บทที่ 1 มรสุมบนเรือ

นักบู๊หฤโหด

-A A +A

บทที่ 1 มรสุมบนเรือ

บทที่ 1 มรสุมบนเรือ

 

หมอกอรุณรางเลือนแสงเงินจากทิศบูรพาเรืองรองรำไร สะเก็ดหิมะกองสุมประปลายเริ่มแตกสลาย ต้นไม้ใบหญ้าเพิ่งงอกเงยฟื้นตื่นจากความเหี่ยวเฉาโรยราทิ้งหยาดน้ำจับเกาะพร่างพรู ลมรุนแรงหอบละอองน้ำโชยปะทะหน้า แม้เพิ่งย่างต้นฤดูใบไม้ผลิบรรยากาศยังสะท้านเสียดแทงถึงกระดูก

 

รถม้าปิดประทุนดำเดินทางตลอดทั้งคืน สารถีเป็นชายชราร่างผ่ายผอม ท่วงท่าฮึกหาญเข้มแข็ง แม้สวมเสื้อนวมขนสัตว์รัดกุมยังอดกายสั่นระริก แส้หนังยาวห้าเชียะหวดใส่อากาศ มือซ้ายเหนี่ยวสายบังเหียนหยุดยั้งลง ซุ่มเสียงทุ้มต่ำกังวานภายในรถเอ่ยถามว่า

 

"ถึงแล้วหรือ"

 

พลางเปิดประตูกระโดดปราดลงมา ชายชราชุดนวมเหลียวหน้าช้าๆ เห็นเป็นชายหนุ่มสวมอาภรณ์ชุดขาวขลิบเงิน เนื้อผ้ายังใหม่เอี่ยมสะอาดสะอ้านยิ่ง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาประดุจหยก องคาพยพทุกส่วนไร้ตำหนิ ทว่ากลับซีดขาวราวกระดาศ...ซีดขาวแทบโปร่งใส ดวงตาทอประกายแหลมคมดุจกระบี่ ทั้งเยียบเย็นทั้งน่าหวาดหวั่น รูปกายสูงโปร่งยืนสงบแน่วนิ่ง ก่อเป็นบุคลิกกระด้างเย็นชา ลึกล้ำสุดหยั่งคาด

 

"ขอบคุณท่าน"

 

ชายชราชุดนวมผงกศีรษะรับเงินแท่งจากมืออีกฝ่าย พอก้มสายตาลงมองถนัด มีจำนวนทั้งสิ้นถึงห้าตำลึง คิดปฏิเสธไหนเลยกล้าเอ่ยปาก ชายหนุ่มนั้นกิริยาเฉื่อยชาชำเลืองหางตามองมันแวบ จากนั้นชิงก้าวยาวๆเข้าประตูเมือง

 

............

 

อู่ฮั่นนครโบราณมีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนานหลายพันปี ตั้งแต่ยุคชุนชิวจ้านกั๋วแหล่งกำเหนิดอารยธรรมฉู่ การค้าคมนาคมทางน้ำเจริญรุ่งเรือง ร้านรวงหลายแห่งเริ่มทะยอยเปิดกิจการ พาหนะคู่ขาล่อบรรทุกสินค้าสับสนตึงตัง เงาคนคลาคล่ำท้องถนน บัณฑิตนักศึกษาจากทั่วสารทิศ หลั่งไหลเข้าร้านน้ำชาจับจองโต๊ะเก้าอี้ ส่งเสียงซุบซิบจอแจวิจารภาพวาดโคลงกลอน ชั่วพริบตาที่นั่งชั้นแรกแทบเต็มทุกโต๊ะ

 

บนชั้นสองกลับแตกต่างสิ้นเชิงแล้ว บรรยากาศเงียบสงัด แขกเหรื่อแต่งกายเรียบร้อยท่าทีนุ่มนวลอ่อนแอ หลุบคิ้วก้มสายตาจดจ่อบนแผ่นกระดาษ สลับกับจิบชารับประทานหมั่นโถว ความเคร่งขรึมสำรวมแผ่ปกคลุมแทบวังเวง โต๊ะเก้าอี้ว่างหลายชุด คนทั้งหมดไม่ปริปากกล่าววาจาถามไถ่ ทั้งมิสนใจแยแสบุคคลอื่น เพียงเหลือบมองแวบแล้วลงมือขีดเขียนสืบต่อ

 

ชายหนุ่มชุดขาวหยิบม้วนผ้าแพรจากอกเสื้อคลี่กางออก ภาพทิวทัศน์อันประหลาดพิสดาร ลำธารใสกระจ่างผิวน้ำสีมรกตนิ่งสงบ กึ่งกลางสระปรากฏดอกบัวเจ็ดแฉกเจ็ดดอกเรียงรายเป็นรูปวงกลม เกสรคล้ายช่อบุปผาเบ่งบานสะพรั่ง ก้านบัวแต่ละดอกล้วนโผล่พ้นเหนือผิวน้ำหนึ่งเชียะ บัวสีมรกตผิวน้ำสีมรกต ก้อนหินลักษณะประหลาดล้อมรอบกระจัดกระจายเกลื่อนกลาด สะท้อนประกายเลื่อมพรายละลาน

 

ชายหนุ่มชุดขาวแย้มยิ้มมุมปากเพ่งพิศอย่างพึงพอใจ จากนั้นจรดปลายพู่กันแต่งแต้มลายเส้นเพิ่มเติม มือของเขาทั้งขาวสะอาดทั้งมั่นคงแคล่วคล่อง ใช้น้ำหนักเหมาะเจาะ สีสันเข้มอ่อนกลมกลืนยิ่ง

 

ครั้นชำระค่าน้ำชาเร่งรุดออกจากร้าน แหงนมองท้องฟ้า พบว่าที่แท้เวลาไม่เช้าแล้ว ชั่วขณะบรรลุถึงท่าข้ามริมน้ำ ทัศนียภาพโดยรอบนับว่างดงามยากลืมเลือน กิ่งหลิวแน่นขนัดทั้งริมฝั่ง ชดช้อยอ่อนโยนราวดรุณีแรกรุ่น ลมเย็นเฉื่อยฉิวลูบไล้ ก่อกวนจิตใจปลอดโปร่งเบาหวิว นักท่องเที่ยวคนสัญจรคับคั่ง พนักงานถ่ายสินค้าลำเลียงขึ้นฝั่ง ดังนั้นเสียงร่ำร้องตวาดด่า เสียงโครมครามจึงดังอยู่ไม่ขาดหู

 

ชายหนุ่มชุดขาวยืนตะลึงลานสอดส่ายสายตาโดยรอบหลายตลบ เขาเพิ่งออกสู่ยุทธจักรครั้งแรก อดมือไม้ปั่นป่วนว้าวุ่นมิได้ สาวเท้าถึงเรือโดยสารลำหนึ่ง ประสานมือต่อชายชราสวมหมวกฟางกล่าวว่า

 

"ท่านผู้เฒ่าเชิญตามสะดวก"

 

ชายชราผู้นั้นมึนงงวูบ กวาดตาสำรวจชายหนุ่มชุดขาว ขมวดคิ้วย้อนถามกลับ

 

"ท่านคิดโดยสารเรือหรือ"

 

ชายหนุ่มชุดขาวพยักหน้ารับ ชายชราสวมหมวกฟางทอดถอนใจยาว ชี้มือประกอบพลางกล่าวว่า

 

"ขออภัยอย่างยิ่ง เรือโดยสารของเรา มีผู้คนเหมาว่าจ้างอยู่ก่อนแล้ว"

 

ชายหนุ่มชุดขาวแค่นเสียงเย็นชา ดวงตาทอประกายโหดเหี้ยมกล่าวว่า

 

"อย่างนั้นท่านพาเราไปพบปะคนผู้นั้นสักครา"

 

ชายชราเจ้าของเรือสยิวกายอย่างหนาวเหน็บ รีบเหลียวหน้าพลางกวักมือเชื้อเชิญ ที่แท้ผู้ว่าจ้างอยู่ก่อน เป็นชายหนุ่มเสื้อเหลืองท่าทีเรียบร้อยนุ่มนวล รูปกายแน่งน้อยราวอิสตรี เค้าหน้าหล่อเหลาปานคมคาย จมูกน้อยๆโด่งเป็นสัน คิ้วเรียวโค้งตาสุขใสดำขลับประดุจนิล เพียงเนื้อผ้าชุดยาวก็เป็นแพรพรรณล้ำค่า ตัดเย็บด้วยฝีมือประณีตบรรจง คาดสายรัดแพรหว่างเอว ศีรษะโพกผ้านักศึกษา

 

ชายหนุ่มชุดขาวขมวดคิ้วเขม่นมองด้ามกระบี่โผล่พ้นเหนือไหล่ซ้ายฝ่ายตรงข้าม นักศึกษาเสื้อเหลืองคล้ายรู้สึกตัว รีบออกรับหน้าประสานมือยิ้มแย้มเอื้อนเอ่ยเสียงสดใส

 

"ท่านนี้ คิดขึ้นฝั่งที่ใด"

 

ชายหนุ่มชุดขาวทางหนึ่งประสานมือน้อมกาย ในใจคลางแคลงสงสัยครุ่นคิด

 

'บุรุษหนุ่มที่หล่อเหลานัก ทว่าแฝงความชดช้อยราวอิสตรี พกพากระบี่สะดุดตาเยี่ยงนี้ หรือมันมิกลัวจะตกเป็นเป้าลงมือ'

 

ใบหน้าแดงฉานกระดากอายอยู่บ้าง ปากยังกล่าวเสียงกังวาน

 

"รบกวนให้ถามไถ่ เราจะขึ้นฝั่งหยางโจว"

 

"ไฮ้บังเอิญอย่างยิ่ง"

 

ชายชราเจ้าของเรือรับฟังอยู่ด้านข้าง ปรายตาแก่นักศึกษาอายุเยาว์นั้น แยกเขี้ยวหัวร่อฮาๆกล่าวว่า

 

"คุณชายทั้งสองเมื่อต่างมีจุดหมายแห่งเดียวกัน สมควรรู้จักมักคุ้นให้มากไว้"

 

นักศึกษาเสื้อเหลืองพยักหน้าต่อชายหนุ่มชุดขาว ครั้นแล้วคนทั้งสองโดยสารเรือลำเดียวกัน ชายชราสวมหมวกฟางกำชับพนักงานอีกคนแก้เชือกถอนสมอเตรียมออกเดินทาง ชายหนุ่มชุดขาวขณะจะเดินเข้าห้องท้องเรือ นักศึกษาเสื้อเหลืองพลันร้องเรียกไว้ จากนั้นเอ่ยถามว่า

 

"นี่ ท่านชื่อแซ่ไร"

 

"เซี่ยเคอ"

 

วาจากระชั้นสั้น มิหนำซ้ำกระด้างเย็นชา นักศึกษาเสื้อเหลืองมองตามเงาหลังอีกฝ่าย หยิบฉวยถาดของว่างที่พนักงานบนเรือจัดหามา ทรุดนั่งทอดถอนใจยาวคำหนึ่ง กระแสน้ำหนุนเนื่องเรือโดยสารชั่วพริบตาห่างจากฝั่งลิบลับ

 

เซี่ยเคอหลังจากล้มตัวนอนลงทั้งเสื้อผ้า ค่อยหลับไหลถึงยามวิกาล ห้องท้องเรือกว้างขวางไม่น้อย ระหว่างนี้นักศึกษาเสื้อเหลืองมิได้เข้ามารบกวน เจ้าของเรือเนื่องจากอายุสูงวัย สายตามองเห็นตอนกลางคืนไม่กว้างไกลดั่งกลางวัน จึงทิ้งสมอเหล็กลงใต้น้ำ ดวงดาวริบหรี่แสงจันทร์ซีดจาง ระลอกคลื่นกระเพื่อมไหวเป็นฟูฝอย ขับเน้นบรรยากาศคลายความวังเวงเปลี่ยวเหงาลงบ้าง

 

ชายหนุ่มยืนหยัดที่หัวเรือ แว่วเสียงฝีเท้าติดตามถึงด้านหลัง นักศึกษาเสื้อเหลืองพึมพำแผ่วเบา

 

"ราตรีคล้ายอัปมงคล กระทั่งจันทรายังอับเฉา เซี่ยซงท่านชมดูอันใด"

 

เซี่ยเคอส่งเสียงในลำคอ กล่าวตอบโดยมิหันหน้ากลับ

 

"บนเรือไร้เรื่องราว ข้าพเจ้าทอดสายตาปราศจากจุดหมาย"

 

"บ้านท่านอยู่หยางโจวหรือ"

 

"มิใช่"

 

นักศึกษาเสื้อเหลืองรู้สึก การแสดงออกคนตรงหน้ากีดกันผู้คนพ้นห่าง วาจาของมันทั้งกระด้างทั้งรวบรัด แม้กิริยาปฏิสัมพันธ์สักเล็กน้อย ยังไม่แยแสสนใจ สีหน้าปรากฏแววขุ่นเคือง ขยี้เท้าเลิกคิ้วสูงชันกระชากเสียงสอดคำ

 

"เฮอะเชิญตามสะดวกเถอะ มีผู้ใดใคร่ทราบเรื่องราวของท่าน"

 

เซี่ยเคอใบหน้าแดงฉาน ยืนเงียบงันคล้ายหุ่นศิลา ล้วงมือหยิบม้วนภาพแพรจากอกเสื้อคลี่กางก้มลงพินิจ ห้วงสมองกลับหวนนึก อีกฝ่ายอารมณ์แปรปรวนบัดเดี๋ยวยิ้มแย้มแจ่มใส บัดเดี๋ยวพานระบายโทสะ ออกจะไร้เหตุผลอยู่บ้าง ครุ่นคิดจนเคลิบเคลิ้มงมงาย ยามนั้นแว่วเสียงกระแสน้ำเกรียวกราว ด้านหลังปรากฏเรืออีกลำแล่นติดตามมาด้วยระดับความเร็วราวเกาทัณฑ์

 

ชายชราสวมหมวกฟางรีบวิ่งปราด ฉวยไม้ถ่อ ร้องบอกนายท้ายถอนสมอ ขณะจะคัดแจวหลบเลี่ยง มิคาดเรือทรงแหลมมีเจตนาพุ่งชน เสียงโครมกึกก้องโครงสร้างทั้งลำส่ายโคลงเคลง อ่อนยวบแทบอับปางนายท้ายผู้นั้นตวาดหนักๆ ซัดสมอเหล็กลงตูมใหญ่ จากนั้นหันถลึงจ้องอีกฝ่าย เดือดดาลจนกระโดดโลดเต้นตะโกนก้องร้องไป

 

"พวกเจ้าตาบอดหรือไร ทางน้ำกว้างขวาง มิรู้จักบังคับทิศทางหลีกเลี่ยง"

 

บนเรือเล็กด้านหลังยืนไว้ด้วยผู้คนสามคน ประกอบด้วยสองชายชราหนึ่งบุรุษฉกรรจ์ ชายชราร่างสูงใหญ่ราวเจดีย์เหล็ก ศีรษะล้านเลี่ยนตาโปนโตขวามือตะเบ็งเสียงหัวร่อเคี้ยกๆ ลูบเครารกครึ้มทั้งสองแก้ม กวาดตาผ่านนายท้ายอย่างเฉื่อยชา ชายชราเจ้าของเรือพลันหน้าถอดสี กายสั่นงันงกละล่ำละลัก

 

"แย่แน่ พวกมันจงใจปล้นเรือ คุณชายเซี่ยท่านรีบหาทางเอาตัวรอดด่วน"

 

เซี่ยเคอแค่นเสียงเย็นยะเยียบ สองตาพริ้มสนิทชั่วครู่ใบหน้าคมคายพลันซีดขาวกว่าเดิม เน้นเสียงแช่มช้าเนิบนาบ

 

"เยือกเย็นไว้ ข้าพเจ้าจะรุดไปชมดู"

 

จากนั้นแว่วเสียงแผดด่าสับสน นักศึกษาเสื้อเหลืองกระโดดปราดถึงท้ายเรือ ยกมือชี้หน้าอีกฝ่ายตวาดถามว่า

 

"พวกท่านเป็นใคร"

 

ชายชราซ้ายมือรูปกายผอมซูบราวไม้ซีก หลุบคิ้วพริ้มตาหยีเล็ก สลับไพ่กระดูกในมือเล่น เอื้อนวลีแช่มช้า

 

"ห้วงนภาเวิ้งว้าง"

 

บุรุษฉกรรจ์คิ้วดกหนา ไหล่บ่ากว้างไว้หนวดเรียวเหนือริมฝีปากกระแอมไอเอื้อนต่อว่า

 

"วิมานวาบหวาม"

 

ชายชราร่างสูงใหญ่กล่าวรับ

 

"บรรพตตระหง่านง้ำ"

 

จากนั้นคนทั้งสามเอื้อนประโยคสุดท้ายโดยพร้อมเพรียง

 

"สุดฟ้าใต้ภิภพ"

 

นักศึกษาเสื้อเหลืองตาทอประกายแจ่มใสเหลียวหน้ากลับ เซี่ยเคอพอดีเร่งรุดสมทบ วลีเมื่อครู่เขาสดับรับฟังชัดเจน แม้ขบคิดไม่เข้าใจ แต่สังเกตุอากัปกิริยาทุกผู้คนตลอดเวลา ยามนั้นนักศึกษาเสื้อเหลืองขมวดคิ้วตวาดเกรี้ยวกราด

 

"คนนอกอยู่ที่นี้ ยังร่ำร้องตะโกนก้องอันใด"

 

ทั้งสามคล้ายรู้สึกตัว ดังนั้นประกายอำมหิตพวยพุ่งใส่คนชุดขาวเป็นจุดเดียว บุรุษฉกรรจ์ด้านหลังเบียดกายแทรกกลางชายชราทั้งสอง เค้นเสียงกระด้างทุ้มต่ำเสนอว่า

 

"ชนชั้นต่ำต้อย พานฆ่าทิ้งให้สิ้นซาก"

 

เซี่ยเคอฉุดลากนายท้ายมาด้านหลัง เหตุการณ์ยิ่งนานยิ่งผิดวิสัย นักศึกษาเสื้อเหลืองเปลือกนอกอ่อนแอแท้จริงซุกซ่อนเจตนาลี้ลับ ทั้งสามหลังจากเอื้อนวลี พิรุธส่อแน่ชัดรู้จักมักคุ้น มิหนำซ้ำยังเกี่ยวโยงถึงขุมกำลังบู๊ลิ้ม นักศึกษาเสื้อเหลืองโบกมือวูบ หันกายประจันกับชายหนุ่มชุดขาว แขนเสื้อชุดยาวข้างซ้ายตวัดม้วนขึ้น ระยะห่างเพียงสองวา การจู่โจมพอสำแดงอานุภาพ สามารถบรรลุถึงในบัดดล

 

ประกายสีเงินจุดหนึ่งวาบสู่คลองจักษุ เซี่ยเคอหากถลันหลบเลี่ยง นายท้ายและชายชราเจ้าของเรือย่อมต้องจบชีวิต เขามิกล้ารับตรงๆยกมือปาดวูบ อาวุธลับเบี่ยงเบนพลาดเป้า ร่วงหล่นลงในกระแสน้ำ

 

นักศึกษาเสื้อเหลืองตวาดสำทับ กระบี่แคบเรียวชักจากฝักดังเปรื่อง ร่างทะยานเสือกแทงเฉียงๆจ่อจี้ใส่ไหล่ขวาฝ่ายตรงข้าม ตัวกระบี่ดำมะเมื่อมพลังเยียบเย็นแผ่ทะลักอบอวน

 

ชายหนุ่มลดไหล่เล็กน้อย ในมือไม่ทราบปรากฏขลุ่ยสั้นสีทองยาวหนึ่งเชียะตั้งแต่เมื่อใด เสียงเคร้งผ่านพ้น สะเก็ดไฟแลบกระจาย นักศึกษาเสื้อเหลืองเซถลาเสียหลัก ร่างท่อนบนง๋ายไปด้านหลัง กระบี่ยาวหลุดกระเด็นจมหายกับผิวน้ำ ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเบิกตากลมโต แทบไม่เชื่อเด็ดขาด เพียงกระบวนท่าเดียว ถึงกับถูกคนตรงหน้ากระแทกอาวุธร่วงหล่น พลังต้านปะทะหนักหน่วงรุนแรงเพียงไหน

 

เฒ่าผอมซูบซ้ายมือรีบถาโถมยื่นมือประคอง ผ้าโพกศีรษะถูกลมกรรโชกหลุดรุ่ย เสียงอุทานโพล่งแตกตื่นเซ็งแซ่ ผมนุ่มสลวยพลันสยายลงปรกคลุม ชายชราสวมหมวกฟางและลูกเรือหวาดหวั่นจนหน้าซีดเผือด อ่อนระทวยกองกับพื้นไม้กระดานราวดินเหลวกองหนึ่ง

 

เหตุแปรเปลี่ยนนี้แม้แต่เซี่ยเคอยังเหนือความคาดหมาย หญิงสาวเสื้อเหลืองใช้มือซ้ายกุมอก พลางอ้าปากกระอักโลหิตสดๆอาบชโลมปกเสื้อชุ่มโชก ชายชราร่างสูงใหญ่และบุรุษฉกรรจ์พากันกู่ร้องสนั่นหวั่นไหว กระโดดโลดแล่นมาดุจสายลม คนหนึ่งชักดาบเก้าห่วงฟาดฟันทางด้านตรง อีกผู้หนึ่งกลับสะบัดกระบี่ใช้ออกด้วยกระบวนท่าอันพลิกแพลงชั่วร้าย จู่โจมผสานเสริมจากตำแหน่งอับยากระวังป้องกัน

 

เซี่ยเคอถดถอยครึ่งก้าว ขลุ่ยสั้นเขี่ยจากล่างขึ้นบน ปิดสกัดสภาวะกระบี่บุรุษฉกรรจ์ชะงักงัน จากนั้นประกบนิ้วชี้นิ้วกลางจี้ฝ่าเข้าไปในประกายดาบ จู่โจมทีหลังบรรลุถึงก่อน เสียงแผดร้องไม่ทันเปล่งจากปาก ห่าโลหิตลำหนึ่งฉีดพุ่งยาวร่วมสามเชียะ คอหอยชายชราร่างสูงใหญ่ถูกพลังดรรชนีทะลวงเป็นโพรงโลหิต ทั้งคนทั้งดาบปลิวลิ่วหล่นตูมสนั่น สะเก็ดน้ำสาดกระเซ็น

 

บุรุษฉกรรจ์ถูกกระแทกล่าถอยสองก้าว จากนั้นกุมกระบี่ตวาดก้อง บุปผาดอกดวงสุดคณานับกระจายจ้า ครอบคลุมลงหาดุจตาข่ายมหึมา ชายหนุ่มเพ่งตาแน่วนิ่ง ซุกเก็บขลุ่ยสั้นในอกเสื้อ มือซ้ายพลิกแล้วตะปบ เงากระบี่สลายวับ บุรุษฉกรรจ์สะท้านทั้งร่าง ปลายอาวุธถูกมือข้างนั้นคว้าใส่ถนัดถนี่ อีกฝ่ายสามารถจำแนกเท็จจริง ท่ามกลางเงาสลับซับซ้อนเกลื่อนฟ้า หากผิดพลาดสักน้อยนิด หมายถึงชีวิตถูกปลิดปลง ความละเอียดอ่อนของจิตใจ ความแม่นยำของสายตา ความว่องไวเฉียบขาดของฝีมือบรรลุถึงขั้นแตกตื่นสะท้านโลกแล้ว

 

ชายฉกรรจ์แผดร้องโหยหวนร่างง๋ายตึง กระนั้นยังกำกระบี่แนบแน่น โลหิตแดงฉานพวยพุ่งจากปากสูงร่วมสองวา ในโลหิตยังเจือปนเศษอวัยวะภายใน ชีพจรหัวใจขาดสะบั้นตกตายอีกผู้หนึ่ง

 

เซี่ยเคอตวัดเท้าเตะซากศพมันลงน้ำ ตวาดเสียงเย็นชาร้องสั่ง

 

"ออกเรือ"

 

ชายชราสวมหมวกฟางกระเสือกกระสนทรงกายถึงหัวเรือ ขณะเดียวกันนั้น นายท้ายรีบกระชับสายโซ่กระชากดึงโดยแรง สมอเหล็กมีน้ำหนักถึงสองร้อยชั่ง ยามตระหนกพรั่นพรึงถึงขีดสุด บวกกับมันเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าหลั่งเหงื่อโซมกาย กระทำซ้ำๆซ้อนๆถึงสามครั้งยังถอนสมอมิขึ้น

 

เฒ่าผอมซูบราวไม้ซีกโอบอุ้มหญิงสาวเสื้อเหลืองนอนลงบนพื้นกระดาน หันกายถลึงตาหยีเล็ก ความอาฆาตมาดร้ายฉายแววหว่างคิ้ว สลัดมือวูบไพ่กระดูกสิบสามใบแหวกฝ่าอากาศหวีดหวิวเสียดประสาท เรียงลำดับก่อนหลังทั้งคำนวณจังหวะเวลาผิดแผกกันสามชุด แยกย้ายเป็นบนกลางล่างด้านตรงอย่างละสอง ซ้ายขวาตำแหน่งบนกลางล่างอย่างละหนึ่งรวมทั้งสิ้นสิบสอง ใบสุดท้ายบินอ้อมวงโค้ง ซัดใส่ท้ายทอยนายท้ายผู้นั้น สภาวะเร่งร้อนแฝงพลังคมกล้าดุจดาบกระบี่

 

ชายหนุ่มมือขวาแตะไหล่นายท้าย อีกข้างกวาดแล้วรวบวูบ เสียงเพียะๆติดต่อกัน ไพ่กระดูกปริแยกหักสะบั้นทะยอยร่วงหล่น เนื่องเพราะเพิ่งประมือต่อสู้คราแรก มิล่วงรู้เล่ห์เหลี่ยมอุบายลึกซึ้ง จุดประสงค์ชายชราร่างผอมซูบมันทราบ หากคิดปลิดชีวิตชายหนุ่มชุดขาวย่อมกระทำมิสำเร็จ ดังนั้นช่วงระยะเวลาที่อีกฝ่ายแบ่งแยกสมาธิ รับอาวุธลับสิบสองชิ้น จึงเกร็งพลังใช้วิชาไพ่เป็นตายซัดไพ่กระดูกใบสุดท้ายจากมือ พร้อมกันก็ถีบยันเท้าทั้งสอง ตัวเรือส่ายโคลงเคลงเบี่ยงออกด้านข้าง ถูกคลื่นระลอกปั่นป่วนหนุนยอพุ่งทะยานหายลับอีกทิศทาง

 

เซี่ยเคอเพิ่งเหลียวหน้ากลับ นายท้ายผู้นั้นร้องโอย หมุนคว้างล้มคว่ำบนกราบเรือ กล้ามเนื้อใบหน้าสั่นกระตุกบิดเบี้ยว ไม่บอกก็ทราบเสียชีวิตภายใต้ไพ่กระดูกเฒ่าผอมซูบนั้นแล้ว แค่นเสียงเฮอะตวัดเท้าเตะซากศพลงจมหาย ยึดจับสายโซ่กระตุกวูบ สมอเหล็กถูกถอนวางลงแผ่วเบา

 

ชายชราสวมหมวกฟางมือสั่นระริก โยกคลอนไม้ถ่อโดยแรง เรือจมวูบจากนั้นกระดอนโถมฝ่าฟองคลื่นเดินทางสืบต่อ...

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.