บทที่38 :ข้อเสนอ
ควันยังคงกรุ่นอยู่ทั่วถ้ำ
กลิ่นไหม้ของโอโซนที่เกิดจากปืนพลังงานผสมปนเปกับกลิ่นฉุนของยาพิษและกลิ่นหอมหวานจนน่าคลื่นไส้ของป่าเรืองแสงที่กำลังเน่าเปื่อย มันคือกลิ่นของชัยชนะที่น่าขยะแขยง ไม่มีใครพูดอะไร ทุกคนต่างยืนนิ่งอยู่ในตำแหน่งสุดท้ายของตัวเองราวกับรูปสลัก จ้องมองไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า สมองยังคงประมวลผลภาพความบ้าคลั่งที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป ความเหนื่อยล้าที่เกินขีดจำกัดถาโถมเข้าใส่ราวกับคลื่นใต้น้ำ มันไม่ใช่แค่ความอ่อนล้าทางกาย แต่เป็นความเหนื่อยของจิตใจที่ถูกบีบคั้นจนแทบจะแหลกสลาย
โอไรออนค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้น เสียงกรีดร้องในหัวของเขาหายไปแล้ว แต่ความเงียบที่เข้ามาแทนที่กลับอื้ออึงและน่าอึดอัดยิ่งกว่า เขาหันศีรษะไปมาช้าๆ พยายามจะจับ "เสียง" ของทุกคนในถ้ำเพื่อยืนยันว่ายังอยู่กันครบ แต่แล้วเขาก็ "ได้ยิน" ความผิดปกติ... เสียงลมหายใจที่แผ่วเบาและขาดห้วง... เสียงการเต้นของหัวใจที่อ่อนแรง... มาจากทิศทางที่พรานคนหนึ่งเคยยืนอยู่... ทอร์... ตรงจุดที่เขา "ได้ยินเสียง" การกระแทกอย่างรุนแรงครั้งสุดท้าย
พวกเขาชนะแล้ว... แต่ชัยชนะครั้งนี้ก็มีราคาที่ต้องจ่าย
ลีน่าทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง เธอมองไปยังครามและนักรบที่เหลือของเขาที่กำลังค่อยๆ เดินเข้าไปดูอาการของเพื่อน... พวกเขาไม่ได้มองกันในฐานะศัตรูอีกต่อไปแล้ว สายใยบางๆ ที่มองไม่เห็น... สายใยที่ถักทอขึ้นจากเลือด, ความกลัว, และการยอมรับในฝีมือซึ่งกันและกัน... ได้ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงันในใจกลางของซากปรักหักพังแห่งนี้
ครามไม่ได้พูดอะไร เขาคุกเข่าลงข้างร่างของทอร์อย่างเงียบงัน นักรบอีกคนทรุดตัวลงข้างๆ เขา ความโศกเศร้าของพวกเขาหนักแน่นและเงียบสงัด ไม่มีการร่ำไห้ฟูมฟาย มีเพียงการวางมือลงบนหน้าอกของสหายที่จากไป เป็นการบอกลาครั้งสุดท้ายที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ลินดาคุกเข่าลงข้างหลังพ่อของเธอ น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆ
ทีมจากดุษฎีนครยืนมองภาพนั้นอย่างอึดอัด พวกเขาคืออัจฉริยะที่สามารถไขความลับของจักรวาลได้ แต่ในวินาทีนี้ พวกเขากลับไม่รู้ว่าจะรับมือกับความตายและความสูญเสียที่อยู่ตรงหน้าอย่างไร
"อึ่ก..."
เสียงครางด้วยความเจ็บปวดเบาๆ ดังขึ้นจากอีกฟากหนึ่งของถ้ำ มันคือเสียงของเร็กซ์!
ลีน่ารีบหันขวับไปทันที เธอเห็นทหารผู้แข็งแกร่งที่สุดของเธอกำลังทรุดตัวลงพิงผนังถ้ำ ใบหน้าของเขาซีดเผือด เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มหน้าผาก และที่น่ากลัวที่สุด... ร่างกายของเขากำลังสั่นเทาอย่างรุนแรง
"เร็กซ์! คุณโดนอะไร!" ลีน่ารีบวิ่งเข้าไปหาเขาพร้อมกับชุดปฐมพยาบาลในมือ
"ผม... ไม่รู้" เขาเค้นเสียงพูดออกมา "มัน... หนาว... หนาวเข้ากระดูก"
ลีน่าใช้เครื่องสแกนชีวภาพแบบพกพาสแกนร่างกายของเขาทันที แต่ข้อมูลที่ปรากฏขึ้นบนจอโฮโลแกรมกลับทำให้เธอต้องขมวดคิ้วด้วยความสับสน "ไม่พบความผิดปกติ! ไม่มีบาดแผลภายใน ไม่มีสารพิษ อุณหภูมิร่างกายปกติทุกอย่าง! แต่นี่... สัญญาณชีพของคุณกำลังอ่อนลงเรื่อยๆ!"
วิทยาศาสตร์ของเธอกำลังบอกว่าเขาไม่เป็นอะไร... แต่ดวงตาของเธอกลับเห็นชายที่แข็งแกร่งราวกับหินผากำลังจะตายลงช้าๆ ต่อหน้าต่อตาเธอ
ครามที่ได้ยินเสียงความวุ่นวาย ละจากร่างของลูกน้องและเดินตรงมาที่พวกเขา แววตาของเขาไม่ได้มีความโศกเศร้าอีกต่อไป แต่กลับเต็มไปด้วยความเฉียบคมของพรานป่า เขามองอาการของเร็กซ์เพียงแวบเดียว แล้วก็พยักหน้าช้าๆ เหมือนเข้าใจทุกอย่าง
เขาพูดภาษาไทยสั้นๆ กับลินดา "มันคือ 'ความเย็น' ของวิญญาณ... เหมือนกับเด็กหนุ่มคนนั้น"
ลินดารีบแปลให้ลีน่าฟัง "ท่านพ่อบอกว่าเขารู้วิธีรักษาค่ะ!"
ครามไม่ได้รอคำอนุญาต เขาเดินไปที่ซอกหินมืดๆ ในถ้ำ และหยิบใบไม้ประหลาดบางชนิดที่ขึ้นอยู่ในที่อับชื้นออกมาหนึ่งกำมือ เขาวางมันลงบนหินแบนๆ แล้วใช้หินอีกก้อนบดมันอย่างแรงจนกลายเป็นเนื้อครีมสีเขียวเข้มที่มีกลิ่นฉุนรุนแรง
เขาเดินกลับมาหาเร็กซ์ที่กำลังหายใจติดขัด "ถอดหมวกเกราะออก" ลินดาแปล
"ไม่มีทาง!" เร็กซ์คำราม เขายังคงไม่ไว้ใจ "ผมไม่ต้องการความเชื่องมงายของพวกคุณ!"
"เร็กซ์!" ลีน่าพูดเสียงเฉียบขาด เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา "วิทยาศาสตร์ของเรามันตันแล้ว! แต่เขารู้อะไรบางอย่างที่เราไม่รู้... ตอนนี้... เราต้องเชื่อ"
เร็กซ์มองหน้าลีน่า... แล้วมองไปยังครามที่ยืนรออย่างสงบนิ่ง... เขากัดฟันแน่น ก่อนจะยอมปลดหมวกเกราะของตัวเองออกอย่างช้าๆ
ครามคุกเข่าลงข้างๆ เขาไม่ได้แสดงท่าทีเป็นมิตร แต่ก็ไม่ได้คุกคาม เขาค่อยๆ ป้ายยาที่มีลักษณะคล้ายโคลนนั้นลงบนหน้าผากและขมับของเร็กซ์อย่างแผ่วเบา พร้อมกับพึมพำบทสวดสั้นๆ
ทันทีที่ยาสัมผัสกับผิว... เร็กซ์ก็สะดุ้งเล็กน้อย! มันไม่ใช่ความเย็น... แต่เป็น "ความร้อน" ที่ค่อยๆ แผ่ซ่านเข้าไปในผิวหนัง กลิ่นฉุนของมันไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่ แต่กลับทำให้สมองที่มึนงงปลอดโปร่งขึ้นอย่างน่าประหลาด ความรู้สึกหนาวเหน็บที่เกาะกุมร่างกายของเขามาตลอด... ค่อยๆ จางหายไป...
มันคือการกระทำเล็กๆ... แต่กลับมีความหมายที่ยิ่งใหญ่... มันคือการแลกเปลี่ยน "ปัญญา" ครั้งแรกระหว่างสองโลก... คือจุดเริ่มต้นของความเชื่อใจที่เกิดจากความสิ้นหวังร่วมกัน
ความร้อนที่แผ่วเบาจากยาของครามค่อยๆ ขับไล่ความเย็นเยียบที่กัดกินร่างกายของเร็กซ์ออกไปจนหมดสิ้น เขาพยุงตัวเองลุกขึ้นยืนได้อย่างทุลักทุเล แต่ก็เป็นครั้งแรกในรอบหลายชั่วโมงที่เขารู้สึกเหมือนกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง เขามองไปยังครามด้วยสายตาที่ซับซ้อน... ความหวาดระแวงยังคงอยู่... แต่ตอนนี้มันได้เจือปนด้วยความรู้สึกใหม่ที่เขาไม่เคยรู้จัก... "ความนับถือ"
"พวกเจ้า... พักผ่อนเสีย" ครามพูดผ่านลินดาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รุ่งสาง "การเดินทางทั้งที่ร่างกายและจิตใจยังอ่อนแอ คือการเชื้อเชิญความตายให้มาเยือนเร็วขึ้น"
พูดจบ เขากับนักรบอีกคนก็ช่วยกันพยุงร่างของทอร์ไปยังมุมที่สงบที่สุดของถ้ำเพื่อทำพิธีส่งดวงวิญญาณตามความเชื่อของพวกเขา ทิ้งให้ทีมสำรวจอยู่กับลินดาตามลำพัง
"พวกเขาไปไหน?" ลีน่าถามอย่างระแวดระวัง
"หาอาหาร... และลาดตระเวน" ลินดาตอบอย่างเรียบง่าย "ป่าไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวเพียงเพราะเราเหนื่อยหรอก"
คำพูดนั้นคือความจริงที่เจ็บปวด ทีมจากดุษฎีนครที่ไม่เคยต้องกังวลเรื่องปากท้องหรือความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน บัดนี้กลับต้องพึ่งพา "คนป่า" ที่พวกเขาเคยตั้งแง่รังเกียจเพื่อความอยู่รอด พวกเขาทำได้เพียงนั่งพักอยู่ในถ้ำที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังแห่งชัยชนะของตนเอง รอคอยอย่างเงียบๆ
เวลาผ่านไปราวสองชั่วโมง...
ครามและคนของเขาก็กลับมา... ในมือของพวกเขาไม่ได้มีแค่อาวุธ แต่มีทั้งผลไม้ป่าหน้าตาประหลาด, รากไม้ที่ยังมีดินเกาะอยู่, และที่น่าทึ่งที่สุดคือ... เนื้อสัตว์ที่ถูกย่างบนใบไม้ขนาดใหญ่จนสุกหอมกรุ่น มันคือกระต่ายเขาผลึกตัวเล็กๆ ที่พวกเขาคงจะล่ามาได้ระหว่างทาง
กลิ่นหอมของเนื้อย่างที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วถ้ำนั้น คือการทรมานที่หอมหวานที่สุดสำหรับเหล่าด็อกเตอร์ที่คุ้นเคยแต่กับโปรตีนบาร์รสสังเคราะห์
ครามยื่นเนื้อย่างชิ้นหนึ่งให้ลีน่า "กินซะ" ลินดาแปล "มันจะช่วยฟื้นฟูพลังของเจ้า"
เร็กซ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำท่าจะค้าน แต่ลีน่ากลับรับเนื้อชิ้นนั้นมาอย่างไม่ลังเล เธอรู้ดีว่านี่คือบททดสอบอีกรูปแบบหนึ่ง... บททดสอบแห่งความไว้วางใจ
เธอฉีกเนื้อที่ร้อนกรุ่นเข้าปาก... และในวินาทีนั้นเอง... โลกทั้งใบของเธอก็เปลี่ยนไป
มันไม่ใช่แค่ "สารอาหาร"... แต่มันคือ "รสชาติ"
ความหอมของควันไฟ... ความหวานของเนื้อสัตว์... และรสสัมผัสที่แท้จริง... มันคือข้อมูลที่ซับซ้อนและงดงามที่เซ็นเซอร์วัดค่าทางโภชนาการของเธอไม่มีวันจะวิเคราะห์ได้ มันปลุกประสาทสัมผัสที่หลับใหลมานานนับศตวรรษให้ตื่นขึ้น
เมื่อเห็นลีน่ากินโดยไม่มีอันตราย ทุกคนในทีมก็เริ่มลองชิมอาหารจากป่าเป็นครั้งแรกในชีวิต มันคือมื้ออาหารที่เงียบงัน แต่กลับมีความหมายยิ่งกว่างานเลี้ยงใดๆ
เมื่อท้องของทุกคนได้เต็มไปด้วยอาหารที่แท้จริงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี กำแพงแห่งความหวาดระแวงที่เคยกั้นขวางระหว่างสองอารยธรรมก็ค่อยๆ ทลายลง ความเงียบที่น่าอึดอัดถูกแทนที่ด้วยเสียงพูดคุยที่แผ่วเบาและเต็มไปด้วยความพยายามที่จะทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน
ลีน่านั่งพิงผนังถ้ำ เธอมองไปยังครามที่กำลังใช้มีดสั้นของเขาเหลาไม้ชิ้นหนึ่งอย่างประณีต "ขอบคุณ" เธอกล่าวผ่านลินดา "สำหรับอาหาร... และสำหรับความช่วยเหลือ"
ครามเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ "เจ้าเองก็สู้ได้ดี... สำหรับคนบนฟ้า" เขายอมรับ "ความคิดของเจ้ามันบ้าบิ่น... แต่ก็ได้ผล"
"เรายังไม่ชนะ" ลีน่าพูด "สิ่งนั้น... 'เสียงกระซิบ'... มันคืออะไรกันแน่? และ 'นครเงียบ' ที่ท่านพูดถึง... มันคือสถานที่แบบไหน?"
ครามหยุดเหลาไม้ เขาจ้องมองเข้าไปในเงามืดของถ้ำราวกับจะมองย้อนกลับไปในอดีต "นครเงียบ... คือสุสาน" เขาเริ่มต้นเล่า "คือบ้านของบรรพบุรุษผู้สร้างเมืองของท่าน... ผู้ที่ถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง ตำนานเล่าว่าพวกเขาไม่ได้ตายอย่างสงบ... แต่ตายด้วยความโศกเศร้าและความโกรธแค้น... และวิญญาณของพวกเขาก็ยังคงถูกจองจำอยู่ที่นั่น"
"ส่วน 'เสียงกระซิบ'..." เขาถอนหายใจ "...คือเสียงคร่ำครวญของพวกเขา มันคือโรคระบาดที่มองไม่เห็น มันกัดกินจิตใจของสิ่งมีชีวิต ทำให้สัตว์ป่าคลุ้มคลั่ง และทำให้คนของข้าป่วยไข้จนตายอย่างช้าๆ"
ข้อมูลนั้นทำให้ทีมสำรวจต้องนิ่งเงียบไป... มันคือปรากฏการณ์ที่วิทยาศาสตร์ของพวกเขาไม่มีคำอธิบาย
"แล้วเสือตัวนั้นล่ะ?" เร็กซ์ถามขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาได้รับการรักษา "มันคือหนึ่งในนั้นด้วยหรือ?"
ครามส่ายหน้า "ไม่" เขาตอบ "อสูรไฟนั่น... คือ 'ผู้พิทักษ์' ของนครเงียบ มันจะตื่นขึ้นเมื่อมีพลังงานที่แปลกปลอมและรุนแรงเกินไปเข้ามาในเขตของมัน... เหมือนที่อสูรเหล็กของพวกเจ้าทำ"
ทุกคนเข้าใจในทันที... พวกเขาไม่ได้แค่บุกรุก... แต่ยังไปปลุกยักษ์ให้ตื่นขึ้นด้วย
"แต่ตอนนี้เรามีปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น" ลีน่าพูดขึ้น เธอหันไปมองเร็กซ์ "รถแรคคูนของเราเสียหายหนักมาก และที่สำคัญ... เรายังมีทีมของเราอยู่ที่นั่น"
คำพูดของเธอทำให้ครามและลินดาต้องขมวดคิ้ว "พวกเจ้าไม่ได้มากันแค่นี้รึ?" ครามถาม
"ไม่" ลีน่าส่ายหน้า "เรามีนักพฤกษศาสตร์กับนักธรณีวิทยา... ดร. ศิลา และ ดร. เอลารา... พวกเขารอเราอยู่ที่รถพร้อมกับผู้พิทักษ์ AI ของเรา... เควิน"
ความจริงข้อนี้ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปอีกครั้ง ครามมองลีน่าด้วยสายตาที่เฉียบคมยิ่งกว่าเดิม "พวกเจ้า... ทิ้งคนของตัวเองไว้เบื้องหลังท่ามกลางอันตราย... เพียงเพื่อจะมาพิสูจน์ตัวเองกับข้างั้นรึ?"
"ฉันเชื่อใจในตัวพวกเขา" ลีน่าตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว "เหมือนที่ท่านเชื่อใจในคนของท่าน"
การจ้องตากันดำเนินไปชั่วครู่... ก่อนที่ครามจะเป็นฝ่ายยอมละสายตาไป เขายืนขึ้นเต็มความสูง
"ถ้าเช่นนั้น... ก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป" เขากล่าว "รุ่งเช้า... เราจะออกเดินทาง... พาพวกเจ้ากลับไปที่อสูรเหล็กนั่น แต่หลังจากนั้น... พวกเจ้าต้องสัญญากับข้า... ว่าจะช่วยเราหาทางทำให้ 'เสียงกระซิบ' นั้นสงบลงให้ได้"
มันคือการยื่นข้อเสนอที่เปราะบางที่สุด... คือการก่อตั้งพันธสัญญาที่อาจจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกเขาทั้งสองฝ่ายไปตลอดกาล


ความคิดเห็น
.
แสดงความคิดเห็น