ตอนที่ 770 มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก
ตอนที่ 770 มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก
จักจั่นขาวคือ 1 ใน 2 ผู้มีสิทธิ์จะเป็นผู้นำตระกูลสโนว์ดริฟท์ในอนาคต ซึ่งเธอก็ได้แสดงพลังอันโดดเด่นออกมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก ทำให้เธอถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะที่ยากจะปรากฏตัวขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง เหล่าบรรดาพี่น้องในตระกูลจึงพูดคุยซุบซิบกันว่าเธอน่าจะเติบโตขึ้นมากลายเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป
อย่างไรก็ตามด้วยนิสัยอันเฉยชาของหญิงสาวคนนี้ มันจึงทำให้เธอแทบที่จะไม่เคยลงมือทำอะไรเว้นแต่ว่าเธอจะถูกบีบบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นจริง ๆ
เมื่อเซียวรั่วหยูกรีดร้องขึ้นมาด้วยความไม่สบายใจ ในที่สุดมันก็สามารถกระตุ้นอารมณ์ของจักจั่นขาวขึ้นมาได้ เธอจึงเริ่มทำการจู่โจมออกไปเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่พวกเธอได้เดินทางมายังสนามรบโบราณแห่งนี้
ร่างกายของราชากฎเผ่ามารถูกระเบิดออกกลายเป็นฝุ่นผงในทันที โดยไม่เหลือร่องรอยเอาไว้เลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าพลังที่จักจั่นขาวได้ครอบครองอยู่นั้นอยู่ในระดับที่น่ากลัวเพียงใด
นักรบที่เหลือรอดอีก 3 คนจ้องมองไปยังภาพตรงหน้าด้วยแววตาอันว่างเปล่า เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าหญิงสาวที่ดูเหมือนกับนางฟ้าคนนี้ จะได้ครอบครองพลังกฎอันโหดเหี้ยมจนถึงขนาดสามารถระเบิดร่างของศัตรูออกไปเป็นผุยผง
“รีบหนีเร็วเข้า! ฉันนึกออกแล้วว่ามันคือทายาทของยัยแม่มดเฒ่านั่น!!” นักรบตาเดียวกรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัวเมื่อเขานึกออกว่าจักจั่นขาวคือใคร
ฟุบ!
จักจั่นขาวขมวดคิ้วก่อนที่เธอจะปล่อยร่างแสงสีขาวอันสวยงามออกไปอีกร่าง ซึ่งหลังจากนั้นอีกไม่นานนักรบตาเดียวก็ถูกระเบิดกลายเป็นผุยผงด้วยเช่นกัน
สถานการณ์พลิกผันอย่างกะทันหันเมื่อนักรบเผ่ามารได้พบว่าจู่ ๆ พวกเขาก็ตกเป็นเหยื่อ
นักรบที่เหลือรอดชีวิตอีกสองคนไม่เสียเวลาคิดอีกต่อไป พวกเขาจึงรีบวิ่งหนีออกไปโดยไม่สนใจสหายอีกคนที่ติดอยู่ในภาพลวงตาของเยว่เกอเลย
ถึงแม้ว่าพลังของจักจั่นขาวจะรุนแรงแต่ความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกมันก็ต่ำมาก แม้ว่าเธอจะพยายามปล่อยร่างสีขาวออกไปอีกสองร่าง แต่มันก็ไม่สามารถที่จะติดตามนักรบเผ่ามารอีกสองคนที่หลบหนีออกไปได้
“ตายไปซะ!” เยว่เกอปล่อยพลังออกมาอีกครั้ง ทำให้นักรบที่ตกอยู่ภายในภาพลวงตาของเธอล้มตัวลงไปกับพื้น จากนั้นรูทวารทั้งห้าของเขาก็มีเลือดไหลซึมออกมาอย่างมากมาย แสดงให้เห็นว่าประสบการณ์ในภาพลวงตาของเขาคงจะไม่ใช่สิ่งที่สามารถรับมือได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน
หญิงสาวทั้งสามรวมตัวกันออกเดินทางไปยังทิศตะวันออกอีกครั้ง และเนื่องมาจากว่าในครั้งนี้จักจั่นขาวเป็นผู้ลงมือ มันจึงยังไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่เยว่เกอกำลังสงสัยมากว่าพลังที่จักจั่นขาวใช้มันคือพลังอะไรกันแน่
“เมื่อกี้เธอใช้พลังแบบไหนงั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นหรือไม่เคยได้ยินพลังแบบนั้นมาก่อนเลย?” เยว่เกอถาม
“มันคือกฎแฝดมารเป็นกฎย่อยที่แยกออกมาจากกฎแห่งสสารอีกที” จักจั่นขาวกล่าวตอบอย่างไร้เดียงสา
เซียวรั่วหยูทำได้เพียงแต่ยกมือขึ้นมากุมหัวพร้อมกับถอนหายใจ เพราะตอนแรกเธอต้องการที่จะหยุดไม่ให้จักจั่นขาวเปิดเผยความลับให้คนอื่นรู้ แต่เธอก็ยังเคลื่อนไหวช้ามากเกินไป จนทำให้จักจั่นขาวบอกความลับเรื่องพลังออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“กฎแฝดมาร? ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนพลังที่เธอปล่อยออกมามันไม่ใช่พลังที่เกิดขึ้นมาจากกฎเลยแต่เป็นวิญญาณของเธอมากกว่า แล้วสาเหตุที่มันสามารถแช่แข็งศัตรูได้ทันทีแบบนั้น แสดงว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับกฎน้ำแข็งด้วยใช่ไหม?” เยว่เกอกล่าวถามอย่างสงสัย
“ไม่ใช่ สาเหตุที่ศัตรูแข็งตัวหลังจากถูกโจมตีไม่ใช่อุณหภูมิที่ลดต่ำลงอย่างกะทันหัน แต่มันเป็นเพราะเซลล์ทุกเซลล์ภายในร่างหยุดการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน ถ้าจะพูดให้ถูกกฎแฝดมารคือกระบวนการขัดขวางการเคลื่อนไหวของสสารแล้วทำให้ร่างของศัตรูแตกสลายไป”
“ส่วนร่างสีขาวที่ฉันปล่อยออกมาก็เป็นเพียงแค่รูปร่างของพลังที่ฉันเป็นคนกำหนดขึ้นมาเอง ไม่ใช่ผีหรือวิญญาณอะไรพวกนั้นหรอก” จักจั่นขาวกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
หลังจากฟังคำอธิบายเยว่เกอก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะในตอนนั้นเธอจำได้ว่าอุณหภูมิไม่ได้ลดต่ำลงเลยแม้แต่น้อย เธอเลยสับสนนิดหน่อยว่าทำไมศัตรูถึงถูกแช่แข็งและพังทลายลงไปได้ ซึ่งในที่สุดเธอก็ได้เข้าใจว่าแม้พลังของจักจั่นขาวจะดูคล้ายกับพลังน้ำแข็งของเฉินตง แต่ในความเป็นจริงกระบวนการทำงานของพลังทั้งสองอย่างก็ค่อนข้างที่จะแตกต่างกันมากพอสมควร
เยว่เกอทำได้เพียงแต่ถอนหายใจหลังจากที่ได้พบกับกฎแปลก ๆ ของจักรวาล ท้ายที่สุดเซลล์ภายในร่างของสิ่งมีชีวิตก็มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา แต่กฎของจักจั่นขาวสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของเซลล์เหล่านั้นได้ มันจึงเป็นพลังที่น่าเหลือเชื่อเกินไปสำหรับตัวเธอ
“โชคดีจริง ๆ ที่เธอไม่ได้เป็นศัตรูกับฉัน เอาล่ะพวกเราออกเดินทางต่อกันเถอะ ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าทำไมคนอื่นถึงตื่นเต้นกับสนามรบโบราณนี่มากนัก แม้ว่าพวกเราจะเดินทางมาเกือบ 1 สัปดาห์แล้วแต่พวกเราก็ยังไม่เห็นได้พบกับสมบัติอะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว” เยว่เกอกล่าว
สนามรบอันรกร้างบนดวงดาวที่พื้นดินเป็นสีดำแห่งนี้มีความยิ่งใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดราวกับมหาสมุทรที่ไร้ก้นบึ้ง แม้ว่าระหว่างทางพวกเธอจะได้พบกับอาวุธอุปกรณ์ที่ถูกทิ้งอยู่บ้าง แต่ของพวกนั้นมันก็มีระดับต่ำเกินไป เพราะของที่ดีจริง ๆ ก็ถูกคนในรุ่นก่อนหน้านี้เก็บเกี่ยวกลับไปจนเกือบหมดแล้ว
“แม่บอกว่าในสนามรบโบราณมันไม่เหลือสิ่งประดิษฐ์คุณภาพสูงอยู่อีกแล้วล่ะ” จักจั่นขาวกล่าว
“อะไรนะ?! นี่ทุกคนเดินทางมาที่สนามรบโบราณทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีสิ่งประดิษฐ์คุณภาพสูงหลงเหลืออยู่แล้วงั้นเหรอ?” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ถึงแม้ว่ามันจะไม่เหลือสิ่งประดิษฐ์คุณภาพสูง แต่มันก็ยังมีสิ่งประดิษฐ์ชั้นยอดรอให้ขุดค้นอยู่อีกมากพอสมควร ของพวกนี้จะหลบซ่อนอยู่ในสนามรบอย่างเงียบ ๆ และรอคอยจนถึงเวลาอันสมควรพวกมันถึงจะปรากฎตัวออกมา” จักจั่นขาวกล่าวอย่างใจเย็น
“นี่เธอพูดจริงงั้นเหรอ?” เยว่เกอรีบถามด้วยความประหลาดใจ
“ทุกสิ่งที่คุณหนูบอกคือความจริง สมบัติชั้นยอดที่แท้จริงจะมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง พวกมันจะปรากฎตัวออกมาในเวลาที่สมควรเท่านั้น ส่วนสาเหตุที่พวกเราเดินทางมาที่นี่ เหตุผลแรกเป็นเพราะว่าพวกเราต้องการฝึกฝนผ่านบททดสอบของระบบ และเหตุผลประการที่ 2 คือพวกเราต้องการจะมาเสี่ยงโชคเผื่อว่ามันจะมีสมบัติที่แท้จริงปรากฎตัวออกมา”
“ว่ากันว่าในช่วงหลาย ๆ พันปีที่ผ่านมา มันได้มีสมบัติชั้นยอดปรากฏขึ้นมาให้เห็นอยู่เป็นระยะ ๆ แต่น่าเสียดายที่นักรบทุกคนจะต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงสมบัติเพียงแค่ชิ้นเดียว มันเลยทำให้สนามรบแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่อันตรายมากอย่างแท้จริง” เซียวรั่วหยูกล่าว
ในที่สุดเยว่เกอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจักจั่นขาวกับเซียวรั่วหยูถึงเดินทางมายังสนามรบโบราณแห่งนี้ ท้ายที่สุดสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจของคนในตระกูลชั้นยอดได้ก็คงจะมีเพียงแต่สมบัติชั้นยอดด้วยเหมือนกัน และเนื่องมาจากว่าหญิงสาวทั้งสองเดินทางมาจากตระกูลขนาดใหญ่ มันจึงทำให้พวกเธอมีข้อมูลมากกว่าเยว่เกอที่เดินทางมาจากตระกูลที่มีขนาดเล็กกว่า
“ที่แท้การผจญภัยครั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับโชคลาภของแต่ละคนสินะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปเสี่ยงโชคกันเถอะ” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับชี้แตงกวาที่ถูกกัดครึ่งไปข้างหน้า
“อือ” เซียวรั่วหยูกับจักจั่นขาวพยักหน้าพร้อมกับออกเดินทางมุ่งตรงไปยังทิศตะวันออก
—
ระหว่างที่หญิงสาวทั้งสามมุ่งหน้าตรงไปยังทิศตะวันออก พื้นที่บริเวณทางทิศตะวันตกก็มีกลุ่มนักรบมารที่รวมตัวกันเกือบจะถึง 500 คนแล้ว
กลุ่มนักรบขนาดใหญ่นี้ถือได้ว่าเป็นฝันร้ายสำหรับนักรบเผ่าเทพอย่างแท้จริง และเมื่อไหร่ก็ตามที่กลุ่มมารค้นพบนักรบเผ่าเทพเมื่อไหร่ มันก็ยากที่นักรบเผ่าเทพจะรอดผลจากเงื้อมมือของนักรบมารพวกนี้ไปได้
ผู้นำทีมนักรบขนาดใหญ่นี้คือชายอ้วนผู้สวมใส่ชุดเกราะสีดำ และเขาก็เป็นจักรพรรดิกฎเพียงคนเดียวภายในสนามรบโบราณ ชื่อของเขาคือเชสนี่จากตระกูลดาร์กมิสท์นั่นเอง
สมาชิกภายในทีมมีการแบ่งงานกันอย่างเป็นระบบ โดยนักรบบางคนรับหน้าที่ในการออกค้นหาสมบัติ นักรบบางคนทำหน้าที่ในการลาดตระเวน คล้ายกับว่าพวกเขาเป็นกองกำลังเล็ก ๆ ที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
จุดประสงค์หลักของพวกเขาในตอนนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การออกหาสิ่งประดิษฐ์ชั้นยอดภายในสนามรบโบราณเท่านั้น แต่พวกเขายังเริ่มทำการกวาดล้างศัตรูทุกคนที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของพวกเขาอีกด้วย
นักรบแต่ละคนที่เดินทางมายังสนามรบโบราณต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักรบที่ไม่ธรรมดา ภายในแหวนมิติของพวกเขาจึงมีสิ่งของล้ำค่าถูกเก็บเอาไว้อยู่อย่างมากมาย การพยายามปล้นชิงสิ่งของเหล่านั้นจึงเป็นเรื่องที่ช่วยฆ่าเวลาได้ดีพอสมควร
เหล่าบรรดานักรบมารต่างก็ออกกวาดล้างนักรบฝั่งเทพอย่างสนุกสนาน เพราะท้ายที่สุดของรางวัลทุกอย่างก็แบ่งปันให้นักรบทุกคนอย่างเท่าเทียม และพวกเขายังสามารถใช้โอกาสนี้ในการตีสนิทเชสนี่ผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดิกฎคนใหม่ได้อีกด้วย
ปัจจุบันเชสนี่กำลังนั่งอยู่ในค่ายพักชั่วคราวเพื่อพูดคุยกับสหายทั้งสองคนที่เดินทางมาจากตระกูลดาร์กมิสท์ด้วยเช่นกัน
“ผมคิดว่าตอนนี้ใกล้ถึงเวลาออกเดินทางแล้ว ทีมของพวกเรามีสมาชิกเกือบ 600 คน แม้แต่ไอ้พวกโง่จาก 2 ตระกูลหลักอย่างตระกูลอิโดซ่ากับไคลี่ก็ยังต้องเชื่อฟังคำสั่งของพวกเรา ถ้าหากว่าเราสามารถดึงตัวนักรบของตระกูลมิซึกิมาเข้าร่วมกับเราได้ ในตอนนั้นทีมของเราก็คงจะไม่มีใครกล้าต่อต้านในสนามรบโบราณแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว” นักรบจากเผ่าดาร์กมิสท์รายงานต่อเชสนี่
“ริโอะกับโนริโตะอยู่ไหน?” เชสนี่กล่าวถาม
“พวกเขาก่อตั้งทีมเล็ก ๆ มุ่งหน้าตรงไปยังทางใต้ และทีมของพวกเขาก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับนักรบทางฝั่งเทพได้มากพอสมควร”
เชสนี่พยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า
“พลังของตระกูลมิซึกิเป็นสิ่งที่ไม่สามารถประมาทได้จริง ๆ แต่ในเมื่อพวกเขามุ่งหน้าไปทางใต้ พวกเขาก็คงจะไม่มีทางมารวมกำลังกับพวกเราอีกต่อไป ตอนนี้พวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้วเราต้องรีบมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกตามแผนการที่วางเอาไว้”
“แต่… ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเรายังไม่มากพอตามสิ่งที่ผู้อาวุโสแนะนำเอาไว้นะ?” ชายร่างผอมกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ตอนนี้ฉันได้กลายเป็นจักรพรรดิกฎแล้ว แม้เราจะพลาดราชากฎระดับสูงไป 2-3 คน แต่ฉันก็มั่นใจว่าพวกเรามีความแข็งแกร่งมากเพียงพอ” เชสนี่กล่าวด้วยใบหน้าที่เย่อหยิ่ง
“นั่นสินะ ผู้อาวุโสแค่ไม่ได้คำนวณว่าคุณจะพัฒนาจนกลายเป็นจักรพรรดิกฎระหว่างทางแบบนี้ อีกอย่างพวกเราก็มีจำนวนนักรบประมาณ 600 คนแล้ว กว่าที่เราจะเดินทางไปถึงเนินเขาทางทิศตะวันออก บางทีพวกเราอาจจะรวมกองกำลังได้เกินกว่า 800 คนเลยก็ได้”
“เมื่อพวกเรามีเหยื่อเป็นจำนวนมากขนาดนี้ พวกเราย่อมบรรลุภารกิจได้อย่างแน่นอน และในเวลานั้นพวกเราก็จะเป็นวีรบุรุษที่นำกฎแห่งเวลามาสู่ตระกูลดาร์กมิสท์ของพวกเรา”
ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ดูฉลาดกว่าชายร่างผอมกล่าวขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
“ตระกูลดาร์กมิสท์ของพวกเราค้นพบความลับเรื่องนี้มาเนิ่นนานแล้ว แต่มันก็ยังไม่มีใครสามารถนำกฎแห่งเวลากลับไปยังตระกูลได้ พวกเรามาทำภารกิจให้เสร็จสิ้นและนำพาความรุ่งโรจน์ไปสู่ตระกูลของเรากันเถอะ!”
“เอาล่ะทุกคนเตรียมความพร้อมเดินทางไปสู่ทิศตะวันออก”
***************
3 สาวไม่รอดแน่ๆ ไปทางเดียวกันขนาดนี้
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 432
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น