รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่8 รุมแกล้งกันเข้าไป

รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ

-A A +A

รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่8 รุมแกล้งกันเข้าไป

รับคำท้าฯ ตอนที่8

 

            “น้อย ๆ หน่อย ต้องให้น้องข้าป้อนเลยเหรอวะ!” ปรามเดินเข้ามาได้ยินพอดี มันจะมากไปแล้ว เขาเดินดิ่งตรงไปหาเพื่อนจอมกวน วอนให้โดนเตะเสียแล้ว?

 

            ปฏิการหันขวับไปมองเจ้าของเสียงก่อนจะยิ้มแหย ๆ รีบถอยตัวออกห่างจากน้องสาวเพื่อนและอยู่ให้ห่างจากวิถีบาทาของเจ้าของบ้านไร่ทะเลฝัน ซึ่งเวลานี้ดูซีเรียสมากกว่าจะขี้เล่น

 

            “เอ่อ...คือ...ข้า...แค่ล้อเล่นน้องแกเฉย ๆไม่มีอะไร” หนุ่มผมยาวรีบพูดแก้ตัวเสียงอ่อย ทำสีหน้าเจื่อน ๆ พลางโบกไม้โบกมือปฏิเสธ หวังให้เพื่อนใจเย็นลงสักนิด

 

            ปริมาอมยิ้มด้วยความดีใจ เมื่อเห็นพี่ชายเข้ามาปกป้องเธอ ไม่เอาแต่เข้าข้างเพื่อนเหมือนที่ผ่านมา

 

            “อย่าล้อเล่นแบบนี้อีก ข้าไม่ชอบ!” ปรามจ้องหน้าเพื่อนตัวแสบ แล้วเน้นเสียงจริงจัง

 

            หนุ่มหน้าหวานรีบพยักหน้ารับหงึก ๆ

 

            “ถ้าไอ้การมันล้อเล่นแบบนี้อีก บอกพี่นะพี่จะจัดการมันเอง” ปรามหันไปบอกน้องสาว

 

            “แน่นอนค่ะ” เธอพูดแล้วเข้าไปกอดแขนพี่ชายแบบอ้อน ๆ

 

            “พี่ปรามน่ารักที่สุดเลย”

 

            น้องสาวเจ้าของบ้านหันไปมองหน้าเพื่อนพี่ชาย

 

            ‘สมน้ำหน้า! ชอบกวนดีนัก’ เธอบอกเขาด้วยสายตา ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครป่วนประสาทเธอมากเท่ากับเขาเลย

 

            “พี่ปรามเขาก็ดีขึ้นแล้วให้เขากลับบ้านวันนี้เลยนะคะ” เธอเบื่อขี้หน้าหนุ่มจอมกวนเต็มทนแล้ว เมื่อไหร่จะไปเสียที

 

            “แกดีขึ้นรึยัง?” ปรามเดินเข้าไปหาคนป่วย

 

            “ก็...ค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้วล่ะ” คนเพิ่งสร่างไข้เดินหนี เมื่อเพื่อนก้าวเท้าเข้ามาหา เขายังรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย

 

            “เดินหนีทำไม! มานี่!” ปรามยังเดินตามไปไม่หยุด เขาเอื้อมมือคว้าแขนเพื่อนตัวแสบไว้ได้ทัน

 

            “ข้าแค่เตือนเฉย ๆ อย่าให้มีอีก เข้าใจนะ” น้ำเสียงนั้นยังคงเข้มและเน้นหนัก

 

            ปฏิการรีบพยักหน้ารับ รู้ดีว่าถ้าเพื่อนคนนี้เอาจริงขึ้นมาจะเป็นเช่นไร

 

            ปรามรู้สึกว่า แขนของคนป่วยไม่ค่อยร้อนเหมือนเมื่อตอนบ่าย ดูเหมือนไข้จะลดแล้ว แสดงว่าน้ำเก๊กฮวยได้ผล

 

            “มีแรงไหม” เขามองใบหน้าของคนป่วย แม้ว่าจะดูมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง แต่ยังคงดูอ่อนเพลียอยู่

 

            “ค่อยกลับพรุ่งนี้เช้าแล้วกัน” ปรามตัดสินใจให้เพื่อนซี้นอนพักอีกคืน กลัวว่าเพื่อนจะยังอ่อนเพลียอยู่ เพราะระยะทางจากบ้านไร่ทะเลฝันไปบ้านของปฏิการก็ไกลกันอยู่ไม่น้อย

 

                หนุ่มหน้าหวานมองหน้าเพื่อนรักและรับรู้ถึงความห่วงใยที่เพื่อนมีต่อเขาเสมอ ปรามเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรจะปรึกษาเพื่อนคนนี้ได้ตลอด เพื่อนจะคอยเตือนสติคอยให้คำแนะนำที่ดี

 

            ‘หะ!! อะไรเนี่ย! พี่ปราม ทำไมต้องให้หมอนี่อยู่ต่ออีกคืนด้วย!’ ปริมาหงุดหงิดขึ้นมาทันที มองการกระทำของพี่ชายเวลานี้ ช่างดูเป็นห่วงเพื่อนเกินเหตุหรือเปล่า? เธอจะต้องรีบหาแฟนให้พี่ชายแล้วล่ะ

 

            ปฏิการหันมายิ้มเยาะให้พยาบาลจำเป็น          

 

            ‘หนอย!!’ ยิ่งอีกฝ่ายส่งยิ้มเยาะเย้ยมาให้ ยิ่งหัวเสียเข้าไปใหญ่

 

            “เอายามากินหน่อยสิฉันอยากกินสตรอว์เบอร์รีแล้ว” คนป่วยหันไปมองหน้ายัยตัวแสบ

 

            หญิงสาวถอนหายใจทำหน้าเซ็งเป็ด ก่อนชี้นิ้วไปที่โต๊ะกลางห้องครัว ซึ่งมีขวดขมิ้นชันวางอยู่ โดยไม่เดินไปหยิบให้

 

            “ก็กินสิ!” 

 

            “กินกี่เม็ดล่ะ” คนป่วยเดินไปที่โต๊ะกลางห้องหยิบขวดยาสมุนไพรขึ้นมาดู

 

            “สองเม็ด” น้ำเสียงนั้นบอกถึงความรำคาญชายหนุ่มเต็มที เธอมองเขาด้วยสายตาตำหนิ

 

            ‘ไม่รู้จักอ่านรึไง! อ่านหนังสือไม่ออกเหรอ? ถามอยู่ได้!’

 

            ปฏิการเทยาออกมาตามคำบอกของเธอ แล้วจ้องมองเม็ดยาอัดเม็ดมีลักษณะกลมและแบน มีสีเหลืองอยู่ในมือ ถึงเม็ดจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่ใช่เม็ดเล็ก ๆ แถมมีกลิ่นเฉพาะตัวอ่อน ๆ

 

            ‘จะกลืนลงไหมเนี่ย!’ ว่าแล้วจึงอ้าปากวางเม็ดยาไว้ใกล้กับลำคอและรีบดื่มน้ำตามทันที ทว่าเหมือนลำคอจะไม่ยอมกลืนเม็ดยาลงไป จนเกือบจะอ้วกออกมา เขาต้องรีบดื่มน้ำตามเข้าไปอีกจึงกลืนลงคอไปได้

 

            ปริมาเดินไปหยิบกล่องสตรอว์เบอร์รีออกมาจากตู้เย็นแล้วใช้ช้อนตักสตรอว์เบอร์รีออกมาใส่ชามให้หนุ่มผมยาว

 

            หนุ่มจอมกวนยื่นหน้าไปดูสตรอว์เบอร์รีในชาม เห็นมีอยู่ประมาณสิบกว่าลูก

 

            “น้อยจัง...เอาอีก”

 

            แต่แทนที่อีกฝ่ายจะตักเพิ่มให้กลับตักออกอีกสามลูก

 

            “หะ!” เขามองสตรอว์เบอร์รีในชามอย่างงุนงง ก่อนจะเงยหน้ามองคนตักให้

 

            ‘ได้ยังไง! แบบนี้ก็ได้เหรอ’ หนุ่มผมยาวไม่ยอม

 

            “อย่าขี้โกงสิ!”

 

            พยาบาลจำเป็นไม่ฟังเสียงคนโวยวาย ตักออกอีกสามลูกด้วยความหมั่นไส้

 

            ‘หะ!’ หากเขายังพูดโวยวายจะยิ่งได้น้อยลง หนุ่มหน้ามนมองหน้าเธอสลับกับชามสตรอว์เบอร์รี

 

            “เอาออกอีก” ปรามอมยิ้มมองหน้าเพื่อนเวลานี้ที่ดูงุนงงและเหวออย่างมาก มันน่าแกล้งจริง ๆ

 

            “ท้องแกยังไม่ค่อยดี ต้องกินน้อย ๆ ก่อน”

 

            คนไข้มองหน้าเพื่อนซี้ 

 

            ‘อะไรกันเนี่ย! รุมแกล้งกันเข้าไป’ แม้ว่ามันจะดูมีเหตุมีผลก็เถอะ

 

            น้องสาวเจ้าของบ้านรีบทำตามคำสั่งพี่ชาย แต่ทว่ายังไม่ทันตักออกอีก ก็ถูกมือหนุ่มผมยาวจับมือเธอไว้เสียก่อน

 

            “ปล่อยมือน้องข้าเดี๋ยวนี้เลย” ปรามสั่งเสียงเข้มทันที นี่ต่อหน้าต่อตาเขายังกล้าทำขนาดนี้ เพิ่งจะพูดห้ามหยก ๆ

 

            ปฏิการยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือหญิงสาว กลัวจะโดนเพื่อนแพ่นกบาลเข้าให้ คิดแล้วรีบคว้าชามสตรอว์เบอร์รีเดินหนีออกจากห้องครัว เขาจะอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว

 

            สองพี่น้องหันมายิ้มให้กันอย่างขำ ๆ

 

 

 

*********************

 

            หมอใหญ่วัยสี่สิบแปดปีหย่อนก้นลงนั่งที่โซฟายาวข้างภรรยาพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาววัยสี่สิบเศษอย่างสนใจว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่

 

            “ดูอะไรอยู่ครับ อย่าบอกว่าดูหนุ่ม ๆ อยู่นะ” ปัณณวัตร์หยอกภรรยาเบา ๆ อย่างมีอารมณ์ขัน

 

            ปัถยาละสายตาจากมือถือในมือมองหน้าสามีด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นคนที่เธอแอบหลงรักมานาน ตั้งแต่สมัยเรียนตอนอยู่ปีหนึ่ง ซึ่งเขาเป็นรุ่นพี่คณะแพทยศาสตร์อยู่ปีสี่ ไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้แต่งงานกับเขาจริง ๆ ตอนนั้นความฝันของเธอพังทลายลง เมื่อเขาแต่งงานกับดาวมหาลัยคนสวย หญิงสาวยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นความจริงว่า ขณะนี้เธอได้เป็นภรรยาของเขาแล้ว หลังจากที่รอมานานเกือบยี่สิบปี

 

            “ดูหนุ่ม ๆ อยู่ค่ะ” เธอแกล้งพูดขำ ๆ พลางยิ้มแกล้งสามี ก่อนจะรีบพูดต่อไปว่า

 

            “ดูคลิปลูกชายคุณอยู่ค่ะ เขาไปประกวดร้องเพลง ในรายการ วอยซ์ออฟเดอะสตาร์ เขาเป็นคนมีพรสวรรค์ในการร้องเพลงนะคะ ร้องเพลงเพราะมาก คุณได้ดูหรือยังคะ” ปัถยายื่นมือถือให้คนนั่งข้าง ๆ ดู

 

            สีหน้าของคนข้างตัวเครียดขึ้นมาทันที

 

            “นี่มันกล้าไปประกวดร้องเพลงเหรอ?” นายแพทย์ใหญ่เคยบอกลูกชายตอนมาขอไปประกวดร้องเพลงว่าไม่เห็นด้วย ให้อยู่บ้านอ่านหนังสือให้สอบได้คะแนนดี อย่าติดเอฟทำให้เขาต้องขายหน้า หรือไม่ก็ไปเรียนกวดวิชาเสริมจะดีกว่า หนุ่มใหญ่อารมณ์เสียที่รู้ว่าลูกชายกล้าขัดคำสั่งของเขา พลางปัดมือถือของภรรยาให้ห่างจากตัว

 

            “ใจเย็น ๆ ค่ะเสียงเพลงก็มีประโยชน์นะคะ ทำให้คนเรามีความสุขได้น้า...” เธอจับมือสามีบีบเบา ๆ

 

            “ตอนคุณจีบปาริชาตคุณยังใช้เพลงจีบเธอเลยนี่คะ” เธอพูดถึงอดีตภรรยาของเขา

 

            “ต่อไปอย่าเอ่ยชื่อนี้ให้ผมได้ยินอีก” น้ำเสียงนั้นแข้งห้วนบ่งบอกความไม่พอใจอย่างมาก เขาอยากจะลืมคนที่เคยทุ่มเทความรักให้จนหมดหัวใจ แต่เหมือนมันไม่มีค่า เธอเป็นภรรยาของเขา แต่เหมือนหัวใจไม่ใช่ เขาได้แค่กายของเธอตลอดมา เขาไม่น่าฝืนความจริงข้อนี้เลย เขาผิดเอง เขาไม่ควรแย่งเธอมาจากคนที่เธอรัก

 

            ปัณณวัตร์มองคนข้างตัวที่ดูเงียบไป 

 

            “ตอนนี้ภรรยาของผมมีคนเดียว... ชื่อ ปัถยา” หมอหนุ่มยกมือโอบภรรยามาไว้ในอ้อมแขน เขามองหน้าหญิงสาว คนที่เขาควรจะเลือกเธอมาตั้งนานแล้ว เธอเป็นเพื่อนที่แสนดี ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขาเลยแม้แต่ความรัก ไม่ว่าเขาจะมีเรื่องราวทุกข์ใจแค่ไหน เธอจะคอยรับฟังเขาเสมอ คอยปลอบเขาตลอดมา

 

            หญิงสาวในอ้อมแขนอมยิ้มอย่างเขินอาย

 

            “ขอบคุณนะคะที่ทำให้ความฝันของฉันเป็นความจริง ที่ทำให้ฉันได้อยู่กับคุณ” จบประโยคนั้นเธอยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มคนที่เธอรัก

 

            “สวัสดีคร้าบ.... คุณพ่อ.....ผมกลับมาแล้วคร้าบ....” ปฏิการเดินเข้ามาในห้องรับแขก มองเห็นภาพนั้นพอดี ความไม่พอใจพุ่งปรี๊ดขึ้นมาจุกอยู่ที่หัวใจ ผู้หญิงคนนี้ใช้มารยาแบบนี้นี่เองถึงจับพ่อเขาไว้ได้ ทำไมเขาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่แสดงความรักต่อกันแบบนี้บ้างเลย

 

            ปัถยารีบขยับตัวถอยออกห่างจากสามีด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงนั้น เธอมองหน้าหนุ่มผมยาวที่ยืนอยู่ด้วยความประหลาดใจ เพราะใบหน้านั้นคล้ายอดีตภรรยาของสามีเธออย่างมาก ตอนดูคลิปเขาประกวดร้องเพลงยังเห็นหน้าไม่ค่อยชัดเจนเท่าในเวลานี้ 

 

            “ต้องขอโทษด้วยที่เข้ามาขัดจังหวะพอดี แหม...โชคดีจริง ๆ ได้ดูหนังรักโรแมนติกมาก....” เขาแกล้งพูดประชดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

 

            “สวัสดีแม่ใหม่ของแกเสียสิ” หมอหนุ่มใหญ่ออกคำสั่งให้ลูกชายคนเดียวทำความเคารพต่อภรรยาใหม่ของเขา

 

            ลูกชายคนเดียวกำมือแน่นขึ้นด้วยความโกรธ แต่พยายามกดข่มมันเอาไว้ เขาหายใจเข้าลึก ๆ ออกยาว ๆ แล้วขยับตัวเดินเข้าไปใกล้ภรรยาคนใหม่ของบิดา ผู้หญิงคนนี้เองที่ทำให้พ่อสั่งปลดรูปแม่ของเขาในบ้านจนหมดไม่มีเหลือก่อนถึงวันแต่งงาน 

 

            “สวัสดีคร้าบ.......คุณป้า..................” เขาก้มหัวโค้งลงไปถึงเข่าของตัวเองก่อนจะผงกศีรษะขึ้นมา

 

            ปัถยาอึ้งเล็กน้อยที่เด็กหนุ่มตรงหน้าเรียกเธอว่าป้าเลย ทั้งที่เธออายุอ่อนกว่าแม่ของเขาหลายปี แต่ก็ไม่ถือสา พยายามจะเป็นมิตรกับเขา พ่อของเขาเธอยังเอาชนะใจที่แข็งเหมือนศิลามาได้เลย ลูกชายของเขาก็เช่นกัน เธอจะเอาชนะใจให้ได้

 

            “สวัสดีจ้ะ ได้ดูคลิปเธอประกวดร้องเพลง เธอร้องเพลงเพราะมากนะ” 

 

            “เรียกว่า คุณแม่เขาจะมาเป็นแม่ใหม่ของแก” บิดาออกคำสั่งต่อไปอย่างอารมณ์เสียเมื่อเห็นปฏิกิริยากวนประสาทของลูกชาย

 

            “คุณพ่อคร้าบ...ผมยังความจำไม่เสื่อมนะครับแม่ของผมมีคนเดียว ชื่อปาริชาตนะครับ” คนเป็นลูกยังตอบลอยหน้าลอยตากวนโมโหคนเป็นพ่อต่อไป

 

            ปัถยาบีบแขนสามีเป็นเชิงขอร้องให้หยุดต่อล้อต่อเถียงกับลูกชาย

 

            “พ่อบอกแล้วใช่มั้ย? ไม่ให้แกไปประกวดร้องเพลงไร้สาระ” เขายังหัวเสียไม่หายที่รู้ว่าลูกชายขัดคำสั่ง

 

            ปฏิการนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ปกติพ่อไม่เคยดูรายการพวกนี้เลย วัน ๆเอาแต่ทำงาน มีเคสทั้งผ่าตัดหัวใจ ทั้งบายพาส ไหนจะบอลลูนอีก ไม่เว้นแต่ละวัน คนเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้นตลอด พ่อจะรู้ได้ยังไงว่าเขาไปประกวดร้องเพลงถ้าเธอไม่สาระแนไปบอกพ่อของเขา

 

            “ผมชอบร้องเพลงมันผิดตรงไหนคร้าบ...” เขาพยายามฉีกยิ้มกว้างให้เหมือนว่าไม่แคร์ ไม่รู้สึกอะไรกับคำด่าของพ่อ

 

            “มันจะไม่ผิดเลย ถ้าแกไม่ติดเอฟ แกทำให้ฉันต้องอับอายขายหน้าแค่ไหน รู้บ้างหรือเปล่า?” นายแพทย์ใหญ่พูดเสียงดังลั่นอย่างเหลืออด โยนเอกสารสีขาวลงบนโต๊ะตรงหน้าอย่างแรง สมัยเรียนเขาเป็นนายแพทย์ที่มีคะแนนสูงสุดของคณะ แต่ลูกชายคนเดียวของเขากลับไม่เอาไหนเลย

 

            “คุณพ่อคร้าบ...อย่าลืมสิ! พ่อเป็นคนขอร้องให้ผมเรียนหมอนะ ผมก็เรียนให้แล้ว ผมบอกแล้วว่า ผมไม่อยากเรียน ผมไม่อยากเป็นหมอ...”  

 

            ‘เหมือนพ่อ’ เขาพูดต่อในใจไม่กล้าพูดออกไปที่เขายอมเรียนเพราะแม่ขอร้อง แต่ตอนนี้แม่เลิกกับพ่อแล้ว พ่อยังแต่งงานใหม่อีก เขาไม่จำเป็นต้องเรียนเพื่อพ่ออีกแล้ว 

 

            “แกรีบไปให้พ้นจากหน้าฉันเลย” ปัณณวัตร์ชี้หน้าลูกชายจอมกวนอย่างโมโห เขารู้สึกเจ็บเสียดที่หน้าอกขึ้นมาซึ่งเป็นมาระยะหนึ่งแล้ว เขารู้ดีมันคืออาการเบื้องต้นของโรคหัวใจขาดเลือด เพราะเขาเป็นศัลยแพทย์หัวใจมือหนึ่งแนวหน้าของเมืองไทย ผ่าตัดคนไข้มามากกว่าสองพันราย เขากำลังจะกลายเป็นโรคหัวใจเสียเองแล้ว 

 

            “คุณ...เป็นอะไรคะ” เธอมองหน้าหนุ่มใหญ่ที่ดูซีดผิดปกติมองเห็นเขาเอนตัวพิงกับโซฟาทันทีที่ลูกชายลับสายตาออกไปมือข้างหนึ่งจับที่หน้าอกด้านซ้าย พยายามหายใจเข้าลึกออกยาวเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ตึงเครียด

 

               

 

    **************

  

    สวัสดียามสายค่า... ขอบคุณมากๆ ที่แวะมาอ่าน แล้วคอมเม้นท์ตรวจคำผิดให้ด้วย  อ่านแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ทักทายกันได้น้า...

 

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ แงซาย

พี่ปรามมีแอบหวงน้องสาวด้วย อิอิ

รูปภาพของ Risait444

ชอบมากๆ พี่ชายหวงน้องสาว เป็นคนเป็นลูกคนโต อยากมีพี่ชายที่คอยหวงและเป็นห่วงแบบนี้จัง...

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.