บทที่ 15...1/3

จันทร์ซ่อนใจ

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 15...1/3

          มีใครคนหนึ่งเคยเอ่ยไว้หากเวลาผ่านไปโดยการคิดถึงใครสักคน เวลาจะผ่านไปช้าราวกับโลกหมุนช้าลง ทว่าการทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาคิดถึงใคร โลกจะหมุนเร็วจนเราแทบไม่มีเวลาหยุดพัก ทั้งที่เวลายังคงเที่ยงตรงเท่ากัน

          โฆษณาได้เริ่มถ่ายทำ แม้จะมีปัญหาขลุกขลักบ้าง อย่างทีมงานฟรีแลนซ์ที่จ้างมายังสื่อสารกับพิพัฒไม่เข้าใจกันวันแรกๆ ของการทำงาน รถถ่ายทำที่เช่าถูกเช่าตัดหน้า เบญญากับสมพงศ์อยู่เบื้องหลัง

          อรอินทุ์กับเพื่อนแก้ปัญหาได้เพราะมีเพื่อนในวงการให้ความช่วยเหลือ ก่อนจะตอบโต้คนก่อเรื่องด้วยการปล่อยงานที่คล้ายกับงานต่างประเทศที่สร้างโดยบริษัท Leoness ชิ้นอื่นๆ ลงยูทูบ (Youtube)ให้รู้แล้วรู้รอดไป รู้ดีว่าคงได้แค่ถ่วงเวลาไม่ให้ใครมายุ่งกับงานของเธอได้สักพัก

          พันธินเฝ้าดูการทำงานของอรอินทุ์อยู่ห่างๆ พร้อมกับทำงานของตัวเองไป คลื่นใต้น้ำเริ่มก่อตัวใหญ่ขึ้นเมื่อมีการนำประเด็นกำไรที่ไม่ได้ตามเป้าหมายขึ้นมาโจมตีการบริหารงานของเขา แต่กลับถูกตอกกลับเมื่อกำไรที่ดูเหมือนจะลดลงนั้นมีจุดบอดอยู่ที่ส่วนของห้องอาหารซึ่งวิรัตน์ดูแลอยู่  และสปาที่ญาติของเขาดูแล ประเด็นนี้เลยทำให้เงียบไป

          ส่วนเรื่องของจิณณ์กับภาวิต สองคนนั้นเหมือนจะเงียบไปทั้งคู่เพราะไม่อยากให้นักข่าวตามเรื่องธุรกิจที่มีเบื้องหลังผิดกฎหมาย แต่รายละเอียดลึกๆ มีการเพิ่มจำนวนคนราวกับกำลังวางแผนทำอะไรสักอย่าง พันธินรู้ว่าเขาต้องรอเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นสองคนนั้นจะกลับมาสงสัยเขา การแก้แค้นจะยิ่งล่าช้าออกไป

          “ถึงงานแล้วครับ”

          พันธินหลุดจากความคิดของตัวเองและระลึกได้ว่าวันนี้ครบรอบสามห้าปีของการก่อตั้ง เอ็มไพร์ กรุ๊ป พ่อกำลังเดินทางตามมา เขาติดกระกุมเสื้อสูทสีดำ ก่อนจะก้าวลงมาจากรถ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือนักข่าว ข่าวของเขากับอรอินทุ์เงียบไปแล้ว ทำให้นักข่าวที่มาในคืนนี้เป็นนักข่าวสายธุรกิจและสังคมเท่านั้น

          พันธินเดินเข้างานไปโดยมีลุงอิชย์มายืนรอรับ แขกเกินครึ่งที่มาเป็นคู่ค้าของเอ็มไพร์ กรุ๊ป ส่วนที่เหลือเป็นแขกที่ได้รับเชิญมา เขามองหาอรอินทุ์ แต่กลับเห็นผู้หญิงที่พ่อเคยออกปากว่าจะหมั้นหมาย แล้วเขาปฏิเสธ เธอคนนั้นมาในงานนี้ด้วยพร้อมกับพ่อของเธอซึ่งความรวยไม่ต้องพูดถึง ติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทยอยู่แล้ว แต่นั่นไม่สำคัญเท่าพ่อเชิญสองพ่อลูกมางานนี้หรือว่าคนจากเอ็มไพร์ กรุ๊ปส่งบัตรเชิญไปตามหน้าที่

          “พ่อมีแผนจะทำอะไร ลุงอิชย์รู้ไหมครับ”

          อิชย์ไม่ได้สงสัยอะไรจนกระทั่งพันธินถาม แต่ใครบ้างเดาใจคุณเธียรถูก อ้อ ไม่สิ คงมีแล้ว ไม่ต้องเดา แต่ฟังเอา

          “ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ น่าจะลองไปฟังความคิดคุณเธียรตรงๆ ผมเดา แต่ไม่อยากเดาถูก”

          พันธินไม่ค่อยเชื่อว่าลุงอิชย์ไม่รู้ เขานิ่งรอฟัง แต่กลับได้ยินเสียงความคิดมากมายของคนในงานแทน ล้วนแล้วแต่มาด้วยเรื่องธุรกิจทั้งนั้น

          “คิดสิครับ ผมจะได้ฟัง”

          “ไม่ล่ะครับ เผื่อไม่ถูก” อิชย์หัวเราะ เขาสั่งตัวเองไม่ให้คิดได้เหมือนกัน

          ชายหนุ่มขัดใจ แต่ไม่อยากคาดคั้น เรื่องแค่นี้เขาหาคำตอบได้ไม่ยาก เรื่องที่จะไปถามพ่อตรงๆ ตามคำแนะนำคงยาก พ่อคงไม่บอกถ้าเขาไหวตัวทัน

 

          เธียรมาถึงงานเป็นคนสุดท้ายพร้อมกับตุลยา พันธินมองพ่อด้วยความภูมิใจที่ไม่ได้มาจากทรัพย์สินที่พ่อสร้างให้ แต่พ่อเป็นตัวอย่างให้เขาบอกกับตัวเองเสมอว่าต้องเก่งขึ้นให้ถึงครึ่งของพ่อก็ยังดี เขายื่นแขนให้พ่อจับเพื่อที่จะได้เดินสะดวก แสงแฟลชวูบวาบจนลูกชายพาพ่อมายังที่นั่งประธานของงานฉลองในคืนนี้ ตุลยานั่งลงใกล้ๆ กันและเด่นด้วยชุดสีฟ้าน้ำทะเลที่ใส่มา ยามที่ตุลยามองลูกเลี้ยงไม่ได้ระแวงปนกลัวอย่างแต่ก่อนแล้ว

          “นั่งลงสิ อีกเดี๋ยวจะมีเรื่องสำคัญที่พ่อจะประกาศ ถ้าธินรักพ่อ ก็ทำตามที่พ่อต้องการ ถ้ามีคำถาม พ่อพร้อมจะตอบที่บ้าน” เธียรสั่ง

          พันธินนั่งลงเริ่มไม่สบายใจ พ่อไม่คิดอะไรให้เขาได้ยินอีกแล้ว มีเหตุผลอะไรที่ผู้หญิงที่พ่อหมายตาให้แทนที่ดรุณีมางานในคืนนี้ เขาอยากเดาผิดเหลือเกิน การที่เขาเปิดใจไปคราวก่อนไม่มีผลต่อการตัดสินใจของพ่อเลยสักนิด       

          “ก่อนถึงเวลาสำคัญของพ่อ ผมอยากประกาศเรื่องสำคัญของผมบ้าง ถ้าผมทำอะไรให้พ่อไม่สบาย หรือโกรธ ผมมีคำตอบที่ดีที่บ้าน แค่พ่อยอมทำตามใจผมบ้างเท่านั้น”

          คิ้วของเธียรขมวดเมื่อลูกชายเลียบแบบคำพูดของเขา

          “เรื่องอะไรที่ธินอยากให้พ่อตามใจ”

          “เดี๋ยวพ่อก็จะรู้เองครับ”

          พันธินลุกขึ้น แต่ไม่ได้เดินไปที่เวที เขาเดินตามหาคนที่สามารถช่วยให้รอดพ้นไปจากสถานการณ์นี้ได้ การพูดตรงๆ อาจทำให้เรื่องแย่ลง ขอให้เจอตัวก่อน โทรศัพท์ถูกกดโทรออก เมื่อครู่เขาน่าจะถามลุงอิชย์ ตอนนี้มานึกเสียดายก็ไม่ทันแล้ว

 

          พันธินเดินไปจนทั่วงานพลางโทรหาอรอินทุ์ไปด้วย แต่เธอกลับไม่รับโทรศัพท์ เขาพลาดเอง เมื่อเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงเพื่อจะไปสวนหย่อมเพราะคิดว่าอรอินทุ์อาจจะไป สายตาพลันเห็นอดีตคู่หมั้นที่ควงคู่รักมาออกงาน ให้มันได้อย่างนี้สิ ถึงว่าอยู่ดีๆ นักข่าวมากกว่าเดิม แถมเป็นนักข่าวสายบันเทิงเสียด้วย คงรอภาพเด็ด ครั้นจะเลี่ยงไม่พบ ดรุณีก็หันมาเห็นเขาเข้าพอดี นักข่าวพากันสนใจหันกล้องใส่

          “ยินดีด้วยนะคะคุณธิน คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมที่ณีพาสรัชมางานนี้ด้วย”   

          “ไม่หรอก ดีเสียอีก ผมกำลังอยากเจอสรัชพอดี” พันธินแสร้งยิ้ม สงสัยว่าใครเชิญคู่นี้มา

          สรัชหน้าตึงขึ้นมาทันที ‘หรือว่ามันจะรู้เรื่อง วิรัตน์ทำอะไรไม่แนบเนียนออกไปหรือเปล่า แต่มันเพิ่งกลับมาจะไปรู้ได้ยังไง’ เรียวปากหนาแสร้งยิ้มกลับบ้าง

          “นายมีเรื่องอะไรถึงอยากพบฉัน บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าฉันไม่เคยอยากพบนายเลย”

          พันธินอยากทำหน้าเซ็ง อยากรู้เรื่องหนึ่ง แต่กลับได้รู้อีกเรื่องแทน วิรัตน์ร่วมมือกับสรัชนี่เอง ถึงว่าวิรัตน์ออกตัวแรงเหลือเกิน ที่แท้ก็คนใกล้ตัวที่เป็นหนอนบ่อนไส้

          “นายคิดยังไงที่ฉันกลับมา ถ้าฉันตายจะดีกว่าหรือเปล่า” เขาถามตรงๆ เมื่อเวลาเหลือน้อยลงแล้ว เขาแย่แน่ถ้าหาอรอินทุ์ไม่พบ

          “ถามทำไม”

          “คุณธินคะ ณีคิดว่าเราไม่น่าพูดเรื่องนี้กันเลย”

          ดรุณีเริ่มไม่สบายใจเมื่อคิดว่าพันธินอาจจะยังเสียใจอยู่ ไหนข่าวบอกว่าเขามีรักใหม่แล้ว แต่จะหาคนมาแทนที่เธอทั้งทีไม่น่าไปคว้าแค่ผู้หญิงธรรมดาคนนั้น

          พันธินหัวเราะแม้ว่าจะไม่พอใจดรุณีนัก อรอินทุ์เป็นผู้หญิงธรรมดาแล้วจะทำไมหรือ ถ้าผู้หญิงสูงส่งจิตใจไม่ได้สูงส่งตามจะมีประโยชน์อะไร

          “ตอบมาก่อนเถอะน่า ฉันอยากรู้จริงๆ”

          นักข่าวยิ่งสนใจ แม้ว่าจะไม่ได้ยินว่าทั้งสามคนคุยอะไรกัน สรัชไม่อยากให้ยืดเยื้อเลยรีบตอบเร็วว่า “เราไม่เคยเป็นมิตรแท้ในธุรกิจ นายจะหวังอะไรจากคู่แข่ง”

          ดวงตาของสรัชมองพันธิน ‘ผิดคาดชะมัด ถ้ารู้ว่าแย่งณีมาแล้วแกยังสบายๆ ฉันคงไม่เสียเวลา ตอนนี้จะบอกเลิกคงไม่ได้ พ่อยัยณีเอาตายแน่ ทำยังไงดีวะ’

          “นายอยากให้ฉันตายหรือเปล่า”

          สรัชหน้าตึงใส่พันธิน “ไม่ตอบ ถ้าเกิดนายตายวันนี้พรุ่งนี้ ฉันก็ซวยน่ะสิ ไปเถอะนี ผมว่าณีถอนหมั้นจากมันมาน่ะถูกแล้ว ถามแต่ละเรื่อง บ้าๆ บอๆ ทั้งนั้น แถมจะหาคุกมาให้อีก”

          ทว่าสรัชยังไม่ทันได้ทำดังใจนักข่าวก็เข้ามาขอถ่ายรูป จากที่คิดว่าจะมีการวางมวยเพราะดรุณี กลับกลายเป็นว่าพากันยิ้มเหมือนไม่มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เหตุผลเดียวที่พันธินยิ้มเพราะตอนนี้ตัดสรัชออกไปได้แล้ว คนขี้ขลาดต่อหน้า แต่ลอบกัดลับหลัง ไม่มีทางสั่งฆ่าใครได้หรอก เหลือจิณณ์เพียงคนเดียวแล้ว ช่างเป็นความโล่งใจที่ได้รู้ แต่แค้นเป็นบ้าเลย

 

 

                   พันธินจะหาฆาตกรตัวจริงพบไหมนะ แล้วยังเรื่องที่อรอินทุ์กำลังสงสัยอีก ทุกอย่างจะได้คำตอบใน E-Book นะคะ

 

จันทร์ซ่อนใจ ได้วางจำหน่ายในรูปแบบ E-Book แล้วนะคะ (20/11/2023)  ในหมวด นิยายรัก เว็บ/แอพพลิเคชั่น MEB ค่ะ

ลิงค์ค่ะ

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNDI0NjkyIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NjoiMjcxODg0Ijt9

  •  

 

จันทร์ซ่อนใจเป็นนิยายที่จะคุณรู้ว่าการรอคอยและไม่หมดหวัง

สักวันคุณจะสมหวัง...

และร่วมกันหาฆาตกรตัวจริงด้วยกัน หวังว่าจะชอบนะคะ

  •  
  • _บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.