บทที่ 3 แค่ความต้องการหรือความรัก 1/3
งานแต่งงานที่คิมหันต์บอกอรดีถูกจัดที่โรมแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา หญิงสาวไม่ได้รู้จักทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว แต่เธอต้องไปงานวันนี้กับคิมหันต์ในฐานะภรรยาของเขา คิมหันต์ให้เกียรติอรดีเมื่อต้องออกงานสังคมด้วยกัน อรดีรู้ว่าทำไมเขาต้องทำแบบนี้ เพราะเค กรุ๊ปที่เขาบริหารงานต้องไม่มีเรื่องด่างพร้อยอย่างการหย่าหลังการแต่งงานเพียงไม่กี่วัน คิมหันต์ทำให้อรดีต้องมองเขาในมุมที่ต่างออกไป ที่ผ่านมาตัวตนของเขาเป็นคนอย่างไร ตอนนี้ที่เขาโอบเอวเธอแล้วทักทายคนในงานคือละครฉากหนึ่งหรือเป็นตัวตนของเขา ตอนนี้เธอเหมือนไม่รู้จักเขาเลย
อรดีขอตัวออกมาเมื่อเห็นคิมหันต์ว่ากำลังคุยเรื่องธุรกิจกับเพื่อนที่มาร่วมงาน เธอแค่อยากมาหาอะไรดื่มแก้กระหายเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าจะได้พบคนที่ทำให้ยิ้มได้อย่างสบายใจในงานที่เธอแทบไม่รู้จักใครเลย
“ดีใจที่เจอนะอร ขอโทษนะที่ผมไม่ได้ไปงานแต่งงานของอร” บุรินทร์เป็นหนุ่มหน้าไทยใส่แว่นเข้ามาทักทายอรดีก่อน “แต่ผมส่งของขวัญไปแทน อรได้รับใช่ไหม”
อรดีรู้สึกโล่งใจที่ได้พบคนที่เธอรู้จักจริงๆ บุรินทร์เคยบอกว่าชอบเธอตอนสมัยที่เรียนมัธยม แต่ตอนนี้ระหว่างเราสองคนคือเพื่อนกันตลอดไป แม้บุรินทร์จะยังไม่ได้คบใครจริงจัง แต่สำหรับอรดี เขาคือเพื่อนชายซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่ดีได้เสมอ
“ได้รับแล้วล่ะบุรินทร์ ขอบใจมากนะ ภาพสวยมากเลย อรกำลังหาภาพนี้อยู่พอดี”
“ภาพนั้นที่อรติดไว้ที่ห้องรับแขกน่ะหรือ ที่แท้ก็ของคุณน่ะเอง ขอบคุณแทนอรด้วยนะครับ” คิมหันต์มาทันได้ยินบทสนทนาของภรรยากับผู้ชายที่ดูดีและน่าจะสนิทกับอรดีไม่น้อย ช่วง 3 เดือนที่เขาตามจีบอรดี เธอพูดถึงชื่อของบุรินทร์หลายครั้ง เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าในอดีตทั้งสองคนเคยเป็นอะไรต่อกันมาก่อน
บุรินทร์ยิ้มกว้างตามประสาผู้ชายอารมณ์ดี พอเห็นว่าสามีของอรดีดูรักและหวงเธอจากการโอบเอวแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของ เขาก็สบายใจ
“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมดีใจนะที่อรได้แต่งงานกับคนที่ใส่ใจ ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว”
คิมหันต์ยิ้มให้บุรินทร์พลางมองอรดีไปด้วย อรดียิ้มกว้างให้ผู้ชายคนนั้น ทำให้คิมหันต์ยิ่งไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ แต่สีหน้ายังเก็บอาการ
“ผมกับอรขอตัวก่อนนะครับ พอดีว่าเพื่อนของผมมาแล้วคงต้องไปทักทายสักหน่อย”
“ครับ เอาไว้ว่างๆ นัดทานข้าวกันนะอร” บุรินทร์เอ่ยไม่คิดอะไรมาก
อรดีก็ตอบรับแบบไม่คิดอะไรมากเหมือนกัน “ได้สิบุรินทร์”
คิมหันต์ยิ้มให้บุรินทร์อีกครั้ง ก่อนจะโอบเอวพาอรดีเดินออกมาจากตรงนั้น พอหันไปมองหญิงสาวก็กลับมาสีหน้าเรียบเฉยไม่ยิ้มกว้างอย่างเมื่อครู่ ทำให้เขาอดไม่ได้
“กำลังหว่านเสน่ห์อยู่หรือไงอร”
“อรไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย” อรดีคิดว่าดีแล้วที่ไม่ได้เล่าว่าในอดีตบุรินทร์เป็นคนที่เคยมาบอกว่าชอบเธอ ขนาดว่าคิมหันต์ไม่รู้มาก่อน ยังหาเรื่องเธอได้ “ว่าแต่อร ดูไปทางนั้นสิคะ นั่นก็ถ่านไฟเก่าของคิมไม่ใช่เหรอ”
อรดีรู้จักผู้หญิงใส่เดรสสีแดงเพลิงที่กำลังหันมาแล้วโบกมือทักทายคิมหันต์ คิมหันต์กับอรดีเคยไปทานอาหารด้วยกันแล้วเจอเปรมมิกา ตอนนั้นเปรมมิกาแนะนำว่าตัวเองเป็นเพื่อนสนิทของคิมหันต์ แต่พอเธอถามเขา เขาถึงได้บอกตามตรงว่าเป็นแฟนเก่าเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้เปรมมิกามีข่าวระหองระแหงกับสามีและอาจจะหย่ากันก็ได้
อรดีหันไปมองคิมหันต์ เขากำลังยิ้มให้อดีตแฟน บางทีเขาอาจนึกเสียใจที่มาแต่งงานกับเธอเร็วไป ไม่อย่างนั้นรอให้เปรมมิกาหย่า เขาคงจะได้สมหวังกับคนที่ตัวเองรักกระมัง
อรดีขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ทำให้คิมหันต์เดินไปหาเพื่อนแทนที่จะยืนอยู่คนเดียว เพื่อไม่เปิดโอกาสให้เปรมมิกาได้มาเข้าใกล้เขา เขาไม่ได้สนใจว่าอรดีจะรู้สึกอย่างไร แต่เขาไม่อยากพบเปรมมิกา หากไม่จำเป็น เขากับผู้หญิงคนนี้เคยเป็นแฟนกันอยู่ 2 ปี แต่เธอกลับทิ้งเขาไปเพราะคิดว่าเขาไม่มีเงิน เขาไม่เคยแสดงตัวว่าครอบครัวร่ำรวย ทำให้เปรมมิกาดูถูกเขาและบอกเลิกเพราะพบกันคนที่จะบันดาลความสุขที่เรียกว่าเงินให้เธอได้
คิมหันต์ไม่คิดจะมองไปทางคนรักเก่า แต่เปรมมิกาก็เดินเข้ามาทักทายเขาอยู่ดี
“คิมมางานวันนี้ด้วย ดีจังที่เปรมตัดสินใจมา ตอนแรกว่าจะไม่มาแล้วเพราะไม่รู้จะคุยกับใคร” เปรมมิกาทักทายราวกับว่าในอดีตเธอไม่เคยใช้คำพูดทำร้ายคิมหันต์มาก่อน เธอพลาดเองที่มองคนจากเปลือกนอก ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่ทำงานพิเศษตัวเป็นเกลียว แท้จริงแล้วบ้านจะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี
“เพื่อนกันทั้งนั้น เปรมคุยกับใครก็ได้อยู่แล้ว” คิมหันต์ไม่ได้พูดเกินจริง คนที่มางานแต่งงานในวันนี้ส่วนใหญ่ก็เพื่อนสมัยมัธยมกันทั้งนั้น “ขอตัวก่อนนะ ผมจะไปหาภรรยา”
เปรมมิกาเกือบจะลืมตัวร้องอ้าว คิมหันต์บอกปัดเธออย่างไม่ไยดีเพราะเขายังโกรธเธออยู่ใช่ไหม หากเขารู้ว่าเธอกับสามีแยกกันอยู่แล้ว คิมหันต์จะดีใจบ้างหรือเปล่า เธอรู้แล้วว่าใครคือเพรช ใครคือกรวด แต่ว่ามันจะสายไปแล้วหรือเปล่า
อรดีเห็นว่าคิมหันต์กำลังคุยกับเปรมมิกาอยู่เลยไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ แม้เธอจะยอมรับกับตัวเองว่าหึง แต่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของ แม้จะมีทะเบียนสมรส ในเมื่อคิมหันต์ไม่ได้รักเธอ สิ่งอื่นย่อมไม่สำคัญอีกแล้ว
จู่ๆ น้ำส้มแก้วหนึ่งก็มาอยู่ตรงหน้า อรดียิ้มเพราะบุรินทร์นั่นเองส่งแก้วน้ำส้มมาให้ เธอรับมาดื่มแล้วเอ่ยอย่างสบายใจ
“ขอบใจนะ อุตส่าห์เอาน้ำส้มมาให้ แล้วบุรินทร์ยังทำงานที่เดิมใช่ไหม”
“อืม แต่คิดว่าสักพักจะมาเปิดบริษัทเองแล้วล่ะ” บุรินทร์จบด้านไอที เขาเก็บประสบการณ์มาหลายปี ตอนนี้หากจะเปิดบริษัทเป็นของตัวเองย่อมไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ “แล้วโรงเรียนบัลเล่ต์ของอรล่ะ ผมได้ยินจากเพื่อนๆ ว่ากำลังไปได้ด้วยดีเลยนี่นา”
“อืม มีเด็กมาเรียนเยอะอยู่เหมือนกัน” อรดียิ้มภูมิใจเพราะนี่คือธุรกิจที่เธอเริ่มต้นด้วยตัวเองจากเงินที่พ่อให้มาก้อนหนึ่ง ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีก่อน
“ขอโทษอีกแล้วครับ พอดีว่าผมมีธุระต่อ คงต้องขอตัวภรรยากลับก่อนแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพร้อมกับโอบเอวอรดีที่เพิ่งเห็นว่าเขามาหา
บุรินทร์ยิ้มให้คิมหันต์ตามประสาคนอารมณ์ดี แต่กลับขวางหูขวางตาของคิมหันต์เหลือเกิน อรดีก็กลายเป็นยิ้มง่ายกับไอ้หมอนี่เสียอีก ทำให้คิมหันต์ยิ่งอารมณ์เดือดปุดๆ แต่ต้องรักษาสีหน้ายิ้มแย้มไว้ระหว่างที่พาอรดีเดินเรื่อยๆ ออกมาจากแต่งงาน แล้วไปที่รถซึ่งเขาเป็นคนขับมาเอง
ไม่รักแล้วมาตามหวงอรดีทำไมอ่ะคิมหันต์
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
LOVE NO.9


แสดงความคิดเห็น