บทที่ 6...1/3

ขอเพียงรักนี้นิรันดร

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 6...1/3

ภายในห้องสมุดเหลือเพียงไฟดวงน้อยที่เปิดไว้ ทว่าความเงียบคือสิ่งแรกที่ศนิได้รับเมื่อมาถึงที่นี่เมื่อหลายนาทีก่อน ผลึกกาลในตัวของธามิณีดึงเขามา แต่ธามิณีไปอยู่เสียที่ไหน ทำไมเขาไม่รู้สึกถึงการมีเธอในห้องนี้แม้แต่นิดเดียว สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน วิญญาณร้ายไม่เคยลวงตาเขาได้ แล้วสิ่งใดกันที่ทำให้เขาตามหาธามิณีไม่พบ

“ธามิณี...ธาม...”

ไม่มีเสียงขานตอบจากธามิณี ไม่มีร่องรอยว่าเธอหายไปจากตรงไหนของห้องสมุดแห่งนี้ มีเพียงสิ่งเดียวที่เขามั่นใจนั่นคือผลึกกาลจะไม่ยอมให้เจ้าของร่างตายหากยังไม่ถึงอายุขัย แต่ทำไมเขาถึงหาเธอไม่พบ แต่ละวินาทีที่ผ่านไปทำให้ศนิร้อนใจซึ่งมักไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก การไม่รู้คำตอบในสิ่งที่สงสัยต่อให้เป็นมนุษย์หรือแม้แต่เทพกึ่งมนุษย์ย่อมไม่ชอบใจทั้งนั้น

เพราะฉะนั้นหากเขาไปหาธามิณีไม่ได้ ทางเดียวที่มีก็ต้องทำให้ธามิณีเป็นฝ่ายที่มาหาเขาแทน แม้ว่ามันจะเสี่ยงก็ตามหากผลึกกาลทำให้ธามิณีเกือบตายดังเช่นคราวก่อน ทว่าการไม่พบตัวเธอให้เร็วที่สุดอาจอันตรายกว่า

‘เลือด’ คือสิ่งที่นำทางให้ธามิณีมาหาศนิได้

ศนิแบมือของตัวเองออกข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างมี ‘สิ่ง’ ที่จะทำให้เทพกึ่งมนุษย์หลั่งเลือดได้ เขากรีดมันลงที่กลางฝ่ามือของตัวเอง เลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผลที่มาจากความตั้งใจของเขาและความเจ็บนี้เป็นของจริง

ศนิมองไปรอบตัวอย่างรอคอยสักวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ธามิณีจะปรากฏกายขึ้นแล้วถามอย่างไม่เข้าใจว่าเธอมาที่นี่ได้อย่างไร

แต่...ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!

ยังมีเพียงศนิในห้องสมุดแห่งนี้เพียงลำพัง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ธามิณีไปอยู่ที่ไหน ทำไมเขาถึงทำให้เธอกลับมาไม่ได้เช่นเดียวกับที่เขาไปหาเธอไม่ได้ ผลึกกาลไม่ทำหน้าที่ของมันแล้วหรือไรกัน ‘เลือด’ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้ผลึกกาลทำหน้าที่ปกป้องร่างและเจ้าของที่แท้จริงของมัน แต่ต้องมีสิ่งอื่นอีก

มันคืออะไรกัน?

ศนิหล่อหลอมพลังที่กลางฝ่ามือของเขา ก่อนจะระเบิดมันออกทำให้แสงสีม่วงแผดจ้าในห้องสมุด ไม่มีซอกหลืบไหนแอบซ่อนใครหรือสิ่งใดที่เขากำลังพยายามตามหาได้ ชายหนุ่มมองไปทั่วด้วยสายตาของเทพซึ่งจะเห็นในสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถเห็นได้ จนกระทั่งเขาเห็นแสงสีแดงเรืองๆ ออกมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง เพียงศนิชี้นิ้วออกไป หนังสือเล่มนั้นก็ลอยหวือมาหาเขาทันที

“ที่นี่เองสินะ”

ศนิเปิดหนังสือ แต่นอกจากแสงสีแดงเรืองๆ แล้ว เขายังไม่สามารถเปิดมันจนถึงมนตราที่ลึกลงไปได้ เขาเคยได้ยินเรื่องของเทพกึ่งมนุษย์ที่แพ้อำนาจของกิเลสจนกลายเป็นมารมาก่อน แต่เทพกึ่งมนุษย์คนนี้มีพลังและมนตราที่เขาไม่เคยพบมาก่อน หากเขาไปหาธามิณีไม่ได้ การทำลายหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผลึกกาลไม่ตกไปอยู่กับวิญญาณหรือเทพกึ่งมนุษย์ที่จะนำความวิบัติมาสู่ชีวิตของมนุษย์

หากถึงเวลาที่เขาต้องเลือก ธามิณีอาจสิ้นอายุขัยก่อนเวลาของเธอ!

 

ธามิณีละล้าละลังกำลังมองบานประตูที่ไม่รู้ว่าจะเปิดออกอีกเมื่อไหร่ เธอต้องหาทางออกจากห้องนี้ให้ได้ก่อนถึงจะรู้ว่าต้องหนีด้วยวิธีไหน ในนี้ดูๆ แล้วก็เหมือนฉากในนิทานที่เธอเคยอ่าน แต่เธอยังไม่แน่ใจว่ามันคือเรื่องอะไร เพราะฉะนั้นการที่เธอจะออกไปจากหนังสือได้ ทางเดียวคือต้องรู้ว่าในตอนจบของตัวละครนั้นคืออะไร

ยกเว้นแต่ว่า...เขาคนนั้นมาช่วยเธอออกไปจากที่นี่ได้

แต่เขาจะมาเมื่อไหร่ เธอยังมีความหวังอยู่ใช่ไหมว่าเขาจะมาช่วยเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

...ชื่ออะไรก็ไม่รู้อีตาบ้า ธามจะออกไปจากที่นี่ยังไงดี!

 ธามิณีทั้งโมโห ทั้งกลัว แต่เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ต้องคิดหาทางออกไปจากที่นี่ด้วยตัวเอง ทว่าคำพูดหนึ่งของเขาคนนั้นก็ทำให้เธอมีความหวัง

‘บางทีเพราะเธอตกอยู่ในอันตรายกระมัง ฉันถึงถูกดึงให้มาหาเธอ’

“อันตรายงั้นเหรอ”

ธามิณีคิดหนักเพราะคำว่าอันตรายนั้นความหมายกว้างมาก ตอนนี้เธออยู่ในอันตรายแล้ว แต่เขาก็ยังไม่มาช่วยนี่นา แล้วต้องอันตรายถึงระดับไหนล่ะ เขาถึงจะมา

“ผมนึกแล้วว่าคุณจะต้องสวยมากแน่ๆ เมื่ออยู่ในชุดที่ผมเลือกให้ เจ้าสาวของผม”

ธามิณีสะดุ้งไม่คิดว่าอีตาคนที่ลักพาตัวเธอจะเข้ามาในห้องเงียบๆ แบบนี้ เขาเปลี่ยนชุดเป็นสูทสีขาว เข้ากับชุดที่เธอถูกบังคับให้ใส่พอดี เขาผายมือให้เธอเดินออกไปจากห้องด้วยกัน หญิงสาวยอมเดินไปเพราะต้องหาคำตอบ แต่พอเห็นห้องโถงที่เต็มไปด้วยดอกไม้สวยงาม โคมไฟต่างๆ ผ้าแพรประดับตามโต๊ะและหน้าต่าง แต่ไม่มีใครอื่นอีกเลย แล้วอย่างนี้เธอจะไปรู้ได้ยังไงว่าถูกพามาอยู่ในหนังสือนิทานเรื่องอะไร เพราะฉะนั้นคงมีทางเดียวเท่านั้น

“คุณพาฉันเข้ามาในหนังสือเรื่องอะไรคะ จากที่ฉันเห็นมันเหมือนนิทานสักเรื่อง แต่ฉันยังนึกไม่ออกว่าเรื่องอะไร” ธามิณีถามไปตรงๆ เพราะเธอคงไม่มีเวลาไปเข้าหอกับผู้ชายคนนี้หรอก

“เจ้าหญิงนิทรา” เวฬาตอบ ในเมื่อธามิณีรู้ไปแล้วก็ออกจากหนังสือเล่มนี้ไม่ได้อยู่ดี “ตอนนี้คุณเป็นเจ้าหญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวของผมไงล่ะ”

เวฬาเดินเข้ามาใกล้ ธามิณีรีบก้าวถอยหลังไป เธอไม่ได้อยากเป็นเจ้าสาวของเขาเสียหน่อย ถ้าเธอมีพลังแบบเขาคนนั้นละก็อีตานีได้ถูกเธอซัดจนตัวปลิวแน่ ทำไมคราวก่อนที่เจอคนมาลวนลามในซอยบ้านของป้ารัดเกล้าเธอถึงทำได้ ทำไมตอนนี้เธอถึงทำไม่ได้ ต้องโมโหและกลัวถึงขนาดไหนเธอถึงจะมีพลังทำแบบนั้นได้อีก

“ถ้าฉันไม่ยอมเป็นเจ้าสาวของคุณ คุณจะฆ่าฉันหรือเปล่า” เรื่องนี้ธามิณีคงต้องมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเอาไว้บ้าง

“ก็ไม่แน่” เวฬายิ้มเจ้าเล่ห์ “ทำไมหรือ คุณไม่อยากแต่งงานกับผมหรือครับ”

“ฉันเป็นเจ้าสาวคนที่เท่าไหร่ของคุณคะ”

 ธามิณีเคยอ่านข่าวว่ามีผู้หญิงหายตัวลึกลับเมื่อ 5 เดือนก่อน แต่ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่หรือเปล่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ตาย แต่พูดว่าถูกพาเข้าไปในหนังสือ มีอาการหวาดกลัวและอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ผิดปติ ตอนนี้รักษาอยู่โรงพยาบาลศรีธัญญา

“ผมไม่เคยฆ่าใคร แต่สำหรับคุณ ผมอาจต้องทำแบบนั้น เพราะคุณมีผลึกของเทพที่ผมต้องการ”

ธามิณีฟังแล้วแทบวิ่งหนี แต่ทำไม่ได้เพราะเขายื่นมือมาจับบ่าของเธอไว้ แล้วเธอมีอะไรที่เขาอยากได้ล่ะเธอจะได้รีบให้ไป แล้วออกไปจากหนังสือเล่มนี้

“ฉันเนี่ยนะ”

“ผลึกดวงนั้น” เวฬาชี้มาที่ตัวของธามิณี เขารู้ว่าเธอมี เพียงแต่ด้วยสายตาของวิญญาณที่หลบซ่อนมานานหลายร้อยปี ทำให้ไม่อาจเห็นว่าผลึกนั้นซ่อนอยู่ตรงไหน แต่หากฆ่าธามิณีเมื่อไหร่ เขาอาจจะรู้ได้เอง

“ผลึกอะไร ฉันมีมันในตัวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ก่อนหาวิธีหนี ตอนนี้ธามิณีอยากรู้คำตอบนี้ก่อน มันอาจเป็นคำอธิบายได้ว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดในชีวิตของเธอ

เวฬามองธามิณีอย่างแปลกใจ “นี่คุณไม่รู้ตัวเลยหรือการว่ามีผลึกนั่นก็เท่ากับได้ครอบครองพลังมหาศาลในจักรวาลนี้ คุณได้ชีวิตใหม่เพราะผลึกดวงนั่น หากใครได้ครอบครองจะไม่พบกับความตาย”

“ไม่พบกับความตายงั้นหรือ”

ถ้าอย่างนั้นเธอจะไม่ตายหากใช้วิธีที่เสี่ยงอันตรายใช่ไหมนะ แม้จะไม่แน่ใจนัก แต่ธามิณีต้องทำมันอยู่ดี การออกไปจากหนังสือเองคงยากเกินไปสำหรับมนุษย์ ต่อให้มีผลึกนั่นแล้วจะช่วยอะไรได้ หากเธอไม่รู้วิธีที่จะใช้มัน

“จับมือผมสิ แล้วเข้าสู่พิธีแต่งงานของเราสองคน”

เวฬาปล่อยมือที่จับบ่าของธามิณีแล้วเปลี่ยนมายื่นมือรอให้หญิงสาวจับ ไม่ว่าเธอจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม หนทางนี้เป็นวิธีเดียวที่เธอจะไม่ถูกเขาฆ่าเพื่อนำผลึกกาลออกมาจากร่าง อย่างไรเสียเขาก็ได้ทั้งเธอและผลึกกาลมาในมือ พระเสาร์ช่างไม่รู้เลยว่าอีกไม่นานเขาจะเป็นคนที่ทำให้ตัวเองหายไปตลอดกาล

ธามิณีเลื่อนมือออกไป สายตามองชายแปลกหน้าเพื่อตรึงไว้ให้เขาไม่ทันเห็นว่ามืออีกข้างของเธอคว้าปิ่นปักผมตัวเองมากำไว้แน่น เวฬายิ้มขบขันเพราะอาวุธเพียงแค่นั้นทำอะไรเขาไม่ได้หรอก ช่างไม่ต่างจากของเด็กเล่น

“คุณจะทำอะไร จะฆ่าผมงั้นหรือ”

“ฉันไม่ฆ่าคุณหรอก แต่มีคนคนหนึ่งที่ทำได้”

เพียงจบคำนั้นธามิณีก็สูดหายใจยาวพร้อมกับกรีดปลายแหลมคมของปิ่นเข้าที่ท้องแขนของตัวเอง เวฬามองอย่างตกใจว่าทำไมธามิณีถึงทำร้ายตัวเอง แทนการทำร้ายเขา

ธามิณีกัดริมฝีปากไว้แน่นเพราะมันเจ็บมาก แทบจะร้องกรี๊ดออกมาด้วยซ้ำ เลือดจากบาดแผลไหลรินออกจากแขนแล้วค่อยๆ หยดลงพื้น เธอมองเลือดของตัวเองที่กำลังไหลด้วยความหวัง ถ้าทำแบบนี้จะอันตรายพอให้เขาคนนั้นมาช่วยเธอออกมาไปจากหนังสือเล่มได้หรือยัง ถ้ายังไม่ได้ ต่อจากนี้ไปเธอคงตายเพราะเลือดไหลหมดตัว หรือไม่ก็ถูกชายคนนี้ฆ่ากระมัง

“เจ็บชะมัด ธามทำถึงขนาดนี้คุณต้องมาได้แล้วนะ” ธามิณีตะโกนลั่น ทั้งน้อยใจ ทั้งกลัว ถ้าเขาไม่มา เธอจะทำยังไงดี

 

ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ

อัมราน_บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.