ตอนที่ 814 จักรพรรดิกฎปริศนา
ตอนที่ 814 จักรพรรดิกฎปริศนา
ภายในแดนเนรเทศมีกลุ่มทหารรับจ้างอยู่อย่างมากมาย ในครั้งสุดท้ายที่ตระกูลมูนวอร์ดทำสงครามกับตระกูลสกายวิง ทางฝั่งของตระกูลมูนวอร์ดก็ได้ทำการว่าจ้างกลุ่มทหารรับจ้างเพื่อบุกจู่โจมสวนสายลมของสกายวิงด้วยเช่นกัน
น่าเสียดายที่ในตอนนั้นพวกเขาไม่รู้เลยว่าพ่อบ้านชราที่คอยทำความสะอาดสวนสายลมอยู่ตลอดเวลา กลับเป็นจักรพรรดิกฎที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูล
กลุ่มทหารรับจ้างปีศาจสีชมพูถือได้ว่าเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงโด่งดังมากพอสมควร เพราะโดยปกติแล้วกลุ่มทหารรับจ้างจะต้องคอยอาศัยอยู่ภายในเมืองของคนอื่น แต่กลุ่มทหารรับจ้างปีศาจสีชมพูมีเมืองเป็นของตัวเอง ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่ค่อนข้างมีความมั่งคั่งมากพอสมควร
เซี่ยเฟยนอนราบอยู่บนเนินเขาและจ้องมองลงไปยังเมืองที่วุ่นวาย พวกทหารรับจ้างถือได้ว่าใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน และเมืองที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้นก็ไม่ต่างไปจากเมืองชนบทที่ไม่มีความเจริญ
ฟุบ!
ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นใกล้ ๆ เซี่ยเฟยอย่างฉับพลัน แน่นอนว่าเขาคนนี้ย่อมไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเหนือจากคาเซะผู้ซึ่งเป็นผู้นำทีมซุยเซน โดยในปัจจุบันเขาได้ปลอมตัวเป็นทหารรับจ้างคนหนึ่งที่มีฟันสีเหลืองส่งกลิ่นเหม็นออกมาอย่างน่าขยะแขยง
ตั้งแต่ที่คาเซะรู้ตัวตนของเซี่ยเฟย พวกเขาก็ล้มเลิกแผนการที่จะให้ลูกสาวของพวกเขาแต่งงานกับชายหนุ่มในทันที ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็สมควรจะต้องรักษามิตรภาพกับสกายวิงเอาไว้ เพราะในบางครั้งตระกูลขนาดใหญ่ตระกูลนี้อาจจะให้การช่วยเหลือพวกเขาได้ในอนาคต
เมื่อไม่นานมานี้ชายหนุ่มได้เก็บเกี่ยวสมบัติกลับมาอย่างมากมาย ซึ่งสมบัติบางชิ้นที่เขาไม่ได้ใช้เขาก็เลือกที่จะมอบให้พวกซุยเซนเพื่อเป็นของขวัญอย่างที่เขาชอบทำอยู่เป็นประจำ ท้ายที่สุดพวกซุยเซนก็มีความรู้เรื่องในดินแดนกฎเป็นอย่างดี และการมีหูมีตามาเพิ่มมันก็จะช่วยให้เขาสามารถเคลื่อนไหวได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
หากรวมซุยเซนกับเฉินตงที่ปัจจุบันอยู่ภายในเผ่ามาร มันก็หมายความว่าตอนนี้ชายหนุ่มได้มีสายสัมพันธ์กับทั้งสามดินแดนของดินแดนกฎแล้ว
การพยายามเตรียมความพร้อมก่อนที่วิกฤตจะมาถึงคือสิ่งที่เซี่ยเฟยปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด แม้ว่าในช่วงเวลาปกติเฉินตงกับซุยเซนจะไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับเขามากนัก แต่ในช่วงเวลาวิกฤตความช่วยเหลือจากคนเหล่านี้ย่อมเป็นประโยชน์สำหรับเขาอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังมีปฏิสัมพันธ์กับโลกใต้ดินผ่านทางมู่เสียวเต๋าด้วยเช่นกัน แต่สำหรับสหายเก่าคนนี้เซี่ยเฟยต้องการที่จะสังเกตลักษณะนิสัยของอีกฝ่ายไปสักพัก เพราะเขายังไม่สามารถที่จะเชื่อใจมู่เสียวเต๋าได้อย่างเต็มที่
“สวัสดีคุณเซี่ยเฟย” คาเซะกล่าวทักทายด้วยชื่อจริง เพราะในตอนนี้ชื่อของชายหนุ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งดินแดนกฎแล้ว เซี่ยเฟยจึงไม่สามารถที่จะซ่อนชื่อของตัวเองต่อไปได้แม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม
“เรื่องที่ให้ไปสืบเป็นยังไงบ้าง?” เซี่ยเฟยถาม
“กลุ่มทหารรับจ้างปีศาจสีชมพูใช้ดอกพีช 4 กลีบเป็นสัญลักษณ์ และเนื่องมาจากพืชชนิดนี้มีพิษร้ายแรง พวกเขาจึงได้ตั้งชื่อกลุ่มของตัวเองว่าปีศาจสีชมพู”
“พูดตามตรงว่าถ้าหากคุณไม่ได้ให้พวกเราเข้ามาสืบเรื่องนี้ ฉันก็คงจะไม่ได้ให้ความสนใจกับทหารรับจ้างกลุ่มนี้มากนัก เพราะถึงแม้ว่าพวกมันจะมีความแข็งแกร่ง แต่พวกมันก็ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น”
“จากข้อมูลที่พวกเราพยายามสืบค้นมา พวกปีศาจสีชมพูเพิ่งจะทำงานใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ไปจริง ๆ และทำให้พวกมันได้รับผลตอบแทนกลับมาอย่างมากมาย”
หลังจากพูดมาถึงตรงนี้คาเซะก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาส่งมอบให้กับเซี่ยเฟย
“นี่คือรายการสิ่งของที่ฉันได้รับมาจากบริษัทการค้าปังกู พวกมันคือรายการที่พวกปีศาจสีชมพูได้นำมาขายจากการทำภารกิจรอบที่แล้ว”
เซี่ยเฟยอ่านข้อมูลในกระดาษอย่างระมัดระวัง ก่อนที่เขาได้พบว่าสินค้าเหล่านี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าที่ถูกปล้นมาจากลัทธิเทพโบราณ
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมฉันถึงไม่สามารถหาเบาะแสในดินแดนกฎได้ ที่แท้ของพวกนี้ก็ถูกส่งมาขายในแดนเนรเทศ” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาเบา ๆ
“ในระหว่างการสืบสวนฉันได้พบกับเรื่องแปลก ๆ เรื่องหนึ่งด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนว่าอดีตผู้นำกลุ่มทหารรับจ้างปีศาจสีชมพูที่ได้ก่อตั้งกรมทหารรับจ้างกลุ่มนี้ขึ้นมาเสียชีวิตลงไปอย่างปริศนา และผู้นำคนใหม่ของพวกเขาก็เป็นถึงจักรพรรดิกฎ”
“ไม่มีใครรู้ว่าจักรพรรดิกฎคนนี้เป็นใครมาจากไหน การที่อยู่ดี ๆ มีจักรพรรดิกฎมายึดอำนาจในกลุ่มทหารรับจ้างไปแบบนี้ มันก็ดูมันเหมือนกับว่าเรื่องนี้มันอาจจะไม่ง่ายนัก” คาเซะกล่าว
ข่าวเรื่องนี้มีค่าสำหรับเซี่ยเฟยมาก เพราะกลุ่มทหารรับจ้างที่มีจักรพรรดิกฎกับไม่มีจักรพรรดิกฎเป็นเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นตัวตนในระดับจักรพรรดิกฎยังเป็นตัวตนที่มีพลังเหนือกว่าตัวเขาในปัจจุบัน หากเขาต้องการที่จะเข้าไปสืบเรื่องนี้เพิ่มเติม เขาก็จำเป็นจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม
‘น่าสนใจจริง ๆ จู่ ๆ พวกมันก็เปลี่ยนผู้นำใหม่แล้วเอาหน้ากากโบราณไปไว้ในงานของพวกวิหคดำ จากนั้นพวกมันก็บุกเข้าทำลายลัทธิเทพโบราณเพื่อพยายามขโมยกฎแห่งเวลา ดูเหมือนเรื่องนี้มันจะซับซ้อนกว่าที่ฉันได้คิดเอาไว้สินะ’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
“ส่งข้อมูลแผนที่มาให้ฉันแล้วพวกคุณก็ถอนตัวได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าว
“ไม่มีอะไรให้พวกเราช่วยอีกแล้วเหรอ?” คาเซะกล่าวถาม
“สายลับไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเรื่องของทหารรับจ้าง แค่ข้อมูลที่พวกคุณให้มามันก็ช่วยฉันประหยัดเวลาไปได้เยอะมากแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
คาเซะพยักหน้ารับก่อนที่จะร่างของเขาจะหายไปอย่างเงียบ ๆ
—
เมื่อได้พบหลักฐานว่ากลุ่มทหารรับจ้างปีศาจสีชมพูมีความเกี่ยวข้องกับการกวาดล้างลัทธิเทพโบราณ ขั้นตอนต่อไปก็คือการจับผู้นำของกลุ่มทหารรับจ้างเพื่อคาดคั้นว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้เลือกที่จะลงมือในทันที แต่เริ่มจากการสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างระมัดระวัง
“ดูเหมือนหัวหน้าของพวกมันจะไม่ได้อยู่ในเมือง นักรบที่อยู่ภายในเมืองมีแค่ราชากฎไม่ถึง 5 คนกับนักรบคนอื่น ๆ ประมาณ 2,000 กว่าคนเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถ้าไม่มีจักรพรรดิกฎคอยดูแล คนพวกนั้นมันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายหรอก รีบเข้าไปจับตัวพวกราชากฎแล้วเอาตัวพวกมันออกมาสอบปากคำเลยดีไหม?” โอโร่กล่าว
“เรื่องมันคงไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิ การที่พวกมันสามารถวางแผนส่งหน้ากากโบราณไปจัดการกับผู้นำลัทธิ และส่งกองกำลังบุกเข้าไปกวาดล้างลัทธิเทพโบราณทั้งหมด แสดงว่าพวกมันไม่ควรจะโง่ขนาดนั้น”
“นอกจากนี้ถึงแม้ว่าจักรพรรดิกฎจะเป็นคนนำกองกำลังทหารรับจ้างพวกนี้ไปกวาดล้างลัทธิเทพโบราณด้วยตัวเอง แต่มันก็ยังยากที่พวกเขาจะสามารถกวาดล้างลัทธิเทพโบราณลงไปได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“นั่นสินะ พวกเขามีกองกำลังแค่ประมาณ 2,000 คน หากพวกเขาเข้าปะทะกับสาวกของลัทธิเทพโบราณที่มีจำนวนหลายหมื่นคน แม้ว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะแต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นมันก็สมควรจะต้องมากกว่านี้”
“แบบนี้มันก็แสดงว่าพวกมันจะต้องมีกองกำลังอะไรสักอย่างคอยหนุนหลังอยู่อีกใช่ไหม?” โอโร่กล่าวหลังจากไตร่ตรองคำพูดของชายหนุ่ม
“สิ่งเดียวที่เราพออนุมานได้คือเบื้องหลังของพวกมันมีความซับซ้อนมาก เรามารอดูสถานการณ์กันไปก่อนดีกว่า แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
—
“น่าสนใจจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก
“ทำไมฉันถึงไม่เห็นอะไรที่น่าสนใจเลย นายสังเกตเห็นอะไรกันแน่?” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยความสับสน
“ลองดูตรงนั้นให้ดี ๆ สิ มันมีคนกลุ่มอื่นนอกจากเรากำลังรอดูสถานการณ์ของพวกปีศาจสีชมพูอยู่ด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังพงหญ้าสูงในระยะไกล
โอโร่สะดุ้งขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เนื่องว่าในปัจจุบันเขาอยู่ภายในแหวนมิติและอาศัยระบบการมองเห็นที่เซี่ยเฟยเป็นคนออกแบบขึ้นมาในการสังเกตสภาพแวดล้อม ดังนั้นถึงแม้เขาจะพอสังเกตสภาพแวดล้อมด้านนอกแหวนมิติได้ แต่มันก็ไม่สามารถนำมาเทียบได้กับดวงตาอันเฉียบคมของเซี่ยเฟย
“พวกมันเป็นใคร?” โอโร่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“พวกเขาเป็นราชากฎ 2 คนและเป็นศัตรูกับพวกปีศาจสีชมพู” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ
ไม่นานหลังจากนั้นราชากฎทั้งสองคนก็ส่ายหัวอย่างไม่พอใจ และถอยกลับไปยังเนินทรายที่อยู่ห่างจากเมืองของพวกปีศาจสีชมพูมากพอสมควร
เซี่ยเฟยเลือกที่จะใช้วิชาพรางจิตและแอบติดตามชายทั้งสองไปอย่างลับ ๆ
เมื่อทั้งคู่เริ่มรู้สึกว่าพวกเขาถอยมาจนถึงสถานที่ปลอดภัย พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกัน
“ทำไมพวกปีศาจสีชมพูถึงยังไม่ตาย? พวกลัทธิเทพโบราณยังไม่รู้ตัวอีกงั้นเหรอว่าโศกนาฏกรรมในวิหารของพวกมันเกิดจากคนพวกนี้?”
“บางทีพวกลัทธิเทพโบราณอาจจะยังสืบหาข้อมูลของพวกมันยังไม่เจอก็ได้ พวกเรารีบกลับไปรายงานสถานการณ์กันก่อนดีกว่า”
หลังจากพูดคุยกันจนจบชายทั้งสองก็หยิบเข็มทิศมิติออกมาเพื่อเตรียมพร้อมจะออกเดินทางไปยังฐานที่มั่นของตัวเอง
ฟุบ!
อย่างไรก็ตามจู่ ๆ มันก็มีร่าง ๆ หนึ่งโฉบผ่านพวกเขาไป พร้อมกับขโมยเข็มทิศมิติออกไปจากมือของพวกเขาโดยตรง
“พวกคุณจะรีบไปไหน? ฉันขอถามอะไรหน่อยว่าทำไมพวกคุณถึงอยากให้ปีศาจสีชมพูตายกันขนาดนั้นล่ะ?” เซี่ยเฟยเริ่มกล่าวถาม
ชายทั้งสองมองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาที่ตกตะลึง เพราะเซี่ยเฟยสามารถขโมยเข็มทิศมิติของพวกเขาไปโดยที่พวกเขาไม่ทันได้รู้ตัว ซึ่งถ้าหากว่าชายหนุ่มคนนี้หมายปองชีวิตพวกเขาอยู่จริง ๆ พวกเขาก็อาจจะเสียชีวิตโดยไม่ทันจะตั้งตัวเลยก็ได้
ชายทั้งสองก้าวเท้าถอยหลังพร้อมกับมองไปยังเซี่ยเฟยอย่างระมัดระวัง ขณะที่ดวงตาทั้งสองคู่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
“จะพูดหรือจะตาย?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับหยิบบลัดบิวเทียสขึ้นมาถือไว้ในมือ
เมื่อบลัดบิวเทียสปรากฏตัวออกมา ชายคนหนึ่งก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น คล้ายกับว่าเขาจะไม่รู้สึกกลัวเซี่ยเฟยเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องไปกลัวมันขนาดนั้นหรอก ฉันรู้จักดาบเล่มนั้น! แกคือเซี่ยเฟยสินะ ระดับพลังของแกมันก็อยู่แค่ราชากฎขั้นต้น เรียกได้ว่าแกคือนักรบที่อ่อนแอที่สุดของสกายวิง” ราชากฎร่างเตี้ยกล่าวอย่างเหยียดหยามพร้อมกับชี้นิ้วไปทางเซี่ยเฟย
‘นักรบที่อ่อนแอที่สุดของสกายวิง?’ เซี่ยเฟยแอบสาปแช่งชายทั้งสองอยู่ภายในใจ แน่นอนว่าครั้งหนึ่งเขาย่อมเคยเป็นนักรบสกายวิงที่อ่อนแอที่สุดจริง ๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เพราะในปัจจุบันเขามีระดับพลังสูงถึงอันดับที่ 13 ของตระกูลเรียบร้อยแล้ว
“พวกแกต้องการอะไร?” เซี่ยเฟยถาม
“ต้องการอะไร…” ก่อนที่ชายทั้งสองจะได้พูดอะไรเพิ่มเติม เซี่ยเฟยก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน
หงส์ครามพุ่งทะลุออกมาจากพื้นดินด้วยใบหญ้าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนามแหลม ขณะที่ขนอุยส่งเสียงร้องคำรามและบินออกไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง
แสงสว่างสีแดงพุ่งตรงออกไปกลายเป็นลำแสงที่น่ากลัวโดยมีเป้าหมายคือลำคอของชายคนหนึ่ง
ราชากฎร่างเตี้ยรีบใช้พลังของกฎมิติสร้างเกราะป้องกันขึ้นมารอบตัว ขณะที่ราชากฎอีกคนหนึ่งรีบขยับตัวออกไปเพื่อปิดกั้นเส้นทางการล่าถอยของเซี่ยเฟย
ฝ่ามือใบไม้ร่วง!
เมื่อกฎแห่งความโกลาหลถูกปลดปล่อยออกมา การป้องกันของกฎใด ๆ ก็ถูกทำลายลงไปในทันที
ฉัวะ!
บลัดบิวเทียสตัดผ่านลำคอของศัตรูไปอย่างว่องไว ขณะที่หงส์ครามพุ่งออกไปพันธนาการราชากฎคนที่ยังคงมีชีวิตอยู่
“ขอโทษที ตอนนี้ฉันไม่อยากรู้แล้วว่าพวกแกกำลังคิดอะไรอยู่” เซี่ยเฟยเดินลากบลัดบิวเทียสเข้ามาด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเลือดเย็น โดยในขณะนี้เขาได้ปลดปล่อยจิตอสูรออกมาเล็กน้อย ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยแรงกดดันอันรุนแรง
“แกคือคนจากตระกูลมูนวอร์ดสินะ และแกก็คือคนที่เพิ่งซื้ออาวุธมายาลาวาละลายลักษณ์ไปเมื่อไม่นานมานี้ บอกฉันมาว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันเป็นฝีมือของตระกูลมูนวอร์ดหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล
***************
ตระกูลมูนวอร์ดกลับมาอีกครั้งแล้วสินะ คงต้องจบแบบฆ่าล้างทั้งตระกูลแล้วล่ะมั้งเนี่ย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 312
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น