Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 6

Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri]

-A A +A

Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 6

หมวดหนังสือ: 

 

 

Chapter 6: เมื่อหน้าฝนมาเยือน วันไข้สูงของเพื่อนสนิท

 

สวัสดีค่ะ ฉัน มาการง ขอรับหน้าที่เป็นผู้บรรยายในตอนนี้นะคะ

 

สัปดาห์ต่อมาหลังจากการเลือกชมรม สภาพอากาศกลางเดือนมิถุนายนเต็มไปด้วยความเฉอะแฉะ และท้องฟ้าที่มืดครึ้มเป็นระยะ ใช่แล้วค่ะ นี่คือสัญญาณของฤดูฝนที่แท้จริง

 

ฉันไปโรงเรียนตามปกติ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังติดค้างในใจอยู่ว่าตกลงแล้วทำไมซินนามอนถึงบอกให้ฉันกับช็อกโกล่าล่วงหน้ากลับบ้านไปก่อนได้เลยโดยที่ไม่ต้องรอเหมือนเช่นที่ผ่านมา จึงคิดว่าจะถามให้รู้เรื่อง ไหนจะเรื่องชมรมที่ยังไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทได้เข้าชมรมไหนอีก (แล้วทำไมแกไม่แชทไปถามเล่า//ไรต์)

 

“มาการง” ได้ยินเสียงเรียบนิ่งของใครบางคนเรียกอยู่ข้างตัว พร้อมกับแรงสะกิดที่แขนทำเอาฉันสะดุ้งออกจากภวังค์ ฉันหันไปมองเจ้าของเสียงเรียกเมื่อครู่ก็เห็นว่าเป็นช็อกโกล่าที่มานั่งข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ จึงหันไปยิ้มให้

 

“ช็อกโกล่า” ได้แต่เอ่ยเรียกชื่อเพื่อนสนิทเบาๆ แล้วเงียบไป ดวงตาของช็อกโกล่ามองฉันด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่เพื่อนผมดำจะเป็นคนเอ่ยเปิดบทสนทนาต่อไป

 

“เป็นอะไรของเธอเนี่ย ฉันเรียกก็ไม่ตอบ แถมยังนั่งเหม่ออีก นอนไม่พอหรือไง?” ฉันยิ้มแหยกับท่าทางของเพื่อนสนิทที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง แต่ก็เลือกที่จะแสดงออกมาด้วยคำพูดตรงกันข้าม ใช่แล้ว ช็อกโกล่าเป็นคนแบบนี้ เวลาเป็นห่วงใครจะไม่แสดงออกมาตรงๆ แม้การกระทำจะบ่งบอกชัดว่าห่วง แต่คำพูดที่ออกมามักจะเป็นคำพูดบ่นหรือตำหนิเสียทุกครั้ง ซึ่งใครที่สนิทกับเธอจะเข้าใจเรื่องนี้ได้เอง

 

“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ แค่มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อยน่ะจ้ะ”

 

“เรื่องอะไรอีกล่ะ? ชมรมที่อยากเข้าก็ได้เข้าแล้วไม่ใช่เหรอ?

 

“เปล่า ไม่ใช่เรื่องชมรมหรอก แต่เป็นเรื่อง

 

“ช็อกโกล่า มาการง สวัสดีจ้ะ ขอโทษที่มาช้านะ” เสียงหวานใสเสียงหนึ่งดังขึ้นขณะที่พวกเราสองคนกำลังนั่งจ้องตากันอยู่ ซินนามอนวิ่งกระหืดกระหอบมานั่งแปะลงข้างๆ ฉัน ช็อกโกล่าหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทก่อนจะเอ่ยทัก

 

“อ้าว ซินนามอน ไปไหนมาน่ะ ตั้งแต่เลิกแถวก็ไม่เห็นเลย”

 

“ฉันไปคุยกับ

 

“น้องซินนนน!” เสียงของใครคนหนึ่งดังมาจากข้างหลัง พร้อมกับร่างเพรียวของเด็กสาวผมสีชมพูซอยสั้นคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นรุ่นพี่ ร่างนั้นวิ่งเข้ามากระโดดกอดเพื่อนฉันเข้าเต็มรัก

 

“ว้ายยย!” ไม่เอานะคะพี่เชอร์ ปล่อยหนูก่อนนนน หายใจไม่ออกแล้ววว!” ตามมาด้วยเสียงอ้อนวอนขอชีวิตจากซินนามอนที่กำลังถูกกอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างเมามัน

 

“วันนี้ตอนเย็นเจอกันที่ห้องดนตรีนะจ๊ะ อย่าลืมน้า” พี่เขาส่งยิ้มสดใสก่อนจะเอ่ยกำชับและเดินจากไป

 

“ใครเหรอ คนเมื่อกี้น่ะ แล้วทำไมตอนเย็นต้องไปที่ห้องดนตรี?” ฉันถาม เริ่มสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ซินนามอนเพื่อนฉันไปสนิทกับรุ่นพี่คนเมื่อกี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ทั้งที่ปกติก็ไม่ใช่คนที่ชอบเข้าสังคมอยู่แล้ว เพื่อนฉันขี้อายน่ะค่ะ ขนาดเพื่อนในห้องยังไม่ค่อยเข้าไปทักใครก่อนเลย

 

“พี่เขาชื่อเชอร์รี่ แต่ฉันชอบเรียกว่าพี่เชอร์ พี่เขาชอบทำแบบนี้ทุกทีที่เจอฉันเลย ฉันก็รู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ”

 

“ตอนอยู่ด้วยกันสองคน เธอก็ลองบอกพี่เขาดูสิว่าไม่ชอบ” ช็อกโกล่าให้คำแนะนำ แต่ด้วยความเกรงใจคน ซินนามอนจึงพยักหน้ารับไว้ ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเธอจะไปบอกกับพี่เชอร์รี่คนนั้นหรือเปล่านะคะ

 

“เธอเนี่ยนะ ถ้ามัวแต่เกรงใจคนอื่นอยู่แบบนี้ พอใครทำอะไรให้แล้วไม่ชอบก็คงจะเก็บความไม่ชอบนั้นเอาไว้ในใจไม่แสดงออกมาให้ใครเห็น แต่อย่าลืมนะว่าสิ่งที่เก็บเอาไว้นานๆ มันก็มีวันระเบิดได้เหมือนกัน พอถึงวันนั้นแล้วคิดว่ามันจะดีกับตัวเธองั้นเหรอ?” ช็อกโกล่าร่ายยาว เพื่อนผมฟูมีสีหน้ามุ่ยลงไปถนัด ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยจนฉันตามไม่ทัน

 

“นี่ๆ กลางวันไปกินไอติมร้านแรกกันมั้ย?” คำพูดของซินนามอนทำให้วงสนทนาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดเมื่อครู่ผ่อนคลายมากขึ้น ฉันตาโตทันทีเมื่อได้ยินคำชวนของเพื่อนสนิท จึงรีบพยักหน้าตกลง

 

“เอาสิ ร้านนั้นไม่ได้ไปกินมาสักพักแล้ว” ช็อกโกล่าเห็นด้วย ร้านไอศครีมในโรงอาหารของโรงเรียนนี้มีสองร้าน คือร้านที่ติดกับร้านน้ำเป็นร้านแรก และร้านที่อยู่เยื้องกับตึกศิลปะเป็นร้านที่พวกฉันไปใช้บริการบ่อยที่สุด เพราะตึกศิลปะอยู่ใกล้อาคารเรียนของพวกเรา

 

“นั่นสินะ ปกติจะไปซื้อที่ร้านใกล้ตึกศิลปะ ไปกินร้านแรกบ้างก็ดีเหมือนกัน แต่ฉันว่าร้านแรกอร่อยกว่าหลายเท่าเลย ได้ยินว่ามีเมนูออกใหม่ด้วย” ฉันเอ่ยพลางหยิบหนังสือวิชาภาษาอังกฤษออกมาจากกระเป๋า

 

“เมนูอะไรเหรอ?” ซินนามอนถามด้วยความอยากรู้เต็มที

 

“ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ ได้ยินคนอื่นเล่าๆ กันมาอีกที” ฉันตอบ

 

“เอาเป็นว่า กลางวันลองไปดูแล้วกันนะ” ช็อกโกล่าตัดบทพร้อมกับที่คุณครูเดินเข้ามาในห้องพอดี

 

วิชาภาษาอังกฤษผ่านไปพร้อมกับงานกลุ่มที่คุณครูมอบหมายให้ ฉันและเพื่อนทั้งสองมีกลุ่มเป็นของตัวเองอยู่แล้วจึงไม่ลำบากอะไรมากมาย เวลาที่ผ่านไปครึ่งเทิมทำให้เพื่อนในห้องรู้จักกันทั่วทุกคนแล้ว ฉันจึงไม่มีปัญหาเวลาต้องจับกลุ่มกับใคร และงานส่วนใหญ่ก็จะให้จับกลุ่มกันตั้งแต่ 3-8 คนเสียส่วนใหญ่ ถ้าเป็นกลุ่ม 3 คนก็สบายมาก เพราะพวกเรามีกัน 3 คนพอดี ส่วนกลุ่ม 5 คนก็จะมีวาฟเฟิลกับคัสตาร์ดมาช่วยเสริม ซึ่งพวกเราก็สนิทกับเพื่อนสองคนนั้นมากขึ้นแล้วเมื่อเทียบกับวันแรกที่มิตรภาพเริ่มขึ้นอย่างไม่ค่อยจะดีเท่าที่ควร ส่วนถ้าเป็นงานที่ต้องทำกันเป็นกลุ่มใหญ่ ก็จะมีเพื่อนมาคอยดึงเข้ากลุ่มอยู่แล้ว และพวกเราช่วยกันทำงานโดยดี ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรที่ทำให้ขุ่นข้องหมองใจกันเท่าไรนัก

 

เวลาผ่านไปพร้อมกับเสียงออดเวลาพักกลางวันดังขึ้น พวกเราทำความเคารพคุณครูก่อนจะเก็บหนังสือลงในลิ้นชักโต๊ะเรียน บางคนก็เด้งขึ้นมาจากโต๊ะหลังจากหลับไปโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณครูสอนอะไรไปบ้าง แน่ล่ะ เสียงออดเวลาพักหรือเลิกเรียนคือเสียงสวรรค์สำหรับนักเรียนอย่างพวกเรานี่คะ

 

“ซินนามอน พักแล้วน้า” ฉันสะกิดแขนเพื่อนผมฟูที่นั่งข้างๆ เจ้าตัวหันมามองหน้าฉันก่อนจะลุกขึ้น ฉันสังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเพื่อนสนิทจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

 

“เป็นอะไรไปเหรอ? ฉันเห็นนั่งเหม่อมาตั้งแต่เมื่อกี้ เรียกก็ไม่ตอบเลย”

 

“ฉัน มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อยน่ะจ้ะ” ซินนามอนตอบ ใบหน้ายังคงเรียบเฉย

 

“เป็นอะไรเหรอ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า เล่าให้ฉันฟังได้นะ พวกเราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วนี่นา” ฉันมองเพื่อนสนิทอย่างไม่แน่ใจ ซินนามอนเวลามีปัญหามักจะเก็บเอาไว้คนเดียวเสมอ ไม่ค่อยยอมเล่าให้ฉันฟังสักเท่าไร และมักจะชอบเหม่อเป็นประจำ นี่คือข้อเสียที่ใหญ่หลวงที่สุดของเพื่อนผมฟู ซึ่งฉันเองก็ทำได้แค่คอยเตือนด้วยความเป็นห่วงเท่านั้น

 

“ไปกันเถอะ คนออกกันไปหมดแล้วนะ” ช็อกโกล่าหันมาหาพวกเราก่อนจะเอ่ยชวนให้ออกไปจากห้อง เพื่อนคนอื่นเดินออกไปจนหมดแล้ว เหลือพวกเราเป็นกลุ่มสุดท้าย ฉันรับหน้าที่ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องทั้งหมด ชำเลืองดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าเลยเวลาพักมาได้ 5 นาทีแล้ว

 

“เวลาขนาดนี้แล้ว ซื้อข้าวร้านที่แถวสั้นๆ แล้วกันนะ” ฉันออกความเห็น ช็อกโกล่าพยักหน้า

 

“ร้านไข่เจียวใช่ไหมล่ะ?

 

“ใช่ ร้านนี้เขาทำไวมาก สั่งแป๊บเดียวได้เลย” ฉันตอบ

 

“แสดงว่ามาการงกินบ่อยเหรอ?” ซินนามอนที่เงียบมานานเอ่ยขึ้น ฉันหันไปมองแล้วยิ้มรับ

 

“ใช่จ้ะ ถ้ารอร้านอื่นคงเข้าสายแน่ๆ ไข่เจียวคือร้านช่วยชีวิตฉันเลย” ฉันเดินนำเพื่อนๆ ออกจากตัวอาคาร และชวนคุยเรื่องอื่นไปด้วยเพื่อไม่ให้เงียบเกินไป แม้การเดินจากอาคารไปโรงอาหารจะใช้เวลาเพียง 5 นาทีก็ตาม

 

เมื่อจัดการมื้อกลางวันเสร็จแล้ว ยังพอมีเวลาเหลืออีก 10 นาที ฉันจึงเอ่ยชวนเพื่อนทั้งสองขึ้นว่า

 

“นี่ๆ อย่าลืมที่เราคุยกันไว้สิ ไปกินไอติมกันเถอะ”

 

“อ๋า ฉันเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย” ซินนามอนร้อง ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วรีบวิ่งนำฉันกับช็อกโกล่าออกไปอย่างรวดเร็ว

 

“เรื่องของหวานขอให้บอก ซินนามอนนี่ไวจริงๆ เลยนะ” ช็อกโกล่าเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะเดินตามเพื่อนผมฟูไปอย่างไม่รีบร้อน

 

“ฮิๆ ซินนามอนก็แบบนี้แหละจ้ะ ฉันชินแล้วล่ะ” ฉันตอบ ซินนามอนเป็นพวกบ้าของหวานน่ะค่ะ โดยเฉพาะไอศครีมนี่คือของโปรดที่สุดเลยละ เวลาเกือบ 10 ปีที่พวกเราสนิทกันมาทำให้ฉันรู้แทบจะทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเพื่อนคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินหรือเรื่อยไปจนถึงนิสัยใจคอ พวกเราสนิทกันมากก็จริง แต่ก็ไม่เคยไม่มีวันที่พวกเราทะเลาะกันนะคะ แต่ฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้นหรอก ทะเลาะกันไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา คุยกันดีๆ ด้วยเหตุผลดีกว่าเนอะ

 

“ไหนเธอเป็นคนชวนเองแท้ๆ ทำไมลืมง่ายจัง” ฉันส่งเสียงแซวซินนามอนที่เดินนำอยู่หน้าสุด พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปร้านไอศครีมที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของตึกเรียน ซึ่งร้านนี้ตั้งอยู่ติดกับร้านน้ำปั่น ทำให้เวลาคุยกันหรือสั่งไอศครีมกับเจ้าของร้านจึงแทบจะเป็นการตะโกนสั่งกันเลยทีเดียว เพราะเสียงเครื่องปั่นดังตลอดเวลา

 

“แหมๆ ฉันก็ลืมบ้างสิ เราคุยกันมาตั้งแต่เช้าแล้วนี่นา แล้วใครมันจะไปจำได้เล่า”

 

“ขี้ลืมละสิไม่ว่า” ช็อกโกล่าพูด “ฉันยังจำได้อยู่เลยว่าเธอเป็นคนชวน ลืมง่ายๆ แบบนี้กินแปะก๊วยบ้างก็ดีนะ”

 

“จ้าๆ” ซินนามอนยิ้มรับ ก่อนจะตรงไปยังร้านไอศครีมแล้วมองเมนูทันที

 

“นี่ไงเมนูใหม่” ฉันตาไวสังเกตเห็นเมนูออกใหม่ของร้านที่เขียนตัวโตๆ เอาไว้มุมหนึ่งของเล่มเมนู จึงรีบชี้ให้ซินนามอนดู

 

“ว้าว! คาราเมลมัคคีอาโต้ซะด้วย ชักอยากลองขึ้นมาแล้วสิ” ซินนามอนตัดสินใจได้โดยไม่ต้องคิด จึงหันไปสั่งกับเจ้าของร้านทันที

 

“คาราเมลมัคคีอาโต้มันกาแฟไม่ใช่หรือไง?” ช็อกโกล่าหันมามองด้วยความแปลกใจ

 

“ใช่จ้ะ แต่นั่นน่ะของชอบซินนามอนเลยล่ะ” ฉันตอบ แน่นอนเพื่อนฉันชอบกินคาราเมลมัคคีอาโต้เป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นไอศครีมหรือคาราเมลมัคคีอาโต้เย็นก็ตาม

 

“แล้วเธอจะเอาอะไรล่ะมาการง” เพื่อนผมดำเอ่ยถาม ฉันกวาดตามองเมนูแล้วไปหยุดอยู่ที่ชาเขียวถั่วแดง ตาโตด้วยความดีใจ ก่อนจะเอ่ยสั่งกับเจ้าของร้านทันที

 

พวกเรายืนรอไอศครีมกันไปก็มองเมนูไปด้วย ร้านนี้มีแต่ไอศครีมหน้าตาน่ารับประทาน ไม่ว่าจะเป็นเมนูพื้นๆ ทั่วไปอย่างช็อกโกแลต สตรอว์เบอร์รี่ไปจนถึงเมนูแปลกๆ อย่างสายไหมหรือมาร์ชเมลโล่ ฉันยืนมองเมนูไปเรื่อยๆ และคิดว่าถ้าวันไหนมีเวลาพักเหลือเยอะต้องมาอุดหนุนอีกให้ได้

 

“มีเฟอร์เรโร่ด้วยนะ” ช็อกโกล่าเปรยขึ้นเบาๆ พลางมองเมนูไปด้วย ฉันมองตามก็เห็นช็อกโกแลตผสมเฮเซลนัทแสนอร่อยที่โปะอยู่บนไอศครีม ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวไอศครีมจะเป็นรสอะไรกันแน่
 

 

“ครั้งหน้ามาลองกันมั้ย?” ฉันเอ่ยถามทีเล่นทีจริง ได้รับการพยักหน้าเป็นคำตอบจากเพื่อนผมดำ

 

พวกเรายืนดูเมนูฆ่าเวลาไปสักพัก ไอศครีมที่สั่งไว้ก็ทำเสร็จพอดี ฉันและเพื่อนๆ เดินหาเก้าอี้แถวนั้นแล้วนั่งลงกินไอศครีมกันอย่างเอร็ดอร่อย

 

“อร่อยมั้ยจ๊ะมาการง” ซินนามอนเอ่ยถามขณะฉันตักไอศครีมชาเขียวเข้าปาก สัมผัสได้ถึงรสชาติชาเขียวเข้มข้นกับถั่วแดงกวนหวานหอมที่โรยอยู่ด้านบน

 

“อร่อยมากเลย คุ้มราคาจริงๆ” ฉันตอบตามที่ใจคิด ก่อนจะนั่งกินไอศครีมอย่างมีความสุข ไม่นานก็หมดถ้วย พวกเราเดินเอาถ้วยเปล่าไปทิ้งและคุยกันถึงความอร่อยของไอศครีมไปด้วย เดินกันไปเพียงอึดใจเสียงออดหมดเวลาพักกลางวันก็ดังขึ้น พวกเราสามคนจึงเร่งฝีเท้าเดินกลับไปยังอาคารเรียนทันที

 

หลังจากเครียดกับการเรียนในช่วงบ่าย เสียงสวรรค์ของนักเรียนทุกคนก็ดังขึ้น ฉันเก็บของใส่กระเป๋าแล้วสะพายขึ้นหลัง เตรียมตัวจะกลับบ้านเหมือนทุกวัน แต่เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นเมฆดำทะมึนกำลังก่อตัวขึ้น ไม่ได้การ ฝนคงจะตกในอีกไม่ช้าแน่ๆ แล้วฉันก็ไม่ได้พกร่มหรือหมวกติดตัวมาด้วย เพราะเห็นว่าวันนี้อากาศแจ่มใสดี ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตกเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันจึงหันไปหาเพื่อนสนิททั้งสองแล้วเอ่ยถาม

 

“ดูเหมือนฝนจะตกนะ ฉันไม่ได้หยิบร่มมาด้วย เราจะกลับกันยังไงดีล่ะ?

 

“ฉันก็ไม่ได้หยิบร่มมาเหมือนกัน” ช็อกโกล่าพยักหน้า และหันไปกวาดห้องต่อ เพราะเธอเป็นเวรทำความสะอาดของวันนี้

 

“แย่จังเลย แล้วซินนามอนต้องไปไหนต่อหรือเปล่า?

 

“ฉันต้องไปซ้อมร้องเพลงที่ห้องดนตรีน่ะจ้ะ น่าจะเลิกเย็น ขอโทษที่ไม่ได้กลับด้วยนะ”

 

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เดี๋ยวฉันรอก็ได้ อยากฟังซินนามอนร้องเพลงอีกจังเลย” ฉันตอบ ก่อนจะหันไปช่วยช็อกโกล่าปิดไฟในห้องให้หมด แล้วเอ่ยชวนเพื่อนผมดำให้ไปที่ห้องดนตรีด้วยกัน

 

“เอาสิ ฉันยังไม่เคยฟังซินนามอนร้องเพลงเลย” ช็อกโกล่าตอบตกลง พวกเราช่วยกันเช็คความเรียบร้อยภายในห้องเรียนว่าไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าถูกเปิดทิ้งไว้ และห้องสะอาดดีแล้ว เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ฉันจึงเอาขยะไปทิ้งข้างล่าง ช็อกโกล่าเอาถังน้ำไปเททิ้ง และพวกเราก็ลงไปซื้อของกินที่โรงอาหารก่อนจะเดินไปที่ตึกศิลปะ ซินนามอนล่วงหน้าไปห้องดนตรีก่อนแล้ว ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้า ทุกอย่างเหมือนที่ฉันคาดการณ์ไว้ จู่ๆ ฝนก็เทลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และดูท่าทางจะไม่หยุดตกง่ายๆ ฉันมองหน้าช็อกโกล่าอย่างขอความเห็น

 

“ช่วยไม่ได้นี่นา งั้นพวกเรานั่งทำการบ้านคณิตกันตรงนี้เลยดีกว่านะ กลับไปจะได้ไม่ต้องเหนื่อยอีก”

 

“ดีเลย งานนี้ส่งวันศุกร์ แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันหยิบหนังสือลงมาด้วย เธอช่วยสอนฉันหน่อยน้า” ปิดท้ายด้วยการขอร้องให้เพื่อนสนิทช่วยสอนให้เหมือนกับทุกครั้ง ช็อกโกล่านิ่งไปสักพัก ก่อนจะถอนใจเฮือก

 

“อีกแล้วเหรอเนี่ย” เจ้าตัวพึมพำออกมาเบาๆ “เธอไม่คิดจะลองทำเองบ้างหรือไง? ให้ฉันสอนให้อยู่เรื่อยแบบนี้ พอตอนสอบจริงฉันมานั่งช่วยเธอไม่ได้หรอกนะ”

 

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถึงตอนนั้นฉันคงเอาตัวรอดได้อยู่แล้วแหละ แต่ตอนนี้ช่วยสอนฉันหน่อยน้า น้าๆๆ”

 

ช็อกโกล่าถอนหายใจ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ว่างหน้าห้องดนตรี และพวกเราก็ช่วยกันทำการบ้านคณิตศาสตร์จนเสร็จ ซึ่งใช้เวลาเกือบชั่วโมงกันเลยทีเดียว ฝนยังไม่หยุดตก แต่เริ่มซาลงเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะออกจากโรงเรียนได้ ฉันเงี่ยหูฟังเสียงจากห้องดนตรีที่ดังลอดออกมาด้านนอก จำได้ว่าเป็นเสียงของซินนามอน จึงสะกิดแขนช็อกโกล่าเบาๆ

 

“มีอะไรเหรอ?

 

“ฟังสิ นี่แหละ เสียงของซินนามอน” ฉันหันไปยิ้มกับประตูกระจก ทำเหมือนกับว่ารอยยิ้มนี้จะส่งเข้าไปถึงคนข้างใน เสียงหวานใสสอดประสานกับเสียงของเปียโนเพราะจับใจ ฉันและช็อกโกล่านั่งฟังอย่างเพลิดเพลิน บทเพลงถูกขับขานไปเรื่อยๆ โดยเสียงของคนอื่นสลับกับเพื่อนฉันบ้างเป็นระยะ ทำให้การนั่งรอเพื่อนสนิทในวันนี้เป็นการนั่งรอที่ไม่น่าเบื่อเลย

 

เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ ซินนามอนก็เดินออกมา ฉันหันไปกวักมือเรียก ร่างบางผมสีน้ำตาลฟูหันไปโบกมือลารุ่นพี่ที่ฉันเห็นเมื่อเช้าและเดินตามมาสมทบกับพวกฉันที่เก้าอี้หน้าห้องดนตรี

 

“ซ้อมเสร็จแล้วเหรอ?” ช็อกโกล่าเอ่ยทัก ซินนามอนพยักหน้า

 

“ร้องเพลงเพราะจังเลยนะ” ช็อกโกล่าเอ่ยชมจากใจจริง

 

“ขอบคุณมากเลยน้า แต่ฉันว่ายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย” ซินนามอนยิ้มแหยพร้อมเอ่ยขอบคุณเบาๆ

 

“ไม่หรอกจ้ะ เพราะมากเลย” ฉันเอ่ยชมพร้อมส่งยิ้มที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุดไปให้เพื่อนสนิท ซินนามอนยิ้มตอบก่อนชวนกันลงมาข้างล่าง ฉันมองท้องฟ้าเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่อาจรู้ได้ เมื่อเห็นว่าฝนซาลงจนเกือบจะหยุดแล้วจึงเอ่ยชวนขึ้นว่า

 

“พวกเราจะออกไปเลยดีมั้ย? ดูเหมือนฝนจะหยุดแล้วนะ”

 

“ลองดูก็ได้ แต่ถ้ามันตกอีกล่ะ?” ช็อกโกล่าถาม

 

“ก็ฝ่าไปเลยสิ ถ้าไม่ฝ่าไปก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับถึงบ้านเมื่อไหร่นะจ๊ะ” ฉันตะลึงกับคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของซินนามอน ฉันมองหน้าเพื่อนผมฟูเป็นเชิงตั้งคำถาม เมื่อเจ้าตัวพยักหน้าจึงหันไปหาช็อกโกล่า

 

“แล้วช็อกโกล่าล่ะ”

 

“อะไรเหรอ?

 

“จะรอดูก่อน หรือจะออกไปเลย” ช็อกโกล่านิ่งคิดก่อนจะตอบว่า

 

“ฉันเห็นด้วยกับซินนามอนนะ ถ้าไม่ลองฝ่าออกไปก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะถึงบ้านเมื่อไหร่”

 

“ทำไมต้องไม่พกร่มมาพร้อมกันทั้งสามคนด้วยเนี่ย” ฉันโอดครวญเบาๆ แต่ก็เดินตามเพื่อนที่เหลือออกประตูโรงเรียนไปจนได้

 

“ควรจะถามฝนมากกว่าว่าทำไมต้องมาตกวันนี้ด้วย” ช็อกโกล่าบ่นออกมาบ้าง ซินนามอนที่เงียบมาตลอดจึงเอ่ยขึ้น

 

“รีบเดินเถอะจ้ะ ดูเหมือนฝนจะลงอีกรอบแล้วนะ”

 

เป็นอย่างที่ซินนามอนว่าจริงๆ พวกเราเดินจนใกล้จะถึงทางแยกฝนก็กระหน่ำลงมาอีกครั้ง ฉันเดินอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ล้มหัวคะมำและต้องพยายามหลบแอ่งน้ำที่ท่วมอยู่บนถนนเป็นระยะ อากาศรอบตัวหนาวยะเยือกจนฉันขนลุกชัน ดวงตากวาดมองทางข้างหน้าอย่างยากลำบากเพราะทุกอย่างมืดไปหมด มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงของช็อกโกล่าเอ่ยขึ้น

 

“งั้นฉันขอแยกตรงนี้นะ” ร่างเพรียวเดินหายไปทางหนึ่ง ฉันพยักหน้าก่อนจะโบกมือลาและกำชับให้รีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เหลือแค่ฉันและซินนามอนที่เดินมาด้วยกัน

 

“หนาวจังเลยนะ” เสียงของซินนามอนเอ่ยขึ้น ฉันพยักหน้าเห็นด้วย

 

“ไม่นึกว่าอากาศตอนฝนตกจะหนาวขนาดนี้นะเนี่ย” ลมวูบหนึ่งพัดผ่านมาทำให้อากาศที่เย็นอยู่แล้วเย็นขึ้นไปอีก ประกอบกับร่างกายที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝนของพวกเราจึงทำให้ขนทั่วทั้งร่างกายพากันลุกชัน ซินนามอนตัวสั่นน้อยๆ และโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว เพื่อนสนิทดึงร่างของฉันเข้าไปกอดแน่น ฉันตกใจแต่ก็ยอมให้เธอกอดแต่โดยดี

 

“เมื่อกี้ขอโทษนะ” ซินนามอนปล่อยร่างของฉันให้เป็นอิสระ ฉันส่ายหน้าเบาๆ

 

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ” เพราะฉันก็หนาวเหมือนกันคิดกับตัวเองในใจในประโยคท้าย ก่อนจะทำใจแข็งแล้วเดินฝ่าฝนออกไปอีกครั้ง ไม่นานก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านของซินนามอนจนได้ ร่างบางเดินเข้าไปด้านในก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

 

“รีบกลับไปอาบน้ำเลยนะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”

 

“จ้ะ เธอก็เหมือนกันนะ”

 

“งั้นฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกันจ้ะ”

 

ฉันเดินกลับบ้านของตัวเองซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านของซินนามอนมากนัก ก่อนจะถอดชุดนักเรียนที่เปียกออกแล้วรีบอาบน้ำและเปลี่ยนชุดใหม่ทันที เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วจึงกลับมากินข้าวเย็นแล้วขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบน ล้มตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่นานก็เผลอหลับไป

 

ฉันลืมตาขึ้นมาในเช้าวันใหม่ อากาศเย็นเนื่องจากฝนตกหนักไปเมื่อคืน เมื่อแน่ใจว่าไม่มีความรู้สึกผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกายของตนจึงเดินไปโรงเรียนเหมือนกับทุกวัน

 

ฉันเดินเข้ามานั่งอยู่ในโรงอาหารก่อนที่โทรศัพท์เจ้ากรรมจะดังขึ้น เมื่อสไลด์หน้าจอดูก็เห็นเป็นเบอร์ที่คุ้นเคยจึงกดรับสาย

 

“ฮัลโหล”

 

“มาการง ซินนามอนพูดนะจ๊ะ” เสียงอู้อี้ของซินนามอนดังมาตามสาย ฉันคุยกับซินนามอนสักครู่จึงได้ความว่าวันนี้ขอลาป่วยเพราะไข้ขึ้นตั้งแต่เมื่อคืน ฉันจึงรับปากว่าจะช่วยบอกหัวหน้าห้องกับคุณครูให้ เมื่อวางสายได้ไม่นานก็มีโทรศัพท์เข้าอีกครั้ง

 

“ฮัลโหล” ฉันกรอกเสียงไปตามสาย

 

“มาการง วันนี้เธอไปโรงเรียนหรือเปล่า?

 

“ไปจ้ะ มีอะไรเหรอ?” ฉันเอ่ยถามพลางสังเกตความผิดปกติในน้ำเสียงของช็อกโกล่าไปด้วย

 

“ถ้าไปก็ดีแล้ว ฉันคิดว่าวันนี้คงต้องขอลาสักวัน รู้สึกอาการไม่ค่อยดี” เสียงของช็อกโกล่าดังมาตามสาย ฉันจึงรีบถามออกไปว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้ความว่ารู้สึกตัวรุมๆ เป็นระยะเหมือนไข้ขึ้น

 

“ฝากบอกหัวหน้าห้องให้ด้วยนะ แล้วมีงานอะไรก็ส่งมาให้ฉันด้วย”

 

“ได้จ้ะ ไปนอนเถอะ ทางนี้เดี๋ยวฉันจัดการให้ ไม่ต้องห่วงนะ”

 

“ขอบคุณมาก ถ้าพรุ่งนี้ดีขึ้นไว้เจอกันนะ”

 

“จ้ะ เจอกันพรุ่งนี้”

 

ฉันวางสายจากเพื่อนสนิทก่อนจะเดินไปเข้าแถว รู้สึกเคว้งเหมือนกันที่เพื่อนดันมาป่วยวันเดียวกันแบบนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องพยายามอยู่คนเดียวให้ได้เท่านั้น

 

เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามต่อตอนหน้านะคะ

 

(ติดตามตอนต่อไป)


ขอโทษที่หายไปนานนะคะ//กราบงามๆ

ไรต์เปิดเทิมแล้วค่ะ จึงอาจจะเอามาลงให้อ่านได้น้อยลงกว่าเดิม แต่สัญญาว่าจะไม่หยุดเขียนแน่นอนค่ะ

สุดท้าย ขอฝากพวกมาการงไว้ในอ้อมอกอ้อมใจคุณผู้อ่านด้วยนะคะ แม้นิยายเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องที่ดีที่สุด หรือสนุกที่สุด แต่ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เราชอบที่สุดค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านมาตั้งแต่ตอนแรกด้วยนะคะ พวกคุณคือกำลังใจของไรต์ค่ะ

ไว้พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.