ตอนที่ 804 การใช้เงินมันเป็นเรื่องง่ายจริง ๆ
ตอนที่ 804 การใช้เงินมันเป็นเรื่องง่ายจริง ๆ
เซี่ยเฟยทำการคำนวณยอดเงินในบัญชีของเขาใหม่อีกครั้ง ซึ่งถ้าหากได้รวมเงินในบัญชีทั้งหมดหักจากเงินที่เขาจ่ายค่าประมูลดักแด้จักจั่นทองแดงไป มันก็ทำให้เขาเหลือเงินอยู่ประมาณ 980,000 คริสตัลเขียว
ตามกฎของการประมูลหากเขาประมูลสินค้าชิ้นไหนได้สำเร็จ เขาจะต้องจ่ายเงินทันทีอย่างน้อย 50% ของราคาประมูล และสามารถจ่ายเงินในส่วนที่เหลือย้อนหลังได้ภายใน 3 วัน ซึ่งกฎนี้เป็นกฎที่มีเอาไว้ให้สำหรับลูกค้าวีไอพีของบริษัทเท่านั้น ส่วนลูกค้าธรรมดาจำเป็นจะต้องจ่ายเงินทั้ง 100% ทันทีที่พวกเขาชนะการประมูล
ในแหวนมิติของเขามันยังมีอาวุธหลาย ๆ ชิ้นที่เขาไม่ได้ใช้แล้วเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น วิญญาณหวนหรือดาบดราก้อนสเกล เป็นต้น ซึ่งถ้าหากว่าเขาขายของที่ไม่จำเป็นทั้งหมดทิ้งไปรวม ๆ แล้วเขาก็น่าจะมีเงินอยู่ทั้งหมดประมาณ 1,055,000 คริสตัลเขียว
หลังจากคำนวณเซี่ยเฟยก็ตั้งราคาเอาไว้ภายในใจว่าเขาจะเสนอราคาออกไปเต็มที่ที่ 1 ล้านคริสตัลเขียว
“ราคาเริ่มต้นของต้นไม้แห่งชีวิตต้นนี้อยู่ที่ 50,000 คริสตัลเขียว หากใครต้องการที่จะได้รับอุปกรณ์ช่วยชีวิตชิ้นนี้ไป ก็ขอเชิญทุกท่านเสนอราคาเข้ามาได้เลยครับ” พิธีกรตะโกนออกไปเสียงดัง
“50,000!”
“60,000!”
“80,000!”
ราคาเพิ่มขึ้นด้วยอัตราที่เร็วมาก ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีมันก็ได้มีคนเสนอราคาเพิ่มขึ้นไปจนถึง 600,000 คริสตัลเขียวแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อราคาเพิ่มมาจนถึง 600,000 คริสตัลเขียว มันก็เริ่มมีอาการชะงักอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่มีใครต้องการเสนอราคาเล่น ๆ อีกต่อไป ผู้ที่เสนอราคาหลังจากนี้ก็ควรจะเป็นผู้ที่ต้องการได้รับต้นไม้แห่งชีวิตจริง ๆ
เซี่ยเฟยเริ่มทำการเสนอราคาเป็นครั้งแรก โดยการเพิ่มราคาขึ้นไปจากเดิมอีก 100,000 คริสตัลเขียว
ฮือฮา!
ฝูงชนเริ่มตื่นตระหนกในทันที เพราะตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้มันยังไม่เคยมีใครเพิ่มราคาครั้งเดียวถึง 100,000 คริสตัลเขียวมาก่อน
ผู้คนเริ่มมองไปรอบ ๆ โดยหวังว่าพวกเขาจะพบกับคนที่กล้าเสนอราคาในระดับนี้ แต่โชคไม่ดีที่ถึงแม้จะมีคนพยายามค้นหาเซี่ยเฟยเป็นจำนวนมาก แต่มันก็ไม่มีใครรู้เลยว่าผู้เสนอราคาคือเซี่ยเฟยที่นั่งอยู่บนห้องรับแขกชั้น 2
การเพิ่มราคาแบบรวดเร็วเช่นนี้เป็นเทคนิคทางจิตวิทยา ที่จะทำให้ผู้คนเริ่มเกิดอาการลังเลอย่างรุนแรง ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักที่จะยอมแพ้ไป ส่วนผู้ที่ต้องการจะได้รับสินค้าชิ้นนี้จริง ๆ ก็จะเริ่มไม่มั่นใจว่าพวกเขาควรจะเสนอราคาต่อไปดีหรือเปล่า
ในไม่ช้ามันก็มีคนเสนอราคาเพิ่มขึ้นมาเป็น 710,000 คริสตัลเขียว แต่น่าเสียดายที่เซี่ยเฟยเพิ่มราคาขึ้นไปอีก 100,000 คริสตัลเขียวอีกครั้ง จนทำให้ราคาเพิ่มขึ้นไปจนถึง 810,000 คริสตัลเขียวแล้ว
“850,000!”
“950,000!”
ทันทีที่มีคนเสนอราคาเพิ่มเซี่ยเฟยก็จะเสนอราคาเพิ่มไปอีก 100,000 ด้วยเช่นกัน เพื่อพยายามตัดคู่แข่งทุกคนออกไปให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด
ตอนนี้สิ่งที่เซี่ยเฟยรู้สึกกลัวที่สุดคือศัตรูที่ยังไม่เปิดเผยตัว เพราะด้วยโมเมนตัมในปัจจุบันเขาก็กำลังมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งทุกคนอย่างชัดเจน
ไม่ว่ายังไงสินค้าไฮไลท์ในงานประมูลครั้งนี้ก็ยังเหลืออีกหนึ่งชิ้น มันจึงทำให้มีผู้คนเป็นจำนวนมากเต็มใจที่จะสละต้นไม้แห่งชีวิตทิ้งไป เพื่อให้พวกเขามีโอกาสประมูลแข่งขันสินค้าชิ้นสุดท้าย ซึ่งถ้าหากว่าทุกคนไม่ได้กังวลเรื่องสินค้าชิ้นสุดท้าย ราคาของต้นไม้แห่งชีวิตมันก็คงจะเพิ่มขึ้นไปไกลมากกว่านี้
“ถ้าไม่มีใครเสนอราคาเพิ่มเติม ผมขอจบการประมูลต้นไม้แห่งชีวิตที่ราคา 950,000 คริสตัลเขียว” พิธีกรกล่าวถามขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับเหวี่ยงค้อนลงไปบนแท่นเพื่อปิดการประมูล
เซี่ยเฟยนั่งลุ้นการตัดสินใจของทุกคนอยู่อย่างเงียบ ๆ เพราะถ้าหากว่ามันมีใครต้องการที่จะแข่งขันเพิ่มขึ้นมาอีกแม้แต่คนเดียว ในเวลานั้นเขาคงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องยอมแพ้ไป
ปัก!
ในที่สุดค้อนไม้ก็ตีลงมาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเซี่ยเฟยคือผู้ชนะการประมูลต้นไม้แห่งชีวิต
“เทคนิคการเสนอราคาของนายเด็ดขาดดีจริง ๆ” โอโร่กล่าวขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
“มันก็เป็นเพียงแค่กลยุทธ์การประมูลง่าย ๆ นอกจากนี้คุณคิดว่าต้นไม้แห่งชีวิตในราคา 950,000 คริสตัลเขียวเป็นราคาที่ถูกหรือแพง?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับยักไหล่
“ถูกสิ! ถูกมาก ๆ ด้วย เมื่อเทียบกับชีวิตราคาเท่าไหร่มันก็ถูกทั้งนั้นแหละ หากคนพวกนี้มีเวลาคิดอีกสักนิด พวกเขาจะต้องรู้สึกเสียใจแน่นอนที่ยอมปล่อยต้นไม้แห่งชีวิตมาให้กับนาย” โอโร่กล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร เพราะการที่เขาได้รับต้นไม้แห่งชีวิตในครั้งนี้มันก็ถือว่าเป็นโชคชะตา ท้ายที่สุดการประมูลมันก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังมีเรื่องของจิตใจของผู้คนเข้ามาเกี่ยวข้องในระหว่างการประมูลด้วย
—
เซี่ยเฟยไม่เคยคาดคิดเลยว่าสินค้าไฮไลท์ชิ้นสุดท้ายของบริษัทการค้าแคนเดิลไลท์จะเป็นหนึ่งในอาวุธมายาโบราณ
อาวุธมายาแบ่งออกเป็น 5 ธาตุได้แก่โลหะ, น้ำ, ดิน, ไฟและพืช โดยในบรรดา 5 เปลวไฟแห่งห้วงดาราก็ประกอบไปด้วยเพลิงผลาญ, อัคคีโศก, อัคนีโหยหวน, เถ้าเชือดเฉือนและลาวาละลายลักษณ์ ซึ่งเปลวไฟอันดับสุดท้ายของเปลวไฟทั้งห้านั่นก็คือลาวาละลายลักษณ์ ผู้ซึ่งเป็นเปลวไฟที่มีอำนาจในการเผาไหม้มากที่สุด
เปลวไฟดวงเล็ก ๆ ที่เปรียบเสมือนกับแสงเทียนถูกนำมาวางโชว์บนโต๊ะประมูล ซึ่งทันทีที่ทุกคนได้เห็นอาวุธมายาชิ้นนี้ ผู้ชมทุกคนก็รู้สึกหนาวเย็นราวกับว่าพวกเขากำลังอยู่ภายในถ้ำน้ำแข็ง
“อาวุธมายาธาตุพืชของนายขึ้นชื่อว่าเป็นอาวุธที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งมากที่สุด ขณะที่อาวุธมายาธาตุไฟขึ้นชื่อว่าเป็นอาวุธมายาที่มีพลังทำลายมากที่สุดด้วยเหมือนกัน แม้ว่าลาวาละลายลักษณ์จะเป็นอาวุธมายาธาตุไฟแต่มันก็มีคุณลักษณะหยินสุดขั้ว แทนที่เปลวไฟดวงนี้จะปล่อยความร้อนออกมา พลังที่กำเนิดขึ้นมาจากมันจึงกลายเป็นความเย็นสุดขั้วขึ้นมาแทน”
“โชคดีแล้วที่นายทุ่มเงินทั้งหมดไปกับการประมูลต้นไม้แห่งชีวิต เพราะท้ายที่สุดนายก็มีอาวุธมายาธาตุพืชอยู่แล้ว แม้ว่านายจะประมูลได้ลาวาละลายลักษณ์ไป แต่อย่างมากที่สุดมันก็เป็นได้เพียงแค่เครื่องประดับสำหรับนายเท่านั้น” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าการตัดสินใจของเขาเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว อาวุธมายาทุกชนิดต่างก็มีพลังเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เมื่อเซี่ยเฟยตัดสินใจเลือกทำสัญญากับอาวุธมายาธาตุใดธาตุหนึ่งแล้ว เขาก็จะไม่สามารถทำสัญญากับอาวุธมายาที่เหลืออีก 4 ธาตุได้อีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้หงส์ครามยังได้กลืนกินอาวุธมายาธาตุพืชเข้ามาแล้วอีกถึงสองชนิด มันจึงไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องปล่อยอาวุธมายาชิ้นนี้ไปเพื่อไปทำสัญญากับอาวุธมายาชิ้นอื่น
การประมูลดำเนินไปอย่างดุเดือดและราคาสุดท้ายของลาวาละลายลักษณ์ก็จบลงด้วยราคา 3.4 ล้านคริสตัลเขียว ซึ่งมันก็เทียบเท่าได้กับรายได้ของตระกูลสกายวิงเป็นเวลาถึง 3 ปี!!
“ถ้าอาวุธมายาหนึ่งชิ้นมีราคา 3.4 ล้านคริสตัลเขียว มันก็หมายความว่าแขวนขวาของฉันมีราคามากกว่า 10 ล้านคริสตัลเขียวด้วยใช่ไหม?” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาเบา ๆ เมื่อได้เห็นราคาประมูลที่เกินกว่าจินตนาการของเขาไปไกล
“นั่นสินะ แขนขวาของนายน่าจะมีมูลค่ามากที่สุดในดินแดนกฎแล้ว เพราะมันเป็นสถานที่สิงสถิตของอาวุธมายาที่หลอมรวมกันมาแล้วถึงสามชิ้น” โอโร่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
—
“โถ่เอ้ย! นี่ถ้าหากฉันรู้ว่าลาวาละลายลักษณ์จะแพงขนาดนั้น ฉันคงจะทุ่มเงินทั้งหมดไปกับการประมูลต้นไม้แห่งชีวิตแล้ว ฉันอุตส่าห์เตรียมเงินมาตั้ง 1.7 ล้านคริสตัลเขียว แต่มันกลับกลายเป็นว่าฉันไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปเลย”
“ทำใจเถอะ คราวนี้ฉันก็เอาเงินมา 2.9 ล้านคริสตัลเขียวด้วยเหมือนกัน แต่สุดท้ายฉันก็ยังเอาเงินมาไม่มากพอ”
หลังจากฟังเสียงบ่นของผู้ที่กำลังเดินออกไปจากงานประมูล เซี่ยเฟยก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดผู้ที่ได้รับชัยชนะจากการประมูลลาวาละลายลักษณ์ก็มีอยู่เพียงแค่คนเดียว คนส่วนใหญ่จึงล้วนแล้วแต่กลับบ้านของพวกเขาไปด้วยความผิดหวัง
หลังจากจัดการชำระเงินค่าดักแด้จักจั่นทองแดงและต้นไม้แห่งชีวิตเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เดินออกไปยังลานกว้างด้านนอกเพื่อเตรียมใช้เข็มทิศมิติเดินทางกลับ
แม้ว่างานประมูลในครั้งนี้เขาจะได้รับสมบัติล้ำค่ากลับไปถึงสองชิ้น แต่มันก็ทำให้เขาต้องจ่ายเงินออกไปในราคามหาศาลด้วยเช่นกัน เงินนับล้านคริสตัลเขียวที่มีอยู่ในก่อนหน้านี้จึงลดลงมาเหลือเพียง 20,000 คริสตัลเขียวกับ 3.7 ล้านคริสตัลเหลืองเท่านั้น
ชายหนุ่มจึงแอบคิดภายในใจว่าการใช้เงินมันเป็นสิ่งที่ง่ายดายแตกต่างจากการหาเงินที่ยากลำบากซะจริง ๆ
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องคิดหาวิธีใหม่ในการหาเงินแล้วสินะ” เซี่ยเฟยพึมพำบอกกับตัวเอง
“นายจะบ่นไปทำไม? ราคาของดักแด้จักจั่นทองแดงกับต้นไม้แห่งชีวิตที่นายได้รับมาถือว่าถูกมากแล้ว ฉันพนันได้เลยว่าถ้าไม่ใช่เพราะมันมีลาวาละลายลักษณ์เป็นสินค้าชิ้นสุดท้าย นายก็ไม่มีทางได้ต้นไม้แห่งชีวิตมาในราคานี้เป็นอันขาด” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยยักไหล่โดยไม่พูดอะไรตอบกลับไป
“นั่นนายจะไปไหน?” โอโร่ถามอย่างสงสัย เมื่อได้เห็นสถานที่ปลายทางของประตูมิติไม่ใช่สวนสายลม
เซี่ยเฟยยังคงไม่ตอบคำถามก่อนที่เขาจะเข้าไปในประตูมิติ และปรากฏตัวขึ้นมายังดาวดวงไหนสักแห่งที่ไม่มีความเจริญอยู่ในระยะสายตาของพวกเขาเลย
“นี่มันแดนเนรเทศ นายมาทำอะไรที่นี่?” โอโร่กล่าวถามขึ้นมาด้วยความสับสน
เซี่ยเฟยหยิบดักแด้จักจั่นทองแดงและต้นไม้แห่งชีวิตออกมาจากแหวนมิติอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็ใช้บลัดบิวเทียสสะบัดออกไปเบา ๆ เพื่อทำลายโลหะขนาดเล็ก 2 ชิ้นที่ติดอยู่กับสินค้าที่เขาเพิ่งได้รับมา
“พวกเราถูกติดตามจากพวกบริษัทการค้าแคนเดิลไลท์” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่จะเก็บสินค้าทั้งสองเข้าไปในแหวนมิติอีกครั้ง
โอโร่ถึงกับพูดอะไรไม่ออกอยู่พักหนึ่ง เพราะเขาไม่คิดว่าสินค้าทั้งสองชิ้นที่พวกเขาได้รับมาจะถูกติดเครื่องติดตามอยู่แบบนี้ เซี่ยเฟยจึงเดินทางมายังแดนเนรเทศก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อหลอกให้พวกบริษัทการค้าแคนเดิลไลท์รู้สึกสับสน ก่อนที่จะกลับไปยังสวนสายลมในภายหลัง
“ตอนส่งมอบสินค้าพวกคนจากบริษัทการค้าแคนเดิลไลท์ค่อนข้างที่จะลุกลี้ลุกลนอยู่บ้าง นอกจากนี้พวกเขายังยอมให้ผมใช้คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ในการชำระเงินแทนคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 ซึ่งในฐานะของนักธุรกิจแล้ว พฤติกรรมของพวกเขาเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากเกินไป” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
แน่นอนว่าผู้ที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาย่อมไม่พ้นโจวเสี่ยวหมาน เพราะเธอคือคนที่ถูกเซี่ยเฟยไล่ออกไปจากห้องรับแขก เธอจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสืบว่าชายหนุ่มคนนี้คือใครกันแน่ แต่น่าเสียดายที่เซี่ยเฟยมีสายตาที่เฉียบคมมากจนเกินไป แผนการง่าย ๆ ของเธอจึงใช้ไม่ได้ผลกับคนที่เจ้าเล่ห์แบบเขา
เซี่ยเฟยขยับแขนขาเล็กน้อยคล้ายกับว่าเขากำลังจะยืดเส้นยืดสาย จากนั้นเขาก็รวบรวมพลังของกฎแห่งความโกลาหลเอาไว้ภายในมือเพื่อตั้งใจจะสั่งสอนบทเรียนให้กับโจวเสี่ยวหมาน
ไม่กี่นาทีต่อมาประตูมิติก็ถูกเปิดออกในพื้นที่ไม่ห่างจากชายหนุ่มมากนัก ซึ่งมันก็หมายความว่าพวกบริษัทการค้าแคนเดิลไลท์ได้ใช้เข็มทิศมิติติดตามเขามาด้วย
ฝ่ามือคู่ฤดูใบไม้ร่วง!
กฎแห่งความโกลาหลมีพลังที่สามารถล้มล้างกฎของผู้อื่นได้ และแม้แต่ประตูมิติก็ยังไม่สามารถรอดพ้นไปจากพลังการล้มล้างของกฎปริศนาอย่างกฎแห่งความโกลาหลด้วย
ชายหนุ่มผลักฝ่ามือเข้าใส่ประตูมิติอย่างรุนแรงก่อนที่คนทางด้านในจะเดินออกมา ซึ่งการส่งพลังของกฎแห่งความโกลาหลเข้าไปมันย่อมทำให้ประตูมิติเกิดความปั่นป่วน ส่วนเรื่องที่ว่าคนในประตูจะถูกส่งตัวไปที่ไหนเรื่องนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องเก็บมาใส่ใจแล้ว
ผู้ที่อยู่ในประตูคือคนที่ได้รับคำสั่งจากโจวเสี่ยวหมานให้แอบติดตามเซี่ยเฟยไปอย่างใกล้ชิด แต่น่าเสียดายที่พวกเขาเสียชีวิตโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพวกเขาตายได้ยังไง
—
โจวเสี่ยวหมานมองออกไปยังวิวภูเขาและแม่น้ำบนห้องในบริษัทการค้าแคนเดิลไลท์อย่างหงุดหงิด หลังจากที่เธอได้รับข่าวว่าทีมติดตามถูกจัดการไปแล้ว
“ตำแหน่งสุดท้ายที่เขาปรากฏตัวอยู่ที่ไหน?” โจวเสี่ยวหมานกล่าวถามด้วยความโกรธ
“ที่แดนเนรเทศครับ” หลินปิงกล่าวตอบอย่างหดหู่ เพราะในคราวนี้บริษัทการค้าแคนเดิลไลท์ได้สูญเสียราชากฎไปถึงสามคน ซึ่งมันก็ถือได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่พวกเขาไม่ได้รับอะไรตอบแทนกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียว
“แดนเนรเทศ? ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างที่ฉันได้คาดการณ์เอาไว้จริง ๆ ว่าไอ้พวกสารเลวนั่นไม่มีทางอยู่ในดินแดนกฎอย่างแน่นอน รีบส่งคนเข้าไปในแดนเนรเทศเพิ่มเติมเดี๋ยวนี้ ฉันอยากจะรู้ว่ามันเป็นใครและมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ถึงได้มุ่งเป้ามาที่บริษัทการค้าแคนเดิลไลท์ของเรา” โจวเสี่ยวหมานกล่าวด้วยสีหน้าที่ขุ่นเคือง
แม้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างที่เธอไม่คาดคิด แต่เธอก็ยังคงเชื่อการอนุมานแบบผิด ๆ ของเธอจนถึงวินาทีสุดท้าย ใครจะไปรู้ว่าในระหว่างที่เธอส่งคนไปตามหาชายหนุ่มในแดนเนรเทศ เซี่ยเฟยกลับกำลังนอนอาบน้ำอุ่นอย่างสบายใจในสวนสายลมตั้งนานแล้ว
***************
เฮ้อ! เป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจมากเป็นเรื่องที่ดีถ้าไม่อนุมานแล้วผิดอ่ะเน๊าะ จะได้เจอพี่เฟยอีกไหม?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 407
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น