chapter 13 ศึกวันแรก

คาร์น ดินแดนเวทมนตร์

-A A +A

chapter 13 ศึกวันแรก

        หลายวันผ่านไป

        “เอาล่ะทุกคนขอบใจมากที่มาในวันนี้ ตาคุณแล้วเกรซ” ออสตินกล่าวเปิดพิธีที่ตนเองได้จัดตั้งขึ้น เพื่อให้นักผจญภัยภายในกิลด์ได้ฝึกฝนฝีมือ หลังจากที่พวกมอนสเตอร์ได้บุกเข้ามาในสัปดาห์ก่อน ทำให้รู้ว่าสมาชิกกิลด์นั้นยังอ่อนประสบการณ์กันมาก ดังนั้นออสตินจึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา

        เกรซส่งเสียงผ่านเครื่องขยายเสียงเพื่อบอกให้อยู่ในความสงบ ก่อนที่เธอจะเรียกทีมแต่ละทีมออกมาด้านหน้า โดยดูเหมือนว่ากิจกรรมนี้จะมีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 20 ทีม 

        “เอาล่ะ ทางเราจะอธิบายกติกาซ้ำเพื่อให้มีความเข้าใจตรงกันนะคะ” เกรซที่ยืนอยู่บนเวทีพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังผู้เข้าร่วม

        “ระยะเวลากิจกรรมคือ 3 วัน นับตั้งแต่คุณออสตินประกาศ รางวัลที่หนึ่ง คือจำนวนเงิน 50000 กูซ  รางวัลที่สอง คือจำนวนเงิน 35000 กูซ และรางวัลที่สามคือ จำนวนเงิน 20000 กูซ ส่วนลำดับอื่นๆจะคิดตามราคามอนสเตอร์ที่สังหารได้ บวกกับรางวัลอีกท่านละ 3000 กูซ รวมครูฝึกสอนด้วย” เสียงผู้ชมและผู้เข้าร่วมได้ดังขึ้นบอกเป็นนัยว่าพวกเขาชื่มชอบกติกานี้ เนื่องจากบางคนอาจจะต่อสู่ไม่เก่ง แต่เพียงแค่ได้เงิน 3000 กูซ และยังได้เงินจากที่ล่ามาได้อีก แค่นี้ก็เยอะเพียงพอแม้จะไม่ได้มากมายอะไรก็ตาม

        “โดยการตัดสินจะคำนวณจากราคามอนสเตอร์ที่สังหารได้ และแต้มพิเศษจากตัวละครลับ โดยทางเราได้แอบส่งนักผจญภัยระดับสูงจำนวน 5 ท่าน เข้าไปในป่าเพื่อสร้างสีสันในกิจกรรม โดยนักผจญภัยเหล่านั้นจะมีสร้อยคอที่ห้อยอยู่ เพียงพวกคุณทำการชิงมันมาได้ ก็จะได้แต้ม 2000 แต้มต่อหนึ่งสร้อยคอ แต่อย่าคิดว่าจะชนะพวกเขาเหล่านั้นได้ง่ายๆนะทุกคน เอาล่ะใกล้มาถึงตอนสุดท้าย ภายในป่าจะมีผู้ดูแลอยู่ไม่ต้องห่วงถ้าเกิดอาการบาดเจ็บหรือดำเนินกิจกรรมต่อไม่ไหว ทางเราจะรีบเข้าไปช่วยเหลือและพาออกมาทันที” เกรซหยุดพูดก่อนที่ออสตินขึ้นจะกล่าวต่อ

        “อย่างที่ทุกคนได้ยินแล้วนะ ว่าสังหารมอนสเตอร์ ห้ามสังหารคนด้วยกันเอง จะสู้กันก็ได้เพื่อแย่งแต้ม แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา อย่าหาว่าทางเราไม่เตือน เพราะทางเราจะดำเนินการด้วยวิธีการลงโทษขั้นสุด เอาล่ะ พูดกันมามากพอแล้ว ขอให้ตัวแทนทีมไปรับพลุไฟสำหรับส่งสัญญาณฉุกเฉินด้วย อ้อลืมบอกไปอีกอย่าง ครูฝึกห้ามเยื่อนมือเข้าไปช่วยนะ ไม่งั้นโดนลงโทษเหมือนกัน และขอให้โชคดีในการล่า” 

        แปะ แปะ แปะ

        เสียงปรบมือดังขึ้นระงมก่อนที่ผู้ชมจะแยกย้ายกันไปพนันว่าใครจะเป็นผู้ชนะ โดยทางผู้เข้าร่วมกิจกรรมก็ได้จับกลุ่มคุยกันวางแผนว่าจะเอายังไงดีหลังเข้าป่า 

        “เอาล่ะอีฟวันนี้เราต้องล่าให้ได้มากที่สุด วันอื่นๆพวกเราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก ตอนนี้ฉันพร้อมสุดๆไปเลย” ลอยด์พูดพร้อมกับต่อยอากาศ เป็นการบอกกลายๆว่าพร้อมสุดๆ

        “ไม่ได้นะซิ นายลืมไปแล้วหรอว่าทีมอื่นอาจจะมาโจมตีเราเพื่อแย่งของไปได้” อีฟกระซิบกับลอยด์

        “เออใช่ลืมไปเลย แต่ถ้าไม่รีบเราก็ตามไม่ทันคนอื่นนะ ดูทีมอื่นซิมีแต่คนเก่งๆ” ลอยด์ชี้ไปยังกลุ่มอื่นที่มีแต่คนตัวใหญ่และท่าทางเก่งกาจ พูดไปพูดมาดันตัดกำลังใจกันเองซะได้ ตอนนี้ทั้งคู่เลยแหงนมองฟ้าพร้อมกับถอนหายใจ จนลูเทียร์ที่เพิ่งเดินกลับมาก็ได้ถามว่าเป็นอะไรกัน ก่อนที่อีฟจะเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น 

        “ยังไม่เริ่มก็ถอนหายใจกันแล้วจะไหวไหมเนี่ย” ลุคเดินมาดูลูกทีมตัวเองที่ตอนนี้สภาพไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่

        “ก็ดูทีมอื่นซิครับ มีแต่คนท่าทางเก่งๆ แล้วพวกเราจะเอาอะไรไปแย่งเหยื่อจากพวกเขาได้ล่ะครับ” ลอยด์บ่นออกมาเหมือนกับสิ้นหวังกับชีวิต

        “อีฟขอคุยด้วยหน่อยซิ” ลุคเรียกอีฟไปคุยลำพัง โดยที่ลอยด์ก็ได้จ้องตาเขม่งพร้อมกับเงี่ยหูฟังมาทั้งคู่คุยอะไรกันจนพอคุยกันเสร็จก็ถึงตาของลอยด์ 

        “นายรู้ใช่ไหมว่านายเป็นผู้ชายคนเดียวในทีม และดูทีมอื่นซิมีแต่พวกผู้ชายส่วนใหญ่ ฉันแอบได้ยินมาจากเพื่อนว่านายกำลังจีบใครอยู่ใช่ไหม ตอนนี้แหละโอกาส แสดงผลงานหน่อย แต่ต้องดูสถานการณ์ด้วยนะไม่งั้นกลับมาฉันฆ่านายแน่” ประโยคแรกทำให้ลอยด์นั้นรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากกว่าเดิม แต่พอได้ยินประโยคหลังเจ้าตัวถึงกับต้องกลืนน้ำลายและรับปากว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องอย่างว่าขึ้นแน่นอน เพราะไม่อย่างงั้นคงตายจริงๆ 

        “ส่วนของเธอ ดูแลเด็กดีๆหน่อย เธอคือหัวหน้าทีม และก็อย่าใช้เวทย์นั้นเพลินไปล่ะ มันกินมานาเยอะพอสมควร และก็อย่าใช้ของที่ให้ไปจนหมดล่ะ” ลุคเตือนในสิ่งที่ตัวเองกลัวไป เพราะเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นเลยจำเป็นต้องเตือนจนอีกฝ่ายเข้าใจ ส่วนเรื่องที่เตือนหลังสุดนั้นก็คืออุปกรณ์ช่วยที่ลุคได้ให้ไปเผื่อ ซึ่งก็คือสิ่งประดิษฐ์เล็กน้อยที่น่าจะช่วยได้เยอะ

        “ขี้บ่นจัง ฉันรู้น่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องเด็กๆหรอก ไว้ใจได้เลย” ลุคที่ได้ยินลูเทียร์พูดก็ไม่รู้ว่าจะไว้ใจได้จริงๆรึเปล่า เพราะตลอดช่วงฝึกเขาก็ไม่เคยเห็นทักษะการวางแผนของอีกฝ่ายเลย แต่ยังไงสุดท้ายก็ต้องทำใจรับผลที่จะได้รับ

        เวลาผ่านไปสักครู่หนึ่ง ทีมที่เข้าร่วมทั้งหมดก็ได้เดินทางไปกันอยู่ที่บริเวณหน้าเมือง ลูเทียร์เริ่มสังเกตทีมอื่นว่าทีมไหนแข็งแกร่งบ้าง เพราะเธอไม่อยากจะปะทะกันตั้งแต่วันแรก จนไปสบตากับคนคนหนึ่งที่คุ้นตาพอดี นั้นก็คือฟารัสคู่ฝึกซ้อมที่โรงฝึกที่ลูเทียร์ไปฝึกบ่อยๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปสนใจเสียงประกาศของออสตินที่กำลังจะแนะนำเรื่องต่างๆอีกนิดหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอยู่ภายในป่าที่พวกผู้เข้าร่วมทั้งหมดต้องหาอาหารกินเอง 

        “งั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาเริ่มกิจกรรมกันเลยดีกว่า!”

        ทันทีที่สิ้นเสียงตะโกน เหล่าผู้เข้าร่วมทั้งหมดก็ได้ทะยอยเข้าป่ากัน โดยส่วนใหญ่จะเข้าไปทางหุบเขาหิมะซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองซะส่วนใหญ่ เนื่องจากภายในป่านั้นจะมีมอนสเตอร์ที่ได้ค่าหัวแพงกว่าหุบเขาทางทิศใต้ แต่ก็แลกมาด้วยความอันตรายทั้งอากาศที่หนาว และมอนสเตอร์ที่อันตรายมากกว่ากันมาก ส่วนของลูเทียร์นั้นเธอตัดสินใจว่าจะไปทางทิศใต้ของเมือง เพราะถึงแม้จะมีแต่พวกค่าหัวราคาไม่มาก แต่ภายในป่าที่เป็นเขตอบอุ่นจะมีพวกมอนสเตอร์ชุกชุมมากกว่า 

        “ตอนนี้เราเริ่มสังเกตการณ์กันก่อนดีกว่า” ลูเทียร์หันไปบอกทั้งสองคน เพราะเธอคิดว่าตอนนี้ควรจะดูลาดราวก่อนว่าตรงไปไหนใครจับจอง และดูอีกว่าทีมไหนที่แกร่งเกินไปจะได้ไม่เข้าไปยุ่ง

        ทั้งหมดเริ่มปีนต้นไม้ขึ้นที่สูง ก่อนจะหาที่ลับตาคนเพื่อมองดูทีมอื่นเดินผ่านไป 

        ‘นี่พี่ลูเทียร์คะ หนูว่าบางทีเราควรจะดักโจมตีทีมอื่นบ้างก็ดีนะคะ จะได้ตัดตัวหารไปได้เยอะๆ’ อีฟส่งกระแสจิตผ่านเวทย์ไปบอกลูเทียร์ที่เป็นหัวหน้าทีม

        ‘ตอนนี้พี่ว่าดูไปก่อนดีกว่า เพราะเรายังไม่รู้ว่าทีมไหนเก่งด้านไหนกันเลย ส่วนมอนสเตอร์น่ะ พี่ฝากเธอจัดการหน่อยนะ จะได้ไม่มานั่งเสียเวลาเปล่า’ ลูเทียร์พูดจบอีฟก็ยิงหน้าไม้ใส่ก็อบลินตัวหนึ่งที่เดินผ่าน 

        นับตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่เป็นช่วงเริ่มกิจกรรมนี่ก็ปาไปประมาณ 3 ชั่วโมงได้แล้ว ทีมลูเทียร์ได้ฆ่ามอนสเตอร์รวมๆก็ได้หลายสิบตัวแล้วระหว่างสังเกตการณ์ แต่ที่น่าแปลกคือพวกเขานั้นไม่เห็นทีมอื่นที่เดินผ่านตรงนี้เลย จนกระทั่งเสียงพลุสัญญาณที่เป็นสีแดงจะถูกจุดขึ้น บ่งบอกว่ามีทีมที่ยอมแพ้ในกิจกรรมนี้ไปแล้ว 

        “ว้าว มีคนสู้กันแล้วแน่เลย” อีฟตื่นเต้นเพราะเธอก็อยากสู้บ้าง ที่ไม่ใช่สู้กับพวกมอนสเตอร์ที่ฆ่าง่ายๆ

        ปัง ปัง ปัง

        เสียงพลุถูกจุดดังขึ้นต่อเนื่องสามครั้ง นั้นมันทำให้ลูเทียร์นั้นแปลกใจมากว่าเกิดอะไรขึ้นบริเวณตรงนั้นกันแน่ เธอจึงตัดสินใจส่งอีฟที่มีเวทย์ล่องหนไปสังเกตการณ์ดู แต่ลอยด์ก็ห้ามเอาไว้เพราะว่าถ้าทีมอื่นเจอตัวขณะที่อีฟไม่อยู่ จะทำให้เสียเปรียบเรื่องจำนวน ลอยด์จึงแนะนำไปว่าควรไปทั้งหมดเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยกัน ซึ่งลูเทียร์ก็ยอมรับว่าเป็นแผนที่ดี ทั้งหมดจึงมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พลุถูกจุดขึ้น

        ทั้งสามใช้เวลาเดินทางไม่นานก็เห็นสถานที่เกิดเหตุ ก่อนที่ทั้งหมดจะต้องหาที่หลบในทันที เพราะได้มีชายคนหนึ่งตัวใหญ่ผิวคล้ำและผมสั้นสีขาวยืนอยู่ พร้อมกับรอบๆที่มีนักผจญภัยที่นอนเจ็บอยู่หลายทีม จนในเวลาต่อมาชายสวมชุดพยาบาลหลายคนจะเริ่มพาคนที่บาดเจ็บออกจากป่าไป

        แก็ก

        เสียงกิ่งไม้หักดังขึ้น สองคนจ้องมองไปยังคนทำเสียงก็คือลอดย์ ก่อนที่ทั้งหมดจะหันไปมองชายตัวใหญ่โดยหวังว่าเขาจะไม่ได้ยิน แต่ก็เหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะอีกฝ่ายได้จ้องมองมายังทิศที่ทั้งสามอยู่ และก็เป็นเวลาครู่หนึ่งที่เขาได้จ้องมองมา ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ทำให้ทั้งสามต้องขนลุก

        “หนีเร็ว!” ลูเทียร์ตะโกนสั่งทั้งสองคนให้รีบวิ่งหนีทันที เพราะชายตัวใหญ่นั้นเห็นพวกเขาแล้ว และดูท่าจะวิ่งมาทางนี้แน่นอน

        ทุกคนต่างออกกันเต็มที่เพราะตอนนี้โดนชายตัวใหญ่วิ่งไล่อยู่ห่างๆ แต่ยิ่งพอเวลาผ่านไประยะห่างก็ยิ่งสั้นลงเรื่อยๆจนใกล้จะมาถึงตัว

        “แยก!” ลูเทียร์ที่วิ่งรั้งท้ายตะโกนขึ้น ก่อนที่อีฟและลอยด์จะวิ่งแยกกันไป ส่วนตัวเธอนั้นจะเป็นคนล่อเองเพื่อให้ทั้งสองคนหนีไปได้ โดยที่ระหว่างวิ่งไปก็ได้พยายามคิดวิธีเอาชนะอีกฝ่าย แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ดูไม่มีวิธีที่จะเอาชายคนนี้ลงได้เลย ขนาดชาย 12 คนยังเอาไม่อยู่ แล้วเธอคนเดียวจะทำอะไรได้ 

        “นี่ลุง! มาเล่นกับพวกผมด้วยซิ” ลอยด์ตะโกนพร้อมกับลินดาที่ยิงลูกหินใส่อีกฝ่ายไปหลายลูก

        “อย่าลืมฉันสิ” อีฟวิ่งมาข้างๆพร้อมกับยิงหน้าไม้ใส่ แต่ลูกธนูทั้งหมดก็ไม่แม้แต่จะสร้างความเสียหายให้เลย

        “เสียเวลาน่าเด็กๆ เอาแต่วิ่งหนีอย่างนี้ก็ไม่จบหรอก” ชายร่างใหญ่กระทืบเท้าลงพื้นสร้างหินขนาดเล็กขึ้นมาสะกัดเท้าของทั้งสามคนจนหน้าขมำ ก่อนที่เขาจะไถล่ตัวไปกับพื้นจนเป็นรอยทางยาว

        “วิ่งอึดกันดีนิ งั้นมาลองดูว่าพวกเธอจะสู้เก่งขนาดไหน”

        “คุณฮาเกนครับ เบาๆหน่อยก็ดีนะครับ คนที่คุณเพิ่งจัดการไปมีแต่พวกกระดูกหักทั้งนั้นเลย ทางกิลด์เราไม่ได้อยากจ่ายค่าเสียหายเยอะๆนะครับ” อยู่ๆชายที่สวมชุดคล้ายนินจาก็ได้เข้ามาแทรกบทสนทนา พร้อมกับปรามไม่ให้ฮาเกนนั้นลงมือเกินเหตุไป 

        “เออน่า ไม่ตายหรอก ไปดูแลทีมอื่นไป” ฮาเกนที่หัวเสียนิดหน่อยก็ได้ไล่อีกฝ่ายไป โดยที่เขานั้นน่าจะเป็นผู้ดูแลกิจกรรมนี้

        “เอาล่ะ มีเท่าไหร่ใส่มาให้หมดเลยเด็กๆ” 

        ทั้งสามคนมองหน้ากันว่าจะเอายังไงดีโดยที่คุยกันผ่านโทรจิตของอีฟ และเวลาไม่นานลูเทียร์ก็ได้ตัดสินใจใช้เวทย์ควบคุมบีบคอของฮาเกน ก่อนที่คนอื่นจะกระโดดเข้าไปรุมขณะที่อีกฝ่ายขยับตัวไม่ได้

        “สงสัยเพิ่งเคยใช้ได้ไม่นานสินะ” เพียงเสี้ยววินาทีฮาเกนก็ได้สร้างแท่งดินกระแทกเข้าที่ท้องของลูเทียร์ ก่อนจะเหวี่ยงแขนทั้งสองข้างไปโดนลอยด์และอีฟจนกระเด็น

        สถานการณ์ตอนนี้แทบจะไม่มีทางชนะได้เลยซึ่งทั้งสามก็รู้อยู่แต่แรกอยู่ ดังนั้นการหนีจึงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้พวกเขาสามารถอยู่รอดต่อไปได้ ลูเทียร์ได้ล้วงมือเข้าไปหยิบบางอย่างในกระเป๋าคาดเอวที่ลุคให้มา ก่อนจะหยิบได้ระเบิดควันและปาลงพื้นทันที พร้อมกับโทรจิตบอกอีกสองคนให้รีบหนีเพราะคงยื้อได้ไม่นาน

        ทั้งสามวิ่งไปคนละทางเพื่อไม่ให้ถูกจับตัวได้ง่ายๆ ส่วนฮาเกนผู้มีประสบการณ์การใช้ชีวิตอยู่ในป่าและด้วยการต่อสู้หลายปีที่ผ่านมา การจะให้เหยื่อที่ตั้งใจจัดการหนีรอดไปได้นั้นเป็นอะไรที่รับไม่ได้ ดังนั้นเจ้าตัวจึงยอมเสียมานาจำนวนหนึ่งเพื่อจัดการเหยื่อที่กำลังหนี

        “ย้า!” เขาสร้างลูกดินจำนวนมากรอบๆตัว ก่อนจะบังคับให้พวกมันกระจายออกเป็นวงกว้าง 

        ตุบ ตุบ ตุบ

        เสียงกระแทกพื้นดังชัดเจน บ่งบอกว่าคนทั้งสามที่วิ่งหนีนั้นโดนเล่นงาน ก่อนที่ฮาเกนจะเดินออกจากควันที่ยังฟุ้งอยู่รอบตัว ไปหาเหยื่อที่หนีออกไปได้ไม่ไกล

        “โฮ้ มีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยด้วยหรอเนี่ย” ฮาเกนยิ้มแย้มเพราะเจอคู่ต่อสู้ใหม่ ที่เป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคนที่กำลังพยุงทีมของลูเทียร์ไว้

        “ผมว่าเรามาสู้กับคนที่ระดับใกล้เคียงกันหน่อยดีกว่านะครับ” ฟารัสกล่าวขณะประคองร่างลูเทียร์ที่ช้ำจากการถูกลูกดินชน

        “จะเปลี่ยนตัวนักสู้หรอ ก็ได้ งั้นก็อย่าให้เสียเวลา เข้ามาทั้งสามคนนั้นแหละ”

 

        ทีมของฟารัสนั้นประกอบไปด้วยนักดาบหนึ่งคนซึ่งก็คือฟารัส คนที่สองเป็นนักสู้ชายร่างใหญ่ผู้ใช้ขวานที่มีด้ามจับยาวและชุดเกราะหนักเต็มตัวมีชื่อว่าร็อค ส่วนอีกคนเป็นนักธนูสาวผมยาวสีเขียวมิ้นต์ที่ดูอันตรายมีชื่อว่าจูเลียร์

        ทีมของลูเทียร์ถูกพาไปวางไว้ห่างจากจุดที่จะต่อสู้ ก่อนที่ทั้งสามจะวิ่งตรงเข้าหาฮาเกนที่กำลังยืนรออยู่ และคนแรกที่เปิดการต่อสู้ก็คือร็อคผู้ใช้ขวานที่วาร์ปไปด้านซ้ายของฮาเกน ก่อนจะหวดขวานเต็มแรงเข้าที่สีข้างจนเกิดเสียงดังสนั่นทั่วป่า

        ตึง

        “แรงดี แต่ยังไม่พอ” 

        เลือดไหลซึมออกมาจากปากแผลเล็กน้อย แม้ฮาเกนจะกันเอาไว้ได้ด้วยแขนที่เคลือบเวทย์คงกระพัน ก่อนที่เจ้าตัวจะเหวี่ยงหมัดขวาใส่ร็อค แต่ก็พลาดเพราะอีกฝ่ายสามารถวาร์ปหลบไปได้เสียก่อน

        ฉึก

        ลูกธนูพุ่งเข้าที่ลำคอแต่ไม่เข้าผิวหนังซึ่งมันมาจากนักธนูสาว ก่อนเธอจะยิ่งมันออกมาอีกหลายดอกซึ่งฮาเกนก็ไม่คิดแม้จะหลบเลยสักนิดเดียว เพราะวิถีนั้นมันไม่ได้ตรงมาทางเขา แต่ขณะที่กำลังจะหันไปสนใจฟารัสที่กำลังจะวิ่งเข้ามาอยู่นั้น อยู่ๆลูกธนูก็ได้พุ่งตรงเข้าที่ลูกตาของเขาก่อนที่มันก็ถูกคว้าเอาไว้ได้ทัน

        “เวทย์ควบคุมหรอ?” ฮาเกนหักลูกธนูคามือก่อนจะวิ่งตรงเข้าหาฟารัส

        ทั้งสองวิ่งเข้าใส่กันก่อนที่ฟารัสจะหายตัวไปจากการใช้เวทย์วาร์ป และมาโผล่บริเวณด้านหลังฮาเกนพร้อมกับแทงดาบเข้าที่แผ่นหลัง ซึ่งแม้แต่ฟารัสที่อยู่แรงค์แพลตตินั่มก็ไม่สามารถทำอะไรชายคนนี้ได้เลยได้แม้แต่นิดเดียว ฟารัสที่ไม่ยอมแพ้พอกระโดดหลบแขนที่เหวี่ยงมา เจ้าตัวก็ได้ใช้เวทย์สรรค์สร้างสร้างค้อนขนาดกลางออกมา ก่อนจะหวดเข้าที่เข่าขวาของฮาเกน

        “ไอ้พวกตัวแสบพวกนี้” ถึงจะไม่ได้เจ็บมากแต่พวกข้อต่อมักจะเป็นจุดที่โดนโจมตีแล้วจะปวดมากๆ ฮาเกนที่เคลือบด้วยเวทย์คงกระพันทั้งตัวก็ยังต้องบ่นออกมา

        ฟารัสที่เห็นอีกฝ่ายเจ็บจึงจะโจมตีอีกรอบ แต่ขณะกำลังง้างแขนอยู่นั้นแท่งดินก็ได้พุ่งเข้ามาโจมตีใส่ท้องจนเจ้าตัวกระเด็นไป ก่อนที่ฮาเกนจะคว้าค้อนที่หลุดมือฟารัสมาขว้างใส่จูเลียร์ที่อยู่บนต้นไม้ขณะกำลังจะยิงธนู ส่วนร็อคที่จะวิ่งเข้ามาช่วยก็ได้ถูกต่อยอย่างไม่ทันระวัง เพราะฮาเกนได้วาร์ปมาตอนไหนก็ไม่รู้

        “พอ เสียเวลาจริงๆ ไปหาออร์คสู้ด้วยยังสนุกกว่าอีก” ฮาเกนเดินบ่นออกไปจากจุดที่ยืนอยู่ ซึ่งทำให้ทั้งสามคนถึงกับไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น

        “อะไรของเขาน่ะ” นักธนูสาวถามเพื่อนๆหลังจากลงมาที่พื้น

        “สงสัยสู้กับพวกเราแล้วไม่สนุกมั้ง” ฟารัสที่กำลังจะลุกขึ้นมาได้ตอบกลับ

        “ฉันยังไม่ได้เอาจริงเลย แต่หมัดเมื่อกี้เอาฉันแทบสลบเลย” ร็อคเดินไปดึงแขนฟารัสให้ลุกขึ้น ก่อนจะพยุงตัวเพื่อนไปเพราะกำลังจุกอยู่

ทั้งสามเดินตรงไปหาทีมของลูเทียร์ที่นอนอยู่ตรงต้นไม้ แต่พอเดินไปถึงกับไม่มีใครอยู่ เหลือเพียงข้อความที่ถูกสลักเอาไว้ตรงต้นไม้

ขอบใจมากที่ช่วย เดี่ยววันหลังจะเลี้ยงข้าวนะ

        “ยัยหัวทองนั้นจริงๆเลย เขียนข้อความเอาไว้อย่างเดียวนี่นะ น่าจะมีเงินให้สักหน่อยก็ยังดี” นักธนูสาวบ่นออกมาพร้อมกับเอาเท้าเคาะพื้น

        “ฮ่าๆ อย่าคิดมากเลย เราเข้าไปช่วยเอง เขาไม่ได้ขอสักหน่อย” ฟารัสเดินไปโอบไหล่เพื่อนทั้งสองก่อนจะเดินเข้าไปในป่าต่อ

 

        ตอนนี้ลูเทียร์ ลอยด์ และอีฟนั้นหลังจากที่หนีออกมาได้ทั้งหมดก็ได้นั่งพักกันสักครู่เพื่อประชุมแผนกันต่อ แต่ก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะลงความเห็นว่าตอนนี้ควรจะพักให้หายดีก่อน เพราะบาดแผลของแต่ละคนนั้นถึงจะไม่หนักแต่ก็ทำให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ต่ำลง การรักษาแผลให้หายก่อนจึงจำเป็นอย่างยิ่งในการเอาตัวรอด

        ลูเทียร์เริ่มรักษาตัวเองให้เร็วที่สุดก่อนจะเริ่มไปที่ลอยด์และอีฟ ซึ่งก็หมดเวลาไปประมาณหนึ่งชั่วโมงนิดๆ 

        “หนูว่าเราควรเริ่มจัดการพวกมอนสเตอร์ได้แล้วนะค่ะ ถ้าช้ากว่านี้จะไม่ทันเอา” อีฟแนะหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์อันตรายมาหยกๆ

        “เป็นความคิดที่ดี เอาล่ะ งั้นได้เวลาออกล่าจริงๆซักที” ลูเทียร์ออกคำสั่งให้ทุกคนเริ่มการไล่สังหารมอนสเตอร์ทันที

        อีฟขึ้นไปที่สูงเพื่อหามอนสเตอร์เนื่องจากเธอตัวเบาที่สุด ก่อนจะใช้เวลาไม่นานที่เจอพวกก็อบลินที่ขี่หมาป่าอยู่ ซึ่งแผนการก็ไม่มีอะไรมากมาย เพียงแค่ให้ลินดาของลอยด์โจมตีพวกก็อบลินจากระยะไกลให้ตกหลังหมาป่า ก่อนที่จะทำการสังหารพวกมันให้เร็วที่สุด และนั้นก็เป็นแผนที่ทั้งสามได้ตกลงกันเอาไว้

        ลูกดินหลายสิบลูกได้พุ่งเข้าโจมตีที่หัวของก็อบลินจำนวนหนึ่งจนตกหลังหมาป่า ก่อนที่อีฟและลูเทียร์จะเขาประชิดตัวพวกมันและสังหารลงทันที ในขณะที่พวกมันยังคงตกใจกับการถูกโจมตีอยู่ แต่ในระหว่างที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดีนั้น ก็อบลินตัวอื่นที่รู้ตัวก็ได้เข้าโจมตีทั้งคู่ ลอยด์ที่อยู่ห่างๆจึงเข้าไปช่วยทันทีแต่ก็ถูกก็อบลินอีกกลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้

        ทุกอย่างดูเหมือนจะแย่เพราะจำนวนที่ต่างกัน แต่ที่จริงแล้วพวกก็อบลินต่างหากที่จะแย่ โดยทันทีที่ลอยด์ถูกล้อมลินดาก็ได้โจมตีพวกก็อบลินเกือบทั้งหมดจนตกหลังหมาป่า ส่วนลอยด์ก็ได้เข้าไปสังหารพวกมันพร้อมกับหลบหมาป่าที่กระโจนเข้ามา ทุกอย่างชุลมุนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่พวกก็อบลินที่ล้อมลอยด์ไว้จะตายลงในเวลาไม่นาน ส่วนทางด้านของอีฟและลูเทียร์ก็เหมือนกัน

        “เลือดเต็มตัวเลย” อีฟบ่นออกมาเพราะเธอไม่ชอบอะไรที่เหนียวๆ

        ทุกคนเริ่มทำการตัดใบหูของพวกก็อบลินและหมาป่า แต่แล้วในจังหวะที่กำลังอยู่นั้นเอง ออร์คตัวหนึ่งก็ได้โผล่ออกมาจากไหนไม่รู้ และได้เข้าโจมตีทุกคนโดยไม่เตรียมตัว แต่ลูเทียร์ที่ตั้งตัวได้ทันก็ได้ใช้เวทย์ควบคุมดันตัวมันเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ลอยด์และอีฟจะเข้าไปรุมฆ่ามันทันที

        “ถ้าพี่หยุดมันไม่ได้พวกเราแย่เลยนะครับ” ลอยด์กล่าวชมลูเทียร์ที่อีกฝ่ายตั้งสติได้ดีและหยุดออร์คตัวนี้ได้ทัน

        หลังจากผ่านเหตุการณ์ไม่คาดคิดไปได้ ทั้งหมดก็รีบลงมือจัดการเก็บหลักฐานต่อให้เร็วที่สุด ก่อนจะรีบเดินทางต่อไปหาทำเลที่พัก เพราะนี่ก็เริ่มอาทิตย์ตกดินแล้ว 

        ทั้งสามเดินผ่านต้นไม้มากมายก่อนจะตัดสินใจปักหลักที่พื้นที่โล่งจุดหนึ่ง ลูเทียร์กระจายงานให้ทุกคนไปทำ ตัวเธอจะออกไปหากิ่งไม้ ลอยด์จะหาอาหาร ส่วนอีฟจะไปดูรอบๆว่ามีศัตรูหรือมอนสเตอร์รอบๆรึเปล่า จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักทุกคนก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ปลาย่างของลอยด์ถูกเผาอย่างรวดเร็วด้วยอุปกรณที่เตรียมมา อีฟเล่าว่ารอบๆว่าเธอนั้นได้เจอกลุ่มอื่นประมาณ 2-3 กลุ่ม 

        “เรามารีบนอนก่อนจะไม่ได้นอนดีกว่า” 

        ลูเทียร์แนะนำอีกสองคนเพราะลุดคาดเดาไว้ว่าพอถึงเวลากลางคืน พวกมอนสเตอร์และกลุ่มอื่นๆจะเริ่มออกล่ากันอีกครั้ง เพราะยิ่งมืดก็ยิ่งเหมาะแก่การลอบโจมตี ดังนั้นหลังจากกินปลาย่างเสร็จในเวลาพระอาทิตย์ตกเย็นพอดี ทุกคนก็ได้ปีนขึ้นต้นไม้คนละต้นก่อนจะมัดตัวเองไว้เพื่อกันตก และหวังว่าในคืนนี้จะไม่มีใครมาโจมตีพวกเขาขณะพักผ่อน

        ความเงียบสงบของผื่นป่า เสียงสัตว์มากมายออกหากิน กลิ่นใบไม้ใบหญ้าและอุณหภูมิที่ลดต่ำลง ได้ปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมา ก่อนที่แสงสีแดงจะสว่างวาบท่ามกลางความมืดมิด บ่งบอกว่าเวลานี้มีทีมอื่นที่ยอมแพ้ไป

        ‘ป่าฝั่งนี้หายไป 5 ทีมแล้ว’ ลูเทียร์คิดในใจก่อนพยายามข่มตาหลับต่อ แต่แล้วเสียงใครบางคนก็ได้ดังขึ้น

        “เวร เวร เวร” ชายคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งออกมจากป่าก่อนที่จะล้มลงเสมือนว่าถูกอะไรโจมตี

        “จะหนีไปไหน ทิ้งเพื่อนอย่างนี้นิสัยไม่ดีเลยนะ” ชายผมยาวค่อยปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า ก่อนจะเดินไปนั่งทับชายที่ล้มลงและเคาะหัวไปสองสามที

        “แกนี่โชคดีจังนะ กับดักของพวกข้าก็มีตั้งเยอะแต่แกดันไม่โดนเลยซักอัน รู้ไหมมันทำให้ข้านะ ตัวสั่นไปเลยล่ะ มันแบบอยากจะฆ่าแกให้ตายๆไปซะ” พูดจบเจ้าตัวก็ได้ลุกขึ้นก่อนจะกระทืบเข้าที่ศอกขวาจนเกิดเสียงดังกรุบ พร้อมกับเสียงร้องอันเจ็บปวดของชายที่นอนอยู่กับพื้น 

        “อีกหน่อยละกัน” เจ้าตัวเดินไปขาขวาก่อนจะยกมันขึ้นมาและบิดข้อเท้าจนหัก

        “ยังไม่พอใจเลยว่ะ ขออีกหน่อยละกัน” เป้าหมายคราวนี้ดูเหมือนจะเป็นคอ

        ชายผมยาวรุงรังเดินเข้าไปล็อคคออย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆออกแรงรัดขึ้นเรื่อย โดยที่ชายคนนั้นก็เริ่มตาเหลือกขึ้นทุกที

        ฉึก

        อยู่ๆก็ได้มีมีดพุ่งปักลงมาที่พื้นที่ชายทั้งสองอยู่ ก่อนที่จะปรากฏเป็นชายสวมชุดคล้ายนินจาออกมาจากที่มืดหลังต้นไม้

        “หยุดแค่นั้นแหละ ทีมนั้นประกาศถอนตัวแล้ว นายไม่มีสิทธิ์กระทำอะไรกับทีมนี้ได้อีก” เขาเดินไปหยิบมีดพร้อมกับจ้องมองชายผมยาว

        “ก็ได้” ชายผมยาวชูมือขึ้นก่อนจะค่อยเดินถอยออกไปเล็กน้อย 

        ทั้งหมดอยู่ในความเงียบก่อนที่อยู่ๆชายผมยาวจะพุ่งตัวหมายจะปลิดชีวิตชายที่มาขวาง แต่ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรลูกเตะอันรุนแรงก็ได้ส่งร่างชายผมยาวกระเด็นไปชนกับต้นไม้จนเกิดเสียงดัง ก่อนที่จะกระอักเลือดออกมา

        “หาเรื่องจริงๆ” เขาเดินไปอุ้มชายที่โดนทำร้ายก่อนจะหายตัวไปในความมืด

        ‘ว้าว สุดยอดไปเลยนะนั้น’ อีฟรู้สึกทึ่งมากๆกับภาพที่เห็นเมื่อครู่ 

        ตอนแรกทุกคนก็มีความเห็นว่าจะลงไปช่วย แต่ลูเทียร์นั้นเธอพอทราบว่าทีมดูแลจะเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งมันก็เป็นอย่างว่าแต่ก็ดูเหมือนจะสายไปนิดหน่อย เลยทำให้ผู้เข้าร่วมคนนั้นบาดเจ็บจากการโดนทำร้ายไป 

        เมื่อเหตุการณ์ร้ายผ่านไปทุกคนก็ได้นอนพักกันต่อ จนเวลาผ่านไปเสียงร้องบางอย่างได้ดังขึ้นไม่ไกลอีกครั้ง ทุกคนสะดุ้งตื่นเนื่องจากเป็นเสียงร้องเหมือนกับเกิดเหตุร้าย ก่อนที่จะมีพลุแดงถูกจุดขึ้นอีกครั้ง 

        ‘นอนต่อเถอะ คงมีพวกลอบโจมตีอีกรอบแน่ๆ’ ลูเทียร์บอกทั้งสองคน ก่อนทั้งหมดจะข่มตาหลับต่อ

        ผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้มีเสียงวิ่งของคนและมาหยุดใกล้ๆที่ทุกคนกำลังนอนอยู่ ลูเทียร์ลืมตาขึ้นมาดูก่อนจะเห็นชายคนหนึ่งกำลังนั่งหอบพิงต้นไม้ พร้อมกับอาการกระสับกระส่ายหันไปมาเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง เขากำมีดสั้นในมือจนแน่นก่อนจะออกวิ่งอีกครั้ง แต่เพียงแค่ก้าวเดียวก็ทำให้เขาต้องเจอจุดจบ

        “ช่วยด้วย!” 

        สิ่งที่เกิดขึ้นก็คืออยู่ๆก็ได้มีงูขนาดยักษ์ที่ใหญ่พอจะกลืนคนเข้าไปได้ทันที ซึ่งมันได้พุ่งจู่โจมชายคนนั้นก่อนจะรัดตัวและกลื่นเขาลงไปอย่างรวดเร็ว ภาพทุกอย่างแสดงอยู่ตรงหน้าลูเทียร์ ลอยด์ และอีฟที่บังเอิญตื่นขึ้นมาพอดี มันทำให้ทุกคนได้เห็นการสังหารที่น่ากลัวและไม่อาจจะลืมมันได้ลงง่ายๆ

        ตู้ม

        ไฟสีแดงพุ่งเข้าโจมตีงูยักษ์ที่เพิ่งจะกลืนคนลงไปอย่างไม่ให้มันรู้ตัว ก่อนที่ชายคนหนึ่งพร้อมกับกิ่งก่าที่มีไฟลุกบนตัวจะเดินออกมาจากความมืด

        “มาสายไปหรอเนี่ย โดนหักเงินแน่เรา” ชายผมดำใบหน้าหล่อเหลาพูดขึ้น ก่อนจะสั่งให้กิ่งก่าบนไหล่โจมตีใส่งูยักษ์

        งูยักษ์ที่สามารถใช้เวทย์ได้ก็ได้พ่นน้ำออกมาต้านไฟจากกิ้งก่า จนเกิดเป็นกลุ่มควันจำนวนมากจากการระเบิดของน้ำและไฟที่ชนกัน แต่ทางด้านของทั้งสามคนที่อยู่บนต้นไม้สูงกลับไม่ได้ผลกระทบเท่าไหร่ และเสียงการต่อสู้ด้านล่างก็ได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด จนในจังหวะที่ทุกคนกำลังจดจ่อนั้นเอง

        “งู! งู!” ลอยด์ตะโกนออกมาจนทำให้สองคนหันมาดู ก่อนจะพบว่ามีงูตัวใหญ่อีกตัวกำลังเลื้อยขึ้นมาตรงที่เขาอยู่

        ลอยด์ไม่รอช้ารีบแก้เชือกก่อนจะลงไปข้างล่างโดยการโอบต้นไม้และไถลตัวไปจนลงถึงพื้น และไม่ทันที่จะได้ดีใจเสียงจากด้านบนก็ได้บอกมางูมันเลื้อยตามลงไปแล้ว ลอยด์รีบหันซ้ายหันขวาหาที่หลบทันที แต่ไม่ทันที่จะได้ก้าวขาซักข้างก็ได้มีอะไรบางอย่างชนเข้ากับร่างอย่างแรง จนเขาเกือบจะสลบไปทันที

        “เวรเอ้ย!” ลอยด์ลืมตาขึ้นมองกลุ่มควันที่ลอยไปมา ก่อนจะเห็นเงาขนาดใหญ่ที่ตรงมาทางเขา และรู้ได้เลยว่ามันคืองูตัวที่ตามเขามาแน่ๆ แต่ตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่มีแรงที่จะลุกขึ้นได้เลย ส่วนลินดานั้นก็ได้กระเด็นไปไหนก็ไม่รู้ 

        งูยักษ์เลื้อยมาหยุดตรงหน้าลอยด์อย่างช้าๆ ก่อนจะอ้าปากเผยเขี้ยวยาวที่มีพิษไหลลงมา แล้วมันก็ได้ฉกลงไปที่ลอยด์อยู่อย่างรวดเร็วหมายจะสังหารเหยื่อ

        “ลอยด์! ลอยด์!” ลูเทียร์ตะโกนเรียกก่อนจะพบกับงูยักษ์ที่หน้าจุ่มพื้นอยู่ข้างต้นไม้ 

 

        “ไม่เป็นอะไรนะเจ้าหนู” เสียงชายหนุ่มพูดขึ้นโดยมีแสงจันทร์สาดส่องจากด้านหลังของเขา เผยให้เห็นโครงร่างของชายตรงหน้าว่าเขานั้นมีเส้นผมดำตรงยาว รูปหน้าสวยงามเหมือนเทพธิดา ชุดเกราะสีเงินสะท้อนแสงพร้อมกับดาบ และใบหูที่ชี้ยาว

        “เอลฟ์!” ลอยด์แหกตาสะดุ้งกับภาพตรงหน้าทันที เพราะไม่คิดว่าจะเจอกับตำนานอย่างนี้

        “ไม่ต้องตกใจไปข้าชื่อโลเวล บุตรแห่งเรนเดลและเอวา และเดี่ยวข้าจะกลับมา” โลเวลเจ้าชายเอลฟ์ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ และได้บังเอิญช่วยลอยด์ในสถานการณ์คับขันเอาไว้ได้อีก ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินตรงไปยังสถานที่ต่อสู้ โดยที่ได้มีใบไม้ขึ้นมาปิดหน้าจนกลายเป็นหน้ากาก ที่ปกปิดไม่ให้ใครรู้ว่าเขานั้นคือเอลฟ์

 

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.