บทที่ 52 หมอกโลหิต
บทที่ 52 หมอกโลหิต
“ถ้าเช่นนั้นต่อให้ข้าต้องตาย… ข้าก็ต้องข้าทั่น”
พลังของผู้กล้าแห่งแสงและลองหหัวหน้าอัศวินปะทะกันอย่างรุนแรง เซอร์เจราล์ดยกดาบในมือขึ้นเพื่อต่อสู้กับผู้กล้าถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าการกระทำของเขามันไร้ประโยชน์
“ถ้าเช่นนั้น… แกก็ตายเสีย”
อาเธอร์ยกดาบแห่งแสงขึ้นเตรียมฟาดฟันศัตรูตรงหน้า แต่ทว่าก่อนก่อนที่ดาบจะถึงตัว เสียงอันเย็นยะเยือกของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ดูสถานการณ์กับดังขึ้น
“หยุดได้แล้ว”
จิตสังหารของทั้งสองคนกลับถูกพลังสภาวะบางอย่างทำให้หยุดนิ่งลง
“ต่อให้พวกแกฆ่ากันตายตรงนี้ก็มีแต่พวกแมกนัสกับผู้ใช้ปีศาจที่จะได้ประโยชน์… พวกเราเก็บแรงไว้ดีกว่า”
“แล้วแกจะให้ข้าทำเช่นไร” เซอร์เจราล์ด หันไปมองอย่างอดีตผู้กล้า
“เรื่องนี้ไม่เห็นจะยาก… พวกแกก็ฆ่าราชาแมกนัสก่อนแล้วค่อยคิดก็ได้ ยังไงทั้งเงินรางวัลและเกียรติยศ ก็ได้มากกว่าข้าฉันคนเดียวอยู่แล้ว”
“ถ้าพวกแกไม่เชื่อละก็”
“ไม่สิ… ถึงพวกแกจะเชื่อหรือไม่… แต่ว่าการต่อสู้กับพวกฉันทั้งสองคนมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”
“พวกแกได้ตายเรียบแน่”
การโต้เถียงระหว่างอาร์เธอร์และเซอร์เจราล์ดจบลงด้วยความตึงเครียดที่แทบจะระเบิด อัศวินส่วนใหญ่พักผ่อนอยู่รอบกองไฟเล็ก ๆ โดยมีเซอร์เจราล์ดและพวกที่ยังภักดีต่ออาณาจักรคอยจับตาดูเอเรนอย่างไม่วางตา
ขณะที่ทุกคนกำลังจะเข้านอน และความมืดของป่าทึบกำลังกลืนกินแสงจันทร์ หมอกสีดำ ที่หนาหนักก็เริ่มปกคลุมรอบ ๆ ค่าย หมอกนั้นไม่ได้มาจากพื้นดิน แต่ดูเหมือนมันไหลลงมาจากเบื้องบน ราวกับเงาที่เคลื่อนไหวได้
“หมอกอะไรน่ะ?” อัศวินนายหนึ่งร้องอย่างประหลาดใจ น้ำเสียงของเขามีความกังวล
หมอกสีดำนั้นหนาแน่นผิดปกติ และมีความเย็นเยือกผิดธรรมชาติ มันไม่ได้ให้ความรู้สึกของน้ำแข็ง แต่ให้ความรู้สึกเหมือน เลือดที่กำลังจับตัว ซึ่งให้ความรู้สึกที่น่าสะอิดสะเอียนและน่าขนลุกยิ่งกว่าความมืดใด ๆ
“ระวังตัว!” อาร์เธอร์ตะโกน เขารีบชักดาบศักดิ์สิทธิ์ออกมา แสงสีทองของดาบส่องทะลุหมอกได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เอเรนกำดาบอีเร็นแน่น เปลวเพลิงสีดำอมแดง โชนแสงขึ้นจากคมดาบ เขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่กำลังคืบคลานเข้ามาในหมอกมรณะนี้
ทันใดนั้น! ท่ามกลางหมอกสีดำที่บิดเบี้ยว ร่างของ หญิงสาวสวยงดงาม ก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น ผมของเธอสีแดงเข้มเหมือนโลหิตที่กำลังไหล และผิวของเธอขาวซีดราวกับหิมะ ดวงตาของเธอมีประกายสีแดงก่ำราวกับเพชรเลือด เธอสวมชุดสีแดงและดำที่ดูหรูหราแต่แฝงไว้ด้วยความน่าสะพรึงกลัว
เธอปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบงันราวกับภาพลวงตา แต่พลังที่แผ่ออกมานั้นหนักหน่วงจนทุกคนรู้สึกถึงความกดดัน
“ในที่สุด... ก็เจอ ศาสตราวิญญาณ กับ ศาสตราเทพ” เสียงของหญิงสาวไพเราะราวกับบทเพลง แต่กลับเย็นชาและเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
เหล่าอัศวินที่ยังคงพยายามใช้พลังเวทมนตร์เพื่อสร้างบาเรียป้องกัน ต่างตกตะลึง เมื่อพบว่า พลังเวทมนตร์ของพวกเขาไม่ทำงาน พวกเขาล้มลงด้วยความเจ็บปวด เมื่อตระหนักว่าเวทมนตร์ทั้งหมดที่เคยใช้ได้หายไป
หญิงสาวก้าวเข้ามาใกล้กลุ่มอัศวินที่ไร้กำลังป้องกัน เธอแตะปลายนิ้วลงบนอัศวินนายหนึ่งอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มที่น่าขนลุกปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“น่าเสียดายที่เวทมนตร์ใช้ไม่ได้ในมิติของข้า” เธอเอ่ย พลางใช้พลังบางอย่างกับอัศวินคนนั้น
ร่างกายของอัศวินเริ่มเปลี่ยนสี ร่างของเขาบิดเบี้ยวและทรุดลง เลือดทั้งหมดในตัวถูกดึงออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างของเขาจะสลายกลายเป็น หยดโลหิต สีดำที่ลอยอยู่ในอากาศ
“พวกแกทุกคน... ถูกเลือกเพื่อเป็นทาสใหม่ของข้า” หญิงสาวกล่าว
“แก... แกเป็นใครกันแน่!” อาร์เธอร์ตะโกนอย่างเดือดดาล พลางชูดาบศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเตรียมโจมตี
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ “ข้าคือผู้ใช้ ศาสตราแห่งโลหิต ชิ้นที่สอง”
เธอแบมือออก หยดโลหิต ที่ถูกดึงออกมาจากร่างของอัศวินที่เพิ่งตายไป ก็รวมตัวกันเป็น ดาบสีแดงก่ำ ที่มีรูปลักษณ์น่าสะพรึงกลัว มันมีชีวิตและพร้อมที่จะดูดกลืนทุกอย่าง
“และพวกแกทั้งสองคน... ทั้ง ศาสตราวิญญาณ และ ผู้กล้าแห่งแสง... จะต้องกลายเป็นพลังที่บริสุทธิ์ที่สุดให้กับศาสตราของข้า”
เอเรนยืนนิ่ง ดาบนิลอีเร็นในมือของเขาโชนแสงแรงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาพร้อมจะปะทะกับภัยคุกคามใหม่ที่ไม่ใช่แค่การหลอกลวง แต่เป็นการฆ่าฟันที่โหดเหี้ยมที่สุด
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 50
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น