บทที่ 123: ร่างกายพิเศษ: ร่างอาชูร่า
ภาพที่หลินหยวนเห็นก็คือกองทัพไททันขนาดมหึมา
ไททันแต่ละตัวนั้นสูงมาก อย่างน้อยพวกมันน่าจะเป็นไททันระดับ 5
แล้วไททันที่เดินนำทุกตัวมานั้น ดูจากรัศมีรอบกายเขาเดาว่ามันเป็นไททันมหาวิบัติ
ไททันนับร้อยตัวที่มีไททันมหาวิบัติเป็นผู้นำพวกนี้กำลังเดินอย่างเป็นระเบียบมาทางพวกเขา
“นี่คือกองทัพไททันที่กำลังจะไปสู้รบที่แนวหน้างั้นเหรอ?” หลินหยวนขมวดคิ้วพึมพำกับตัวเอง
ไม่สิ ไม่ใช่
เขารีบเปลี่ยนความคิดของตัวเอง เพราะเมื่อเทียบกับกองทัพไททันทั่วไปแล้ว กองทัพนี้ดูพิเศษมาก ๆ
ขณะนี้ไททันที่อยู่เบื้องหน้าเขาเกือบทุกตัวกำลังแบกโลงศพขนาดใหญ่เอาไว้บนบ่า
สิ่งเดียวที่บรรจุอยู่ในโลงศพขนาดใหญ่เช่นนี้ได้คงจะเป็นศพของไททัน
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ กองทัพไททันนี้เป็นหน่วยเก็บศพที่มีหน้าที่ขนส่งศพโดยเฉพาะหรือเปล่า?
พอคิดถึงเรื่องนี้หลินหยวนก็รู้สึกประหลาดใจมากทีเดียว
หรือว่ามีสุสานของไททันอยู่ใกล้ ๆ?
เด็กหนุ่มไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมที่นี่ถึงดูเงียบจนน่าขนลุกได้ถึงขนาดนี้ แม้เขาจะเดินมาไกลกว่า 10 กิโลเมตร เขาก็ยังไม่พบสิ่งมีชีวิตเลยสักตัว
หลินหยวนที่แอบสังเกตการณ์ก็ได้กระซิบพูดกับฉู่อวี้ว่า “พวกมันเป็นหน่วยที่มีหน้าที่ขนย้ายศพ ภารกิจของพวกมันก็คือการนำศพไททันกลับมาจากแนวหน้า แล้วเอาไปฝัง”
หลังจากเด็กสาวได้ยินคำอธิบายของเด็กหนุ่ม เธอก็พยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนที่เธอจะกระซิบว่า “หมายความว่าตอนนี้เราอยู่ลึกเข้ามาในดินแดนของไททันใช่ไหม?”
คำถามนั้นทำให้หลินหยวนตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะเข้าใจได้ทันทีว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น
ใช่แล้ว ไททันไม่มีทางสร้างสุสานไว้ใกล้ ๆ สนามรบแน่นอน
นั่นหมายความว่านอกจากพวกเขาจะอยู่ในดินแดนของไททันแล้ว พวกเขายังอยู่ห่างจากแนวหน้ามากด้วย
“ดูเหมือนว่า… สวรรค์จะไม่ได้เข้าข้างเราเลยสักนิด” หลินหยวนได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ
สถานการณ์แบบนี้ การจะออกจากอาณาเขตของไททันนั้นยิ่งยากมากกว่าเดิมไปอีก
“แล้วเราควรทำยังไงกันดีล่ะ?” ฉู่อวี้ลดเสียงถาม “แต่ฉันช่วยนายจัดการกองทัพไททันพวกนี้ได้นะ”
หลังจากที่เด็กสาวเสนอแบบนั้นไป หลินหยวนก็ส่ายหัวปฏิเสธทันที “ไม่ได้ ที่นี่คือรังของไททัน เราจะทำอะไรที่ทำให้พวกมันรู้ตัวไม่ได้เด็ดขาด”
ถึงแม้ว่าในกองทัพตรงหน้านั้นจะไม่มีไททันมหันตภัยอยู่ แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่พร้อมที่จะปะทะกับพวกมันซึ่ง ๆ หน้า
ปัจจุบันสถานการณ์ของพวกเขายังสุ่มเสี่ยงมากเกินไป แถมยังอยู่ในอาณาเขตของศัตรูอีก
ถ้าพวกเขาก้าวพลาดเพียงก้าวเดียว มันก็ไม่ต่างจากการส่งตัวเองไปตายเลยสักนิด
และหากทั้งคู่กำจัดกองทัพไททันทั้งหมดนี้ เผ่าไททันก็จะรู้ถึงที่อยู่ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
พอถึงตอนนั้น การจะหนีออกจากดินแดนไททันคงเป็นไปได้ยากมากกว่าเดิม
ต่อมา หลินหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เราตามพวกมันไปก่อน ลองดูว่ากองทัพไททันพวกนี้จะมุ่งหน้าไปทางไหน”
“โอเค” ฉู่อวี้พยักหน้ารับ
จากนั้นทั้ง 2 คนก็ค่อย ๆ สะกดรอยตามกองทัพไททันนั้นไป โดยที่พวกเขาคอยรักษาระยะห่างเพื่อไม่ให้พวกตนถูกจับได้
หลังจากแอบตามกองทัพไททันที่แบกโลงศพไปประมาณ 1 ชั่วโมง เบื้องหน้าหลินหยวนกับฉู่อวี้ก็มีเมืองขนาดมหึมาปรากฏขึ้น
แม้ว่าเมืองแห่งนี้จะไม่ได้มีหมอกมืดปกคลุมเหมือนในเมืองหย่งเย่ แต่กลิ่นอายของมันก็ยังแฝงไปด้วยความเงียบสงัดที่น่าขนลุก
หลินหยวนเห็นชัดเจนว่าเมืองที่เงียบงันนี้เป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของกองทัพไททัน!
เอี๊ยด!
ประตูเมืองอันเงียบสงัดค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ
แล้วเหล่าไททันที่แบกโลงศพก็เดินเรียงแถวเข้าไปภายใน
ฉู่อวี้ที่เห็นอย่างนั้นจึงกระซิบถามความเห็นจากเขาว่า “เราควรตามพวกมันเข้าไปไหม?”
หลินหยวนส่ายหัวตอบกลับไปว่า “รอดูอีกสักหน่อย”
เนื่องจากพวกเขาตามอีกฝ่ายมาถึงที่นี่แล้ว พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอีก
แล้วทั้งคู่ก็ซ่อนตัวอยู่หลังเนินเขาที่ยกสูงคอยเฝ้าสังเกตเมืองที่เงียบงันเบื้องหน้า
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง
กองทัพไททันได้เคลื่อนพลออกจากเมืองอย่างเป็นระเบียบ แต่โลงศพที่พวกมันเคยแบกเอาไว้บนบ่าได้หายไปแล้ว
มันบ่งบอกชัดเจนว่าโลงศพพวกนั้นถูกทิ้งเอาไว้ในเมืองที่เงียบจนน่าขนลุกนั้น
หลินหยวนที่เห็นภาพตรงหน้าก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ
หรือว่าเมืองไททันที่อยู่เบื้องหน้าซึ่งปกคลุมไปด้วยไอแห่งความตายจะเป็นสุสานของไททันกันแน่?
ขณะนี้หลินหยวนไม่แน่ใจว่าเมืองนี้เป็นสุสานของไททันหรือเปล่า
แล้วจู่ ๆ เขาก็เกิดไอเดียบางอย่างขึ้นมา เขาอยากจะเข้าไปในเมืองนั้นแล้วลงชื่อเข้าใช้พิเศษ!
เพราะระบบจะมอบรางวัลใหญ่สำหรับการลงชื่อเข้าใช้พิเศษเหมือนกับตอนที่เขาอยู่ในเมืองหย่งเย่ครั้งที่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ระบบยังอธิบายเอาไว้ว่า ไม่ว่าเขาจะลงชื่อเข้าใช้ที่เมืองไททันแห่งไหน เขาก็จะได้รับรางวัลพิเศษด้วยเช่นกัน
นั่นหมายความว่าระบบกำลังสนับสนุนให้เขาได้ลงชื่อเข้าใช้ในเมืองไททัน!
นี่อาจจะเป็นทางลัดสู่การพัฒนาความแข็งแกร่งแบบก้าวกระโดดก็เป็นได้
แม้ว่าการเข้าเมืองไททันอาจจะมีความเสี่ยง
แต่ปกติแล้วความเสี่ยงมักจะมาคู่กับโอกาสอยู่เสมอ
หลินหยวนคิดได้แบบนี้ก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
เขาหันมากระซิบพูดกับฉู่อวี้ว่า “เตรียมตัวไว้ หลังจากที่กองทัพไททันออกไปหมดแล้ว เราจะหาทางเข้าไปในเมือง!”
ทางด้านเด็กสาวเองก็ไม่ได้คัดค้าน เธอทำเพียงแค่พยักหน้ารับเบา ๆ เท่านั้น
…
15 นาทีต่อมา หลินหยวนเดินนำฉู่อวี้ตรงเข้าไปในกำแพงเมืองไททัน
เนื่องจากสถานที่แห่งนี้อยู่ลึกเข้ามาในอาณาเขตของเผ่าไททัน การป้องกันจึงอ่อนแอยิ่งกว่าเมืองหย่งเย่เสียอีก
สุดท้ายแล้วเผ่าไททันคงไม่คาดคิดว่าจะมีมนุษย์คนไหนสามารถเข้ามาถึงที่นี่ได้
น่าเสียดายที่หลินหยวนเป็นข้อยกเว้น!
จะบอกว่าเขาแอบเข้ามาที่นี่ก็ไม่ใช่ เพราะว่าเขาได้เดินทางผ่านความผันผวนของมิติแล้วถูกส่งมาที่นี่โดยตรงต่างหาก
ทันใดนั้นเสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้น
“ติ๊ง! ระบบตรวจพบโฮสต์กำลังจะไปถึงเมืองไททัน หลังจากเข้าไปในเมือง โฮสต์จะสามารถลงชื่อเข้าใช้พิเศษได้!”
สำเร็จ!
หลังจากเด็กหนุ่มได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ ความปีติยินดีก็ฉายชัดในดวงตาของเขา
จากนั้นเขาก็พูดกับฉู่อวี้ว่า “จับไว้ให้แน่นนะ ฉันจะเข้าไปแล้ว”
เด็กสาวตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกระชับกอดร่างสูงแน่นขึ้นโดยสัญชาตญาณ
ขณะเดียวกัน หลินหยวนก็ใช้พลังเทเลพอร์ตพาฉู่อวี้ผ่านกำแพงเข้าสู่เมืองไททัน
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปถึงด้านใน สิ่งแรกที่เด็กหนุ่มทำก็คือการลงชื่อเข้าใช้
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ระบบ ฉันต้องการลงชื่อเข้าใช้พิเศษ!”
ถ้าเขาได้รับคริสตัลมิติเพิ่มอีกสักชิ้นหนึ่ง เขาก็คงจะมีโอกาสออกไปจากที่นี่ได้ในทันที แต่ความเสี่ยงในการทำแบบนั้นก็ยังมีค่อนข้างสูงมากทีเดียว
ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะถูกส่งกลับไปที่อาณาเขตของมนุษย์หรือเปล่า ซึ่งไอเทมนี้คือการเสี่ยงดวงล้วน ๆ
ทันทีที่หลินหยวนลงชื่อเข้าใช้พิเศษเรียบร้อยแล้ว เสียงแจ้งเตือนระบบก็ดังขึ้น
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี คุณลงชื่อเข้าใช้พิเศษในเมืองจี้มู่ เมืองสุสานไททันสำเร็จ ได้รับรางวัลพิเศษ: คริสตัลอัปเกรดพลัง x200, หินรวมร่าง x1, ร่างกายพิเศษ: ร่างอาชูร่า!”
การลงชื่อเข้าใช้พิเศษทำให้เขาได้รับรางวัลเพิ่มมาอีก 3 รางวัล
เด็กหนุ่มเคยได้รับคริสตัลอัปเกรดพลังและหินรวมร่างมาแล้ว
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ การลงชื่อเข้าใช้พิเศษในครั้งนี้จะมาพร้อมกับรางวัลร่างกายพิเศษอีกด้วย
วินาทีต่อมา ก่อนที่เขาจะทันได้ตั้งตัว จู่ ๆ ร่างอาชูร่าก็เริ่มผสานเข้ากับร่างของเขาโดยอัตโนมัติ
ในระหว่างนั้นไอสังหารที่รุนแรงก็ได้พลุ่งพล่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ส่งผลให้ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!
ความบ้าคลั่งดูเหมือนจะครอบงำความคิดของหลินหยวนจนทำให้เขาแทบเสียสติ อีกทั้งผิวเขาก็ยังเปลี่ยนเป็นสีแดง
ในเวลานี้เด็กหนุ่มรู้สึกเพียงกระหายเลือดและกระหายเลือดเท่านั้น!
“ฮว้ากกกกก!!” เขาเงยหน้าขึ้นคำรามราวกับสัตว์ป่า ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปบีบคอฉู่อวี้แน่น
เพียงพริบตาเดียว คอที่ขาวดุจหิมะก็เปลี่ยนเป็นรอยแดงชัดเจน
ภาพนี้ทำให้ไอสังหารในดวงตาของหลินหยวนทวีความรุนแรงมากขึ้น พร้อมกันนั้นมันก็เปล่งประกายสีแดงเข้ม
“อึก!” ทางด้านฉู่อวี้ที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเด็กหนุ่มจึงถามขึ้นด้วยความหวาดกลัวว่า “หลินหยวน… นายเป็นอะไรไป?!”
เสียงที่อ่อนโยนเปรียบเสมือนน้ำเย็นที่ดับไฟลุกโชนในใจของหลินหยวน
หลังจากที่เขาได้ยินเสียงของฉู่อวี้ ดวงตาสีแดงก็กลับมาสดใสอีกครั้ง เขารู้ว่าตนเองได้รับผลกระทบจากร่างอาชูร่าซึ่งเป็นปีศาจที่โหดเหี้ยมจนเสียการควบคุมตัวเองและเผลอทำร้ายเธอไป
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หลินหยวนก็ปล่อยมือขวาออกพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เธอรออยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวฉันกลับมา”
เด็กหนุ่มพูดจบแล้วก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นสายฟ้าทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและกระโดดข้ามกำแพงเมืองที่สูงตระหง่านเบื้องหน้าหายลับตาไปในพริบตา
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 135
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น