ตอนที่ 2 ครอบครัวใหม่

บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง

-A A +A

ตอนที่ 2 ครอบครัวใหม่

เมื่อพลบค่ำมาถึง จางอี้เทานั่งเหม่อมองตะวันกำลังลับขอบฟ้า แสงสีส้มช่างให้ความรู้สึกที่เศร้าหมองเหมือนดั่งครอบครัวของเขาในตอนนี้ 

ครอบครัวจาง แต่เดิมเป็นคนในพื้นที่เมืองหลวง ถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้เป็นบุตรชายของฮูหยินเอกเพราะนางหูไป๋หงนั้นเป็นเพียงฮูหยินรองของคหบดีค้าผ้า แต่บิดากลับรักใคร่มารดาเขามากกว่าใคร ส่งผลให้ตัวเขาได้รับความรักความโปรดปรานจากบิดาไม่น้อย 

เขาได้รับการศึกษาเล่าเรียนดั่งคุณชายคนหนึ่งจนสำเร็จเป็นบัณฑิต ต่อมาก็ทำงานเป็นอาจารย์ในสำนักศึกษา เมื่อถึงเวลาแต่งงานมีครอบครัว บัณฑิตหนุ่มก็พบรักกับหลี่อ้าย ลูกสาวร้านผ้าปักที่เป็นคู่ค้ากับตระกูลมาช้านาน เมื่อแต่งงานกันได้หนึ่งปีก็มีจางอี้หมิงเป็นโซ่ทองคล้องใจ 

สิ่งเหล่านี้สร้างความไม่พอใจให้กับฮูหยินใหญ่ นางคิดเสมอว่าฮูหยินรองและบุตรชายไม่สมควรเทียบเคียงนางซึ่งถูกยกย่องเป็นเมียเอก หลังจากที่บิดาถูกโจรดักปล้นและเสียชีวิตในระหว่างเดินทางไปทำการค้าต่างเมือง ฮูหยินใหญ่ไม่แม้แต่จะให้เขาและมารดาได้ทำพิธีเคารพศพบิดาเป็นครั้งสุดท้าย นางมอบหนังสือแยกบ้านรองออกจากตระกูลหลัก หยิบยื่นเงินมาให้เล็กน้อยและไล่มาอยู่บ้านบรรพบุรุษที่หมู่บ้านหลัวถงแห่งนี้ 

แต่แค่นั้นคงยังไม่พอใจท่านเทพแห่งโชคชะตา ระหว่างที่เดินทางมาหมู่บ้านของบรรพบุรุษ เขาหอบความหวังอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่มาเต็มเปี่ยม แต่ความหวังนั้นก็ถูกทำลายลงเมื่อ

ครอบครัวของเขาถูกโจรดักปล้น ถึงแม้ว่าจะรอดชีวิตมาได้ แต่ก็ต้องแลกไปกับทรัพย์สินทั้งหมดที่หอบหิ้วมาจากเมืองหลวง โชคยังดีที่หลี่อ้ายคว้าเอาห่อผ้าใส่โฉนดที่ดินของบ้านบรรพบุรุษและหนังสือแยกบ้าน รวมถึงเครื่องประดับเล็กน้อยไว้ได้ 

เมื่อหนีจากกลุ่มโจรมาจนพ้น จางอี้หมิงเริ่มจับไข้ไม่ได้สติหลายวัน กว่าจะมาถึงหมู่บ้านหลัวถง บุตรชายของเขาก็อาการหนักมากแล้ว เวลาผ่านไปจากหนึ่งวันเป็นหนึ่งเดือน แต่บุตรชายของเขายังคงไม่ฟื้นขึ้นมา 

นับว่าสวรรค์ยังเมตตาอยู่บ้างที่คนในหมู่บ้านให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะหัวหน้าหมู่บ้านอย่างท่านลุงซุนถงที่รวบรวมชาวบ้านมาช่วยปลูกบ้านให้อยู่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่กระท่อมปลายนา ไม่มีแม้แต่ห้องนอนให้หลับสบาย เป็นแค่ห้องกว้าง ๆ ที่มุงหลังคาด้วยหญ้าเท่านั้นแต่เขาก็รู้สึกซึ้งใจมาก 

ยังดีที่มีบ้านเป็นของตนเองไว้อาศัย แต่ความกังวลใจยังไม่หมดแค่นั้น เหมันต์ฤดูใกล้เข้ามาทุกที อีกเพียงไม่ถึงสามเดือน จางอี้เทาไม่แน่ใจเลยว่าสภาพบ้านหลังนี้จะทนทานได้หรือไม่ 

อาหาร ข้าวสาร เสื้อผ้า ชาวบ้านต่างนำมาบริจาคให้กับครอบครัวของเขา ถึงแม้จะยากจนแต่ก็มากไปด้วยน้ำใจ แตกต่างกับชาวเมืองหลวงบางกลุ่ม 

“ท่านพี่ มานั่งเหม่อตรงนี้อีกแล้วนะเจ้าคะ” หลี่อ้ายส่งเสียงทัก นางเดินลงมายอบตัวนั่งข้างๆ 

“น้องหญิง...พี่ขอโทษ พี่มันเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ใช้ไม่ได้”

“ท่านพี่ อย่าได้ตำหนิตนเองเช่นนี้ แค่พวกเรายังมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ดีที่สุดแล้ว เงินทองเราค่อยหามาเพิ่มทีหลังนะเจ้าคะ เชื่อข้า...พวกเราจะต้องมีชีวิตที่ดีได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” 

หลี่อ้ายกล่าวปลอบใจพลางดึงจางอี้เทาเข้ามาสวมกอดไว้ นางส่งกำลังใจผ่านอ้อมกอดนี้อย่างอบอุ่น ทำไมจะไม่รู้ว่าสามีต้องแบกรับภาระมากมายไว้บ่นบ่าทั้งสองนั้นมากขนาดไหนในฐานะหัวหน้าครอบครัว

สามีของนางเป็นบัณฑิต มือเคยจับแต่พู่กัน งานต่าง ๆ ล้วนมีบ่าวคอยรับใช้ เกิดและเติบโตมาดั่งคุณชาย เสื้อผ้าอาภรณ์ล้วนเป็นผ้าไหมที่ตัดเย็บอย่างประณีต อาหารการกินเลือกเอาวันละสามอย่างไม่เคยซ้ำ รูปโฉมงดงาม เนื้อตัวสะอาดสะอ้านปราศจากกลิ่นเหงื่อไคล ท่วงท่าการก้าวย่างล้วนงามสง่าสมกับเป็นบัณฑิต ใครเล่าจะคิดว่าเพียงชั่วข้ามคืนชีวิตจะพลิกผันได้ปานนี้ 

บ้านที่อยู่ในตอนนี้ไม่ต่างอันใดกับกระท่อมปลายนา เสื้อผ้าที่สวมใส่เนื้อหยาบ อาหารการกินทั้งหลายต้องประหยัด บางวันถึงกับต้องอด เพื่อเหลือน้ำข้าวต้มจากธัญพืชหยาบไว้คอยป้อนให้กับจางอี้หมิง มือที่เคยจับแต่พู่กันต้องมาจับจอบจับเสียม ในช่วงแรก ๆ ที่สามีนางกลับมาจากทำงานในไร่ มือของเขาเต็มไปด้วยตุ่มแตกเป็นน้ำใส ๆ ที่สร้างความเจ็บปวดให้กับสามีนางเป็นอย่างมาก 

แม่สามีก็อายุมากแล้วทำอันใดมากไม่ได้ ส่วนนางต้องคอยดูแลจางอี้หมิงที่เจ็บไข้ จางอี้เทาจึงเป็นเสาหลักเสาเดียวของครอบครัวในตอนนี้ เขาต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อดูแลมารดาและภรรยาได้อย่างดีมาโดยตลอด ทำหน้าที่พ่อให้จางอี้หมิงอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง 

แน่นอนว่าบัณฑิตอย่างจางอี้เทาไม่เคยได้ทำงานหนักมาก่อน ในตอนแรกแม้แต่จะพรวนดินยังยากนักหนา แต่ก็ได้ซุนซูเย่ บุตรชายของหัวหน้าหมู่บ้านคอยสั่งสอน ถือได้ว่าครอบครัวจางติดหนี้บุญคุณครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านมากมายจริง ๆ 

“ท่านพี่ เข้าไปในบ้านเถอะเจ้าค่ะ เย็นแล้ว น้ำค้างเริ่มลง ท่านสมควรได้พักผ่อน พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานในไร่ของพี่ซูเย่อีก” 

จางอี้เทาไม่ได้พูดอะไร เขาลุกขึ้นยืนและเดินตามภรรยาเข้าไปในบ้าน 

***

***

ในคืนนั้น ชายที่อยู่ในร่างเด็กน้อยนามจางอี้หมิงได้ฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง ข้างกายมีนางหูไป๋หง ท่านย่าของร่างนี้นอนอยู่ข้าง ๆ เขากวาดสายตามองไปรอบด้าน เตียงนอนเป็นแคร่ไม้ไผ่ ตัวเขานอนกับนางหู ส่วนบิดามารดานอนถัดไปอีกแคร่ที่อยู่ใกล้ๆ 

เขานอนเรียบเรียงความคิดเงียบ ๆ คนเดียว จนความทรงจำของร่างใหม่และความทรงจำเดิมผสานกันอย่างสมบูรณ์ 

อานนท์ วังศรีซ้ายคือเขาในโลกเดิมก่อนที่จะมาอาศัยอยู่ในร่างจางอี้หมิง เขาเติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ้านอุ่นไอรัก เรียนจบแค่ชั้น ปวส. การตลาด ภาคค่ำ เขาไม่ใช่คนที่เรียนเก่งหรือหน้าตาโดดเด่นอะไรเลย เป็นมนุษย์ที่พบเห็นได้ทั่วไปอย่างดาษดื่น 

เป็นคนที่มีฝีมือการทำอาหารในระดับที่น่าจับตามอง ไม่ได้อยากจะคุยโวแต่ลูกค้าหลายคนถึงกับออกปากแนะนำว่าควรไปแข่งซูเปอร์เชฟไทยแลนด์เลยทีเดียว เขามีลูกค้าประจำหลายสิบคนแวะเวียนมาอุดหนุน ทั้งลูกค้าเก่าลูกค้าใหม่เวียนไปเรื่อย ๆ ให้พอได้มีเงินใช้ ชีวิตราบเรียบ ไม่มีอะไรโลดโผนตื่นเต้นเหมือนในหนัง 

ส่วนอาชีพรองคือ นักวิจัยข้อมูล ก็พูดไปซะหรูอย่างงั้นแหละ ความจริงแล้วมันคือการรับจ้างค้นคว้าหาข้อมูลในอากู๋นั่นเอง คนจ้างมีตั้งแต่เด็กมัธยมไปจนถึงพนักงานบริษัท ลูกค้าหลักๆเลยมี 2 ประเภทคือกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และอีกกลุ่มคือนักเขียน หากแปลกใจว่าทำไมจึงมีนักเขียนเข้ามาอยู่ในลูกค้าหลัก อานนท์ก็จะขอตอบอย่างง่ายๆว่ามาจ้างหาข้อมูลประกอบการเขียน 

โดยเฉพาะนักเขียนแนวจีนโบราณ คิดดูว่าประเทศจีนมีประวัติศาสตร์มายาวนานแค่ไหน ในแต่ละยุคแต่ละสมัยมีวัฒนธรรมที่ต่างกันออกไป เขามีหน้าที่ในการค้นคว้าและสรุปย่อยเรื่องราวออกมาให้ผู้จ้าง ซึ่งนับว่าเป็นงานที่เขาชอบนะ มันทำให้ได้ความรู้เยอะเลยเพราะปกติเขาก็เป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว พอมาทำงานด้านนี้มันเลยเข้าทางซะอย่างนั้น 

อาจจะเพราะวัน ๆ เอาแต่ทำงานประจำและงานหาข้อมูล ยี่สิบสี่ชั่วโมงในหนึ่งวันก็หมดไปซะแล้ว อานนท์จึงยังคงสถานะโสด เขาไม่เคยมีแฟน จะว่าไปแล้วการเติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้ามีข้อดีอยู่นะ เพราะว่ามันทำให้เขาแข็งแกร่งทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ งานทุกอย่างที่ทำเงินได้ อานนท์รับทำเกือบทั้งหมด 

วันพรุ่งนี้เขาจะอายุครบ 25 ปี อานนท์จึงขอลางานกับเจ้านายไว้เป็นที่เรียบร้อย เขาวางแผนว่าจะกลับไปบ้านอุ่นไอรัก บ้านเด็กกำพร้าที่ทำให้เขาได้เติบโตมา ทุกวันเกิดตั้งแต่ออกมาอยู่ตัวคนเดียว เขาจะกลับไปเยี่ยมน้อง ๆ และแม่ครูพร้อมกับเลี้ยงอาหารทุกปี แม้ว่าทุกเดือนเขาจะนำเงินไปให้แม่ครูส่วนหนึ่งอยู่แล้ว

ในคืนนี้ขณะที่อานนท์กำลังนั่งหาข้อมูล ในตอนแรกคิดว่าจะไม่รับแต่เพราะผู้ว่าจ้างต้องการข้อมูลด่วน ทำให้ค่าจ้างสูงขึ้นมาเท่าตัว เขาจึงตกลงรับงานอย่างไม่ลังเล ได้เงินเพิ่มมาอีกหน่อยจะได้เอาเงินให้แม่ครูมากขึ้น 

แต่เพราะตอนกลางวันอานนท์ต้องไปขายอาหารตามสั่ง ช่วงนี้เป็นวันหยุดยาวติดกันหลายวัน ทำให้คนจึงไปเดินห้างเยอะขึ้น โอกาสทองแบบนี้ต้องรีบกอบโกย เขาขายอาหารไม่หยุดพักจนห้างปิดในเวลาเกือบสี่ทุ่ม กลับมาห้องแล้วยังต้องนั่งทำงานหาข้อมูลในเวลาดึกดื่น ดังนั้นร่างกายอานนท์จึงรับไม่ไหวทำให้วูบและหมดสติไป 

การหมดสติไปของเขาในวันนี้มันไม่ใช่จุดจบของชีวิต หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ อานนท์ไม่รู้ว่ามันคือความฝันหรือความจริงกันแน่ การตื่นขึ้นมาในร่างเด็กชายแถมยังอยู่ในยุคสมัยจีนสมัยโบราณแบบนี้อีกยากจะทำใจยอมรับ

ก่อนอื่นเขาต้องรู้ให้ได้ว่ายุคนี้มันมีในประวัติศาสตร์หรือเปล่า หรือมันแค่เป็นโลกคู่ขนานเหมือนในนิยายที่เขาเคยอ่านมา คงต้องรีบหาคำตอบให้ไวที่สุด ท่านเทพหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขาได้มาเกิดใหม่ในร่างนี้ ขอร้องล่ะอย่าให้เขาได้เกิดใหม่ในยุคที่มีสงครามเลย ถ้าจะแย่ขอเพียงแค่เป็นยุคที่ข้าวยากหมากแพงก็พอ แต่เขาต้องเดินหน้าต่อไป ไม่แน่ว่าในครั้งนี้เขาอาจจะได้มีครอบครัวอย่างที่ใฝ่ฝันเอาไว้เสียที...หรือเปล่านะ

ตัวเขาเองเป็นนักวิจัยค้นคว้าข้อมูล หาอ่านเรื่องพวกนี้มาก็เยอะ การทำใจยอมรับจึงเป็นเรื่องที่อาจจะง่ายกว่าคนอื่น แต่สิ่งหนึ่งที่อานนท์รู้สึกว่ามันขาดไปคือระบบมิติต่างๆหรือสัตว์เทพ พวกมันมีอยู่ในนิยายหลายเรื่อง บางเรื่องที่เคยอ่านก็มีพลังวิเศษติดตัว ทว่าเวลาผ่านมาหนึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย 

พลังวิเศษ สัตว์เทพ ระบบมิติ หรือเรื่องราวชวนให้อัศจรรย์ใจ...ไม่มีเลย 

ไม่มีสักอย่าง มีแค่ตัวเขาในร่างจิ๋วและครอบครัวธรรมดาๆที่ไม่ได้ร่ำรวยเป็นขุนนางในเมือง เฮ้อ! พลังเทพดูท่าจะไม่มีอยู่จริง แล้วเขาที่เป็นแค่คนธรรมดาๆในโลกที่จากมาจะทำอะไรได้  ความสามารถพิเศษอะไรที่จำเป็น...ไม่มีสักอย่าง

ดูท่าว่าชีวิตจริงมันจะไม่สวยหรูเท่าในนิยายแฮะ...

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้เขาได้มีโอกาสใช้ชีวิตอีกครั้ง

แม้จะกังวลแต่ความโชคดีนี้เขาขอรับเอาไว้เอง

ตอนนี้เขาคือ จางอี้หมิง อายุ 5 ขวบ บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง

แต่พระเจ้า การมีครอบครัวที่อบอุ่นมันก็ดีนะ แต่ไหง..ทำไมถึงยากจนถึงขนาดนี้

เมื่อมีสิ่งที่ดี ๆ เกิดขึ้น ย่อมต้องมีบททดสอบตามมาด้วย ดูท่าจะจริงดั่งเขาว่า

แต่เขาไม่ขอยอมแพ้หรอก

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.