บทที่ 2 ฉันเป็นใครสำหรับคุณกันแน่? 1/3
แสงที่ลอดผ่านผ้าม่านสีขาวซึ่งอรดีเป็นคนเลือกเพื่อใช้สำหรับห้องนอนของเธอกับคิมหันต์ แต่เวลานี้หญิงสาวตื่นขึ้นมาบนเตียงด้วยความรู้สึกแสนเดียวดาย เมื่อรู้แล้วว่าการแต่งงานระหว่างเธอกับคิมหันต์ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรักจากทั้งสองฝ่าย เป็นเธอเพียงคนเดียงที่รักเขา แต่เขากลับไม่ได้รักเธอเลย มันเป็นเพียงแผนการแก้แค้นที่คิมหันต์ใช้เวลาเพียง 3 เดือน เขาสำเร็จ ในขณะที่เธอถูกหลอกให้รัก
อรดีปาดน้ำตาเพราะมันไม่มีค่าอีกแล้ว หญิงสาวก้าวลงจากเตียงที่ยังมีกลีบกุหลาบที่โปรยแทนคำอวยพร ตอนนี้มันกลายเป็นคำสาปไปเสียแล้ว การร้องไห้ไม่ช่วยอะไรเช่นเดียวกับการอ้อนวอน หากคิมหันต์ทุ่มสุดตัวเพื่อมาแต่งงานกับเธอ ความแค้นของเขาย่อมไม่มีทางจบลงง่ายๆ เพียงแต่อรดียังไม่รู้เท่านั้นว่าหลังจากแต่งงานแล้ว คิมหันต์ได้วางแผนอะไรต่อเพื่อให้เธอกับพี่ชายพบกับความทุกข์ทรมานใจเหมือนกับเขาที่เขากับน้องสาวได้พบมา
เมื่อลงมาชั้นล่างของบ้าน สิ่งแรกที่อรดีรู้สึกได้คือความเงียบ คิมหันต์นั่งอยู่ที่โซฟากลางห้องรับแขก เหมือนกับว่าเขากำลังทำงานอยู่ เธอเดินไปหาเขา ในเมื่อเลี่ยงที่จะพบหน้าไม่ได้ก็ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปเสียดีกว่า แม้เธอจะรู้ดีว่าสายตาของผู้ชายที่รักและใส่ใจเธอจะหาไม่ได้จากคิมหันต์อีกแล้วก็ตาม
“แม่บ้าน สาวใช้ บอดี้การ์ดของคิมหายไปไหนกันหมดหรือคะ บ้านเงียบเหลือเกิน” อรดีถาม
คิมหันต์หันมามองอรดีที่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงสามส่วนซึ่งแสดงว่าเธอไม่ได้คิดจะไปไหน คำพูดของเธอที่บอกว่าจะหย่ากับเขาเมื่อความแค้นหมดสิ้นลงไปเป็นเรื่องจริงเรื่องเดียวที่เขาได้รับจากเมื่อคืนสินะ
“ผมให้แม่บ้านกับสาวใช้ลาหยุดได้ 2 วัน ส่วนบอดี้การ์ดไปอยู่ด้านนอก ตอนนี้ผมอยากพักอย่างเป็นส่วนตัว ไม่อยากให้ใครมารบกวน”
อรดีพยักหน้าเพราะคิมหันต์คงรวมเธอเข้าไปด้วยที่ไม่อยากให้เข้ามารบกวน แต่เขากลับถามเธอต่อ
“ไม่สงสัยหรือว่าผมทำแบบนี้ทำไม”
“ถ้าอรถาม คิมจะตอบหรือเปล่าล่ะคะ ในเมื่อตอนนี้เราสองคนก็รู้แล้วว่าแต่งงานกันเพราะอะไร เอาเป็นว่าอรจะทำสิ่งที่ควรทำจนกว่าคิมจะยอมปล่อยอรไป” อรดีรู้สึกได้ว่าตัวเองเสียงสั่นเพราะกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
คิมหันต์เองก็ไม่ต้องปั้นหน้ายิ้มหวานเวลาอยู่กับอรดีอย่างที่ทำมาตลอด 3 เดือนอีกแล้ว
“ทำไมถึงเลือกแบบนั้น เมื่อคืนอรไปกับไอ้...พี่ชายก็ได้นี่นา”
นอกจากโรงเรียนสอนบัลเล่ด์เล็กๆ ที่อรดีมีเป็นของตัวเองแล้ว เธอก็ไม่มีอะไรอีก แม้แต่ความรักของพี่ชายก็กลายเป็นเงิน อาทิตย์เป็นพี่ชายต่างแม่ เขาอาจจะคิดว่าเธอเป็นน้องสาวอยู่บ้าง แต่การที่เขามาหาเธอเมื่อคืนนั้นทำให้รู้ว่าเงินต่างหากที่นำทาง อาทิตย์มาเพราะต้องการให้เธอฟ้องหย่า เพื่อเงิน ตอนนี้เธอเท่ากับตัวคนเดียวแล้ว
“นอกจากตัวอรเองแล้ว ไม่มีใครรักอรจริงๆ หรอกค่ะ อรเพิ่งรู้เหมือนกัน คิมแค่อยากแก้แค้นพี่ซันเลยเข้าหาอร ทำทุกอย่างเพื่อให้อรใจอ่อนยอมแต่งงานด้วย คิมคิดว่าการทำร้ายจิตใจอรจะทำให้พี่ซันเจ็บหรือคะ อรคิดว่าคิมคิดผิดแล้วล่ะค่ะ”
คิมหันต์เลิกคิ้วยิ้มหยัน อย่างน้อยอาทิตย์ก็เผยธาตุแท้ให้เขาเห็นแล้วว่าระหว่างเงินกับน้องสาว เจ้านั่นเลือกเงิน หากอรดีอยู่กับเขา อาทิตย์ย่อมไม่มีทางได้ในสิ่งที่ต้องการ
“อย่างน้อยผมก็ไม่เสียอะไร ได้อรมาเป็นตัวประกัน ส่วนเรื่องพี่ชายของอร ผมไม่ปล่อยให้มีความสุขได้อีกนานหรอก อยากโทรไปบอกพี่ชายก็ได้นะ ผมยินดี”
อรดีไม่ได้ตอบ แต่เดินเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารเช้าง่ายๆ อย่างไข่ดาวกับไส้หรอก เธอทำเผื่อให้คิมหันต์ด้วยเพราะเห็นแค่กาแฟเพียงแก้วเดียวตอนที่คุยกับเขา
“อาหารเช้าค่ะ”
“แล้วอรจะไปไหน” คิมหันต์ไม่ได้ห่วงอรดี แต่เขาไม่ต้องการให้อรดีไปไหนโดยที่ไม่บอกเขาก่อนเท่านั้น
“ในเมื่อคิมไม่ได้รักอร ไม่ได้แต่งงานกับอรเพราะว่ารัก เราจะทานอาหารร่วมกันไปทำไมคะ” แม้จะพูดด้วยสีหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่อรดีเจ็บจี๊ดที่ใจจนต้องจิกเล็บเข้าไปในอุ้งมือ เธอจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าคิมหันต์เด็ดขาด
“ไปหยิบจานของอรมา แล้วนั่งลง ผมอยากให้อรอยู่ตรงไหน อรก็ต้องอยู่” คิมหันต์สั่งสีหน้ายียวน
อรดียิ้มทั้งที่ใจเจ็บ “แล้วแต่คิมเลยค่ะ ถ้าอยากทานอาหารกับคนที่คิมเกลียด แต่ต้องฝืนใจมาแต่งงานด้วย”
คิมหันต์มองตามร่างเพรียวของภรรยาที่เดินไปหยิบจานที่มีไส้กรอกกับไข่ดาวมานั่งทานด้วยกันที่ห้องรับแขก เธอทานไปเงียบๆ โดยที่ไม่ถามหรือพูดคุยอย่างที่เราสองคนทำกันมาตลอด 3 เดือน
เพียงแค่คืนเดียว อรดีสามารถรับมือในสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างน่าปรบมือให้ หากที่ผ่านมาเขาเล่นละครเพื่อทำให้อรดีรัก แล้วตอนนี้ล่ะอรดีกำลังเล่นละครใส่เขากลับหรือว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของเธอกันแน่
อรดีเดินดูของในครัวว่ามีอะไรที่เธอพอจะทำอะไรทานได้บ้าง ไหนๆ เธอก็ลาพักร้อนไปแล้ว การกลับไปทำงานในวันนี้คงเกิดคำถามมากมาย ซึ่งล้วนแล้วเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจะตอบทั้งนั้น ในเมื่อต้องอยู่ที่นี่แล้ว การหาอะไรทำย่อมดีกว่าการนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วทำให้เครียดเปล่าๆ ความหวานชื่นหลังแต่งงานไม่มีวันเกิดขึ้นกับเธอได้อีกแล้ว
หญิงสาวเปิดนั่นหานี่ไปเรื่อยๆ จนได้ของครบพอที่จะทำคุกกี้ไว้ทานเล่นในวันนี้ เธอชอบทานขนมจึงไปลงคอร์สเรียนทำขนม ตอนนี้ก็เลยไม่ต้องอดตายแล้ว อรดีผสมแป้งตามสัดส่วนที่จำได้ แล้วโชคดีไม่น้อยที่ในห้องครัวมีทั้งอัลมอนด์และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เธอเจอกระดาษไขจึงนำมารองถาดแล้วใช้ช้อนตักแป้งมาวางบนกระดาษไขแล้วเกลี่ยให้เสมอกัน พอทำครบแล้วก็โรยอัลมอนด์และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ จากนั้นนำขนมเข้าเตาอบที่เปิดที่อุณภูมิสำหรับอบขนมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
“ทำอะไร”
อรดีสะดุ้งเบาๆ เพราะไม่คิดว่าคิมหันต์จะมาในครัว ทั้งๆ ที่เขาหอบงานเข้าไปทำในห้องทำงาน แล้วตอนนี้เขาออกมาทำไม เธอทำอะไรเสียงดังจนไปรบกวนเขาเข้าหรือไง
“ในเมื่อออกไปไหนไม่ได้ อรก็แค่ทำสิ่งที่อรอยากทำ คิมจะทานคุกกี้ด้วยไหมล่ะคะ อรจะได้ใส่จานไว้ให้”
คิมหันต์มองใบหน้าเกลี้ยงเกลาของอรดีที่หากเธออยู่บ้านจะไม่แต่งหน้าเลย ยิ่งทำให้ดูเหมือนเด็กน้อยสักคนที่หน้าตาจิ้มลิ้ม มีแป้งติดที่แก้มของเธอ ชายหนุ่มยื่นนิ้วไปเกลี่ยแก้มของอรดีเบาๆ ความปรารถนาที่เขาเก็บกดไว้ราวกับผุดขึ้นมาเพียงแค่ได้สัมผัสแก้มนุ่มละมุน
“ผมไม่อยากได้คุกกี้ แต่ผมอยากได้...”
มือหนาจับที่เอวบางกำลังจะถอดกางเกงในของอรดีออก อรดีจับมือของคิมหันต์ไว้ สายตาของเธอตื่นตระหนก
“คิมจะทำอะไร นี่มันในครัวนะ”
“ผมไม่สน ในเมื่อบ้านหลังนี้มีเราเพียงแค่สองคน”
คิมหิวอะไรคุกกี้หรือหิวอร
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
LOVE NO.9
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 109
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น