สักวันของเรา 3: สักวันของเรา

สักวันของเรา (อ่านฟรีทุกตอน)

-A A +A

สักวันของเรา 3: สักวันของเรา

  “คนไข้มีกระสุนฝังในจะต้องรีบผ่าเอากระสุนออก แต่บริเวณที่กระสุนอยู่ใกล้อวัยวะสำคัญพอควร แต่ยังไงหมอจะพยายามอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ชายกระสุนโดนที่แขน ไม่น่าเป็นห่วงมาก”

  “ค่อยโล่งอกไป..ว่าแต่ กระสุนใกล้จุดสำคัญมันหมายความว่ายังไงหรือคะหมอ?”

  “อาจเสี่ยงต่อชีวิตคนไข้ แต่ยังโชคดีที่ไม่เข้าจุดสำคัญตรงๆ...” แพทย์เวรเดินหายเข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงญาติคนไข้สองคน แม่ของบัวสวรรค์ และพี่สาว แต่ในที่นั้นก็ยังมีเด็กหนุ่มอีกคนตามมาดูอาการคนเจ็บที่โรงพยาบาลด้วย

      ตอนเกิดเหตุ ช่อทิพย์ พี่สาวบัวสวรรค์ไม่ได้อยู่บ้านจริงๆ ในบ้านมีแต่แม่ของสองสาวที่กำลังทำงานบ้านอยู่ หน้าบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของมีพ่อและเด็กสาวที่กำลังช่วยกันจัดของเข้าชั้น ก่อนอดีตแฟนหนุ่มของช่อทิพย์จะบุกเข้ามา แรกทีเดียวคนร้ายต้องการจะจับตัวบัวสวรรค์ ที่ปกติจะเฝ้าร้านลำพังไปเป็นเครื่องต่อรองให้พี่สาวเธอมาพบเพื่อเคลียร์ใจ ทว่าดันพบพ่ออีกฝ่ายอยู่ด้วย จากนั้นก็เกิดการพูดคุย จากพูดคุยสักพักก็กลายเป็นโต้เถียงกัน เมื่อฝ่ายมาหาเรื่องไม่ยอมถอยกลับไปง่ายดาย อาละวาดพังข้าวของในร้านเสียหาย

 

      เสียงขลุ่ยและขิมดังประสานทำนองแว่วมาตามสายลมท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบายในยามบ่ายแก่ ต้นเสียงมาจากเรือนไม้ยกพื้นหลังหนึ่งรายล้อมด้วยไม้ดอกไม้ผลนานา คนในบ้านเป็นสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งแต่งงานกันได้สี่เดือนกว่า ความรักของพวกเขากำลังผลิบานสดใส โลกทั้งใบราวเต็มไปด้วยสีชมพูหวานละมุน ทุกวันผ่านไปพร้อมรอยยิ้มและเสียงยั่วยวนกวนโทษะกัน ซึ่งเป็นธรรมดาของคู่นี้มาแต่ไหนแต่ไรจนหลายคนระอา ทว่าก็ชิดเสียแล้ว

  “ฉันว่าปรับลูกเล่นท่อนนี้หน่อยดีไหม” ขณะกำลังซ้อมดนตรีด้วยกันกับภรรยาสาว บุญเที่ยงก็หยุดเป่าขลุ่ยและเอ่ยขึ้นอย่างหารือ

  “ปรับเป็นยังไงล่ะ” บัวจันทร์ขอความเห็น

  “ถ้าวรรคสี่ของท่อนแรกเป็นวรรคส่ง รู้สึกว่ามันยังดูห้วนไปนิด ส่งไม่สวย ยกไปอีกนิดหนึ่งพอให้หวานน่าจะเข้าท่า” สามีหนุ่มเสนอ

  “ฉันว่าตอนขึ้นไม่จำเป็นต้องลงสี่จังหวะแรกเพราะเรายังเหลือที่ว่างให้วรรคที่สองอีกสี่จังหวะเต็ม ใส่ลูกเอื้อนเต็มที่ไปลงห้องหลังจังหวะสองเลยก็ได้ ไม่หลุดถ้าหายใจทัน แต่อย่างฉันไม่มีปัญหาอยู่ละ” คนเป็นภรรยาดันเห็นต่าง ทว่าท้ายประโยคมิวายอวดทีเล่นทีจริง

  “แต่ฉันว่าเมื่อวรรคสี่ของท่อนแรกเป็นวรรคส่ง ยกไปอีกนิดหนึ่งจะเพราะกว่านะ” เขายังยืนยันความคิดตน

  “แต่ฉันชอบแบบตอนขึ้นไม่จำเป็นต้องลงสี่จังหวะแรกและใส่ลูกเอื้อนเต็มที่ไปลงห้องหลังจังหวะสองเลย ฉันว่าเอาแบบนี้แหละ”

  “อ๊ะ ตามใจแกแล้วกัน” ท้ายที่สุดคนที่ต้องยอมถอยก็เป็นเขาอีกตามเคย บุญเที่ยงแอบบ่นกับตนเองในใจ ก่อนหูจะได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของใครบางคนดังมาจากหน้าประตู

  “คิกๆๆ ไอ้เที่ยง เถียงเมียกี่ทีก็ไม่เคยชนะนะแกน่ะ เสียเชิงชายหมด”

  “อ้าวพี่ทิพย์! แวะมานี่ พ่อฝากอะไรมาให้อีกแล้วหรือ” เด็กสาวเจ้าของเรือนหันมาเห็นคนเป็นพี่เดินถือปิ่นโตมาจึงทัก

  “ใช่ พอดีฉันกับแม่ทำขนมและแกงป่ากินกัน พ่อเลยบอกให้เอามาเผื่อแกกับไอ้เที่ยงด้วย เอาไว้อุ่นกินตอนเย็น” บัวทิพย์ พี่สาวบัวจันทร์ตอบเสียงใส

  “ซ้อมเพลงกันอยู่รึ เพลงอะไรล่ะ ฟังไม่คุ้นหูเลย” อีกฝ่ายถามต่ออย่างชวนคุย

  “เพลงใหม่จะพี่ ฉันกับไอ้เที่ยงช่วยกันแต่ง แต่ยังไม่สมบูรณ์หรอก กำลังปรับกัน” เธอเล่าให้พี่สาวฟังคร่าวๆ ก่อนทั้งสามจะมานั่งล้อมวงพูดคุยกันตามประสาครอบครัว กระทั่งได้เวลาบัวทิพย์ก็ลากลับไปดูบ้าน

 

      ความฝันคืนนี้ช่างอิ่มเอิบเหลือเกิน ฐิติยศอยากหยุดช่วงเวลานี้ไว้ตลอดไป แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ วันคืนย่อมต้องเดินไปข้างหน้า ผ่านแล้วก็ผ่านเลย และมันจะไม่มีวันย้อนกลับอีกต่อให้คนทั้งโลกจะร่ำรองอย่างไรก็ตาม พิธีมงคลสมรส คืนเข้าหอ สี่เดือนแสนสุขที่ได้ใช้ร่วมกันกับหญิงเจ้าของหัวใจ มาตอนนี้ ความรู้สึกชัดเจนในใจ เด็กหนุ่มบุญเที่ยงก็คือเขาเมื่อนานมาแล้ว ยุคใดสมัยไหนไม่ทราบ แต่บัวจันทร์ เด็กสาวคนรักเขาไม่รู้ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ถึงอย่างนั้นส่วนลึกก็กระซิบบอก คนเคยคุ้นหน้ากันนี่เอง

      ภาพชื่นบานสิ้นสุดลง และค่อยๆเลือนหาย ก่อนมีฉากใหม่มาแทนที่ คราวนี้รอบด้านเงียบสงัด สองสามีภรรยาป้ายแดงนอนเคียงกันอยู่บนเตียงหนา จากนั้นภาพก็ไหลผ่านอย่างรวดเร็วราวใครบางคนไม่อยากให้เห็นชัดเจนนัก แต่สำหรับฐิติยศกลับเข้าใจและรับรู้ทุกเหตุการณ์ครบถ้วนแจ่มชัด

      ร่างแข็งแรงผวาตื่นขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือกราวคนเพิ่งผ่านเรื่องร้ายมาหมาดๆ หัวใจเต้นแรงเร็วด้วยความหวั่นวิตก เสียงกรีดร้องในฝันยังแว่วติดหูไม่หาย เขาต้องพยายามรวบรวมสติตนเองอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยรู้สึกดีขึ้น ก่อนหันมองนาฬิกาหัวเตียง พบว่าตอนนี้จวนจะหกโมงเช้าแล้ว

  “ความฝัน” ฐิติยศพึมพำออกมาคล้ายพยายามจะปลอบใจตนเอง ทว่าหัวก็นึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้ ก่อนจะรีบพรวดพราดลุกไปอาบน้ำแต่งตัวทันที

 

  “พี่พยาบาลครับ คนไข้โดนยิงชื่อ บัวสวรรค์ ที่เข้าห้องไอซียูไปเมื่อวานออกจากห้องหรือยังครับ” ความฝันก่อนหน้าทำให้ฐิติยศใจคอไม่ดีขึ้นมาจนต้องรีบออกจากบ้านมาโรงพยาบาลเพื่อถามข่าวของบัวสวรรค์ เด็กสาวที่หลายวันมานี้เกิดรู้สึกผูกพันขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

  “ยังจ้ะ น้องเป็นอะไรกับเขาหรือ”

  “เอ่อ..เพื่อนครับ”

  “อ๋อ..มาเช้าจังเลย คงเป็นห่วงเพื่อนมากล่ะสิ ว่าแต่กินข้าวกินปลามาหรือยัง ไปหาอะไรกินก่อนไหม ถ้าหมอออกมาแล้วพี่จะบอกอีกที” พยาบาลสาวกล่าวอย่างมีน้ำใจ

  “ผมรอหน้าห้องดีกว่าครับ ยังไม่หิวเท่าไร” เขาหมายถึงหน้าห้องไอซียู ก่อนจะเดินไปทรุดตัวบนเก้าอี้ยาวด้วยใจหวิวๆ พลางมองไปที่บานประตูใหญ่อย่างใจจดใจจ่อ

 

  “ไอ้บัวแกเป็นอะไร แกอย่านิ่งแบบนี้สิวะ ฉันไม่ตลกนะ! ไอ้บัว แกตอบฉันหน่อยสิวะ อย่านิ่งแบบนี้!” หลังจากพยายามปลุกภรรยาสาวอยู่หลายนาที จนบุญเที่ยงเริ่มสติแตกเมื่อเห็นว่าร่างบางบนเตียงนอนนิ่งไร้การตอบสนองใดๆ เสียงของเขาเริ่มดังขึ้น ดังขึ้นคล้ายคนคลั่ง เสียงนั้นเรียกชาวบ้านรอบข้างที่ตื่นมาทำกิจวัตรประจำวันตื่นตกใจจนต้องพากันมาดู ก่อนรีบไปตามหมอมาตรวจอาการบัวจันทร์

  “ไอ้บัวมันตายแล้ว” หลังจากตรวจร่างกายที่กำลังเย็นชืดบนเตียงเสร็จหมอก็เอ่ยขึ้นเสียงสลด ท่ามกลางเสียงร้องไห้ฟูมฟายของบุญเที่ยงที่พอทราบอยู่ก่อนแต่แรกทว่ายังทำใจยอมรับไม่ได้ ทุกคนในที่นั้นเมื่อทราบชัดก็พากันน้ำตาไหลเป็นสาย บัวจันทร์เป็นที่รักที่เอ็นดูของทุกคนในหมู่บ้านมาแต่ไหนแต่ไร

  “มันตายได้ยังไงหมอรู้ไหม”

  “ข้าไม่แน่ใจ คงต้องส่งโรงพยาบาลตรวจอีกรอบ แต่เท่าที่ดูเบื้องต้นคิดว่าคงไหลตาย”

  “โท่ไอ้บัว..ทำไมด่วนจากแม่ไปเร็วนัก ทำไมมันต้องมาเกิดกับคนอายุน้อยอย่างเอ็งเล่า”

      นับจากวันเก็บกระดูกของภรรยาสาว บุญเที่ยงก็ไม่เป็นโล้เป็นภายอยู่ปีกว่า จนพ่อแม่สังเวทใจจึงพาตัวไปให้หลวงตาที่วัดช่วยอบรมอีกแรง หลวงตาเห็นเด็กหนุ่มมาแต่เล็กก็นึกรักเหมือนลูกหลาน พยายามหาทางเรียกสติเขาอยู่หลายเดือนกว่าทุกอย่างจะค่อยดีขึ้นตามลำดับ

 

ฐิติยศหวนนึกถึงฝันร้ายเมื่อเช้า รู้สึกหม่นเศร้าแทบอยากร้องไห้ ยิ่งนำฝันนั้นมาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ปัจจุบันก็ยิ่งวิตกหนัก เขาไม่รู้ตนเองเป็นอะไร เหตุใดจึงหวาดกลัวถ้าจะต้องสูญเสียบัวสวรรค์ไปเหมือนตอนเสียบัวจันทร์ครั้งนั้น บัวสวรรค์ บัวจันทร์ อย่างนั้นหรือ ชื่อเด็กสาวสองคนช่างคล้องจองกันอย่างน่าพิศวงเหลือเกิน

  “อ้าว! หนุ่มที่เข้าไปช่วยไอ้บัวเมื่อวานนี่ มาแต่เช้าเชียว”

      เงยหน้าขึ้น เด็กหนุ่มก็พบสามหญิงหนึ่งชายต่างวัยกำลังเดินมาหน้าห้องไอซียูพร้อมกัน

  “สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้ผู้มาใหม่ด้วยความนอบน้อม สองหญิงต่างวัยในกลุ่มเขาจำได้ แม่และพี่สาวของบัวสวรรค์ ส่วนผู้เฒ่าอีกสองคนคงเป็นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของเธอกระมัง

  “หนุ่มคนนี้แหละที่คอยอยู่ช่วยฉันเมื่อวาน ไม่งั้นฉันคงทำอะไรไม่ถูกเลยจ้ะ” แม่ของบัวสวรรค์หันไปเล่าให้สองชายหญิงวัยชราฟัง ก่อนฝ่ายนั้นจะหันมาส่งยิ้มอารีให้

  “ขอบใจมากนะพ่อหนุ่ม” หญิงสูงวัยเอื้อมมือมาตบบ่าเขาเบาๆด้วยความเอ็นดู แต่ทันใดนั้น ทุกคนก็ต้องรีบหันมองไปยังประตูใหญ่เป็นตาเดียว เมื่อแพทย์คนหนึ่งเดินออกมาด้วยสีหน้าอิดโรย และตรงเข้ามาหาพวกเขาอย่างจำได้

  “คนไข้อีกคนปลอดภัยแล้วนะ” คำพูดนั้นราวพรจากสวรรค์ ทุกคนในที่นั้นได้ฟังก็น้ำตาปริ่มทันที ก่อนพวกเขาจะโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ และไม่ลืมพากันเข้าไปขอบคุณแพทย์ผู้รักษายกใหญ่ ส่วนฐิติยศก็ได้แต่นั่งน้ำตาไหลด้วยความปีติอยู่ที่เดิมราวโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะหนึ่ง

 

      เสียงแซ็กโซโฟนแว่วมาจากบ้านที่อยู่เบื้องหน้าห่างออกไปไม่ไกล ท่วงทำนองดนตรีที่ลอยมากระทบหูทำให้มือเรียวเร่งเครื่องอีกนิดด้วยความใจร้อน ก่อนหน้านี้น้าดีเจชุมชนนำเพลงบทหนึ่งมาให้บัวสวรรค์ฟังทำนองและอ่านเนื้อ บอกว่าเด็กหนุ่มเจ้าของบ้านดังกล่าวคิดเพลงนี้ได้ น้าดีเจเห็นเพลงน่าสนใจ จึงแนะให้ทำออกมาเป็นเพลงสมบูรณ์ แต่เขาปฏิเสธว่าเพลงนี้จะสมบูรณ์ไม่ได้ถ้าไม่มีใครอีกคนมาร่วมร้อง โดยที่ก็ไม่รู้ว่าคนคนนั้นคือใคร ประจวบเหมาะที่น้าดีเจรู้จักเธอ ซึ่งมักไปเล่นเปียโนที่ศูนย์เด็กเล็กของชุมชนประจำ รู้ว่ามีความรู้ทางนี้ไม่น้อย อาจจะช่วยเขาได้จึงนำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง ทว่าเพียงท่อนแรกของดนตรีและเนื้อร้องบนหน้ากระดาษเท่านั้น เธอก็ต้องตกตะลึงปนพิศวงทันที

      รถมอเตอร์ไซค์สีหวานขับมาจอดหน้าประตูรั้ว ก่อนเด็กสาวจะตะโกนเข้าไปโดยไม่กดกริ่ง คนออกมารับเป็นเด็กหนุ่มมัธยมต้นซึ่งคุ้นหน้ากันดีเพราะอีกฝ่ายก็เป็นลูกค้าที่เข้าออกร้านบ่อยไม่แพ้พี่ชาย แถมวันก่อนเธอยังเอากับข้าวมาฝากเขาเพื่อขอบคุณที่มีส่วนช่วยเหลือในเหตุการเฉียดตายวันนั้นอีก หลายคนในหมู่บ้านทราบกันทั่ว มาคราวนี้จึงไม่ต้องแนะนำตัวอะไรมากนักก็ขอเข้าไปพบเขาคนนั้นที่สวนหลังบ้านได้เลย

  “นายรู้จักเพลงนี้ได้ยังไง?” เพียงแค่เห็นหน้า ด้วยความใจร้อน บัวสวรรค์ก็เอ่ยเข้าเรื่องโดยไม่คิดเกริ่นอะไรก่อนสักนิด ทำให้คนที่กำลังยืนเช็ดเครื่องดนตรีโปรดของตนอยู่ต้องหันมามองทันที

  “ทำไม?” ฐิติยศยังไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย แต่กลับย้อนถามเสียอย่างนั้น

  “ฉันเคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน มีคู่รักคู่หนึ่งเมื่อนานมาแล้วแต่งไว้”

  “เธอรู้จักพวกเขาหรือ” ได้ฟังอย่างนั้นก็อดสงสัยไม่ได้

  “คิดว่ารู้จักดี ดีมากด้วย” เด็กสาวบอกหนักแน่น ก่อนจะทวงคำตอบจากเขาอีกครั้ง

  “นายตอบคำถามฉันมาบ้างสิ”

  “ถ้าบอกว่าฝัน เธอจะเชื่อไหมล่ะ” เด็กหนุ่มชั่งใจอยู่ครู่ ก่อนตัดสินใจตอบออกมา ถ้อยคำของเขาเป็นผลให้คนฟังนิ่งตะลึงไปสองสามนาทีด้วยความคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากปากอีกฝ่าย

  “นายเป็นใครกันแน่” แล้วจู่ๆ เธอก็โพล่งถามขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทำให้เขาจ้องหน้าเธออย่างพิจารณา จากนั้นจึงเอ่ยต่อ

  “แล้วเธอล่ะ เป็นใคร”

      น้ำตาบัวสวรรค์ไหลพรากราวเขื่อนแตก เหมือนความอัดอั้นตันใจบางอย่างกำลังทะลักออกมา ดวงตาเรียวสวยมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตารอคอยและเจ็บปวด ก่อนปากจะขยับพูดอย่างยากเย็น

  “นายคือ..บุญเที่ยง...”

      เมื่ออีกฝ่ายได้ฟังก็นิ่งอึ้งไปทันทีด้วยความคาดไม่ถึง

  “ส่วนเธอ...” เขาเอ่ยคล้ายละเมอกับตนเอง

  “ฉัน..บัวจันทร์...” หลังจากพูดจบประโยค จากที่ร้องไห้อยู่แล้วก็ยิ่งร้องหนักขึ้นไปอีก แล้วร่างบอบบางก็โผเข้ากอดคนตรงหน้าด้วยความคิดถึงและโหยหา ฐิติยศนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนกอดตอบเธอ น้ำตาไหลเป็นสายไม่ต่างกัน นานเหลือเกินที่ไม่ได้กอดกันแบบนี้ นานเท่าไรแล้วที่ต้องพรากจากกัน

      คำอธิษฐานก่อนตายของเขาเป็นผล ตอนนี้การรอคอยของเขาสิ้นสุดแล้ว

 

      ก่อนทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ไร้ความฝันประหลาดรบกวนอีก ความฝันสุดท้ายที่เขาเห็น คือ บุญเที่ยงที่กลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง นับตั้งแต่วันนั้นเขาก็ถวายตัวรับใช้งานวัดตลอดชีวิต ซึ่งหลวงตาที่ช่วยเรียกสติเขาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ถือศีลห้า ศีลแปดอยู่เนืองๆ และไม่คิดแต่งงานใหม่ วันวันหนึ่งผ่านไปกับการช่วยงานที่บ้านตนเอง บ้านบัวจันทร์ และวัด แม้ฉากหน้าคล้ายดูเด็กหนุ่มเป็นปกติดีแล้ว ทว่าส่วนลึกยังคงคิดถึงภรรยาสาวไม่เสื่อมคลาย พร่ำภาวนาในใจเสมอ ถ้ามีวาสนาต่อกัน ขอให้ได้กลับมาเจอกัน จำกันได้อีกครั้ง ผ่านบทเพลงแสนหวานที่พวกเขาร่วมกันแต่ง

      จนวันนี้ ความปรารถนาก็ได้เป็นจริงเสียที....

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.