สักวันของเรา 2: อวลกลิ่นฝัน

สักวันของเรา (อ่านฟรีทุกตอน)

-A A +A

สักวันของเรา 2: อวลกลิ่นฝัน

            ร่างบางหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุขอยู่บนเตียงนุ่ม อากาศแสนสบายและความฝันน่าภิรมย์ทำให้ยากตื่นนอนเร็วนัก บัวสวรรค์กำลังอยู่ในภวังค์นิทราแสนสุข ภาพเด็กชายหญิงคู่หนึ่งฉายชัดกลางสมอง เด็กหญิงบัวจันทร์และเด็กชายบุญเที่ยงวัยราวสิบสองขวบ ทั้งคู่เป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เล็ก จนวันนี้พวกเขาต้องเข้าไปหาหน่อไม้ใกล้ป่า ก่อนฝ่ายเด็กหญิงจะเหลือบไปเห็นกระต่ายน้อยสีขาวน่ารักวิ่งผ่านมา และหายเข้าป่าไป ด้วยความชื่นชอบตั้งแต่แรกเห็นทำให้เธอคิดจะติดตามหมายจับมาเลี้ยง เด็กชายอีกคนที่มาด้วยกันเห็นเพื่อนรีบเดินเข้าป่าก็ร้องทัก แต่ก็ไม่ทัน จนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ต้องรีบตาม เพราะเวลานี้บ่ายแก่แล้ว อีกไม่นานคงจะเย็น ขืนไม่รีบกลับบ้าน ผู้ใหญ่อาจเป็นห่วงและตำหนิได้

            ทว่าจนแล้วจนรอด เด็กชายก็ยังไม่สามารถพาเพื่อนกลับพร้อมกันได้ นอกจากเธอจะดื้อมาก เขาก็ยังไม่เคยเถียงชนะอีกด้วย จึงจำเป็นต้องตามใจเพื่อน ช่วยกันตามรอยกระต่ายเข้ามาจนลึก รู้ตัวอีกทีก็อยู่กลางป่า แสงอาทิตย์เหลือเพียงนิดยากจะคลำทางออกได้เสียแล้ว

  “ไอ้บัว หยุดก่อน เลิกตามกระต่ายเถอะ ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วดูสิ” เด็กชายรีบท้วงเพื่อน หลังจากเพิ่งสังเกตว่ารอบตัวมืดลงมากจนมองอะไรไม่ชัด บัวจันทร์หันมามองเพื่อน ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบตัวบ้าง

  “มัวแต่ดูกระต่าย ลืมดูอย่างอื่นเลย ทำไงดีล่ะ” เด็กหญิงขมวดคิ้วมุ่น พลางถามอย่างขอความเห็น

  “บอกแล้วไม่เชื่อ เป็นไงล่ะ” คนเป็นเพื่อนอดซ้ำเติมตามประสาไม่ได้

  “ก็ไม่คิดว่าจะเอาแต่สนใจกระต่ายขนาดนี้นี่หว่า”

  “แล้วฉันเตือนตั้งแต่ก่อนหน้าหรือยัง”

  “เออ ก็ตอนนั้นฟ้ายังสว่างโร่ ไม่คิดว่าจะใช้เวลานานขนาดนี้นี่ แล้วทำไมแกไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้ว่าตะวันจะตกแล้ววะ” เธอยังไม่ยอมรับผิดคนเดียว เด็กชายได้แต่ถอนหายใจพรืดอย่างคร้านจะต่อปากด้วย

            ดีที่บัวจันทร์และบุญเที่ยงเคยตามผู้ใหญ่เข้าป่าหาของบ่อยครั้งจึงพอรู้วิธีเอาตัวรอดอยู่บ้างกรณีติดกลางป่า พวกเขาพากันหากิ่งไม้ใบไม้มาก่อกองไฟเพื่อให้แสงสว่าง ไล่แมลง ไล่สัตว์ป่าบางชนิด รวมถึงให้ความอบอุ่นในช่วงค่ำคืน ทว่าด้วยความมืด ขณะที่แยกย้ายกันหาของ ฝ่ายเด็กหญิงก็ดันสะดุดไม้เถาว์ไม้เลื้อยตามพื้นล้มข้อเท้าแพลงซวยซ้ำซวยซ้อนไปอีก ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กิน หิวจนไส้กิ่ว ทั้งเนื้อตัวเด็กน้อยมีเพียงกระบอกน้ำที่พกมาด้วย กระบอกของเด็กหญิงน้ำเกลี้ยงไปตั้งแต่อยู่ชายป่าแล้ว เหลือแค่ของเด็กชาย เขาจึงยอมสละให้เพื่อนดื่มจนอิ่มก่อนแล้วตนค่อยกิน แต่คนเป็นเพื่อนเข้าใจเจตนาก็ดื่มพอลดความกระหาย จากนั้นส่งกระบอกน้ำคืนเพื่อให้เขาดื่มบ้าง

            คืนนั้นเด็กสองคนต้องนอนกลางดินตากลมครึ่งค่อนคืนกว่าจะมีชาวบ้านมาพบ ถึงบ้านก็โดนเทศนายกใหญ่ ผู้ใหญ่ของทั้งสองผิดสังเกตว่าลูกๆกลับบ้านค่ำกว่าปกติก็พากันออกตามหาจนทั่ว สุดท้ายก็เกนคนอื่นๆมาช่วยอีกแรง โชคดีที่ป่าแถบนั้นไม่ค่อยมีสัตว์ร้ายมาเพ่นพ่านบ่อยนัก ไม่งั้นทั้งคู่อาจลำบากกว่านี้ พ่อแม่พวกเขาทำเพียงต่อว่า ไม่ถึงขั้นเฆี่ยนตี เพราะเห็นลูกเหน็ดเหนื่อยมาพอแล้ว ต่อจากนั้นจึงไล่ให้ไปกินข้าว อาบน้ำ และรีบเข้านอนเสีย

            อาการข้อเท้าอักเสบและวีรกรรมเมื่อคืนทำให้บัวจันทร์โดนกักบริเวณ ไม่ให้ออกไปไหนจนกว่าจะหายเจ็บ แต่เพื่อนของเธอกลับถูกปล่อยออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกได้ตามปกติ ด้วยเหตุผลที่เธอรู้ดี และรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไรก็คือ เขาเป็นผู้ชาย ซนบ้าง ก่อเรื่องบ้างเป็นธรรมดา พอเด็กหญิงเห็นเพื่อนโผล่หน้ามาเยี่ยมอย่างนั้นก็ทำเป็นงอนใส่อย่างคนเอาแต่ใจ ไม่มีที่ลงเสียเลย

  “ฉันจะมาเยี่ยม และอยู่เฝ้าแกทุกวัน” บุญเที่ยงกล่าวเป็นเชิงง้อ เขารู้จักเด็กหญิงมานาน จึงเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายดี

  “ไม่ต้อง” บัวจันทร์ตอบสะบัด คนเป็นเพื่อนเห็นแบบนั้นก็อ่อนใจ

  “งั้นอยู่คนเดียวได้นะ”

  “แกจะทิ้งฉันหรือ!?” จู่ๆเธอก็ถามออกมาอย่างคนลืมคำพูดตนเองเมื่อก่อนหน้าเสียสนิท

  “จะไปทำธุระ” เขาบอกสั้นๆ

  “ธุระอะไรของแก” เด็กหญิงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่เพื่อนไม่คิดจะง้อให้มากกว่านี้

  “แกอยู่นี่แหละ เสร็จธุระแล้วจะแวะมา” เด็กชายพูดพร้อมหันหลังเดินออกไปหน้าตาเฉย ไม่ได้สนใจหันมามองอาการหัวเสียของเพื่อนที่ส่งตามหลังมาเลยสักนิด เขามีอะไรต้องไปทำจริงๆ และมันสำคัญมากพอให้ยอมทิ้งเพื่อนไปสักพักได้

            บุญเที่ยงกลับมาหาบัวจันทร์อีกครั้งหลังจากดวงอาทิตย์คล้อยหัวไปพอควร แรกเห็นหน้าเด็กหญิงก็สะบัดหน้าใส่ทันทีด้วยความงอน ทว่าคำพูดของเพื่อนในเวลาถัดมากลับทำให้ลืมความขุ่นเคืองเมื่อก่อนหน้าไปเสียสนิท เพื่อนที่ทิ้งเธอไปครึ่งวันกลับมาพร้อมข่าวกระต่ายตัวน้อยที่พวกเขาตามรอยมันไปเมื่อวาน เขาเล่าให้เธอฟังว่าตามรอยมันไปจนเจอโพรง และได้รู้อีกว่าตอนนี้เจ้ากระต่ายตัวนั้นกำลังมีลูกน้อยให้ต้องดูแล เขาจึงทำใจจับมันมาไม่ลง อีกอย่าง ไม่แน่ใจด้วยว่าถ้าเอามาทั้งครอบครัวตนและบัวจันทร์ควรนำพวกมันไปไว้ที่ไหน จะสามารถดูแลทุกตัวได้ดีหรือไม่ จึงตั้งใจมาหารือกับเด็กหญิงก่อน

            ทว่าความหวังจะได้เลี้ยงกระต่ายของบัวจันทร์ก็ต้องสลาย เมื่อนำเรื่องไปปรึกษาพ่อ และท่านไม่เห็นด้วยที่เธอจะเลี้ยงสัตว์ป่าตัวน้อยบอบบางแบบนั้น เด็กหญิงพยายามหาทางต่อรองอยู่ครู่ใหญ่ ท้ายที่สุดก็แพ้กับเหตุผลฟังขึ้นหลายประการของบุพการีจนยอมถอดใจ ถึงอย่างนั้นท่านก็ยังแนะนำให้เธอดูแลพวกมันอยู่ห่างๆ อาจนำผักผลไม้ไปให้บ้างเพื่อบรรเทาความหิว หรือลดความลำบากในการหาของกิน แต่ถ้าให้บ่อยเกินไปคงไม่เหมาะ เพราะกระต่ายจะเสียนิสัยจนอาจดูแลตนเองไม่เป็นเลย

            พอได้ข้อสรุปอย่างนั้น ระหว่างที่ข้อเท้าบัวจันทร์ยังไม่หาย เธอก็วานบุญเที่ยง เพื่อนสนิทให้ไปทำหน้าที่หาอาหารให้เจ้ากระต่ายพวกนั้นแทนสักระยะ กระทั่งเด็กหญิงหายดี ทั้งคู่จึงค่อยผลัดกัน หรือไม่ก็ช่วยกันคอยดูแลสัตว์ป่าตัวน้อยน่ารักเหล่านั้นอยู่เนืองๆ ตามเหมาะสมอย่างที่พ่อเด็กหญิงแนะนำ

 

  “แกบ้าหรือเปล่าวะ ทะเล่อทะล่าเข้ามา ไม่กลัวอะไรเลย”

  “ใครเห็นก็ต้องทำแบบฉันทั้งนั้นแหละ อย่าพูดมาก คนอุตส่าห์ช่วยแท้ๆ”

  “แกเป็นคนนะ ไม่ใช่ควาย จู่ๆจะวิ่งเข้าขวิดใครโดยไม่ดูให้ดีได้น่ะ”

  “ปากหรือนั่นน่ะ เอาเลือดออกสักทีไหม”

            เสียงโต้เถียงกันไปมาของเด็กวัยราวสิบสามสิบสี่สองคนยังแว่วติดหูจนกระทั่งเปลือกตาเปิดขึ้น สายตาทันเห็นเงาดำๆบางอย่างเหยียบลงอกเขาไป คงเป็นเจ้ากึ๋น แมวที่เลี้ยงไว้นั่นแหละ มันมักจะเหยียบอกเขาข้ามไปมาขึ้นลงเตียงแบบนี้ประจำ และปลุกฐิติยศจากนิทราได้เกือบทุกครั้ง เมื่อคิดได้ว่าสิ่งนั้นเป็นอะไรไปไม่ได้ เด็กหนุ่มก็ไม่คิดจะใส่ใจมันอีก นอนปรับสายตา ปรับสติอยู่ครู่หนึ่งหัวก็หวนนึกถึงเรื่องบางอย่างก่อนที่จะตื่น จำได้ว่าตนฝันถึงเรื่องราวของเด็กชายเด็กหญิงคู่หนึ่งอีกแล้ว พวกเขาเป็นเพื่อนรักกัน ผ่านเหตุการณ์ดีร้ายมาด้วยกันสารพัด และมักลงเอยได้น่าประทับใจเสมอ จนเขาสามารถสัมผัสความอบอุ่นบางอย่างในความสัมพันธ์นั้น

            ในฝัน เขาเห็นชีวิตของเด็กสองคนตั้งแต่วัยหกเจ็ดขวบ นั่งเล่นดินเล่นโคลนด้วยกัน ชกต่อยกัน วิ่งไล่จับกันไปมาอย่างสนุกสนานบนคันนา วิ่งหนีแม่ไก่ที่ไล่จิกพวกเขาไม่เลิก หรือร่วมแรงล้างคอกหมูช่วยผู้ใหญ่ บรรยากาศคือความเรียบง่ายตามวิถีคนยุคหลายสิบปีก่อน วันวันหนึ่งผ่านไปด้วยการเล่นสนุก เรียนหนังสือ ฝึกดนตรี หัดมวย และช่วยผู้ใหญ่ทำงานอันเหมาะสมแก่อายุ และดูเหมือนว่าครอบครัวเด็กหญิงจะเป็นครูดนตรีและมวยไทย ส่วนบ้านเด็กชายทำนาและค้าขายวัวควาย ขายหมูเป็นหลัก ทั้งสองฝ่ายรู้จักมักคุ้นกันดีจนไม่แปลกใจว่าทำไมลูกๆจึงสนิทกันขนาดนี้

            วันนี้เป็นวันที่สามที่ฐิติยศฝันถึงเรื่องราวของทั้งคู่ แปลกใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เคยมีคนพูดกันว่าถ้าฝันอะไรติดต่อกันสามวันฝันนั้นมักไม่ใช่เรื่องธรรมดา มันเป็นลางบอกเหตุบางอย่างงั้นหรือ เขาไม่รู้ รู้เพียงว่าเด็กสองคนนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากก็น้อย แม้หน้าตาจะไม่คุ้นเอาเสียเลย ความรู้สึกในส่วนลึกกลับมั่นใจมากๆ สองวันที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่เห็นเป็นช่วงวัยไม่กี่ขวบ ทว่าเมื่อคืนกลับรู้สึกว่าพวกเขาโตขึ้น น่าจะเริ่มเข้าวัยสองหลักกันแล้ว

            ฝันก่อนเขาจะตื่น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานประเพณีท้องถิ่นบางอย่าง สุรา ดนตรี และคนมากมายมารวมกันสังสรรค์ เด็กชายสูงเก้งก้างคนหนึ่ง ชื่อ บุญเที่ยง เป็นหนึ่งในชาวบ้านที่ไปร่วมงานนั้นตามประสาวัยรุ่นชอบเที่ยวเล่นเห็นแสงสี เขามาที่นี่คนเดียว แต่ไม่ทราบเกิดอะไรขึ้น จู่ๆก็มีวัยรุ่นขี้เมาแก่ปีกว่าเข้ามาหาเรื่อง ทั้งที่พยายามเลี่ยงแล้ว อีกฝ่ายยังมิวายกระชากเขาไปตะลุมบอนยกใหญ่ วินาทีนั้นยังไงก็ต้องสู้สุดชีวิตป้องกันตนเองเต็มที่ จนกระทั่งมีใครอีกคนพรวดพราดฝ่าวงล้อมเข้ามาช่วยพาเขาออกไป เด็กหญิงเพื่อนสนิทของเขานั่นเอง

 

            ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านบ้านหลังนี้อีกครั้ง เวลาบ่ายแก่ๆ ถ้าใครสัญจรผ่านทางนี้คงจะได้ยินเสียงแซ็กโซโฟนสุดโรแมนติกจากบ้านหลังดังกล่าวแว่วเข้าหูบ้างไม่มากก็น้อย บ้านหลังที่เธอมักเห็นใครคนหนึ่งเข้าออกเป็นประจำ ความรู้สึกบางอย่างบอกให้รู้ว่าเจ้าของเสียงเป่านั้นเป็นเขา แม้จะไม่เคยเห็นกับตาก็ตาม ทำนอง และเทคนิคการเป่าแบบนั้นอดทำให้หวนนึกถึงความฝันสามวันที่ผ่านมาไม่ได้ ช่างคล้ายกันเหลือเกิน ผิดเพียงเป็นเครื่องดนตรีคนละชนิดเท่านั้น

            บัวสวรรค์เป็นหนึ่งในสมาชิกวงโยทวาทิตย์โรงเรียน เธอหลงใหลเสียงดนตรีหลากหลายประเภทมาตั้งแต่เด็ก จนตั้งใจว่าจะเรียนต่ออุดมศึกษาด้านดนตรีบำบัด เพื่อให้เสียงเพลงของเธอได้ช่วยเหลือคนมากขึ้น ตรงจุดมากขึ้นกว่าเล่นเป็นเพลงเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว ด้วยความที่คลุกคลีกับเครื่องดนตรีมาไม่น้อย จึงทำให้สามารถวิเคราะห์เสียง จับเทคนิคของคนอื่นได้ดีเยี่ยม ซึ่งทำให้รู้ด้วยว่า อีกฝ่ายฝีมือระดับชำนาญทีเดียว

            เด็กสาวเพิ่งกลับจากไปทำธุระให้แม่มา จริงๆ จากสถานที่ทำธุระจนถึงบ้านเธอมีอีกเส้นทางหนึ่งใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า ทว่าหัวใจดันเรียกร้องให้ขี่มอเตอร์ไซค์มาถนนสายนี้แทนเพื่อให้ได้ยินเสียงคุ้นเคยนั้น รวมถึงอาจได้พบหน้าเขาด้วย พักนี้เป็นอะไรไม่ทราบ ตั้งแต่วันที่เริ่มฝันประหลาดและเจอเขาที่ร้านอีกครั้ง ความรู้สึกราวกับได้เห็นคนที่รอคอยมานานอยู่ตรงหน้า ทำให้อยากพบเขาบ่อยขึ้น ทว่าเขาเองก็มาร้านของเธอทุกวันจนน่าแปลกใจ ทั้งที่เมื่อก่อนจะเห็นหน้าเขาน้อยกว่านี้ ถึงอย่างนั้นตอนเจอกันก็คุยกันนับคำได้ทีเดียว

 

  “แกไปหาคนอื่นเถอะ ปล่อยไอ้ช่อมันไป ต่างคนต่างอยู่เถอะ เลิกกันเป็นเดือนแล้วจะมาอะไรกันอีก!”

            เสียงหนึ่งดังออกมาจากด้านใน ขณะฐิติยศเพิ่งปั่นจักรยานมาถึงหน้าร้านขายของเจ้าประจำที่มักมาอุดหนุนบ่อยๆ นอกจากเสียงห้าวมีอายุเมื่อครู่ เขายังได้ยินเสียงใครอีกคนกำลังโต้กลับไปด้วยความไม่พอใจ คนแรกยังพอคุ้นหู คงเป็นพ่อของเด็กสาวคนนั้น บัวสวรรค์ แต่อีกเสียงฟังหนุ่มกว่ามาก จากการคุยกันของสองชายต่างวัยทำให้ทราบได้ว่าพวกเขากำลังเถียงกันเรื่อง ช่อทิพย์ ลูกสาวคนโตของเจ้าของร้าน

  “ไอ้ช่อไม่อยู่ และมันก็ไม่อยากเจอแกอีก แกอย่ามายุ่งกับมันอีกเลย กลับไปซะ!”

            เด็กหนุ่มลงจากจักรยานคู่ใจ แต่ยังไม่กล้าพรวดพราดเข้าไปในร้าน ยังชั่งใจว่าจะยุ่งดีไหม ทว่าสถานการณ์มีเค้าลางคล้ายจะบานปลายจนน่าวิตก และทันใด สิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นก็เกิด!

            ปัง!

            เสียงปืนดังขึ้น ตามด้วยเสียงกรีดร้องของบัวสวรรค์ จากนั้นปืนก็ลั่นต่อมาอีกสองสามนัด ฐิติยศรีบกระโจนเข้าร้านไปทันทีโดยที่ฝ่ายนั้นยังไม่ทันได้ลั่นไกนัดสองสาม แต่ขายาวแข็งแรงก็ยังช้าไปนิด ทำให้กระสุนวิ่งออกจากปากกระบอกปืนมาจนได้ เขาเห็นจังหวะที่คนร้ายกำลังเผลอหันหลังให้ เพราะมัวสนใจอยู่กับเด็กสาวและชายวัยกลางคนด้านใน จึงตัดสินใจจะเข้าไปฟาดต้นคอให้สลบเหมือบเสีย ทว่าก็ยังช้ากว่าอีกคน!

            แค่เซี่ยวนาทีถ้าปล่อยผ่านเธอและพ่ออาจจบชีวิตลงเป็นแน่ ดังนั้นบัวสวรรค์จึงไม่เสียเวลานานในการประเมินฝ่ายตรงข้ามก่อนเข้าโจมตีด้วยวิชาเทคอนโดสายดำที่ร่ำเรียนมา เธอสามารถเตะปืนจนหลุดจากมืออีกฝ่ายไปได้ และเมื่อเห็นโอกาสก็จัดการเผด็จสึกชายร่างยักษ์ให้ลงไปกองกับพื้นทันที แต่ร่างบางยืนอยู่ได้ไม่นานนัก จู่ๆ ขาก็ทรุดฮวบตามมือปืนลงไปอีกคนจนคนมองตกใจถลาเข้าไปหาด้วยความใจเสีย!

 

            งานมงคลสมรสถูกจัดขึ้นค่อนข้างใหญ่โต แขกเหรื่อที่มาร่วมงานรวมแล้วร้อยกว่าชีวิต ลูกสาวสุดที่รักของพ่อครูมวยและแม่ครูดนตรีคนสำคัญของหลายหมู่บ้านออกเรือนทั้งทีย่อมไม่ควรน้อยหน้าใคร ฝ่ายเจ้าบ่าวก็หลานรักลุงกำนัล พ่อก็เป็นมัคนายกซึ่งชาวบ้านนับถือมากมาย ดังนั้นครอบครัวทั้งสองฝ่ายจึงตั้งใจจัดงานเต็มที่ให้สมหน้าตาพวกเขา

  “ไอ้เที่ยง เดี๋ยวฉันมานะ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” บัวจันทร์หันไปบอกสามีหนุ่มที่นั่งข้างกันก่อนจะลุกขึ้นโดยไม่ทันฟังคำตอบจากอีกฝ่ายแม้แต่น้อย บุญเที่ยงเห็นอย่างนั้นก็รีบลุกตามมาด้วยความเป็นห่วง ค่ำนี้คนมากมาย แม้ใครต่างรู้ว่าลูกสาวพ่อครูมวยทั้งดุและมือเท้าหนักแค่ไหน เขาก็ไม่อยากประมาท

  “อ้าว ตามมาทำไม บอกแล้วจะไปเข้าห้องน้ำ” เด็กสาวรู้สึกคล้ายมีคนตามหลังมาจึงหันไปมอง

  “มืดค่ำอย่างนี้ แต่งตัวแบบนี้ด้วยไม่ควรไปไหนตามลำพัง ใครฉุดแกไปจะทำไง”

  “ใครมันจะบ้ากล้าทำตอนคนพลุกพล่านอย่างนี้วะ ขืนคิดชั่วแบบนั้นสิ อีบัวจะเอาให้หนักเลย” เด็กสาวยังปากดี ทว่าบุญเที่ยงคร้านจะต่อปากต่อคำด้วยจึงตัดบท พลางเดินขึ้นมาเคียง มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับมือบางไว้หลวมๆ

  “ไป ฉันไปส่ง”

  “เดินเองได้น่า ไม่เห็นต้องจับมือเลย” เธอหันมาท้วงแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอย่างใด ในใจอดรู้สึกดีไม่ได้ แม้กิริยาจะไม่แสดงออกมาชัดเจนนัก

  “คืนนี้จันทร์สวยเหมือนแกเลย” เดินอยู่ดีๆ เขาก็เอ่ยขึ้น ใบหน้าเรียวคมสันได้รูปแหงนมองท้องฟ้าด้วยประกายตามมีความสุข

  “จะบ้าหรือ เขามีแต่สวยเหมือนจันทร์ ใครเขาพูดว่าจันทร์สวยเหมือนใครกันเล่า” แม้ปากจะยังเถียงฉอดๆ ทว่าคนฟังก็จับน้ำเสียงได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเขินอาย

  “ก็วันนี้แกสวยกว่าจันทร์ ก็ต้องเทียบจันทร์กับแกสิ” เด็กหนุ่มหันมามองหน้าภรรยาสาวด้วยแววตาลึกซึ้ง ใช่ วันนี้เธอสวยเหลือเกิน และเขาก็ดีใจนักที่ได้มีเธอเคียงใกล้

  “แกก็พูดอะไรไม่รุ ฉันปวดฉี่ เร็ว รีบๆ เดิน เดี๋ยวก็ราดตรงนี้หรอก” พูดจบ ร่างสมส่วนของเด็กสาวก็เดินลิ่วไปดื้อๆ บุญเที่ยงทันเห็นแว้บๆ เหมือนกันว่าใบหน้าอีกฝ่ายกำลังแดงก่ำ เวลาบัวจันทร์เขินหนักเข้าก็มักจะพูดไปเรื่องอื่นอย่างนี้ประจำ เขารู้

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.