ตอนที่ 769 ความพ่ายแพ้ของเบญจมาศดาวกระจาย

-A A +A

ตอนที่ 769 ความพ่ายแพ้ของเบญจมาศดาวกระจาย

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 769 ความพ่ายแพ้ของเบญจมาศดาวกระจาย

ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังเดินไปรอบ ๆ เบญจมาศดาวกระจายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด เพราะอาวุธมายาชิ้นนี้กำลังจู่โจมเข้าใส่จิตใจของเขา

“อาวุธมายาก็เป็นแบบนี้แหละ พวกมันมักที่จะชอบเข้าไปในจิตใจของคนอื่นเพื่อสร้างความหวาดกลัวในระดับที่หยั่งรากลึกมากที่สุด ถ้าหากว่าจิตใจของนายไม่แข็งแกร่งพอ พวกมันก็จะสามารถทำลายนายได้จากด้านใน” โอโร่กล่าว

ไม่กี่นาทีที่แล้วเบญจมาศดาวกระจายได้บุกเข้าไปภายในจิตใจของเซี่ยเฟย และเมื่อชายหนุ่มกลับมามีสติอีกครั้งเขาก็จ้องมองไปยังอาวุธมายาตรงหน้าด้วยความโกรธ

โอโร่อยากรู้มากว่าเบญจมาศดาวกระจายขุดเอาอดีตอะไรขึ้นมาทำร้ายเซี่ยเฟยกันแน่ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสัมผัสได้อย่างแน่นอนคือตอนนี้อารมณ์ของเซี่ยเฟยแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“สายเลือดสกายวิงแล้วยังไง? สายเลือดของมนุษย์โลกแล้วยังไง? สายเลือดที่ไม่รู้จักแล้วยังไง?!” เซี่ยเฟยเริ่มส่งเสียงคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ทำให้โอโร่พอจะสัมผัสได้ว่าเบญจมาศดาวกระจายคงจะกำลังดึงความทรงจำเกี่ยวกับสายเลือดของชายหนุ่มออกมาอยู่

อดีตของเซี่ยเฟยเป็นเหมือนกับเรื่องลึกลับของจักรวาล ที่ถึงแม้โอโร่จะอยู่กับชายหนุ่มคนนี้มาเป็นเวลานาน แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยมีสายเลือดลึกลับแบบนี้ได้ยังไง

“สายเลือดพวกนั้นมันไม่เคยมีความสำคัญอะไรสำหรับฉันเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสิ่งที่ฉันกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ และจงจำไว้ว่าไม่ว่าสายเลือดของฉันจะเป็นสายเลือดอะไร แต่ฉันก็ยังคงเป็นเซี่ยเฟยอยู่ดี!” ชายหนุ่มตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่ง

ทันทีที่เขาพูดจบมันก็มีแววตาอันเย็นชาปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลัน คล้ายกับว่าการเข้าไปแตะต้องอดีตของเขานั้นเป็นการจุดชนวนระเบิดของชายคนนี้

ขวับ!

หงส์ครามขยายตัวออกอย่างถึงขีดสุด ก่อนที่มันจะหมุนตัวจนกลายเป็นค้อนขนาดใหญ่ ต่อมาเซี่ยเฟยก็บังคับหงส์ครามทุบเข้าใส่เบญจมาศดาวกระจายอย่างไร้ปรานี คล้ายกับว่าเขากำลังคิดที่จะทำลายอาวุธมายาชิ้นนี้แล้ว

ตูม ๆ ๆ ๆ

ค้อนขนาดใหญ่ของหงส์ครามทุบเข้าใส่ร่างกายของเบญจมาศดาวกระจายคล้ายกับนักมวยที่ชกเข้าใส่ลำตัวของคู่ต่อสู้โดยปราศจากการป้องกัน มันจึงทำให้ลำต้นขนาดใหญ่ของเบญจมาศดาวกระจาย เริ่มโอนเอนไปมาไม่สามารถที่จะยึดรากตั้งลำต้นตรงได้อีกต่อไป

“เอาหงส์ครามมาใช้เป็นค้อนงั้นเหรอ?!” โอโร่อุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึงเมื่อได้เห็นวิธีการใช้อาวุธมายาของเซี่ยเฟย

ตอนแรกเซี่ยเฟยไม่เคยมองว่าเบญจมาศดาวกระจายเป็นศัตรู เพราะเขาถือว่ามันเป็นหนึ่งในอาวุธมายาที่เขาต้องการจะพิชิต เพื่อให้กลายมาเป็นผู้ช่วยในอนาคตของเขา อย่างไรก็ตามการจู่โจมทางจิตใจของอีกฝ่ายก็ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เบญจมาศดาวกระจายจึงถูกมองว่าเป็นศัตรูและศัตรูของเขาทั้งหมดจะต้องถูกทำลาย!!

ฝ่ามือใบไม้ร่วง!

ฟุบ!

ชายหนุ่มพุ่งตัวไปด้านหน้าด้วยความเร็ว 120,000 เมตรต่อวินาที และใช้ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังของกฎแห่งความโกลาหลปะทะเข้ากับลำต้นของเบญจมาศดาวกระจายอย่างรุนแรง

ตูม!

เสียงการปะทะดังขึ้นมาอย่างสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับกลีบดอกเบญจมาศดาวกระจายที่เริ่มร่วงหล่นลงมาอย่างบ้าคลั่ง

“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเบญจมาศดาวกระจายจะถูกนายฆ่าเอานะ!” โอโร่พยายามกล่าวเตือน

“ช่างมันสิ! ในเมื่อผมใช้มันไม่ได้ก็ตายไปซะ!!” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชา

คำตอบของชายหนุ่มถึงกับทำให้โอโร่พูดไม่ออก แล้วเขาก็ทำได้เพียงแต่ยกมือขึ้นมานวดขมับและถอนหายใจออกมาอย่างหนัก

“ฆ่าอาวุธมายาเนี่ยนะ ฉันว่านายคงกู่ไม่กลับแล้วจริง ๆ”

ปัจจุบันทั่วทั้งใบหญ้าที่เต็มไปด้วยหนามแหลมของหงส์ครามเต็มไปด้วยดอกไม้พลังงานผลิบานอยู่อย่างมากมาย ซึ่งในดอกไม้พวกนี้เต็มไปด้วยพลังงานมหาศาลที่ช่วยทวีความดุร้ายของหงส์ครามมากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่านี่คือสภาพหลังจากที่หงส์ครามได้หลอมรวมเข้ากับเบญจมาศดาวกระจาย มันคืออาวุธมายาที่เกิดจากการหลอมรวมอาวุธชิ้นอื่นเข้าไปอีกสองชิ้น จนทำให้ทั่วทั้งใบหญ้าเต็มไปด้วยดอกไม้แห่งความตาย

ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากพิชิตเบญจมาศดาวกระจายได้สำเร็จ หงส์ครามก็งอกใบหญ้าขึ้นมาใหม่จนทำให้มันมีใบหญ้าทั้งหมดห้าใบ แน่นอนว่าพลังของมันหลังจากนี้ย่อมเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมมากพอสมควร

“นี่น่ะเหรออาวุธมายาที่เกิดจากการหลอมรวมอาวุธเข้าด้วยกันสามชิ้น เมื่อมีดอกไม้พลังงานผลิบานขึ้นมา มันก็คงจะช่วยปรับปรุงทั้งพลังจู่โจมและพลังป้องกันของหงส์ครามให้เพิ่มขึ้นมาจากเดิมอีกหลายเท่าตัว ตอนนี้อาวุธมายาของนายมันยากที่จะรับมือมากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

เซี่ยเฟยพยักหน้าพร้อมกับนำหงส์ครามกลับมาเก็บในแขนขวาด้วยความพึงพอใจ ท้ายที่สุดในฐานะที่เขาคือผู้ครอบครองอาวุธมายาชิ้นนี้ เขาจึงรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงของหงส์ครามดีกว่าโอโร่เสียอีก และเขาก็สามารถรู้ได้ในทันทีว่าหลังจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของหงส์ครามก็จะเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่น้อยไปกว่า 2 เท่า

“ตอนนี้นายพิชิต 3 ใน 7 อาวุธมายาธาตุพืชได้เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากว่านายสามารถพิชิตอาวุธมายาธาตุพืชอีก 4 ชิ้นได้สำเร็จ ในตอนนั้นความสำเร็จของนายก็คงจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าหลังจากอาวุธมายาธาตุพืชทั้งเจ็ดชิ้นได้หลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว หน้าตาของมันจะออกมาเป็นยังไง?” โอโร่กล่าวอย่างตื่นเต้น

แน่นอนว่าเซี่ยเฟยก็มีความปรารถนาที่จะให้หงส์ครามทำการหลอมรวมเข้ากับอาวุธมายาชิ้นอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะทุกครั้งที่มันมีการหลอมรวมอาวุธมายาชิ้นใหม่ หงส์ครามก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งจากเดิมไปหลายเท่า และถ้าหากว่าเขาสามารถพิชิตอาวุธมายาธาตุพืชได้ทั้งหมดจริง ๆ ในเวลานั้นพลังของหงส์ครามก็คงจะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือเกินกว่าจินตนาการ

“แต่ฉันว่าการทรมานแบบนี้มันเสี่ยงมากเกินไป นี่ถ้าหากว่าเบญจมาศดาวกระจายไม่ยอมจำนนแต่โดยดี บางทีมันก็อาจจะถูกนายสังหารไปแล้วก็ได้นะ” โอโร่กล่าวเตือนถึงวิธีการที่เซี่ยเฟยใช้ในก่อนหน้านี้

“ผมไม่ได้กะจะทรมานมันสักหน่อย ถ้ามันไม่ยอมจำนนผมก็คิดที่จะฆ่ามันจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่

“เอ่อ…”

“ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้เบญจมาศดาวกระจายสามารถหลอมรวมเข้ากับหงส์ครามได้เรียบร้อยแล้ว นายยังมีเวลาอีก 24 ชั่วโมงก่อนที่จะเข้าสู่สนามรบโบราณอย่างเป็นทางการ ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่นายจะได้เตรียมความพร้อมก่อนที่จะเข้าสู่สนามรบที่แท้จริง” โอโร่กล่าวหลังจากพูดอะไรไม่ออกอยู่พักหนึ่ง

ตั้งแต่สนามรบโบราณถูกเปิดออก มันก็ยังคงมีการปะทะกันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทีมทุกทีมในสนามรบโบราณจึงจำเป็นจะต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทีมผู้หญิงล้วนอย่างทีมของเยว่เกอ, เซียวรั่วหยูและจักจั่นขาว

กฎแห่งภาพลวงตาของเยว่เกอเป็นทักษะที่มีประโยชน์มาก แต่มันก็มีจุดอ่อนที่ร้ายแรงด้วยเหมือนกัน ท้ายที่สุดหากศัตรูเข้ามาใกล้พวกเธอมากพวกเขาก็อาจจะสังเกตเห็นสิ่งแปลก ๆ ในสภาพแวดล้อมได้ ในเวลานั้นพวกเขาก็จะรู้ตัวได้ในทันทีว่าพื้นที่บริเวณนี้ตกอยู่ในภาพลวงตา เมื่อนั้นพวกเธอก็จะไม่สามารถที่จะหลบซ่อนตัวเพื่อหลีกเลี่ยงศัตรูได้อีกต่อไป

ตูม!

กฎแห่งความมืดพุ่งเข้าทำลายสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยภาพลวงตาอย่างรวดเร็ว และเมื่อฝุ่นควันได้จางหายไป มันก็เผยให้เห็นเยว่เกอ, เซียวรั่วหยูและจักจั่นขาวที่ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้านักรบของทางฝั่งมาร

“ฮ่า ๆ ๆ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันได้กลิ่นอะไรหอม ๆ อยู่แถวนี้ ที่แท้มันก็มีสาวสวย 3 คนซ่อนตัวอยู่ที่นี่นี่เอง” นักรบผิวดำที่มีเขาบนหน้าผากกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปทางพวกเยว่เกอ

นักรบคนอื่น ๆ ภายในทีมก็หัวเราะขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกัน ราวกับว่าพวกเขาได้ค้นพบสมบัติที่หาได้ยากมาก

“น่าเสียดายจริง ๆ ที่พวกเธอมีเพียงแค่ 3 คน แต่พวกเรามีกันตั้ง 5 คน” นักรบคนหนึ่งกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาเกาหัวเหมือนกับว่าเขาไม่สามารถจัดการปัญหาในเรื่องจำนวนคนของทั้งสองฝั่งได้

“ฆ่าไอ้สารเลวพวกนี้ซะ!!” เยว่เกอกัดฟันพูดด้วยความหงุดหงิด

คำสั่งของเธอยิ่งทำให้เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิม เพราะในสายตาของพวกเขาหญิงสาวทั้งสามก็ดูเป็นเพียงแค่นักรบที่อ่อนแอ

ทันใดนั้นคริสตัลสีม่วงสว่างไสวก็ปรากฎขึ้นมาล้อมรอบหญิงสาวทั้งสามเอาไว้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สมาชิกในทีมได้รับอันตราย

“นั่นมันกฎอัญมณีพิทักษ์!!” นักรบทั้งห้าต่างก็อุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เพราะกฎอัญมณีพิทักษ์เป็นกฎทางด้านการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก แล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าพวกเขาคงจะต้องใช้เวลามากพอสมควรในการทำลายการป้องกันนี้ลงไปได้

ในเวลาเดียวกันพลังที่มองไม่เห็นก็ถูกส่งตรงออกมาจากเยว่เกอ เพื่อมุ่งหน้าเข้าไปยังกลุ่มนักรบที่กำลังมองพวกเธอด้วยสายตาอันหยาบคาย

จู่ ๆ ร่างกายของนักรบคนหนึ่งก็แข็งตัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน จากนั้นเขาก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับดวงตาทั้งสองข้างที่ปูดโปนจนเกือบจะระเบิดออกมา

เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมากเกินไป จนทำให้นักรบทั้งห้าไม่ทันได้คาดคิดว่าสาวสวยตรงหน้าของพวกเขาจะมีพลังการต่อสู้ที่ร้ายกาจเช่นนี้

แม้ว่าเยว่เกอจะไม่ได้มีพลังโดดเด่นทางด้านการจู่โจมมากนัก แต่เธอก็สามารถที่จะจู่โจมด้วยภาพลวงตาภายในพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ แล้วมันก็มากพอที่จะเปิดโอกาสให้สมาชิกภายในทีมได้มากพอสมควร

“ฆ่าพวกมันซะ!”

พริบตาต่อมานักรบที่เหลืออีก 4 คนก็ล้อมรอบพวกเยว่เกอเอาไว้ และพยายามใช้พลังของตัวเองในการจู่โจมเข้าใส่สาว ๆ ทั้งสามอย่างบ้าคลั่ง

แม้ว่าอเมทิสต์การ์ดจะแข็งแกร่ง แต่พวกมันก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากทุกทิศทางได้ เซียวรั่วหยูจึงกัดฟันก่อนที่จะหันไปทางเจ้านายของเธอ

“คุณหนู ถึงเวลาแล้ว!”

จักจั่นขาวพยักหน้าอย่างเฉยเมย ก่อนที่เธอจะพลิกข้อมือเรียกแสงสีขาวที่มีรูปร่างเหมือนกับเธอทุกประการ

ฟุบ!

ร่างสีขาวลอยไปมาราวกับนางฟ้า ก่อนที่พวกมันจะพุ่งผ่านร่างของนักรบแต่ละคนไป ราวกับว่าพวกมันเป็นเพียงแค่วิญญาณที่ไม่สามารถสัมผัสกับวัตถุโดยตรงได้

พวกมารต่างก็รีบใช้มือมาตรวจดูร่างกายของตัวเองอย่างรวดเร็ว ซึ่งพวกเขาก็ได้พบว่าอวัยวะต่าง ๆ ทั่วทั้งร่างของพวกเขายังคงอยู่ดี พวกเขาจึงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ

อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมารอยยิ้มของพวกเขากลับถูกแข็งค้างอยู่อย่างนั้น คล้ายกับว่าเซลล์ทุกเซลล์ภายในร่างของพวกเขาถูกแช่แข็งอย่างฉับพลัน จากนั้นร่างของพวกเขาก็ระเบิดออกจากกันในพริบตา

เพล้ง!

จู่ ๆ มันก็ได้เกิดหิมะปลิวกระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้า สร้างบรรยากาศอันโรแมนติกท่ามกลางสนามรบอันวุ่นวาย

เยว่เกอกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าหญิงสาวที่ดูไร้เดียงสาแบบนี้จะได้ครอบครองพลังที่โหดร้ายแบบนั้น

“นั่นมันพลังอะไร!?”

***************

ไม่หนักหนาไม่ลงมือสินะหรือพลังจะใช้พลังงานมากเลยใช้บ่อยไม่ได้?

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.