งการประดิษฐ์โดยไม่มีปัญหาใด ๆ

“ฉันยอมรับว่าฉันประหลาดใจจริง ๆ ที่นายสามารถฝึกกฎแห่งการกลั่นพลังงานมาจนถึงขั้นที่ 3 ได้ด้วยตัวเอง แต่วิธีการฝึกของฉันมันก็จะช่วยเร่งให้นายสามารถฝึกฝนไปได้เร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม” เซี่ยเหล่าสือกล่าวพร้อมกับประสานฝ่ามือเอาไว้เหนือศีรษะของชายหนุ่ม

“ฉันจะช่วยนำทางให้เอง นายค่อย ๆ ถักทออักขระกฎตามฉันขึ้นมาก็แล้วกัน” เซี่ยเหล่าสือกล่าวอย่างมั่นใจ

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะเริ่มถักทออักขระกฎขึ้นมาในสมอง ขณะเดียวกันเซี่ยเหล่าสือก็เริ่มใช้พลังชี้นำเส้นทางให้กับชายหนุ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเขาจงใจเว้นระยะห่างนำหน้าเซี่ยเฟยไปเล็กน้อย เพื่อให้ชายหนุ่มสามารถติดตามเส้นทางการถักทอได้โดยไม่ติดขัดอะไร

เมื่อมีผู้กรุยเส้นทางให้ก่อนแล้ว ชายหนุ่มจึงสามารถถักทออักขระกฎขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งความเร็วในระดับนี้เป็นความเร็วที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนทำให้แม้แต่ตัวของเซี่ยเฟยก็ยังรู้สึกตกตะลึงกับความเร็วในการพัฒนาของตัวเอง

โดยปกติการฝึกกฎแห่งการกลั่นพลังงานของชายหนุ่มเปรียบเสมือนกับการเดินทางเข้าไปในเส้นทางอันมืดมิด แต่ในคราวนี้มันเหมือนกับมีแสงมาคอยนำทางชี้แนะว่าเขาควรจะต้องเดินไปทางไหน เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเริ่มออกนอกเส้นทาง มันก็เหมือนจะมีมือที่มองไม่เห็นคอยดึงเขากลับมายังเส้นทางที่ถูกต้อง มันจึงถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เซี่ยเฟยไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสมาก่อน

‘ถึงว่าทำไมคนอื่นถึงให้ผู้เชี่ยวชาญมาคอยนำทางให้ ที่แท้การมีคนคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดมันก็มีข้อดีแบบนี้นี่เอง’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจอย่างตกตะลึง

อักขระกฎตัวที่ 1-3 ถูกสร้างขึ้นมาในเวลาเพียงแค่พริบตา และทันใดนั้นชายหนุ่มก็เริ่มท้าทายกฎแห่งการกลั่นพลังงานขั้นที่ 4 

เมื่ออักขระกฎตัวใหม่ถูกถักทอขึ้นมาอย่างช้า ๆ ชายหนุ่มก็เริ่มสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงที่กดทับลงมายังจิตใจ ท้ายที่สุดเขาก็เพิ่งสำเร็จกฎแห่งการกลั่นพลังงานขั้นที่ 3 ไปได้เพียงแค่ไม่นานเท่านั้น การท้าทายกฎแห่งการกลั่นพลังงานขั้นที่ 4 ในครั้งนี้มันจึงเป็นครั้งแรกสำหรับเขา

ยิ่งไปกว่านั้นการพยายามก้าวข้ามจากขั้นที่ 3 มาเป็นขั้นที่ 4 ยังเป็นการก้าวข้ามจากระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับกลาง การฝึกจึงมีความยากลำบากมากเป็นพิเศษ 

หลังจากฝึกฝนไปได้เพียงแค่ไม่นานเม็ดเหงื่อปริมาณมหาศาลก็เริ่มผุดออกมาทั่วทั้งร่างของทั้งสอง ซึ่งในความเป็นจริงปริมาณเม็ดเหงื่อบนร่างของเซี่ยเหล่าสือ มันก็มีปริมาณมากกว่าเม็ดเหงื่อทั่วทั้งร่างของเซี่ยเฟยเสียอีก

ขณะเดียวกันการปล่อยให้คนอื่นรุกล้ำเข้ามาภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ก็เป็นการเปิดเผยความสามารถของตัวเองออกไปด้วยเหมือนกัน ชายหนุ่มจึงจำเป็นจะต้องปิดกั้นพื้นที่สมองบางส่วนเอาไว้เพื่อไม่ให้เซี่ยเหล่าสือเข้ามาเห็นอักขระของกฎแห่งความโกลาหล และเม็ดพลังงานหลากสีที่เกิดจากการใช้บลัดบิวเทียสกลืนกินพลังชีวิตมาจากศัตรู

ระหว่างการนำทางเซี่ยเหล่าสือค่อนข้างที่จะรู้สึกประหลาดใจกับพลังงานปริมาณมหาศาลภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟย และเขาก็สงสัยว่าทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงจงใจปิดบังพื้นที่บางส่วนในสมองเอาไว้ แต่เขาก็ไม่คิดที่จะตั้งคำถามใด ๆ เพราะแต่ละคนต่างก็มีความลับเป็นของตัวเอง

การฝึกฝนในวันแรกทำให้เซี่ยเหล่าสือเหนื่อยล้ามาก แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากด้วยเช่นกัน เพราะตอนนี้เซี่ยเฟยสามารถถักทออักขระกฎขั้นที่ 4 ได้ถึง 30% แล้ว ทั้ง ๆ ที่ความพยายามครั้งนี้คือความพยายามครั้งแรกของชายหนุ่มเท่านั้น

ถักทออักขระได้ถึง 30% ตั้งแต่ความพยายามครั้งแรกเนี่ยนะ?! มันช่างเป็นความเร็วในการพัฒนาที่น่าอัศจรรย์มากจริง ๆ 

นอกจากนี้มันก็ดูเหมือนกับว่าเซี่ยเฟยยังไม่มีความคิดที่จะยอมแพ้ ซึ่งในที่สุดหลังจากที่เขานำทางไปได้เพียงแค่ครึ่งทาง เซี่ยเหล่าสือก็จำเป็นจะต้องถอนพลังของตัวเองกลับมา เพราะเขาไม่สามารถอดทนต่อความเหนื่อยล้าได้อีกต่อไปแล้ว

การถอนพลังของเซี่ยเหล่าสือทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเมื่อไม่มีคนคอยนำทางการฝึกฝนก็ยากลำบากขึ้นมากกว่าเดิมอย่างเทียบไม่ติด คล้ายกับว่าจู่ ๆ เครื่องยนต์คู่ดับลงไป 1 เครื่องอย่างกะทันหัน แรงกดดันทั้งหมดจึงกดทับลงมาที่เซี่ยเฟยเพียงลำพัง จนทำให้ชายหนุ่มยากจะเคลื่อนไหวต่อไปได้

อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ยังคงกัดฟันมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่มีความคิดที่จะหยุดชะงักจนกว่าเขาจะถึงขีดจำกัดที่ไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้แล้ว

เซี่ยเหล่าสือมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง เพราะถึงแม้เขาจะถอนพลังออกมาแล้วเซี่ยเฟยก็ยังคงมุ่งมั่นทำการฝึกฝนต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นแรงกดดันทั้งหมดที่เขาไม่สามารถแบกรับได้ เซี่ยเฟยก็กำลังแบกรับแรงกดดันพวกนั้นอยู่เพียงคนเดียว ซึ่งมันเป็นความดื้อด้านที่น่าชื่นชมมากจริง ๆ

สีหน้าของชายหนุ่มบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับปริมาณเม็ดเหงื่อที่ไหลท่วมไปทั่วทั้งร่างกายของเขา แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่สามารถที่จะหยุดยั้งเซี่ยเฟยได้ ซึ่งความอดทนที่มีอยู่ในจิตใจของชายหนุ่มคนนี้เป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่สามารถที่จะจินตนาการได้จริง ๆ

“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงสามารถฝึกกฎแห่งการกลั่นพลังงานได้เพียงลำพัง ที่แท้ความดื้อรั้นของเขามันก็อยู่เหนือกว่าคนธรรมดาไปไกล” เซี่ยเหล่าสือพึมพำขึ้นมาเบา ๆ

ตลอดทั้งวันเซี่ยเหล่าสือพยายามทำหน้าที่เป็นครูฝึกที่ดี โดยการพยายามเข้าไปช่วยนำทางเซี่ยเฟยในทุก ๆ ครั้งที่เขาถอนตัวออกมาฟื้นฟูพละกำลังอย่างเพียงพอ แต่ความเป็นจริงสำหรับการฝึกฝนให้กับเซี่ยเฟยคือเรื่องที่โหดร้าย เพราะชายหนุ่มยังคงต้องการที่จะฝึกฝนต่อไปทั้ง ๆ ที่ชายชรารู้สึกว่าเขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปแล้ว

เขาคือนักหลอมพลังงานเชียวนะ!

นักหลอมพลังงานคือผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎแห่งการประดิษฐ์และกฎแห่งการกลั่นพลังงาน

ตัวตนของเขาคือสิ่งที่ผู้คนเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนต้องเงยหน้าขึ้นมามอง เพราะกว่าที่เขาจะขึ้นมายืนอยู่จนถึงจุดนี้ได้ มันก็จำเป็นจะต้องผ่านความพยายามมากกว่าคนอื่นมาหลายเท่า

อย่างไรก็ตามในตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าเขากำลังเป็นตัวถ่วงของเซี่ยเฟย เพราะในเวลาที่เขาต้องการจะพักผ่อนชายหนุ่มคนนี้กลับยังต้องการที่จะฝึกฝนต่อ

“เป็นยังไงบ้าง?” เซี่ยเหล่าสือกล่าวถามขณะที่เปลือกตาทั้งสองข้างกำลังจะปิดลง แม้ว่าในตอนนี้เขาจะต้องการพักผ่อนมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะเป็นตัวถ่วงของเซี่ยเฟย

“มันใกล้แล้วครับ ผมอยากจะลองพยายามฝึกอีกสัก 2-3 ครั้ง” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างจริงจัง

“อีกแล้วเหรอ!!” จู่ ๆ เซี่ยเหล่าสือก็อยากร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา เพราะเซี่ยเฟยตอบแบบนี้มาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่มันก็ไม่มีทีท่าว่าชายหนุ่มจะหยุดฝึกเลยแม้แต่ครั้งเดียว

***************

เหมือนพี่เฟยเอาเซี่ยเหล่าสือมาทรมาน ฝึกหามรุ่งหามค่ำไปเลย 555

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.