๓  ความเชื่อ - ๑

Believe

-A A +A

๓  ความเชื่อ - ๑

หมวดหนังสือ: 

 ความเชื่อ - ๑

 

“อืมมมม”

เสียงรำพันของชายสามที่นั่งอยู่เบื้องหน้าเด็กชายแว่นกรอบสีดำถูกเปล่งออกมาแทบจะพร้อมกัน แม้ใบหน้าพวกเขาจะแสดงอารมณ์ไม่เหมือนกัน แต่เด็กชายแว่นก็รู้ได้ไม่ยากว่าทั้งสามมีเรื่องที่อยากจะพูด รออยู่แค่ว่าใครจะเริ่มก่อน

“พล็อตเรื่องเดาได้ง่ายว่ะ ยิ่งโปรยหัวว่าเรื่องสยองยิ่งคาดเดาได้ง่ายเลยว่าไอ้สองพ่อลูกนี้ต้องถูกผีหลอก...” อาจอง รุ่นพี่ปีสุดท้ายของชั้นม.ต้นเอ่ยขึ้นพลางขยับตัวเล็กน้อยบนโต๊ะนักเรียน “...แต่กูก็ไม่คิดว่าพ่อจะโดนเล่นซะเอง”

“คิดเหมือนกัน คำถามคือ ทำไมพ่อไอ้แสบถึงโดนเล่น? ทั้งๆ ที่ในเรื่องมึงก็ระบุเกือบจะชัดว่าไอ้แสบชอบแอบมองพ่อตัวเองเล่นว่าว” สหภาพ เพื่อนของอาจองเอ่ยต่อเพราะสนใจในประเด็นนี้อยู่เหมือนกัน “ลูกชายแม่งเป็นเกย์ แต่คนเป็นพ่อกลับโดนเอา มึงคิดยังไงวะไอ้คนแต่ง?”

 

อาจองและสหภาพกำลังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่อง คงอยู่๑และ๒ ที่รุ่นน้องซึ่งเป็นเด็กชายตัวเล็กแต่งขึ้น พวกเขาอ่านจบและมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อเรื่องดังกล่าว

รุ่นพี่ทั้งสองมองกลับมายังเด็กชายแว่นรุ่นน้องที่นั่งอยู่ตรงข้าม เด็กชายขยับแว่นด้วยท่าทางที่เคยชินและเอ่ยตอบอย่างติดตลกออกไป

“ก็ถ้าลูกโดนเอาตั้งแต่ต้น ลูกมันก็ฟินดิวะพี่ ปริศนาก็ไม่ต้องแก้กันพอดี ผมคิดเอาไว้ว่าจะให้ลูกแก้ปริศนาทีหลังว่าผีคืออะไร ทำไมถึงต้องเล่นพ่อของตัวเอง”

“อ้อ มีการแก้ปริศนาด้วย? ไอ้ห่าน! มึงจะเขียนอีกกี่ตอน ห๊ะ? แล้วมันจะใช่เรื่องสั้นมั้ย?” อาจองคำรามใส่รุ่นน้องตัวเล็กที่นั่งทำตาโตหลังแว่นกรอบเหลี่ยม

“ก็ ‘จารย์ไม่ได้บอกว่าจะลงเรื่องสั้นนี่หว่าไอ้พี่อาจ”

“เอาจริงๆ แม่งก็ไม่มีปริศนาอะไรเลย อ่านดูก็เดาได้ว่าผีแม่งหวงผ้าขาวม้าที่พ่อเอามาใช้ แม่งเลยตามมาเล่นตูดซะ” สหภาพเอ่ยขึ้นและเงียบไปอึดใจ “สำนวนมึงใช้ได้ แต่มันต้องมีอะไรซับซ้อนมากกว่านั้นดิ”

“โห่! พี่เดาเอาเองนี่หว่า ผีมันอาจจะไม่ได้โกรธเพราะถูกใช้ผ้าขาวม้าก็ได้นี่”

“ก็มึงเขียนมาแค่นี้ กูก็เข้าใจแค่นี้ ผิดตรงไหน หึ?”

“เท่าที่พวกกูเข้าใจนะ พ่อลูกเข้ามาพักในบ้านไม้เก่าๆ ที่ญาติหาให้ แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการหลบลู่สถานที่เลยซักกะตี๊ดเดียว แค่เดินไปเดินมา มีแค่ผ้าขาวม้าเท่านั้นที่ถูกหยิบใช้โดยพละการ ใครมาอ่านแม่งก็ต้องเข้าใจว่าผีมันลุกขึ้นมาเพราะหวงผ้าขาวม้าทั้งนั้นแหละ” อาจองตอบแทนพลางพลิกกระดาษในมือ “ถ้าผีมันจะลุกขึ้นมาเล่นงานคนเพราะหวงของ มันก็ควรเป็นหวงบ้านซิวะ ไม่ใช่หวงผ้าขาวม้า!”

“ก็บอกว่าไม่ใช่ผ้าขาวม้าไง ฟังมั่งดิพี่”

“แค่ประเด็นยิบย่อยน่า พวกมึงก็รุมทึ้งน้องซะเหลือเกิน พวกมึงมองภาพรวมดิ น่าสนใจดีออก” โชคชัย อาจารย์ฝึกหัดที่เป็นอดีตนักเรียนของโรงเรียนนี้เอ่ยขึ้นมาหลังจากที่ฟังเหล่ารุ่นน้องโต้เถียงกันอยู่ครู่หนึ่ง “ดูดีกว่าเขียนแนวเจโกสต์โปรโตไทป์ (J-Ghost Prototype) มาให้กูอ่าน อันนี้ดูเป็นไทยดี”

“ถูกต้องเลย’ จารย์โชค” เด็กชายแว่นเจ้าของเรื่องหันไปหาอาจารย์หนุ่มอย่างยินดีที่ได้รับการสนันสนุน “ผมก็ไม่ชอบแนวนั้น”

“เดี๋ยว! ‘จารย์พูดว่าอะไรนะ? เจโก๊ดโรโรไท้?” สหภาพเอ่ยถามอย่างสงสัยและหันไปเขม่นรุ่นน้องที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย่อง

“เจโกสต์โปรโตไทป์โว้ย” โชคชัยเอ่ยตอบและวางกระดาษในมือลงก่อนจะเดินไปที่กระดานดำและเขียนคำนั้นลงไป “หมายถึงผีที่ใช้ต้นแบบจากซาดาโกะ ผีญี่ปุ่นในเดอะริงไง ไอ้ประเภทที่โผล่มาด้วยท่าทางแปลกๆ ขยับเป็นขยักๆ กระตุกๆ ไม่ว่าจะเดินหรือคลาน เคลื่อนไหวแบบเชื่องช้าสลับกับพุ่งปรู๊ดเข้ามาหาเรา หนังสมัยนี้ทำออกมาเยอะ”

“อ้อ” รุ่นพี่ทั้งสองต่างส่งเสียงร้องออกมา

“กูชอบผีไทยที่ปรากฏตัวด้วยท่าทางนิ่งๆ สงบเสงี่ยม ดูเหมือนคนมากกว่า อาจจะมาในแบบเงาดำหรือโผล่ร่างกายออกมาแค่บางส่วนก็ได้ มันดูหลอนกว่าโผล่ออกมาเต็มตัวแล้วขยับแปลกๆ” โชคชัยอธิบายต่อจนจบ

“ใช่เลย ผมชอบผีไทยที่ไม่ใช่ผีไร้เหตุผลไล่กัดคนไปทั่ว ชอบผีที่อยู่เงียบๆ ในที่ของเขา จะโผล่ออกมาก็ต่อเมื่อถูกกระตุ้น” เด็กชายแว่นรุ่นน้องบอกถึงแนวเขียนของตัวเองให้ทุกคนฟัง

“แล้วอะไรไปกระตุ้นให้ผีหัวขาดของมึงปรากฏตัววะ?”

“เดาดิพี่!”

“ไอ้ห่าน! ถ้าเดาได้ พวกกูจะถามมึงให้เสียเวลามั้ย?” สหภาพเอ่ยตอบอย่างหงุดหงิดแต่ก็พลิกกระดาษในมืออย่างหมายมั่นว่าจะได้คำตอบโดยไม่ต้องพึ่งพาเด็กรุ่นน้อง

“ถ้าจะมีอะไรบางอย่างไปกระตุ้นให้ผีลุกขึ้นมา...” อาจองพึมพำและมองหน้าสหภาพที่กำลังง่วนอยู่กับการอ่านทวนเรื่องราว เขาถอนสายตาออกแทบจะทันทีเพราะใบหน้าของเพื่อนสนิทยามหงุดหงิดดูอย่างไรก็ไม่เจริญตาเอาเสียเลย แต่ไม่ใช่กับหุ่นหนาล่ำเกินเด็กม.ต้นของเขา มันล่อลวงหญิงสาวได้อย่างที่อาจองไม่อาจเทียบ

“ผีไทยไม่ใช่ปีศาจตามลัทธิตะวันตกที่นิยมใช้อุบายล่อลวงหรือจ้องจะยึดครองร่างคน ผีไทยมักยึดติดกับอะไรบางอย่าง ปล่อยวางไม่ได้ วนเวียนทำในสิ่งที่ตัวเองยึดติดจนไม่ยอมไปผุดไปเกิด” โชคชัยเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ราวกับกำลังใบ้ให้นักเรียนอีกสองคนฟัง

เด็กหนุ่มสองคนหันสบตากันเพียงครู่เดียวหลังจากนั้นก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

“หรือว่ามันคือผีหัวขาดบ้ากาม? งั้นเหรอวะ?” อาจองเอ่ยขึ้นและหัวเราะต่ออย่างไม่เชื่อถือความคิดของตัวเอง แต่แววตาของเด็กแว่นรุ่นน้องที่กำลังเหยียดยิ้มกำลังบอกว่าเขาเข้าใจถูกต้องแล้ว

“ใครว่าไม่ใช่ล่ะพี่?”

sds

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.