บทที่๓๐

สุภาพบุรุษสุดดวงใจ

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่๓๐

ทางด้านเขมนันท์ก็ยิ้มเมื่อตำรวจเดินเข้าไปข้างในร้าน เมื่อประภาเห็นผู้เป็นสามียิ้มก็พอจะเดาอะไรออก

“นี่ใช่ไหมคะแผนการของคุณ”

อีกฝ่ายพยักหน้า

“ใช่! นี่แหละแผนการของผม เป็นไงล่ะ”

“คุณพ่อของผมสุดยอดไปเลยครับ” ภูริชยกนิ้วโป้งให้พ่อ

เขมนันท์ยิ้มรับ

“ขอบใจมากลูกชาย”

“คุณพอจะเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมคะคุณเขม” ประภาอยากรู้

ผู้เป็นสามีพยักหน้าอีกครั้ง

“เมื่อเช้าผมจ้างให้พนักงานคนหนึ่งแอบเอายาเสพติดไปซุกซ่อนใต้ตู้กระจกวางเครื่องประดับ”

“แล้วถ้าพนักงานคนนั้นถูกจับได้ เขาจะไม่ซัดทอดมาถึงตัวคุณเหรอคะ”

“ไม่ต้องเป็นห่วง ผมทำลายหลักฐานแล้ว”

“หมายความว่า...”

“พนักงานคนนั้นได้หายไปจากโลกนี้แล้ว”

“คุณนี่เยี่ยมจริงๆ เลยค่ะ” เธอยิ้ม

ที่แท้เขมนันท์นี่เองที่โทรแจ้งตำรวจให้มาที่นี่ เพราะเมื่อเช้าเขาได้วางแผนจ้างให้พนักงานในบริษัทที่มาร่วมงานนี้เอายาเสพติดไปซุกซ่อนใต้ตู้กระจกวางเครื่องประดับ เมื่อพนักงานคนนั้นทำงานให้เสร็จแล้วเขาก็จัดการฆ่าปิดปากทันที และเอาศพไปโยนทิ้งไกลๆ นี่คือแผนการทำลายปราภพกับลูกชาย

 

ตำรวจตรวจค้นทุกซอกทุกมุมของร้านก็ไม่พบยาเสพติดตามที่มีคนแจ้งไป จึงพากันออกจากร้านไปและขอโทษปราภพ

“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เสียเวลา”

“ไม่เป็นไรครับ...ผมว่าต้องมีคนจงใจใส่ร้ายผมแน่ๆ” ปราภพว่า

ตำรวจทั้งสองนายจึงขอตัวกลับโรงพักไป

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

ทั้งเจ็ดคนประนมมือไหว้ตำรวจ แล้วตำรวจก็ผละไป

คล้อยหลังตำรวจปาณัทก็พูดว่า

“โชคดีนะครับที่เมื่อเช้าผมไปเห็นเข้าก็เลยเอามันไปทิ้งได้ทันก่อนที่ตำรวจจะมา”

“เหมือนมีคนจงใจทำลายพวกเรานะครับคุณพ่อ” เป็นเอกว่า

ผู้เป็นพ่อทำหน้าคิดตาม

“ก็อาจจะใช่ แต่เป็นใครล่ะ”

“นั่นสิคะ...ใครกันที่ทำแบบนี้” พรรณนิภาสงสัย

“ใครที่มันจงใจทำลายพวกเรา ถ้ารู้ว่าทำไม่สำเร็จคงจะผิดหวังน่าดู” คุณนภาลัยยิ้ม

ปราภพเห็นด้วยกับผู้เป็นแม่

“มันคงจะผิดหวังหนักเลยละครับคุณแม่”

ที่คุณนภาลัยกับปราภพพูดเป็นจริง ตอนที่เขมนันท์เห็นตำรวจเดินออกมาร้านโดยไม่มีของกลางก็รู้ทันทีว่าไม่พบ เขามีสีหน้าผิดหวังและผิดแผน

“โธ่เอ๊ย! มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงวะ” เขาพึมพำกับตัวเอง แต่ผู้เป็นภรรยาได้ยิน

“สุดท้ายก็ไม่ได้เรื่องอีกเหมือนเดิม”

“คุณหยุดซ้ำเติมผมได้ไหมคุณภา” เขาไม่พอใจ

เจ้าหล่อนลอยหน้าลอยตา

“ทำไมคะ ฉันพูดเรื่องจริง คุณวางแผนมากี่ครั้งก็ไม่เห็นจะได้เรื่องเลยสักครั้ง”

“ถ้าคุณเก่งนักคุณก็ทำเองเลยดีไหม” พูดอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะผลุนผลันออกไป

ประภามองตามหลังสามีอย่างไม่พอใจ

“ไอ้บ้าเขม!” ก่อนจะเดินตามไป

ภูริชสั่นศีรษะอย่างเหนื่อยใจกับพ่อและแม่ที่ทะเลาะกันได้ทุกวัน แล้วเขาก็เดินตามไปอีกคน

หลายครั้งแล้วที่เขมนันท์กับประภาคิดวางแผนจะทำลายปราภพกับลูกชายฝาแฝด แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ผล เพราะปราภพกับลูกชายฝาแฝดรอดไปได้ทุกครั้ง ก็เลยสร้างความผิดหวังให้แก่ทั้งสองคนสามีภรรยาอย่างแรง เพราะไม่สามารถทำอะไรทั้งสามคนพ่อลูกได้ แต่ก็ยังไม่เลิกคิดที่จะทำลายต่อไป...จะทำจนกว่าจะสำเร็จเลยละ

เปิดร้านวันแรก...เครื่องประดับเพชรพลอย แก้วแหวนเงินทอง อัญมณี และอีกหลายชิ้นถูกขนมาจากบริษัทบวรเทพ จิวเวลรี่ มาวางในตู้กระจกโชว์ แสงเพชรเปล่งประกายเจิดจรัส น่าจับจองเป็นเจ้าของกันเลยทีเดียว แต่บางคนใจถึงก็ตัดสินใจซื้อทันที และบางคนซื้อแหวน บางคนซื้อสร้อยคอ บางคนซื้อกำไล อยู่ที่ว่าใครจะเลือกซื้อจิวเวลรี่ชิ้นไหนก็เท่านั้นเอง

ปราภพจ้างให้พนักงานในบริษัทมาเป็นพนักงานขายประจำร้านจำนวนหลายคน แบ่งหน้าที่กันทำ

ขนาดวันนี้เพิ่งจะเปิดร้านวันแรกยังมีคนเข้ามาอุดหนุนเพียบ ไม่กล้าคิดเลยว่าวันต่อๆ ไปจะมีคนซื้อเยอะขนาดไหน แต่จิวเวลรี่แต่ละชิ้นสวยจริงไม่จกตา รับประกันได้จากบริษัทบวรเทพ จิวเวลรี่ ได้นักออกแบบเครื่องประดับเพชรพลอยชื่อดังมาออกแบบให้กับทางบริษัท ผลงานจึงออกมาดีที่สุดนั่นเอง!

 

คุณนภาลัย ปราภพ พรรณนิภา ปาณัทและเป็นเอกกลับมาบ้านในช่วงค่ำ กำลังนั่งคุยกันในห้องโถงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ขนาดเปิดร้านวันแรกยังมีคนซื้อเยอะขนาดนี้ ผมว่าไม่ธรรมดาเลยนะครับคุณแม่” ปราภพพูดกับผู้เป็นแม่ยิ้มๆ

ประมุขของบ้านพยักหน้า

“ใช่! คนซื้อเยอะ...ก็เพราะว่าจิวเวลรี่ของเราสวยจริงๆ ไม่จกตา เพชรเม็ดงามเปล่งแสงแพรวพราวจนเข้าตาคนที่ไปร่วมงาน จนพวกเขาต้องรีบซื้อจับจองเป็นเจ้าของในทันที”

“ต้องชื่นชมไอเดียของคุณพ่อที่ให้ซื้อร้านนั้น ผมว่าทำเลตรงนั้นก็ดีนะครับ อยู่ติดถนนใหญ่ คนขับรถผ่านไปมามากมาย ถ้ามีคนคิดอยากจะซื้อก็จอดรถซื้อสะดวกครับ” ปาณัทยิ้ม

ส่วนเป็นเอกก็พูดว่า

“คนที่ไปร่วมงานใจถึงกันทุกคนเลยนะครับ พวกเขาซื้อจิวเวลรี่คนละชิ้นสองชิ้น บางคนก็ซื้อแหวน บางคนก็ซื้อสร้อยคอ บางคนก็ซื้อกำไล แต่ละคนซื้อแบบไม่เสียดายตังค์ พวกเขาใจป้ำมากๆ ครับ”

“แน่นอนลูก เพราะพวกเขามีแต่คนรวยๆ ระดับเศรษฐีกันทั้งนั้น และพวกเขาชอบชอปปิงซื้อของด้วย” พรรณนิภาว่า

“ต่อให้แพงเท่าไหร่พวกเขาก็จะซื้อ” คุณนภาลัยยิ้ม

แล้วปราภพก็พูดว่า

“เห็นแบบนี้แล้วหายเหนื่อยเลย”

“เอ้อ คุณพ่อครับ แล้วทำไมคุณพ่อไม่ดูภาพจากกล้องวงจรปิดในร้านล่ะครับ...จะได้รู้ว่าใครเป็นคนทำ” ปาณัทบอก

ผู้เป็นพ่อสั่นศีรษะ

“ช่างมันเถอะ ในเมื่อตำรวจไม่พบของกลางอย่างที่มีคนแจ้งก็ปล่อยผ่านไปเถอะ”

“ผมอยากรู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนเอายาเสพติดไปซุกซ่อนไว้ใต้ตู้กระจกและแจ้งตำรวจไปที่ร้าน เหมือนมันวางแผนไว้อย่างดี” ปาณัทตั้งข้อสงสัย

คุณนภาลัยจึงพูดกับลูกชายว่า

“ถ้าเราปล่อยมันไป เกิดวันหน้ามันกลับมาซ้ำอีกล่ะ แกจะว่ายังไง”

“ถ้าครั้งหน้ามันกลับมาทำซ้ำละก็ ผมก็ไม่เอามันไว้แน่ ผมจะจับมันเข้าซังเตให้ได้” ปราภพพูดด้วยสีหน้าจริงจังมากทีเดียว

“เมื่อเช้าเลยเกือบซวยครับ” ปาณัทว่า

ผู้เป็นพ่อพยักหน้า

“ก็ดีที่แกไปเจอก่อนตำรวจ ไม่งั้นถ้าตำรวจเจอเข้าเราก็ซวยอย่างที่แกว่า”

“แม่อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าคนที่จ้องจะทำลายชื่อเสียงของลูกกับพ่อของลูกรู้ว่าทำไม่สำเร็จมันจะทำหน้ายังไง” พรรณนิภายิ้ม

ปราภพจึงบอกว่า

“มันจะทำหน้ายังไง...มันก็มีเงิบน่ะสิคุณ”

“ก็จริงอย่างคุณพ่อว่านะครับ ถ้ามันรู้ว่าแผนของมันไม่สำเร็จละก็...มันมีเงิบแน่นอน” ปาณัทหัวเราะ

พ่อแม่ ย่าและน้องชายฝาแฝดก็พลอยหัวเราะตามกันอย่างชอบใจ

ทั้งห้าคนไม่รู้ว่าคนที่วางแผนเอายาเสพติดไปซุกซ่อนในร้านก็คือเขมนันท์ โดยคนที่ร่วมมือด้วยก็คือประภากับภูริชนั่นเอง...ร่วมด้วยช่วยกันทำลายปราภพกับลูกชายฝาแฝด เพราะไม่อยากให้ทั้งสามคนได้ดีกว่า เพราะอิจฉาริษยา ไม่ได้สนใจบาปบุญคุณโทษอะไรทั้งนั้น ขอแค่ทำลายได้สำเร็จก็พอ เท่านี้ประภาก็สะใจมากพอแล้วละ

 

เช้าวันใหม่...บนโต๊ะอาหาร ทุกคนกำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่พร้อมหน้ากัน ทานอย่างเงียบๆ และเมื่อทานเสร็จปราภพก็พูดขึ้นว่า

“ไม่รู้ว่าใครกันนะที่แอบเอายาเสพติดไปซุกซ่อนใต้ตู้กระจกวางจิวเวลรี่โชว์ โชคดีที่ตาป้องไปเห็นเข้าก็เลยเอาไปทิ้งก่อนที่ตำรวจจะมา เดี๋ยวตำรวจเจอจะหาว่าเป็นของเรา...ผมละอยากรู้จริงๆ นะครับคุณแม่ อยากรู้ว่ามันเป็นใคร” ประโยคท้ายหันไปพูดกับผู้เป็นแม่

เขมนันท์พยายามเก็บพิรุธให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วประภาก็แกล้งทำเป็นตกใจ

“อุ๊ยตาย...มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นที่ร้านด้วยเหรอคะเนี่ย”

คุณนภาลัยจึงถามลูกสาวว่า

“อ้าว! เมื่อวานแกก็ไปที่งานด้วยไม่ใช่หรือไง แล้วแกไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหรอ หา!”

“อ้อ พอดีภาไม่ได้อยู่ที่หน้างานก็เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างน่ะค่ะคุณแม่ ว่าแต่มันมีเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงคะเนี่ย” เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนแอบเอายาเสพติดไปซุกซ่อนในร้าน แต่ฉันว่าไอ้คนที่มันทำแบบนี้มันคงต้องการทำลายชื่อเสียงของฉันกับตาป้องมากกว่า” ปราภพว่า

ผู้เป็นน้องสาวจึงแกล้งทำเป็นพูดว่า

“เขาอาจต้องการอย่างอื่นก็ได้นะคะ”

“แล้วมันต้องการอะไรล่ะ”

“เอ้อ ใครจะไปรู้ล่ะคะพี่ปราภพ ก็ภาไม่ได้เป็นคนนั้นนี่คะ” เธอพยายามหลบตาพี่ชาย

“แต่ฉันเชื่อว่ามันต้องการทำลายชื่อเสียงของฉันกับตาป้องมากกว่า” เขามั่นใจ ก่อนจะพูดต่อไปอีก “อ้อ และถ้าไอ้คนนั้นมันต้องการทำลายชื่อเสียงของฉันจริงๆ ละก็...ถ้าตอนนี้มันกำลังดื่มน้ำอยู่ฉันก็ขอให้มันสำลักน้ำออกมา”

เขมนันท์กำลังจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก็ต้องรีบวางแก้วลง เพราะถ้าดื่มเดี๋ยวจะสำลักแล้วทำให้ปราภพสงสัยเอา

“อ้าว! นายจะดื่มน้ำไม่ใช่เหรอ วางแก้วลงทำไมล่ะ” ปราภพถามและพยายามจับพิรุธน้องเขย

อีกฝ่ายจึงตอบว่า

“อ้อ ผมไม่หิวน้ำแล้วครับ”

“เออ แปลกดีนะ ไม่หิวน้ำกะทันหัน ทั้งที่มือก็ยกแก้วจะดื่มแล้ว”

“นี่พี่ปราภพกำลังจะจับผิดสามีของภาอยู่เหรอคะ” ประภาไม่พอใจพี่ชาย

อีกฝ่ายโบกมือ

“เปล่า! ฉันไม่ได้จับผิด ฉันแค่แปลกใจนิดหน่อย”

ผู้เป็นลูกสาวลุกขึ้นและทำหน้าบึ้ง

“ไปเถอะค่ะคุณเขม อยู่ตรงนี้นานๆ แล้วพาลจะอารมณ์เสีย” และเดินออกไปทันที

เขมนันท์กับภูริชลุกเดินตามไปทันที

ปราภพมองตามน้องเขยไปอย่างสงสัย ก่อนจะหันกลับมาพูดกับผู้เป็นแม่

“ผมว่านายเขมทำตัวแปลกๆ และมีพิรุธนะครับคุณแม่...คุณแม่ก็เห็นใช่ไหมครับตอนที่เขากำลังจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม แต่พอผมพูดถึงไอ้คนที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของผมกับตาป้อง ว่าถ้าตอนนี้มันกำลังดื่มน้ำอยู่ก็ขอให้มันสำลักน้ำออกมา นายเขมก็รีบวางแก้วลงทันที นี่แหละที่ผมสงสัย”

“มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่พวกเราคิดก็ได้นะครับคุณพ่อ” ปาณัทว่า

แต่คุณนภาลัยกลับเห็นด้วยกับลูกชาย

“แต่ย่าเห็นด้วยกับพ่อของแกนะ ตาเขมทำตัวมีพิรุธเห็นๆ ไม่แปลกที่พ่อของแกจะสงสัยนายเขม”

“คุณอาเขมคงไม่กล้าทำแบบนั้นหรอกมั้งครับ” ปาณัทยังมองโลกในแง่ดี

ผู้เป็นพ่อแค่นหัวเราะ

“คนอย่างนายเขมกับยายภาทำได้ทุกอย่าง พ่อรู้จักทั้งสองคนดี...แต่ก็เอาเถอะ พ่อก็แค่สงสัย และไม่ได้จะบอกว่านายเขมเป็นคนทำ”

“เอาละ แยกย้ายกันไปได้” ประมุขของบ้านลุกขึ้น

ปราภพพยักหน้า

“ครับคุณแม่”

แล้วทั้งห้าคนก็เดินออกไปจากห้องอาหารทันที

พฤติกรรมของเขมนันท์ชวนให้ปราภพกับคุณนภาลัยสงสัย ทำตัวแปลกๆ เป็นใครก็สงสัยทั้งนั้น แต่ถ้าไม่มีหลักฐานก็ไม่สามารถปรักปรำใครได้อีกอยู่ดีนั่นละ

 

“เมื่อกี้เกือบซวยแล้วไหมล่ะคุณเขม...เกือบถูกพี่ปราภพจับได้ซะแล้ว” ประภาบ่นสามีขณะเข้ามาในห้องนอน

เขมนันท์จึงบอกว่า

“ผมเกือบพลาดไปแล้ว”

“คุณรู้ตัวไหมว่าคุณแสดงพิรุธให้คนอื่นเห็น คนอื่นเขาก็เลยสงสัยคุณ ฉันเห็นสายตาของพวกเขามองคุณอย่างสงสัย...เมื่อกี้คุณยกแก้วน้ำขึ้นมาแล้ว ก็แล้วทำไมคุณไม่ดื่มไปให้หมดๆ ซะ หา!”

“คุณจะบ้าหรือไง ถ้าผมดื่มก็สำลักน้ำตายกันพอดี”

“มันไม่ตายหรอก เพราะถ้ายิ่งคุณไม่ดื่มมันก็ยิ่งน่าสงสัย ยิ่งเห็นพิรุธคุณ” ประภาว่า

เขมนันท์ทำหน้ารำคาญ

“โธ่เว้ย! มันก็แค่ความสงสัยน่ะ คุณจะจริงจังอะไรนักหนาวะ”

“นี่คุณกล้าพูดวะกับฉันเหรอ หา!” เจ้าหล่อนไม่พอใจอย่างมาก

“เออ ผมรำคาญ!” พูดจบเขาก็เดินออกไปจากห้องนอนอย่างหงุดหงิด

ผู้เป็นภรรยาตะโกนตามหลัง

“นั่นคุณจะไปไหนน่ะ คุณกลับมาเดี๋ยวนี้นะ เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง...ไอ้คุณเขม โธ่เอ๊ย!”

เธอรู้สึกหงุดหงิดและอารมณ์เสียเมื่อผู้เป็นสามีเดินไปจากห้องทั้งที่ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง เธออยากจะกรี๊ดดังๆ เพื่อระบายอารมณ์ แต่ต้องกำมือแน่นสะกดกลั้นมันเอาไว้...อดทนไว้ อดทนให้ถึงที่สุดกับสามีคนนี้ และเธอให้ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง ไม่ได้ดั่งใจเธอเลย เห็นทีเธอคงต้องลงมือเองจริงๆ เสียที ไม่ยอมพึ่งผู้เป็นสามีอีกแล้ว เธอไม่ง้อเขาหรอก เชอะ!

 

ในห้องโถงคฤหาสน์ตระกูลบวรเทพ คุณนภาลัย ปราภพ พรรณนิภา ปาณัทและเป็นเอกกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ โดยหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องของปาณัท

“คุณพ่อคุณแม่ คุณย่าครับ วันนี้ผมว่าจะไปเซอร์ไพรส์ขอน้องรินแต่งงานที่โรงพยาบาลครับ” ชายหนุ่มพูดพลางยิ้มพลาง

เป็นเอกตบไหล่พี่ชายเบาๆ

“ฉันขออวยพรให้นายขอน้องรินแต่งงานได้สำเร็จนะโว้ย...พี่ชาย”

“ขอบใจน้องชาย” ผู้เป็นพี่ชายพยักหน้า

คุณนภาลัย ปราภพ พรรณนิภามองสองคนพี่น้องฝาแฝดพูดคุยกันแล้วยิ้มมีความสุข

“ตาเอกอวยพรแล้ว พ่อคงไม่ต้องอวยพรให้แกละมั้ง” ปราภพพูดจบก็หัวเราะ

ปาณัทพลอยหัวเราะตาม

“โธ่! คุณพ่อครับ นายเอกกับคุณพ่อต่างกันนะครับ นายเอกก็ส่วนนายเอก คุณพ่อก็ส่วนคุณพ่อ...และคำอวยพรของคุณพ่อจะศักดิ์สิทธิ์ที่สุดครับ”

“งั้นเหรอ”

“ครับคุณพ่อ”

“เอ้า! ถ้างั้นพ่อขออวยพรให้แกขอหนูรินแต่งงานได้สำเร็จ ขอให้หนูรินรับคำขอแต่งงานของแกละกัน ถ้าแกขอไม่สำเร็จนี่เสียชื่อลูกพ่อเลยนะ” พูดจบปราภพก็หัวเราะ

และทุกคนพลอยหัวเราะตาม

“ต้องสำเร็จสิครับคุณพ่อ...ระดับท่านประธานบริษัทซะอย่าง” ปาณัทพูดพลางยิ้ม

“แม่ก็คิดแบบนั้นแหละลูก เป็นถึงประธานบริษัท ถ้าทำอะไรไม่สำเร็จละแย่เลยนะ” พรรณนิภาว่า

ชายหนุ่มพยักหน้า

“ครับคุณแม่”

คุณนภาลัยชูสองนิ้วให้หลานชาย

“สู้ๆ นะ ย่าขอเป็นกำลังใจให้”

“ขอบคุณครับคุณย่า” เขาประนมมือไหว้

ผู้เป็นพ่อจึงถามว่า

“ว่าแต่ แกมีแผนอะไรที่จะไปเซอร์ไพรส์หนูริน”

“ผมขออุบไว้ก่อนครับคุณพ่อ บอกไม่ได้ครับ”

“สักนิดไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้จริงๆ ครับ” ปาณัทยืนยัน

พรรณนิภาจึงตีแขนสามีเบาๆ

“นี่แน่ะ คุณก็...ลูกบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้สิ เซ้าซี้ถามลูกอยู่ได้”

“เอ้า ก็ผมแค่อยากรู้นี่” ปราภพว่า

ปาณัทก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะหันไปบอกทุกคน

“ถ้างั้นเดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ” เขาลุกขึ้นและเดินออกไป แต่ยังเดินไปไม่พ้นห้องโถงก็ได้ยินเสียงทั้งสี่คนตะโกนพร้อมกัน

“สู้ๆ โชคดีนะ”

ชายหนุ่มหันไปยิ้มให้ ก่อนจะหันกลับและเดินไปต่อทันที

คล้อยหลังปาณัท พรรณนิภาก็พูดกับสามี

“ฉันก็ได้แต่หวังว่าตาป้องจะทำสำเร็จนะคะคุณ เพราะฉันอยากได้หนูรินมาเป็นลูกสะใภ้มากๆ เลยค่ะ”

“ระดับนายป้องแล้ว ต้องสำเร็จแน่นอนครับคุณแม่” เป็นเอกพูดอย่างมั่นใจ

ผู้เป็นแม่จึงถามว่า

“ลูกมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะ”

“ครับคุณแม่ ผมมั่นใจที่สุดครับ” เขาพยักหน้ายิ้มๆ

แล้วคุณนภาลัยก็ถามหลานชายฝาแฝดคนเล็ก

“แล้วแกล่ะ ตาเอก...เมื่อไหร่จะมีแฟนกับเขาสักที เห็นทำแต่งานงกๆ น่ะ ฮึ!”

“ตอนนี้ผมขอโฟกัสที่งานก่อนครับคุณย่า เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง” เขายิ้มให้ย่า

ผู้เป็นย่าส่งค้อนให้หลานชายวงใหญ่

“ระวังนะ ระวังจะขึ้นคานนะจ๊ะ ย่าขอเตือนไว้ก่อน”

“อย่าแช่งผมแบบนี้สิครับคุณย่า ผมชักหนาวๆ”

“หนาวไปห่มผ้าสิ”

“แหม! คุณย่าเข้าใจเล่นมุกนะครับเนี่ย”

“เล่นมุกตรงไหน ก็แกบอกกับย่าว่าชักหนาวๆ ย่าก็แค่บอกให้แกไปห่มผ้า ถูกต้องไหม” ท่านถามยิ้มๆ

ผู้เป็นหลานชายพยักหน้ายิ้มๆ

“โอเคครับคุณย่า ถูกต้องที่สุดครับ”

“สรุปว่าตอนนี้แกยังไม่อยากมีแฟนใช่ไหม” ท่านยังคงถามอีกครั้ง

“ใช่ครับคุณย่า” ยืนยันหนักแน่น ก่อนจะลุกขึ้น “ถ้างั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับคุณพ่อคุณแม่ คุณย่า สวัสดีครับ” เขาประนมมือไหว้ และเดินออกไป

ประมุขของบ้านมองตามหลานชาย ปากก็พูดว่า

“แม่ไม่เชื่อหรอกว่าตาเอกยังไม่มีแฟน เขาต้องมีแล้วละ แต่ไม่บอกพวกเรา”

“ผมก็คิดว่าตาเอกน่าจะมีแฟนแล้วครับคุณแม่ แต่กำลังปิดบังเราอยู่” ปราภพเห็นด้วยกับแม่

“เขาอาจจะรอเวลาเปิดตัวให้พวกเรารู้ก็ได้นะคะ” พรรณนิภายิ้ม

 

 

“ตอนนี้ไอ้ป้องมันกำลังไปทำเซอร์ไพรส์ขอรินรดาแต่งงาน แล้วแกไม่คิดจะไปขัดขวางมันบ้างหรือไง หา! ตาภู...ไหนแกบอกว่าจะแย่งรินรดามาจากไอ้ป้องไง” ประภาถามลูกชายขณะนั่งอยู่ที่ศาลาตรงสวนหย่อมหลังบ้านด้วยกัน โดยสามีอยู่ด้วย

ภูริชจึงบอกว่า

“ผมไม่ต้องการน้องรินแล้วครับ”

“อ้าว!” ผู้เป็นแม่ถึงกับอ้าปากเหวอ

ชายหนุ่มหันไปยิ้มให้แม่

“สิ่งที่น่าสนใจกว่าการแย่งน้องรินก็คือการแย่งทรัพย์สมบัติครับคุณแม่”

“แสดงว่าแก...”

“ใช่ครับ ผมจะช่วยคุณแม่ตามหาทนายประจำตระกูลเพื่อที่จะขอดูพินัยกรรม ว่าคุณยายแบ่งทรัพย์สมบัติให้ลูกหลานคนละเท่าไหร่ ผมก็อยากรู้เหมือนคุณแม่นั่นแหละครับ” ชายหนุ่มพูดพลางยิ้ม

ประภารีบกอดลูกชายอย่างดีใจ

“น่ารักที่สุดเลยลูกแม่ ลูกคิดถูกแล้วที่จะช่วยแม่ เพราะเราต้องร่วมด้วยช่วยกันมันถึงจะสำเร็จ”

“ถ้าพวกเราเจอคุณอากฤษนัยแล้ว พวกเราต้องขอดูพินัยกรรมที่คุณแม่ทำไว้ แต่ถ้าท่านไม่ยอมให้ดูละก็...เห็นทีพวกเราต้องใช้ไม้แข็งกับท่านแล้วละ” เขมนันท์ยิ้มร้าย

ผู้เป็นภรรยาพยักหน้าเห็นด้วย

“คุณเขม...คุณเพิ่งจะพูดได้ดีก็วันนี้เอง ฉันเห็นด้วยกับความคิดของคุณ”

“แสดงว่าที่ผ่านมาผมพูดไม่ดีงั้นสิ” เขาเริ่มจะไม่พอใจภรรยาอีกแล้ว

ภูริชรีบห้ามพ่อกับแม่ เพราะดูเหมือนทั้งคู่จะทะเลาะกันอีกแล้ว

“ใจเย็นๆ กันก่อนครับคุณพ่อคุณแม่...เอ้อ คุณพ่อครับ ที่คุณแม่พูดไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมาคุณพ่อพูดไม่ดี แต่...”

“แต่แม่พูดจริงๆ แม่หมายความอย่างที่พูด” เธอบอก

‘อยากจะบ้าตาย’ ภูริชคิดในใจ

เขมนันท์มองหน้าภรรยาอย่างไม่พอใจ

“อยู่กับคุณทีไรทะเลาะกันทุกที...อารมณ์เสีย” พูดจบก็ลุกขึ้นและเดินออกไปทันที

ประภาจึงตะโกนถาม

“นั่นคุณจะไปไหนอีก หา!”

“ไปหาอะไรทำแก้เซ็ง” อีกฝ่ายตะโกนตอบกลับมา

“ตาภู...แกดูพ่อของแกสิ ไม่พอใจอะไรนิดหน่อยก็เดินหนี ใช้ไม่ได้จริงๆ” เจ้าหล่อนหันกลับมาพูดกับลูกชาย

ภูริชลุกขึ้น ทำท่าจะเดินออกไปจึงถูกผู้เป็นแม่ถาม

“นั่นแกจะไปอีกคนหรือไง”

“ใช่ครับ ผมอยู่กับคุณแม่แล้วปวดหัว ผมขอหนีดีกว่า” แล้วก็เดินออกไป

ผู้เป็นแม่ตะโกนตามหลังอย่างหงุดหงิด

“โธ่เอ๊ย ไม่ได้เรื่องทั้งพ่อทั้งลูก น่าหงุดหงิดจริงๆ”

เธอรู้สึกอารมณ์เสียมากๆ เมื่อสามีกับลูกชายทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจเธอสักอย่าง ให้ทำอะไรก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า...น่าเบื่อจริงๆ

 

 

“คุณหมอรินคะ ที่หน้าโรงพยาบาลเกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ ไปดูกันค่ะ” พยาบาลนิชานันท์วิ่งมาบอกกับคุณหมอรินรดาที่หน้าเคาน์เตอร์ด้วยอาการตื่นเต้น พร้อมกับจับมือคุณหมอสาวกึ่งดึงกึ่งลาก

“เกิดเรื่องใหญ่อะไรคะ” หญิงสาวถามอย่างแปลกใจ

อีกฝ่ายจึงตอบว่า

“ไปดูแล้วจะรู้เองค่ะ”

“อ้าว!”

“รีบไปกันเถอะค่ะ” กึ่งดึงกึ่งลากอีก

คุณหมอสุดสวยดึงมือออก

“เดี๋ยวรินเดินไปเองดีกว่านะคะ”

“เอ้อ ขอโทษค่ะ” พยาบาลนิชานันท์ยิ้มแห้งๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอสั่นศีรษะ “ไปกันเถอะค่ะ”

“ค่ะ” คุณพยาบาลพยักหน้า ก่อนจะเดินนำหน้าไปทันที

คุณหมอรินรดาเดินตามไปโดยไม่รู้ว่าที่หน้าโรงพยาบาลมีเรื่องอะไรกันแน่ เธอก็อยากรู้เหมือนกัน แล้วก็กดให้ลิฟต์เปิด เมื่อประตูลิฟต์เปิดก็เดินเข้าไปพร้อมกับคุณพยาบาลและกดปิดประตูลิฟต์

ไม่นานนักลิฟต์ก็ลงมาถึงชั้นหนึ่งของโรงพยาบาล เมื่อประตูลิฟต์เปิดคุณพยาบาลก็ชี้ไปข้างนอก

“โน่นค่ะ รีบไปดูเร็วค่ะ” พูดจบก็วิ่งออกไปก่อน

หญิงสาวตะโกนตาม

“เดี๋ยวสิคะ คุณพยาบาล...รอรินด้วยค่ะ” ว่าแล้วเธอก็เร่งฝีเท้าตามไปทันที

เมื่อไปถึงหน้าโรงพยาบาลเธอก็ถึงกับงง เห็นไทยมุง เหมือนพวกเขากำลังมุงดูอะไรกัน เธอจึงถามพยาบาลนิชานันท์

“อะไรกันคะเนี่ย นั่นพวกเขามุงดูอะไรกันคะ”

อีกฝ่ายยิ้มแต่ไม่ตอบ

ทันใดนั้นเองเหล่าไทยมุงก็พากันสลายตัวออก พร้อมกับปาณัทที่นั่งคุกเข่าและยื่นช่อดอกไม้ช่อใหญ่ให้คุณหมอรินรดา และพูดว่า

“แต่งงานกับพี่นะ”

“พี่ป้อง!” หญิงสาวถึงกับอึ้งไปเมื่อเห็นว่าเป็นแฟนหนุ่ม “อะไรกันคะเนี่ย”

ก่อนจะหันไปถามพยาบาลนิชานันท์

“นี่เหรอคะเรื่องใหญ่ของคุณพยาบาล”

อีกฝ่ายพยักหน้า

“ค่ะ นี่แหละค่ะเรื่องใหญ่...ใหญ่มากๆ ด้วยค่ะ”

“แต่งงานกับพี่นะ” ชายหนุ่มพูดอีกครั้ง

คุณหมอรินรดาจึงถามว่า

“ขอแฟนแต่งงานทั้งทีมีแค่ดอกไม้เองเหรอคะ”

อีกฝ่ายยิ้มดีใจ

“นี่แสดงว่าน้องรินจะแต่งงานกับพี่ใช่ไหมครับ”

“ยังค่ะ” เธอจงใจแกล้งให้แฟนหนุ่มใจหาย

ปาณัทถึงกับคอตก

“อ้าว!”

ศัลยแพทย์สาวหลุดขำ

“ถึงกับคอตกเลยเหรอคะ ถ้าอยากให้รินแต่งงานด้วยก็ต้องทำตามคำสั่งของรินค่ะ”

“ว่ามาได้เลยครับ พี่พร้อมทำตามคำสั่งของน้องรินเสมอ” ชายหนุ่มยิ้มออก

“แหม! แบบนี้ละรีบเชียวนะคะ” เธอว่า “เอาละ รินจะให้พี่ป้องปั่นจิ้งหรีดต่อหน้าทุกคนจำนวนสิบรอบ โอเคไหมคะ”

“โอเคครับ เดี๋ยวพี่จัดให้” พูดจบก็รีบทำตามคำสั่งของแฟนสาวทันที โดยการปั่นจิ้งหรีดจำนวนสิบรอบ เมื่อปั่นเสร็จก็หยุด ถึงกับเซแต่ยังยืนไหว

แต่แฟนสาวไม่ยอม

“ขออีกสักสิบรอบนะคะ”

“ได้เลยครับ” เขาก็ยอมทำตามอีกครั้ง พอเสร็จรอบนี้ก็หายใจหอบเหนื่อยและรู้สึกเซอีก เมื่อหายเหนื่อยก็คุกเข่าลงตรงหน้าหญิงสาว

“แต่งงานกับพี่นะ”

แล้วก็มีเสียงจากเหล่าไทยมุงดังว่า

“แต่งเลยๆๆๆ”

คุณหมอรินรดาหันไปยิ้มให้เหล่าไทยมุง ก่อนจะหันกลับมาพยักหน้าทั้งน้ำตาให้แฟนหนุ่ม

“ค่ะ แต่งก็แต่งค่ะ”

ชายหนุ่มยิ้มดีใจ ยื่นช่อดอกไม้ให้แฟนสาว

“รับช่อดอกไม้ไปก่อนครับ”

อีกฝ่ายพยักหน้า

“ค่ะ” และรับช่อดอกไม้มา

ปาณัทรีบหยิบเอากล่องแหวนออกจากกระเป๋าเสื้อสูท ก่อนจะเปิดและเอาแหวนออก จากนั้นก็บอกว่า

“พี่ขอมือหน่อยครับ”

“จะบ้าเหรอคะ รินไม่ใช่สุนัขนะคะ” เธอแกล้งงอน

ชายหนุ่มจึงอธิบายว่า

“ไม่ใช่แบบนั้น พี่หมายถึงว่าพี่ขอมือหน่อย พี่จะสวมแหวนให้”

“อ้อ แล้วไปค่ะ” เธอยิ้มออก ก่อนจะยื่นมือออกไป

อีกฝ่ายจัดการสวมแหวนทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและกอดแฟนสาว

ต่อมาก็ได้ยินเสียงเหล่าไทยมุงพากันโห่ร้องแสดงความยินดีกับทั้งสองคน พยาบาลนิชานันท์ก็พลอยอมยิ้มตามไปด้วย

แล้วก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังเหล่าไทยมุง

“อะไรกัน จะขอแต่งงานง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ หา!”

ทั้งสองคนรีบคลายอ้อมกอดออกจากกัน ก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียง ส่วนเหล่าไทยมุงก็แยกย้ายกันไป รวมถึงพยาบาลนิชานันท์ก็เดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาลทันที

ทั้งปาณัทและรินรดาต่างก็ตกใจเมื่อเห็นชัชรินทร์กับรวัลยา แล้วผู้ใหญ่ทั้งสองท่านก็เดินเข้ามาใกล้

“ว่ายังไง...จะขอยายรินแต่งงานง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ ไม่คิดจะปรึกษาลุงกับป้าเลยใช่ไหม” ชัชรินทร์ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจมาก

ปาณัทรีบประนมมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน

“ผมต้องขอโทษคุณลุงกับคุณป้าด้วยนะครับ ที่ทำอะไรไปโดยไม่ปรึกษาคุณลุงกับคุณป้า เดี๋ยวผมจะรีบไปบอกคุณพ่อคุณแม่ และคุณย่าว่าให้ไปสู่ขอน้องรินอย่างเป็นทางการกับผู้ใหญ่ ตามธรรมเนียมนะครับ”

“ไม่ต้องหรอก!”

“หา! นี่คุณลุงหมายความว่า...” ชายหนุ่มถึงกับคอตก

“คุณพ่อคะ...” รินรดาปรามพ่อเบาๆ

แต่กลับถูกดุ

“ไม่ต้องพูดอะไรเลยยายริน เงียบไปซะ เดี๋ยวลูกผู้ชายเขาจะคุยกันแบบตัวต่อตัว”

“แต่...”

“พ่อบอกให้เงียบไง” แล้วพูดกับปาณัท “แกสัญญากับลุงแบบลูกผู้ชายได้ไหม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแกจะไม่ทิ้งลูกสาวของลุงให้ต้องเสียใจ ไม่ว่าจะทุกข์หรือจะสุขแกก็จะอยู่เคียงข้างยายรินตลอดไป ไม่ทำให้ยายรินต้องร้องไห้ เพราะถ้าแกรักยายรินจริงๆ แกก็ต้องสัญญากับลุงได้...สัญญาได้ไหม”

“นี่หมายความว่า...” เขายิ้มดีใจ

ชัชรินทร์จึงบอกว่า

“สัญญากับลุงมาก่อน”

อีกฝ่ายรีบทำตาม

“ผมขอสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายครับคุณลุง ว่าผมจะไม่ทิ้งให้น้องรินต้องเสียใจ ไม่ทำให้น้องรินต้องร้องไห้ ผมจะอยู่เคียงข้างน้องรินตลอดไปจนแก่จนเฒ่า และผมจะปกป้องน้องรินให้ดีที่สุดครับ เพราะผมจะรักแต่น้องรินคนเดียว...ลูกผู้ชายพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้นครับ”

“แกสัญญากับลุงแล้วนะ”

“ครับ คุณลุง”

“ถ้าหากวันไหนเกิดแกไม่ทำตามสัญญาละก็ ลุงเอาให้ถึงตายเลยนะ เพราะลุงมีลูกสาวคนเดียว และลุงก็หวงลูกสาวคนนี้มากด้วย แกคงเข้าใจนะ”

“เข้าใจครับคุณพ่อ”

“ยังไม่ทันไรก็เรียกพ่อแล้วเหรอ”

“ขอโทษครับ”

“ไม่ต้องขอโทษ เรียกไปเถอะ พ่ออนุญาต” พูดจบชัชรินทร์ก็หัวเราะ

รวัลยา ปาณัทและรินรดาพลอยหัวเราะตาม

“คุณพ่อน่ารักที่สุดเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้ม

ผู้เป็นพ่อจึงบอกว่า

“อืมม์...อะไรที่ทำให้ลูกมีความสุขพ่อก็จะไม่ขัดขวาง พ่อกับแม่ก็มีความสุขกับลูกด้วย จริงไหมคุณวัน” ประโยคท้ายถามภรรยา

รวัลยาพยักหน้า

“ค่ะ คุณ”

“ผมขอขอบคุณมากคุณพ่อกับคุณแม่มากนะครับ” ปาณัทประนมมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน

“ไม่เป็นไรๆ” ชัชรินทร์ยิ้ม “ว่าแต่...ขอยายรินแต่งงานแล้ว แล้วจะแต่งเมื่อไหร่ล่ะ”

“ผมว่าจะพาน้องรินไปเที่ยวก่อนน่ะครับ หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที เรื่องแต่งงาน” ชายหนุ่มว่า

อีกฝ่ายพยักหน้า

“อืมม์ ถ้างั้นก็ตามนั้นนะลูกเขย”

“ครับ คุณพ่อ”

“เอาละ พ่อกับแม่กลับบ้านก่อนนะ”

สองหนุ่มสาวประนมมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน

“ค่ะ สวัสดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่”

“สวัสดีครับ คุณพ่อคุณแม่”

ชัชรินทร์กับรวัลยารับไหว้ ก่อนจะพากันเดินออกไปทันที

คล้อยหลังผู้ใหญ่ปาณัทก็จับมือแฟนสาว

“น้องรินครับ...”

“ว่ายังไงคะ” คุณหมอรินรดายิ้มเขินขณะพูด

ชายหนุ่มจึงบอกว่า

“เที่ยงนี้เราไปทานข้าวด้วยกันนะครับ”

“เดี๋ยวต้องดูก่อนค่ะ ว่าจะมีเคสผ่าตัดด่วนหรือเปล่า”

“ถ้างั้นอีกห้าวันเราไปเที่ยวด้วยกันนะ ลาพักร้อนสักหนึ่งสัปดาห์”

“ขอคิดดูก่อนนะคะ”

“โธ่! น้องริน...” เขาทำหน้าเซ็ง

คุณหมอรินรดาหัวเราะ

“เวลาพี่ป้องทำหน้าแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะคะเนี่ย”

“นี่เราแกล้งพี่งั้นเหรอ”

“แกล้งอะไรกันคะ ไม่ได้แกล้งนะคะ”

“แกล้งให้พี่ใจหายได้ตลอดเลยนะ แสบจริงๆ”

“เปล่านะคะ”

“ยังจะปฏิเสธอีก แบบนี้ต้องถูกทำโทษ” พูดจบปาณัทก็จัดการหอมแก้มแฟนสาวฟอดใหญ่

คุณหมอรินรดาตกใจ ตีแขนแฟนหนุ่ม ก่อนจะหันซ้ายแลขวา ยิ้มเขินๆ

“นี่แน่ะ ทำอะไรคะเนี่ย เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก”

“เห็นก็เห็นไปสิ ไม่เห็นต้องอายเลย พี่แค่หอมแก้มแฟนเอง”

“คนบ้า!”

“เขาว่าผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรัก”

“ไม่เอาแล้วค่ะ ไม่พูดกับพี่ป้องแล้ว ไปดีกว่าค่ะ” หญิงสาวรีบเดินหนี

ปาณัทจึงถามว่า

“นั่นน้องรินจะไปไหนครับ”

“ก็เข้าโรงพยาบาลไงคะ” เธอตอบ

อีกฝ่ายก็เลยชี้ไปที่ประตูเลื่อนหน้าโรงพยาบาล

“ทางเข้าอยู่ทางนี้ครับ”

คุณหมอรินรดายิ้มแห้งๆ ก่อนจะหันกลับเดินไปที่ประตูเลื่อนทางเข้าโรงพยาบาลทันที

ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะ

“เวลาน้องรินเขินก็น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย” แล้วก็เดินไปที่โรงจอดรถ

ในที่สุดคุณหมอรินรดาก็ยอมรับคำขอแต่งงานของปาณัทโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเขาก็รักเธอและเธอก็รักเขา ต่างคนต่างรักกัน ไม่มีอุปสรรคใดมากีดขวางความรักของพวกเขาได้ เพราะพวกเขาผ่านเรื่องราวมากมายมาด้วยกัน ทั้งเรื่องราวดีๆ และเรื่องราวที่เลวร้าย แต่สุดท้ายก็มาลงเอยด้วยกันอยู่ดี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.