13 (special scene) Shy boy I used to be เล่าเรื่องพี่ยักษ์

DeadAhead

-A A +A

13 (special scene) Shy boy I used to be เล่าเรื่องพี่ยักษ์

หมวดหนังสือ: 

ตอนนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักนะครับ แค่ flashback เท่านั้น

------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

sds

 

 

“พ่อฝากไอ้นี่ไปให้พี่ใหญ่หน่อย” พ่อของผมส่งกระเป๋าเครื่องมือมาให้ผมหลังจากที่เขาเตรียมเรือเสร็จแล้ว “เห็นเขาบอกว่าเครื่องมือไม่พร้อม เอาของเราไปให้เขายืมก่อนก็แล้วกัน” เขาพึมพำในขณะที่จัดของเล็กๆ น้อยๆ ในเรือ ผมรู้เรื่องนี้ดีเพราะผมก็ไปรับของกับพ่อทุกวัน

 

พี่ใหญ่ที่พ่อผมพูดถึงคือลูกชายของช่างเอก บ้านเขาเป็นร้านซ่อมอุปกรณ์ทุกอย่างทุกประเภท มีฝีมือดีมาก พ่อผมจึงเอาอะไหล่เรือไปฝากไว้บ่อยๆ แต่รอบนี้งานเสร็จช้ากว่าปกติ

 

 

“พ่อกลับมาเย็นๆ นะ ถ้าจะไปเถลไถลก็อย่าลืมปิดบ้านให้ดีดีล่ะ เจ้าลิง” เขาหันมากำชับผมอีกครั้ง 'พูดเหมือนกับผมชอบหนีเที่ยวอย่างนั้นแหละ' ผมคิดในใจ เขาพูดจบก็ยิ้มและอ้าแขนออกกว้าง

“ค้าบ คุณป๋า” ผมกอดเขาหนึ่งครั้งซึ่งเขาก็กอดตอบเต็มแรง แม้เขาจะเป็นผู้ชายตัวเล็กแต่ก็แรงเยอะเสมอ ผมถอยห่างออกมาและถอนหายใจเบาๆ

ผมไม่เคยมีความคิดที่จะออกจากบ้านเลยสักนิด แต่พ่อของผมนี่แหละตัวการ เขาชอบบังคับให้ผมออกไปซนข้างนอกเมื่อเห็นผมเริ่มนั่งอยู่เฉยๆ และเขาจะดีใจมากถ้าได้เห็นผมมอมแมมกลับมาบ้าน

แต่รางวัลจากการออกไปซนและทำตัวให้มอมแมมก็คือการได้อาบน้ำกับพ่อ นั่นคือสิ่งที่ผมชอบ ผมจึงเต็มใจที่จะออกไปมอมแมมข้างนอกบ่อยๆ ตามที่เขาสั่ง

 

 

+++++++++++++++++

หลังจากที่ผมร้องเรียกอยู่พักหนึ่ง พี่ใหญ่ก็เดินออกมาจากโรงซ่อม

“ช่างเอกไม่อยู่เหรอฮะ?” ผมเอ่ยถามเขาทันทีที่เขาโผล่ออกมาจากโรงซ่อม

“ไม่อยู่หรอก เจ้าเปี๊ยก” เขาพูดกับผมแต่ตากลับมองไปข้างนอก “อะไหล่ยังไม่เสร็จนะ โทษที”

 

 

เขามองหน้าผมสลับกับมองไปทางอื่น เขามักจะหลบตาผมแบบนี้เสมอตั้งแต่เราเจอกันครั้งแรก

 

 

เช้าวันนั้นเป็นวันเปิดเทอมวันแรกของชีวิตเด็กม.สองอย่างผม ผมนั่งเล่นอยู่ข้างสนามบาสกับเฟง พี่ใหญ่ที่เพิ่งย้ายมาขึ้นม.ห้าที่โรงเรียนนี้นั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว เขาตัวใหญ่สะดุดตามาก ผมมองจนเขารู้ตัว แต่ทุกครั้งที่ผมมองไปทางเขา เขาจะหลบตาเสมอ จนตอนนี้ผมอยู่ม.สามแล้ว ผ่านมาหนึ่งปี เขาก็ยังหลบตาผมอยู่เหมือนเดิม ผมจึงสรุปเอาเองว่าเขาเป็นคนขี้อาย

 

 

ผมเพิ่งมีโอกาสได้คุยกับเขาเมื่อตอนที่พ่อของผมเอาอะไหล่ต่างๆ มาให้ช่างเอกซ่อม พอช่างเอกรู้ว่าผมเรียนโรงเรียนเดียวกับลูกชายเขา เขาจึงแนะนำให้รู้จักลูกชายที่ชื่อ ‘ใหญ่’

พี่ใหญ่ตัวใหญ่สมชื่อ ตัวสูงพอๆ กับช่างเอก เขาชอบแอบเรียกผมว่า ‘เจ้าเปี๊ยก’ ทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งมันก็นานๆ ครั้ง เพราะเขาไม่ค่อยยอมพูดกับผมเท่าไร

 

 

“พ่อให้เอาเครื่องมือมาให้น่ะ” ผมเดินเขาไปในโรงซ่อมของเขา “เผื่อพี่ยักษ์จะทำงานเร็วขึ้น”

ผมแซวเขาด้วยฉายาที่เขาก็ยอมรับ ผมวางกล่องเครื่องมือลงบนโต๊ะยาวๆ ที่เต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนอุปกรณ์ เขาแค่มองแต่ไม่ได้พูดอะไร ผมจึงถือโอกาสเดินสำรวจรอบๆ

 

 

“ถ้าเบื่อก็ไปนั่งเล่นบ้านแฟนก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวค่อยกลับมาเอาของ” พี่ใหญ่คุยกับผมที่เดินเข้าไปใกล้จุดที่เขาทำงาน เขาเพิ่งจะชวนผมคุยหลังจากที่ผมเดินไปเดินมากว่าสิบนาที

“ผมยังไม่มีแฟนเลยฮะ” ผมตอบคำถามของเขา “กลัวว่ามีแฟนแล้วจะเครียด เหมือนคนแถวๆ นี้” ผมแซว

“รู้ดีนะ เจ้าเปี๊ยก” เขาดุผมและเงยหน้ามอง เป็นการมองตรงๆ ครั้งแรกของเขา ริมฝีปากที่กำลังยิ้มของเขามีไรหนวดอ่อนๆ เป็นแนว ทำให้รู้สึกว่าเขาโตกว่าผมมากๆ แต่มันก็น่ามองอยู่ไม้น่อย

“ก็ผมเห็นพี่อยู่กะพี่หมิงทีไร พี่โดนบ่นตลอด” ผมเดินมานั่งข้างๆ เขา “ไม่เครียดเหรอฮะ?”

 

 

บนโต๊ะมีอะไหล่เรือวางอยู่สามชิ้น ในที่สุดเขาก็ลงมือซ่อมมันแบบจริงจัง ผมมองอะไหล่พวกนั้นพลางคิดถึงพ่อ พ่อทะนุถนอมเรือคู่ใจของเขามาก หากได้อะไหล่พวกนี้ไป เขาคงดีใจสุดๆ

 

 

“ตอนไม่เครียดก็มีนะ” เขาหันมายิ้มอีกครั้ง แต่ตอนนี้ดูเจ้าเล่ห์พิกล

“ตอนไหนฮะ?” ผมถามเขาอย่างสนใจ

“ตอนเอากันไง ไม่เครียด” เขาตอบตรงๆ “คนไม่เคยก็ไม่รู้หรอก” เขาหัวเราะและเอาแขนมาคล้องคอผม ที่ผมเข้าใจมาตลอดว่าเขาเป็นคนขี้อาย ผมคงคิดผิด

 

 

เดิมผมก็ชอบมองพี่ใหญ่อยู่แล้ว แต่ไม่เคยเห็นเขายิ้มหรือหัวเราะแบบนี้ พอได้เห็นรอยยิ้มใกล้ๆ แบบนี้ก็รู้สึกว่าพี่ใหญ่น่ารักขึ้นกว่าเดิมเยอะ ผมจึงมองเขาและยิ้มตาม

นั่นคงเป็นสัญญาณที่ทำให้พี่ใหญ่เปิดเกม เขาก้มลงมาจูบ ผมที่โดนล็อคคออยู่ไม่ทันได้ป้องกันตัวเองจึงต้องเสียจูบแรกให้เขาไป แม้จะไม่รุนแรงแต่ก็ทำให้ผมเกือบหัวใจวาย

 

 

“เฮ้ย!! พี่ยักษ์” ผมตะโกนและผลักเขาออก แต่ก็สูญเสียพลังงานไปเปล่าๆ ผมไม่มีทางผลักหนุ่มม.ปลายหุ่นยักษ์คนนี้ออกไปได้เลย

“อยากลองไหม?” พี่ใหญ่ไม่สนใจอาการตื่นตูมของผม เขาแค่ถอนปากออกและถามเบาๆ หน้าของเขายังอยู่ชิดหน้าผม เขายิ้มยิงฟันแบบซื่อๆ แต่ผมไม่แน่ใจว่าคำถามของเขาจะเป็นแนวใสซื่อสักเท่าไร เพราะเขาเลื่อนมือมาลูบบริเวณหน้าอกของผมเรียบร้อยแล้ว

“ลองอะไรพี่?” ผมถามกลับไปแบบงงๆ การจูบของพี่ใหญ่ยังทำผมตื่นเต้นอยู่เลย

 

 

พี่ใหญ่ไม่ตอบคำถาม แต่เขาใช้แขนใหญ่ๆ ที่คล้องคอผมอยู่ ดึงผมเข้าหาตัวเขา ผมจึงต้องยกตัวเองขึ้นไปตามแรงดึงของเขาและนั่งลงบนตักพี่ใหญ่ในลักษณะที่หันหน้าชนกัน

เป็นครั้งแรกที่ก้นของผมถูกลูบคลำด้วยมือของคนอื่น และก็เป็นครั้งแรกที่ก้นของผมนั่งทับความแข็งแกร่งที่กำลังก่อตัวอยู่ในกางเกง

ผมรู้สึกอาย ทุกครั้งที่ก้นของผมรับรู้ถึงการยกตัวของท่อนเนื้อของพี่ใหญ่ เขามองหน้าผมแบบจริงจังและกระดกท่อนเนื้อถี่มากขึ้น ผมรู้สึกเหมือนเขากำลังเชิญชวนให้ทำอะไรบางอย่างที่เด็กม.สองอย่างผมไม่ควรลอง ผมอายจนไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ

 

 

“เป็นอะไร? ปกติชอบแอบมองพี่นี่นา” เขาถามและหัวเราะ

เขายื่นหน้าเข้าหาผม ดันจมูกจนชิดและหอมแก้มผมช้าๆ ผมควรจะต่อต้านเขา แต่มือของผมที่ควรผลักเขาออกไปไม่ยอมทำงานมันแค่เกาะกุมหัวไหล่เขาไว้เฉยๆ

เมื่อไม่มีการขัดขืนเขาจึงซุกหน้าลงที่คอผมได้อย่างง่ายดายและใช้ปลายลิ้นลากผ่านจากคอเสื้อขึึ้นมาจนเกือบถึงหู เขาทำเพียงเบาๆ แต่ผมถึงกลับต้องเอียงคอหนี เพราะมันทำให้ผมจั๊กกะจี๋ แต่มันไม่ใช่จั๊กกะจี๋แบบธรรมดาที่เพื่อนชอบแกล้งกัน มันมีความเย้ายวนผสมอยู่

“เอากันไหม?” เขาถามและจ้องผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ "ลองดูหนุกๆ "

“เฮ้ย!! พี่...” ผมตกใจ

 

'พี่ใหญ่กล้าชวนคนอื่นทำเรื่องแบบนี้ง่ายๆ เลยเหรอเนี่ย? '

 

ผมกำลังคิดหาทางออกซึ่งหาได้ยากเต็มที เพราะตอนนี้สมองของผมแทบจะหยุดทำงาน ประกอบกับท่าทางของผมก็เหมือนกับยินยอมเขาไปมากกว่าครึ่งตัวแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงที่ดังมาจากประตูหน้าบ้านมาช่วยไว้ ผมก็คงจนมุม

 

 

 

ถ้าจะมีใครสักคนที่ผมอยากจะขอบคุณที่เข้ามาขัดขวางการโจมตีของพี่ใหญ่ได้ทัน ก็คงเป็นพี่หมิงนี่แหละ

แต่... พี่หมิงคงไม่รู้สึกแบบนั้น เพราะดูเธอหงุดหงิดตั้งแต่เดินเข้ามา

 

 

เธอมาหาพี่ใหญ่เพื่อตื๊อให้เขาไปเที่ยวด้วย ผมคิดว่าเธอคงขอร้องเขามาหลายวันแล้วละ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไร พี่ใหญ่ก็ปฏิเสธตลอด เธอจึงเดินไปนั่งหน้าบึ้งอยู่ตรงโต๊ะทำงานอย่างไม่สบอารมณ์

สุดท้าย พี่หมิงก็ได้แต่นั่งหน้าบึ้งอยู่ในโรงซ่อมมองดูแฟนของตัวเองกำลังทำงานอย่างเงียบๆ

 

“ผมไปก่อนนะพี่ยักษ์” ผมถือโอกาสขอตัวกลับ “ถ้าซ่อมเสร็จแล้ว ก็เอาไปส่งด้วยนะพี่”

“ได้ๆ” พี่ใหญ่ตอบกลับมาสั้นๆ โดยไม่ได้เงยหน้ามามองผมเลย

 

หลังจากนั้นสองวัน พี่ใหญ่ก็เอาอะไหล่มาส่งที่บ้านพร้อมกล่องเครื่องมือ พ่อของผมดีใจเป็นอย่างมาก ถึงขนาดเดินเข้าไปคล้องคอชายหนุ่มที่ตัวสูงกว่าตนเองอย่างไม่รีรอ หลังจากนั้นจึงเอาอะไหล่และกล่องเครื่องมือเข้าไปเก็บในบ้าน

 

“รางวัลล่ะ? เจ้าเปี๊ยก” พี่ใหญ่เรียกผมที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน เขายักคิ้วและส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาหาผม ทำท่าเหมือนหนุ่มเจ้าชู้ที่กำลังจีบเด็กสาว ผมพลาดเองที่ไปทำความรู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของเขา

“พ่อผมให้ค่าจ้างไปแล้วนี่ฮะ” ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจความหมาย แต่ผมก็เถียงเขากลับไปเรียบร้อยแล้ว พี่ใหญ่จึงดึงมือผมให้หลบข้างประตู หลังจากนั้นเขาก็โน้มตัวลงมาจูบเบาๆ ก่อนจะยิ้มและวิ่งออกไป

 

ผมถูกพี่ใหญ่ขโมยจูบแบบนี้อีกหลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นตอนที่เขาเอาอะไหล่มาส่ง เขามักจะมาอ้อนขอรางวัลทุกครั้ง ซึ่งต่อให้ผมไม่ยอม เขาก็จะปล้นไปได้ทุกทีและมันก็ทำให้ผมรู้สึกค้างคาด้วยทุกครั้ง

+++++++++++++++++

 

“ลองไหม?” พี่ใหญ่ถามผมเบาๆ

“ลองอะไรพี่?” ผมถามเขากลับและปล่อยให้ตัวเองหัวเราะ จากสภาพของผมจะพูดปฏิเสธก็คงไม่ได้แล้ว

 

 

ผมนอนหงายอยู่ใต้ตัวพี่ใหญ่ที่ตอนนี้สวมแค่กางเกงบ็อกเซอร์ เขาถอดเสื้อและกางเกงเหวี่ยงทิ้งไปตั้งแต่ผมยอมให้เขาเข้ามาในห้องนอนของผมแล้ว

 

 

ผมชำเลืองมองนาฬิกา เหตุการณ์มันเริ่มเมื่อสิบนาทีที่แล้วนี่เอง

 

พี่ใหญ่มาถึงบ้านผมหลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จไม่ถึงนาที เขาถือวิสาสะเดินเข้ามาเองเมื่อรู้ว่าผมกำลังจะใส่เสื้อผ้าออกไปต้อนรับ

 

"ให้ผมแต่งตัวก่อนดิพี่" ผมโวยเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาถึงหน้าห้อง แต่โวยไปก็เท่านั้น พี่ใหญ่ไม่สนใจอาการตื่นตกใจของผมแม้แต่น้อย

“ไม่ต้องใส่หรอกเจ้าเปี๊ยก เดี๋ยวก็โดนแล้ว” เขาหัวเราะอยู่หน้าห้องและเดินดุ่มๆ เข้ามา

 

 

เขาถอดเสื้อตัวเองโยนทิ้งไปอย่างคล่องแคล่วและตามด้วยกางเกง ก่อนจะตรงเข้ามารวบผมที่รีบตะครุบผ้าขนหนูมาพันตัวเองไว้อีกครั้ง แต่มันคงไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะตอนนี้มือทั้งสองข้างของพี่ใหญ่ช้อนก้นผมไว้เรียบร้อยแล้ว เขาบีบขยำมันแรงสลับเบา

 

 

“นุ่มมาก เจ้าเปี๊ยก” เขาเอ่ยชม “ตัวก็หอมชะมัด” เขาซุกไซ้ใบหน้าตามซอกคอผม ในขณะที่เอวของเขาก็บดเบียดกับเอวผมเป็นจังหวะ ความแข็งแกร่งของเขาดันกางเกงบ๊อกเซอร์ขึ้นมาเป็นลำจนรู้สึกได้

“คุยกันก่อนดิพี่” ผมผลักและพยายามชวนเขาคุยนอกเรื่อง “พี่มาทำอะไรฮะ?” ผมถามเขา ทั้งๆ ที่ใจจริงผมก็ชอบการโดนสัมผัสแบบนี้ มันตื่นเต้นเร้าใจและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

“มาหาแฟนเพราะคิดถึง” เขาพูดสั้นๆ ทำเอาผมหัวเราะ

“ผมไม่ใช่พี่หมิงนะพี่”

ผมพูดจบก็ดันหน้าเขาขึ้นเพื่อรอฟังคำตอบจากเขา แต่เขาไม่ตอบอะไร ทั้งหมดที่ผมเห็นก็คือเขาทำหน้าละห้อยใส่ผม มันเป็นใบหน้าในแบบที่ผมไม่เคยมีโอกาสได้เห็น ผมจึงปล่อยให้ตัวเองทำตามที่ใจต้องการด้วยการกอดและจูบเขาเบาๆ

แต่... ริมฝีปากผมกลับรู้สึกถึงลิ้นของพี่ใหญ่ที่สอดเข้ามาในปากผม ตอนแรกก็สัมผัสเบาๆ แต่พอผมส่งลิ้นของผมออกไปบ้าง พี่ใหญ่ก็รุกหนักขึ้น ลิ้นของเขาถูกสอดเข้ามาในปากผมและโจมตีลิ้นผมอย่างชำนาญ เขาส่งสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจทุกครั้งที่ผมพยายามต่อสู้ มือของเขาก็บีบคลึงก้นผมสลับกับเลื่อนมาบี้หัวผมเล็กๆ ของผมเป็นครั้งคราว ไม่ว่าเขาจะเกาะกุมตรงไหน ผมจะสะดุ้งทุกครั้ง

ในฐานะเด็กผู้ชาย ผมรู้ว่าไม่ควรปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่การโดนคนอื่นซุกไซ้หรือบีบขยำร่างกายที่แทบจะล่อนจ้อน มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ผมไม่อาจปฏิเสธ

ผมมองร่างกายตัวเองทุกจุดเท่าที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นหัวนมที่กำลังโดนปลายลิ้นตวัดหรือถูกปลายนิ้วเขี่ย ก้นที่โดนขยำจนเกิดรอยบุ๋มตามรูปนิ้วและทิ้งรอยสีชมพูจางๆ ไว้ เอวที่ถูกลูบไล้และบีบรัด หรือแม้แต่ท่อนเนื้อที่ชี้ตรงของผมที่ถูกรูดเบาๆ ทุกอย่างมันกำลังบอกผมว่าพี่ใหญ่ต้องการผมมากขนาดไหน

 

 

หลังจากเขาวางผมลงบนฟูกแล้ว เขาก็นอนคล่อมผมและถามเบาๆ

“ลองไหม?”

พี่ใหญ่ยืดตัวขึ้นทำให้กางเกงบ็อกเซอร์ตุงเด่นขึ้นมา รอยแยกของเป้าเปิดกว้าง เขาส่ายเอวไปมาเพื่อยั่วผมเล่น แต่ยิ่งส่ายมากเท่าไร หัวสีแดงอ่อนที่ยังเปิดไม่หมดก็ยิ่งโผล่ออกมาเท่านั้น มันใหญ่ยาว แม้จะยาวไม่เท่าของพ่อผมแต่มันดูคุกคามน่าอันตรายกว่าเยอะ

 

 

“ลองอะไรพี่?” ผมถามเขากลับและกลืนน้ำลาย ตาผมจ้องอยู่ตรงหัวสีแดงอ่อนเขม็ง

“กินยักษ์ไง”

 

เขาก้มลงคล่อมผมอีกครั้ง โดยเล็งให้เอวอยู่ตรงหน้าผม สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้ก็มีเพียงอ้าปากรับความหนุ่มแน่นที่แข็งเกร็งและยื่นยาวเข้ามา

 

 

“อ้า ซี๊ดดด” ผมไม่แน่ใจว่าการทำแบบนี้มันสนุกตรงไหน แต่เสียงครางของพี่ใหญ่ที่ดังออกมามันเป็นตัวบอกว่าผมทำได้ดีพอสมควร เขาขยับเอวขึ้นลงช้าๆ ทำให้ท่อนยาวที่รูดเข้าออกในปากผมเปียกเยิ้มไปกว่าครึ่งลำ พี่ใหญ่ยืดตัวและเหยียดขาออกจนอยู่ในท่าวิดพื้น หลังจากนั้นเขาก็ขยับเอวมากกว่าเดิม เขาเพลิดเพลินจนครางไม่หยุด บางครั้งเขาทำผมเกือบสำลัก

“แฟนพี่น่ารักจริงๆ” พี่ใหญ่เลื่อนตัวลงมาชม เขาตู่เอาเองว่าผมเป็นแฟนเขา แต่มันก็ให้ผลที่ดี เพราะมันทำให้ผมรู้สึกเขินจนยิ้มออกมา เขายิ้มพร้อมๆ กับส่งมือเลื่อนลงไปที่หว่างขาผม ทันทีที่เขาแตะร่องก้น ผมก็สะดุ้งและแอ่นเอวขึ้น เปิดโอกาสให้เขาใช้นิ้วแหวกและควานหาร่องเล็กแคบของผม

"สีหน้าใช้ได้เลย" เขามองผมตลอดเวลา เขาคงอยากรู้ว่าผมมีปฏิกิริยาอย่างไร

“อี๊อออ พี่ยักษ์” ผมพยายามบิดเอวหนีข้อมือและนิ้วที่แข็งแกร่ง แต่เหมือนว่ายิ่งผมบิดตัวเท่าไร พี่ใหญ่ก็ยิ่งส่งนิ้วรุกล้ำเข้ามาได้มากขึ้นเท่านั้น ผมคล้ายคนขาดสติ ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าผมยื่นมือตัวเองไปดึงข้อมือเขาออกหรือว่าจับข้อมือเขาไว้เพราะกลัวเขาจะเลิกทำ

“รูแน่นมาก” น้ำเสียงของเขากังวล เขามองผมที่กำลังหายใจหอบอย่างทรมาน นิ้วยาวของพี่ใหญ่เพิ่งเข้ามาในตัวผมได้นิดเดียว แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนตัวกำลังจะฉีกขาด มันไม่สนุกเลย ผมบอกกับตัวเองว่าผมจะไม่ให้ใครทำแบบนี้กับผมอีกหากว่าผมผ่านศึกนี้ไปได้

ผมต้องยอมแยกขาออกจากกันเผื่อว่ามันจะช่วยคลายความเจ็บได้ พี่ใหญ่มองผมทั่วทั้งตัวและรุกผมหนักขึ้น จนผมต้องปล่อยเสียงร้องครางอย่างไม่อาย

"พี่ฮะ... ผมขอกินยักษ์หน่อย" ผมร้องขอเขา เพราะผมกล้วว่าหากปล่อยให้ปากว่าง ผมจะทำให้คนข้างบ้านตื่นจากการพักผ่อนช่วงบ่าย พี่ใหญ่จึงขยับเอวมาที่หน้าผมและส่งท่อนลำยาวมาให้

 

 

 

 

“น่าจะได้แล้วละมั้ง” พี่ใหญ่กระซิบ เวลาน่าจะผ่านไปนานพอสมควร ความทรมานจากสองนิ้วที่สอดเข้ามาเริ่มทุเลา แม้จะยังเจ็บบ้างตอนที่เขาเลื่อนนิ้วเข้าออก แต่ผมก็พอจะทนไหวและตอบรับการรุกล้ำของเขาได้ดีขึ้น

“อยากโดนหรือยัง?” พี่ใหญ่ถามผมและส่งยิ้มแบบเจ้าเล่ห์มา ผมไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร จึงทำได้แค่หัวเราะและยื่นมือไปผลักให้พี่ใหญ่นอนหงาย ก่อนจะลุกขึ้นนั่งคล่อมเขา เขาทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย

ผมจับท่อนยาวของเขาขึ้นตั้งและขยับไปมา เมื่อหัวสีแดงอ่อนจ่อตรงกับช่องทางเล็กแคบ ผมก็กดเอวตัวเองลงไป แค่จะครอบครองส่วนหัวผมก็หอบแทบตายแล้ว ผมจึงหยุดเพื่อสูดลมหายใจลึกๆ

"อย่าเกร็งนะ ผ่อนคลายเข้าไว้" เขาบอกผม

หลังจากนั้นเขาก็จับเอวผมกดลงช้าๆ อีกมือก็ลูบไล้ท่อนลำที่ชี้ตรงของผม ผมปล่อยตัวตามแรงกดของเขา ทุกวินาทีที่ตัวผมจมลงเรื่อยๆ ร่างกายของพี่ใหญ่ก็ถูกผมครอบครองเรื่อยๆ เช่นกัน จนในที่สุด ผมรู้สึกเหมือนกับอะไรบางอย่างมันเข้าล็อค

ผมครอบครองส่วนหัวได้สำเร็จ มันคงทำให้พี่ใหญ่รู้สึกอะไรบางอย่างเหมือนกัน เพราะผมเห็นเงยหน้าสูดลมหายใจเข้าแรงๆ หนึ่งครั้งก่อนจะขบกรามแน่น

 

 

 

 

“อาาา อืมมม” พ่อของผมจะรู้ไหมว่าลูกชายตัวเองไม่ใช่เด็กขี้อายอีกต่อไปแล้ว

ผมมารู้สึกตัวว่าตัวเองไม่ใช่เด็กขี้อายก็ตอนที่กำลังขยับตัวเองขึ้นลงโดยมีพี่ใหญ่นอนครางอยู่ด้านล่าง ผมไม่ได้เก่งกาจจนควบคุมเกมไว้ทั้งหมด บางครั้งเขาก็จะขยับเอวให้ท่อนแข็งเกร็งของเขาแทงสวนขึ้นมาตอนที่ผมกดเอวลงไป มันเสียดแทงเข้าไปลึกจนทำให้ผมแทบหมดเรี่ยวแรง

 

 

“อื้มมมม ซี๊ด” พี่ใหญ่จับเอวของผมและกระแทกเอวขึ้นมาจนทำให้ร่างผมโยกไปมา ท่อนเนื้อที่ชี้ตรงและพวงไข่ขนาดเล็กของผมแกว่งไกวไปมาอย่างน่าสงสาร มันควรจะถูกใช้อย่างเหมาะสม แต่มาถึงตอนนี้มันคงทำได้เพียงผงาดขึ้นให้พี่ใหญ่มองดูอย่างชื่นชมและจับรูดเล่นแต่พอเขารูดไปนานๆ ผมก็ต้องขอร้องให้เขาหยุด

 

 

“เสียวเหรอ?” พี่ใหญ่ถามเมื่อผมขอร้องเขาอีกครั้ง "ใกล้แล้วละมั้ง? "

“มันแปล๊บๆ น่ะฮะ” ผมไม่รู้ว่าใช้คำไหนอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่ผมรู้ว่ามันคือความรู้สึกของคนที่กำลังจะหลั่ง

“งั้น พร้อมกันนะ” พี่ใหญ่บอกผม

 

 

เขาจับเอวผมกดลงในขณะที่แทงเอวสวนขึ้นมาอย่างรุนแรง เขาส่งท่อนเนื้อเข้ามาในตัวผมหมดลำและแช่ไว้อย่างนั้นก่อนจะดึงออกและแทงขึ้นมาใหม่

ทุกๆ ครั้งที่เขากดจนมิดลำและแช่ไว้ ผมจะรู้สึกเสียวซ่านที่ส่วนหัวของท่อนเนื้อมากเป็นพิเศษ

“ทำอีกฮะ พี่ยักษ์” ผมมองเขาที่นอนหงาย ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ ผมก้มตัวลงไปนอนทาบกับตัวเขาและร้องขอ "ทำแรงๆ อีกทีนะฮะ" เขาสนองคำร้องขอของผมอย่างดุดัน

 

 

"อ๊าาา อื๊ออ" ร่างผมขยับขึ้นลงตามแรงอัดของพี่ใหญ่

แสงแดดยามบ่ายสองเข้ามามากขึ้น ห้องเล็กสว่างมากขึ้นกว่าตอนแรก ผมมองหน้าพี่ใหญ่ที่กำลังขบกรามแน่นเพราะเขาต้องเกร็งหน้าท้องและโยกเอวขึ้นลง เราอยู่ในท่านี้มาตลอด หากหน้าท้องและเอวไม่แข็งแรงพอ บทรักในท่านี้ก็จะจบไม่สวย

 

พี่ใหญ่กระแทกแบบนี้อยู่สามสี่ครั้ง ความรู้สึกแปลกๆ ก็ทะลักออกจากตัวผม ผมยกตัวขึ้นมองน้ำสีขาวที่ถูกฉีดออกไปบนหน้าท้องและเลยไปถึงหน้าอกของเขา ผมต้องรีบเอามือมากุมส่วนปลายไว้ไม่ให้มันพุ่งออกไปโดนฟูก อีกมือก็ละเลงคราบน้ำที่อยู่ที่หน้าท้องเขาเล่น

พี่ใหญ่ยังคงกระแทกเอวต่อไป ในที่สุดเขาก็อัดเอวเข้ามาในตัวผมและค้างอยู่อย่างนั้น เขาครางในตอนที่ผมรู้สึกถึงแรงอัดสุดท้ายที่เขาส่งเข้ามา

“โอ้ววว”

ตัวพี่ใหญ่เกร็งจนมัดกล้ามขึ้น ทำให้ผมรู้สึกถึงการเกร็งตัวของท่อนเนื้อที่อยู่ในตัวผมสองสามครั้งก่อนที่ทุกอย่างจะสงบนิ่ง เหลือเพียงเสียงหอบ

ผมไม่แน่ใจว่าควรจะลงจากตัวเขาหรือยัง ผมมองเขาเพื่อขอความคิดเห็น แต่เขาก็แค่ยิ้มแบบซื่อๆ หลังจากนั้นก็ยื่นมือมาดึงตัวผมไปกอด

 

“ทีนี้นายก็รู้แล้วนะว่าการมีแฟนมันก็ทำให้หายเครียดได้” เขาบอกผมก่อนจะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้

“ผมยังไม่ได้พูดซักคำว่าผมเป็นแฟนพี่ยักษ์” ผมตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้มที่เจ้าเล่ห์กว่ากลับไป

 

 

ผมไม่รู้ว่าการตอบแบบนี้จะทำให้พี่ใหญ่เสียใจหรือไม่ แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเขาไม่เสียใจ เพราะเราไม่เคยตกลงว่าเป็นแฟน ไม่เคยมีคำพูดในทำนองจีบกัน ผมแค่โดนพี่ใหญ่ปล้นจูบเป็นครั้งคราว ผมคิดว่าเขาแค่เบื่อแฟนเท่านั้น

และที่สำคัญ...

ผมมีคนที่ผมคิดถึงตลอดเวลาอยู่แล้วด้วย

+-------------------------------------------+

เพิ่มคำติชมด้านล่างได้เลย ขอบคุณล่วงหน้าครับ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.