เมื่อ "คนรัก" ไม่ใช่ที่พักใจ: จะอยู่ต่อหรือเดินออกยังไงไม่ให้เจ็บซ้ำ

-A A +A
1.0x
ภาพวาดการ์ตูนของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงนั่งหลังชิดกันหันหน้าออกคนละทางทั้งสองคนดูเศร้าหรือคิดมาก ผู้หญิงใส่เสื้อแขนยาวสีชมพู กางเกงยีนส์สีฟ้า รองเท้าผ้าใบสีขาว ถุงเท้าขาว ผมยาวสีน้ำตาล ส่วนเด็กผู้ชายใส่เสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงยีนส์สีฟ้า รองเท้าผ้าใบสีขาว ถุงเท้าขาว ผมสีน้ำตาลเข้ม ท่าทางเหม่อหรือครุ่นคิด ไม่สบตากัน บนพื้นหลังสีขาวเรียบง่าย ไม่มีสิ่งรบกวนอื่นๆ

เมื่อ "คนรัก" ไม่ใช่ที่พักใจ: จะอยู่ต่อหรือเดินออกยังไงไม่ให้เจ็บซ้ำ

หลายคนเชื่อว่าความรักคือที่ปลอดภัย ที่พักใจ ที่เราจะได้หยุดวิ่งแล้วหายใจได้เต็มปอดสักที แต่ในชีวิตจริง ไม่ใช่ทุกความรักจะเป็นแบบนั้น บางครั้งคนที่เราคิดว่าใช่ กลับทำให้เราต้องอดทน ฝืนใจ และค่อย ๆ หายไปจากตัวเองทุกวันโดยไม่รู้ตัว

ความสัมพันธ์ที่ควรเยียวยา กลับกลายเป็นความสัมพันธ์ที่เราต้องหาวิธีอยู่ให้ได้โดยไม่พัง และคำถามสำคัญก็คือ เราจะจัดการอย่างไร เมื่อคนที่เรารัก กลับกลายเป็นเหตุของความเหนื่อยล้า?

ในบทความนี้ เราจะค่อย ๆ แกะความรู้สึกเหล่านี้ออก และเสนอแนวทางจัดการความสัมพันธ์ที่กำลังกลืนใจ โดยไม่ต้องใช้การประชด หรือการตัดใจแบบหักดิบ เพราะหลายครั้ง สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่การหนี แต่คือ “วิธีอยู่ให้ไหว โดยไม่ทำร้ายตัวเอง”

เมื่อความรักกลายเป็นภาระ

คนที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่สบายใจ มักไม่พูดตรง ๆ ว่าทุกอย่างมันแย่ แต่จะบอกว่า “ก็ไม่ได้เลวร้ายหรอก” หรือ “บางวันก็ดี บางวันก็แย่” ซึ่งจริง ๆ แล้วนั่นคือสัญญาณว่าความสัมพันธ์นั้นเริ่มเปลี่ยนจาก “พื้นที่ปลอดภัย” เป็น “สนามอารมณ์” ที่คาดเดาไม่ได้

บางคนต้องเก็บคำพูดไว้ในใจ เพราะกลัวพูดอะไรแล้วอีกฝ่ายจะโกรธ

บางคนต้องคอยตามง้อ คอยรับผิด ทั้งที่ไม่ได้ทำผิดอะไร

บางคนยอมลดคุณค่า ยอมปล่อยให้ตัวเองถูกตัดสิทธิ์ในการรู้สึก เพียงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา

เรามักคิดว่า “ความรักต้องอดทน” แต่ไม่มีใครบอกว่า ต้องอดทนแค่ไหนถึงเรียกว่าเพียงพอ และเมื่อไหร่ถึงเกินไปจนกลายเป็นการทำร้ายตัวเอง

สาเหตุที่ทำให้รักกลายเป็นแหล่งความเครียด

การที่คนรักกัน กลับกลายเป็นต้นตอของความเครียด อาจไม่ได้เกิดจากใครคนใดคนหนึ่งผิดเสมอไป แต่อาจเกิดจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ความคาดหวังที่ไม่ตรงกัน หรือปมในใจที่ทั้งสองคนยังไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำ เช่น

  • หนึ่งคนต้องการความใกล้ชิด แต่อีกคนต้องการพื้นที่ส่วนตัว
  • หนึ่งคนพูดตรงเพื่อแสดงความจริงใจ แต่อีกคนรับไม่ได้กับความแรงของคำพูด
  • หนึ่งคนพยายามแบกรับความรู้สึกของอีกฝ่ายเสมอ จนลืมว่าตัวเองก็มีสิทธิ์รู้สึกเหมือนกัน

เมื่อปัญหาเหล่านี้สะสม และไม่มีการจัดการที่ดี มันจะกลายเป็นวงจรความขุ่นเคือง ที่หมุนวนซ้ำ ๆ จนความรักอ่อนแรง

สัญญาณเตือนว่าเขาไม่ใช่ที่พักใจ

เราทุกคนเคยมีวันที่เหนื่อย และต้องการแค่ใครสักคนฟังเราเงียบ ๆ ไม่ตัดสิน ไม่ตำหนิ แต่ถ้าเขาคนนั้นกลับกลายเป็นคนที่ทำให้เรารู้สึกแย่ลง ลองสังเกตดูว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน

  • เวลาคุยกัน เราต้องระวังคำพูดเสมอ
  • เรารู้สึกว่าต้อง “ปรับตัว” ตลอดเวลา เพื่อให้เขาพอใจ
  • เวลาเรามีปัญหา เขากลับทำให้เรื่องนั้นกลายเป็น “ความผิดของเรา”
  • เราไม่กล้าแสดงความรู้สึกจริง เพราะกลัวเขาจะรำคาญหรือไม่สนใจ

หากมีหลายข้อเกิดขึ้นซ้ำ ๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า ความสัมพันธ์นี้เริ่มไม่ปลอดภัยอีกต่อไป และเราจำเป็นต้องหาวิธีจัดการ ก่อนที่ใจจะพังไปมากกว่านี้

การตั้งขอบเขต คือจุดเริ่มต้นของการรักษาความสัมพันธ์

หลายคนพยายามประคองความรักด้วยการยอมให้ทุกอย่าง ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดที่อันตราย เพราะความรักที่ดีต้องมีขอบเขต ต้องมีพื้นที่ให้ทั้งสองคนยังรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง

การตั้งขอบเขตไม่ได้แปลว่าเราหยุดรัก แต่คือการบอกว่า “เรารักเธอ แต่เราก็รักตัวเองเหมือนกัน”

ตัวอย่างของการตั้งขอบเขตในความสัมพันธ์ เช่น

  • ถ้ามีปัญหา คุยกันด้วยเหตุผล ไม่ใช้คำพูดประชดหรือตะคอก
  • เคารพเวลาส่วนตัวของกันและกัน ไม่ตรวจสอบ ไม่กดดัน
  • รับฟังความรู้สึกของอีกฝ่ายโดยไม่ตัดสิน
  • ไม่ใช้คำว่า “เพราะรักเลยทำแบบนี้” เป็นข้ออ้างในการควบคุม

เมื่อมีขอบเขตที่ชัดเจน ทั้งสองฝ่ายจะรู้ว่าความรักไม่ได้หมายถึงการยอมทุกอย่าง แต่คือการเติบโตไปด้วยกันโดยที่ไม่ลบตัวตนของอีกฝ่าย

ถ้าปรับแล้วไม่ไหว ต้องถอยอย่างไม่รู้สึกผิด

แม้เราจะพยายามสื่อสาร ตั้งขอบเขต หรือปรับความเข้าใจมากแค่ไหน บางความสัมพันธ์ก็ยังคงทำให้เรารู้สึกแย่เสมอ และถ้าการพยายามนั้นกลับมาทำร้ายใจเราเองมากขึ้นเรื่อย ๆ การถอยออกมาอาจไม่ใช่ความล้มเหลว แต่คือการปกป้องหัวใจ

การตัดสินใจออกจากความสัมพันธ์ไม่ได้แปลว่าเรารักน้อยลง
แต่มันแปลว่าเราเริ่มรักตัวเองมากพอที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกทำร้ายอีก
ไม่จำเป็นต้องรอให้เขาเปลี่ยน
ไม่ต้องรอให้เขามาเห็นค่า
เราสามารถเลือกดูแลตัวเองได้ทันที โดยไม่ต้องรอใครอนุญาต

รักตัวเอง...ในแบบที่เคยให้เขา

ลองถามตัวเองว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราให้ความเข้าใจ ให้การให้อภัย ให้การสนับสนุนเขามากแค่ไหน และถ้าเราเคยให้สิ่งเหล่านี้กับเขาได้ เราก็ให้สิ่งเดียวกันนี้กับตัวเองได้เหมือนกัน

เริ่มจากการยอมรับความจริง ว่าความรักไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต

เริ่มจากการซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง

เริ่มจากการเลือกอยู่ในพื้นที่ที่เรารู้สึกเป็น “ตัวเอง” โดยไม่ต้องเสแสร้งให้ใครพอใจ

การรักตัวเองไม่ใช่แค่การอยู่คนเดียวแล้วไม่ร้องไห้

แต่มันคือการอยู่คนเดียวแล้วรู้สึกว่า “เรามีค่า” แม้ไม่มีใครข้าง ๆ

เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่เราจะใช้ชีวิตด้วยไปจนวันสุดท้าย

ไม่ใช่เขา…แต่คือ “ตัวเราเอง”

ที่มาภาพ: pngtree

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.