ตอนที่ 815 แผนการใส่ร้ายสกายวิง
ตอนที่ 815 แผนการใส่ร้ายสกายวิง
“แกคือคนจากตระกูลมูนวอร์ดสินะ และแกก็คือคนที่เพิ่งซื้ออาวุธมายาลาวาละลายลักษณ์ไปเมื่อไม่นานมานี้ บอกฉันมาว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันเป็นฝีมือของตระกูลมูนวอร์ดหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล
แม้ว่าการสร้างกำแพงมิติขึ้นมาใช้ในการป้องกันจะเป็นเรื่องธรรมดาของนักรบภายในดินแดนกฎ แต่การใช้กฎมิติของตระกูลมูนวอร์ดมันมีลักษณะที่ผิดแปลกออกไป ซึ่งในฐานะที่ชายหนุ่มเป็นศัตรูที่ยังคงรู้สึกแค้นตระกูลมูนวอร์ดอยู่ เขาจึงสามารถสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้เขาได้ตระหนักว่าแท้ที่จริงแล้วราชากฎทั้งสองคนนี้ก็คือคนจากตระกูลมูนวอร์ด และพวกเขาก็ยังเป็นคนคนเดียวกันกับที่ประมูลลาวาละลายลักษณ์ได้ในงานประมูลของบริษัทการค้าแคนเดิลไลท์ที่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน
หลังจากงานประมูลสิ้นสุดลงมันก็จะต้องมีการส่งมอบสินค้าให้กับแต่ละคน ซึ่งในระหว่างนั้นเซี่ยเฟยบังเอิญเห็นผู้ที่ได้รับการส่งมอบลาวาละลายลักษณ์พอดี และถึงแม้ว่าในวันนี้อีกฝ่ายจะสวมใส่ชุดต่อสู้ปิดบังรูปร่างหน้าตา แต่มันก็ไม่สามารถที่จะรอดพ้นไปจากสายตาของเซี่ยเฟยได้อยู่ดี
แม้ว่าตระกูลมูนวอร์ดจะถูกเนรเทศออกจากกลุ่มดาวม้าขาว แต่พวกเขาก็ยังมีส่วนร่วมกับการประมูลแย่งชิงอาวุธมายาโบราณ นอกจากนี้มันก็ดูเหมือนกับว่าอีกฝ่ายจะมีความเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงกฎแห่งเวลาด้วย การค้นพบในครั้งนี้จึงทำให้เซี่ยเฟยอดที่จะใจสั่นขึ้นมาไม่ได้
“แกคือเซี่ยเฟยจริง ๆ สินะ” ราชากฎที่กำลังโดนจับส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างโกรธแค้น
เมื่อทั้งหงส์ครามและขนอุยถูกเปิดเผยออกมา มันก็ช่วยตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่าชายหนุ่มคนนี้คือเซี่ยเฟย
“ตระกูลของพวกแกโดนเนรเทศออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมพวกแกถึงยังอยู่ที่นี่อีก” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับยกบลัดบิวเทียสขึ้นมาจ่อราชากฎผู้รอดชีวิตเอาไว้
“แกพูดจาเพ้อเจ้ออะไร! แหกตาดูให้ดี ๆ ว่าที่นี่มันคือที่ไหน?!” ราชากฎจากตระกูลมูนวอร์ดโต้ตอบเพราะในปัจจุบันพวกเขากำลังอยู่ในแดนเนรเทศ
เซี่ยเฟยชะงักค้างไปเล็กน้อยเมื่อเขาลืมตัวว่าตอนนี้เขากำลังสืบหาข้อมูลอยู่ในแดนเนรเทศจริง ๆ แต่การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายมันก็ยังคงสร้างข้อสงสัยขึ้นภายในใจของเขาอยู่ดี
ดวงตาของอีกฝ่ายจ้องมองมาที่เซี่ยเฟยอย่างเกลียดชัง โดยเฉพาะหลังจากที่เขาสามารถระบุตัวตนที่แท้จริงของเซี่ยเฟยได้อย่างแน่นอนแล้ว มันก็ยิ่งทำให้ชายคนนี้แสดงความโกรธแค้นออกมามากขึ้นกว่าเดิม
ฉัวะ!
บลัดบิวเทียสตัดผ่านหน้ากากของอีกฝ่ายไปอย่างว่องไว เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ค่อนข้างอ่อนเยาว์ โดยในสงครามระหว่างสกายวิงกับมูนวอร์ดเซี่ยเฟยไม่เคยเห็นหน้าคนคนนี้มาก่อน เขาจึงคาดเดาว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นราชากฎคนใหม่ที่พึ่งเลื่อนระดับขึ้นมาได้เพียงไม่นาน
เนื่องจากชายคนนี้คือสมาชิกระดับสูงคนใหม่ของตระกูล เขาจึงได้รับหน้าที่ให้เข้าร่วมการประมูลของบริษัทการค้าแคนเดิลไลท์ เพราะมันคงมีคนเพียงแค่ไม่กี่คนที่สามารถจดจำใบหน้าของเขาได้
เซี่ยเฟยค่อย ๆ ใช้คมดาบบลัดบิวเทียสกรีดผ่านใบหน้าของอีกฝ่ายเบา ๆ ปล่อยให้ดาบเล่มนี้กลืนกินพลังชีวิตของอีกฝ่ายไปอย่างช้า ๆ โดยในเวลาเพียงแค่ไม่นานใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความอ่อนเยาว์ก็ค่อย ๆ เหี่ยวเฉาลงไป และเปลี่ยนใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งให้กลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทรมาน
“พวกแกมีเหตุผลอะไรถึงมาสืบข่าวเรื่องปีศาจสีชมพู? แล้วทำไมพวกแกถึงได้ประมูลอาวุธมายาไปแบบนั้น?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยสีหน้าที่เย็นชา
“หนี้เลือดมันจะต้องจ่ายด้วยเลือด! คราวนี้สกายวิงของแกจะต้องล่มสลายลงแน่ ๆ และถึงแม้ว่าแกจะฆ่าฉันไป แต่ก็อย่าหวังว่าจะได้รับข้อมูลอะไรจากฉัน!” ชายหนุ่มผู้ถูกพันธนาการส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
“เขาพยายามยั่วยุให้นายฆ่าเขา ฉันว่านายควรส่งตัวเขาไปให้ตระกูลช่วยสอบสวนก่อนดีกว่า ดูเหมือนคราวนี้มันจะไม่ใช่ปัญหาของนายคนเดียว แต่มันเป็นปัญหาของสกายวิงทั้งตระกูล” โอโร่กล่าวเตือน
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ และในฐานะที่สกายวิงคือหนึ่งในตระกูลที่ยืนหยัดในดินแดนกฎมาได้อย่างยาวนาน ภายในตระกูลย่อมมีวิธีการรีดข้อมูลจากศัตรูอยู่อย่างแน่นอน
เซี่ยเฟยหยิบเข็มทิศมิติออกมาเพื่อเตรียมพร้อมจะเดินทางกลับไปยังสวนสายลม แต่ทันใดนั้นมันก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาดังลั่นคล้ายกับว่ามันมีสงครามกำลังเกิดขึ้นในบริเวณห่างไปไม่ไกล
ฟุบ!
เงาสีดำร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาราวกับสายฟ้า และเมื่อคนคนนั้นสังเกตเห็นเซี่ยเฟย เขาก็รีบเคลื่อนร่างเข้ามาหยุดใกล้ ๆ ชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“เซี่ยหลิง! ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?!” เซี่ยเฟยอุทานเมื่อได้เห็นร่างของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
เซี่ยหลิงคือราชากฎขั้นที่ 3 ของสกายวิงและเธอคือนักขุดแร่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในกลุ่มดาวม้าขาว ในช่วงเวลาปกติหญิงสาวคนนี้มักจะออกไปสำรวจหาสายแร่หายากอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าเธอคือผู้ที่คลั่งไคล้ในแร่ธาตุมากที่สุดคนหนึ่งของดินแดนกฎก็คงจะไม่ผิดนัก
ย้อนกลับไปในช่วงสงครามระหว่างตระกูล เซี่ยเฟยกับเซี่ยหลิงมีการพบปะพูดคุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ และอีกฝ่ายก็เคยมอบแร่มรกตทองหายากเป็นของขวัญต้อนรับให้กับเขาด้วยเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายจึงค่อนข้างจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากพอสมควรเลยทีเดียว
“ฉันก็กำลังจะถามนายอยู่เหมือนกัน ว่าแต่คนคนนี้เป็นใคร?” เซี่ยหลิงกล่าวถามด้วยท่าทางที่ประหลาดใจมากยิ่งกว่าเซี่ยเฟยเสียอีก
“เขาคือคนจากตระกูลมูนวอร์ด ฉันเห็นเขาแอบสังเกตสถานการณ์ของพวกปีศาจสีชมพูอยู่ ฉันจึงจับตัวของเขาไว้” เซี่ยเฟยอธิบายอย่างเร่งรีบ
“ฉันก็ตามราชากฎจากตระกูลมูนวอร์ดมาเหมือนกัน แต่ก่อนที่ฉันจะรู้ตัวฉันก็ถูกพวกมันปิดล้อมเอาไว้แล้ว” เซี่ยหลิงกล่าวขึ้นมาด้วยความตกใจ
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนเล็กน้อย เพราะในระหว่างที่เขากำลังพยายามสืบหาเรื่องกฎแห่งเวลา เขาก็ถูกชักนำให้มาปรากฏตัวในสถานที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน คล้ายกับว่ามันกำลังมีมือที่มองไม่เห็นได้ชักนำพวกเขามายังสถานที่แห่งนี้
ตูม!
ก่อนที่เซี่ยเฟยจะทันประมวลสถานการณ์ได้ มันก็มีเสียงดังสนั่นจนท้องฟ้าสั่นไหวพร้อมกับมีคนพุ่งเข้าใส่พวกเขาทั้งสองคนอย่างดุเดือด
เซี่ยเฟยกับเซี่ยหลิงรีบใช้ความเร็วเพื่อหลบหลีกการโจมตีอย่างฉับพลัน แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมไม่ลืมที่จะนำราชากฎจากตระกูลมูนวอร์ดหลบหนีไปพร้อมกับเขาด้วย
สถานการณ์ในปัจจุบันมันดูแปลกมากเกินไป ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็จะต้องขุดข้อมูลออกมาจากปากของอีกฝ่ายให้ได้
“นายฆ่าเขาทำไม?” เมื่อเซี่ยเฟยกับเซี่ยหลิงถอยไปตั้งหลักห่าง ๆ จากตำแหน่งเดิมไกลกว่า 100 กิโลเมตร เซี่ยหลิงก็รีบถามขึ้นมาด้วยความตกใจ
เมื่อเซี่ยเฟยมองไปยังราชากฎที่ยังคงถูกพันธนาการร่างเอาไว้ เขาก็ได้พบว่าอีกฝ่ายมีน้ำลายฟูมปากและไม่หายใจอีกต่อไปแล้ว
“มันกัดลิ้นฆ่าตัวตาย” เซี่ยเฟยกล่าวตอบหลังจากที่เขาง้างปากของอีกฝ่ายดู
“อะไรนะ? มันฆ่าตัวตายงั้นเหรอ?!” เซี่ยหลิงพูดขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงร้องคำรามดังขึ้นมาจากระยะไกล ก่อนที่ในเวลาอีกเพียงแค่ไม่นานชายหัวล้านหลายสิบคนก็ใช้การเคลื่อนไหวผ่านกฎมิติเพื่อติดตามเซี่ยเฟยกับเซี่ยหลิงมา โดยบนศีรษะของแต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีรอยสักเหมือนเทพธิดาประดับเอาไว้อย่างโดดเด่น
“พวกมันเป็นคนจากลัทธิเทพโบราณ” เซี่ยเฟยกล่าวกับเซี่ยหลิงด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เรื่องนั้นฉันรู้ แต่ที่ฉันไม่เข้าใจคือทำไมพวกมันต้องโจมตีพวกเราด้วย?” เซี่ยหลิงกล่าว
ในเวลาเดียวกันมันก็มีศัตรูเข้ามาล้อมรอบนักรบสกายวิงทั้งสองเอาไว้ ก่อนที่ชายคนหนึ่งผู้มีใบหน้าอันดุร้ายจะก้าวเท้าออกมายังด้านหน้า
“แกเป็นคนจากตระกูลสกายวิงสินะ”
“ใช่ ฉันคือเซี่ยหลิงจากตระกูลสกายวิง ว่าแต่ทำไมพวกแกถึงต้องมาโจมตีฉันด้วย?” เซี่ยหลิงแนะนำตัวออกไปอย่างภาคภูมิใจ
“มันมีคนบอกเราว่าสกายวิงคือคนที่อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมในวิหารของเรา ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อแต่ดูเหมือนเรื่องนี้มันจะเป็นฝีมือของสกายวิงจริง ๆ สินะ” ชายหัวโล้นกล่าว
“พวกเราสกายวิงไม่เคยปล่อยศัตรูไปง่าย ๆ ถ้าหากพวกเราต้องการที่จะทำลายลัทธิของพวกแกจริง ๆ พวกแกก็ไม่มีทางเหลือรอดมาพูดจาพล่อย ๆ อยู่แบบนี้หรอก” เซี่ยหลิงตะโกนด่ากลับไปอย่างหงุดหงิด
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็ตระหนักว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดปกติ เขาจึงรีบตะโกนถามออกไปอย่างรวดเร็ว
“ตระกูลมูนวอร์ดเป็นคนบอกพวกแกหรือเปล่าว่าสกายวิงคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
“พวกแกไม่ต้องมาสนใจหรอกว่าใครเป็นคนให้ข้อมูลกับพวกเรา ไม่ว่ายังไงพวกเราก็มาที่นี่เพื่อแก้แค้น ในเมื่อคนของสกายวิงกับปีศาจสีชมพูอยู่ด้วยกัน มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีไม่ใช่แล้วเหรอว่าพวกแกคือคนจ้างพวกปีศาจสีชมพูให้มาจัดการกับคนของเรา” ชายหัวล้านกล่าว
“หนี้แค้นคราวนี้มันต้องชำระด้วยเลือด! อย่าคิดว่าพวกเราจะกลัวเพียงเพราะพวกแกคือสกายวิง ในเมื่อพวกแกกล้ามาทำร้ายคนของเราก่อน พวกเราก็พร้อมที่จะสั่งสอนให้พวกแกได้รู้ว่าลัทธิเทพโบราณของพวกเราไม่ใช่สิ่งที่พวกแกจะมาลบหลู่ได้ง่าย ๆ” ชายหัวล้านกัดฟันร้องคำรามออกไปหลังจากที่เขาชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง
“เมื่อกี้คุณได้ออกไปทำอะไรกับพวกปีศาจสีชมพูหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยหันไปถามเซี่ยหลิง
“ฉันแอบตามพวกมูนวอร์ดมา และเห็นว่าพวกมันปลอมตัวแอบเข้าไปในค่ายของพวกปีศาจสีชมพู ในระหว่างที่ฉันแอบตามพวกมันเข้าไปฉันก็เจอไอ้พวกนี้ล้อมฉันเอาไว้ แล้วพวกมันก็โจมตีใส่ฉันโดยไม่พูดอะไรสักคำ” เซี่ยหลิงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตระหนักแล้วว่าเซี่ยหลิงตกหลุมพรางของตระกูลมูนวอร์ดอย่างชัดเจน แม้แต่ตัวเขาเองก็เกือบจะตกหลุมพรางของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน
ตอนนี้คนของลัทธิเทพโบราณได้คิดไปเองเรียบร้อยแล้วว่าตระกูลสกายวิงกับปีศาจสีชมพูร่วมมือกันสังหารคนของพวกเขาไปนับหมื่นคน และอีกฝ่ายก็คงจะไม่รามือไปง่าย ๆ เว้นแต่ว่าพวกเขาจะได้แก้แค้นอย่างสาสม
“สกายวิงกับเราไม่เคยมีความบาดหมางกันมาก่อน แต่พวกแกกลับมาทำลายวิหารของเราและขโมยเอาเพลิงผลาญของพวกเราไปอีก นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปลัทธิเทพโบราณกับสกายวิงจะเป็นศัตรูกันจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกทำลายล้างลงไป!!” ชายหัวล้านส่งเสียงร้องคำราม
“เพลิงผลาญ!? นั่นมัน 1 ใน 5 เปลวไฟแห่งห้วงดารา” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“แกจะตกใจไปทำไมในเมื่อแกก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าพวกแกกำลังทำอะไรอยู่”
สถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตระหนักว่าสาเหตุที่ตระกูลมูนวอร์ดเข้าควบคุมทหารรับจ้างปีศาจสีชมพูเพื่อให้ไปกวาดล้างวิหารเทพโบราณ มันก็ไม่ใช่เพราะกฎแห่งเวลาแต่มันเป็นเพราะอาวุธมายาเพลิงผลาญต่างหาก
เพลิงผลาญ, อัคคีโศก, อัคนีโหยหวน, เถ้าเชือดเฉือนและลาวาละลายลักษณ์ เป็นที่รู้จักในนาม 5 เปลวไฟแห่งห้วงดารา และพวกมันก็คืออาวุธมายาธาตุไฟที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ก่อนหน้านี้ตระกูลมูนวอร์ดก็พึ่งได้รับลาวาละลายลักษณ์ไปจากงานประมูล และพวกเขายังได้รับเพลิงผลาญไปจากลัทธิเทพโบราณ ซึ่งไม่เพียงพวกเขาจะได้รับอาวุธมายาไปถึงสองชิ้นเท่านั้น แต่พวกเขายังป้ายความผิดเรื่องลัทธิเทพโบราณมาให้กับสกายวิงอีกด้วย
ฟุบ ๆ ๆ ๆ
ทันใดนั้นมิติโดยรอบก็เริ่มวุ่นวายขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ชายหัวล้านผู้มีรอยสักรูปเทพธิดาค่อย ๆ ปรากฏตัวเพิ่มขึ้นมาทีละคน
ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ อีกฝ่ายก็เรียกกองกำลังเสริมออกมาได้มากกว่า 30 คน และแต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีพลังในระดับราชากฎขึ้นไป
“ลัทธิเทพโบราณมีสาวกเป็นราชากฎมากขนาดนี้เลยงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของสาวกลัทธิใดลัทธิหนึ่งจะมีพลังมากกว่าที่คนนอกเคยจินตนาการเอาไว้”
สิ่งที่เลวร้ายมากยิ่งกว่าคือสาวกจากลัทธิเทพโบราณเหล่านี้ต่างก็กำลังมุ่งเป้ามาที่เซี่ยเฟยและตระกูลสกายวิง
“พวกเราจัดการปีศาจสีชมพูไปหมดแล้ว ในระหว่างที่พวกเรากำลังกวาดล้างพวกมัน ตอนนั้นมันก็มีนักรบสกายวิงปรากฏตัวขึ้นมาด้วย น่าเสียดายที่มันเร็วเกินไปพวกเราเลยไม่สามารถจะจับตัวมันเอาไว้ได้” ชายหัวโล้นที่พึ่งปรากฏตัวขึ้นมาใหม่รายงานต่อชายหัวโล้นผู้มีใบหน้าอันโหดเหี้ยม
หลังจากเสียงรายงานจบลงใบหน้าของราชากฎหัวโล้นทั้ง 37 คนก็ยิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้นกว่าเดิม จากนั้นพวกเขาก็จ้องมองไปที่เซี่ยเฟยกับเซี่ยหลิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต คล้ายกับว่าพวกเขาต้องการจะฉีกกระชากร่างของพวกเซี่ยเฟยให้ออกจากกันเป็นชิ้น ๆ
“มันยังมีพี่น้องของเราคนอื่นถูกหลอกมาที่นี่อีกงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เพราะมันดูเหมือนกับว่าไม่ใช่แค่เซี่ยหลิงเท่านั้นที่ตกหลุมพราง แต่สมาชิกของสกายวิงคนอื่นก็ตกหลุมพรางของพวกมูนวอร์ดด้วยเช่นกัน
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ขยับนิ้วเข้าไปในแหวนมิติเพื่อหยิบตราอสูรคลั่ง เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันมันอยู่เหนือเกินกว่าการควบคุมของเขาแล้ว
***************
ตราอสูรคลั่งจะถูกมาใช้อีกครั้งจากตระกูลเดิม รอบนี้น่าจะไม่เหลือรอดแล้วจริง ๆ ว่าไหม?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 430
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น