บทที่ 69: อย่ามาทำให้ฉันเสียเวลาเปล่า
ด้วยความช่วยเหลือจากพนักงานสาว ภารกิจของหลินหยวนก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี อันที่จริงขั้นตอนการโพสต์ภารกิจนั้นง่ายมาก เพียงแค่เขาจะต้องจ่ายเงินมัดจำ 50% และพิสูจน์ให้สมาคมนักล่าเห็นว่าตนมีศักยภาพในการจ่ายเงินรางวัล เพียงเท่านั้นทุกอย่างก็เรียบร้อย
ถ้าหากภารกิจไม่สำเร็จ เงินมัดจำส่วนนี้ก็จะถูกโอนคืนให้กับผู้มอบหมายภารกิจ
ทั้งเนื้อทั้งตัวของหลินหยวนในตอนนี้เพียงแค่แกนสมองไททันมหาวิบัติ 2 อันซึ่งอาจจะขายได้ในราคาอย่างน้อย 10 ล้านหยวน
เขาจึงเลือกที่จะวางแกนสมอง 1 อันเป็นหลักประกันให้กับสมาคมนักล่า จากนั้นภารกิจของเขาก็ถูกเผยแพร่ออกไปได้สำเร็จ
—
ภารกิจ: ล่าผู้ศรัทธาลัทธิบูชาไททัน ‘มัจจุราชหน้าหยก’
ระดับภารกิจ: S
รางวัล: 100 ล้านหยวน
กำหนดส่งภารกิจ: ภายใน 30 วัน
—
เมื่อภารกิจระดับ S ถูกเผยแพร่ นักล่าจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะได้รับการแจ้งเตือนบนนาฬิกาดิจิทัลของตัวเอง
ในชั่วขณะนั้นนักล่าทุกคนที่อยู่ในแรงก์ B ขึ้นไปในสมาคมนักล่าต่างพากันตกตะลึง
“โอ้โห เถ้าแก่คนไหนออกภารกิจระดับ S กัน? แถมเงินรางวัลภารกิจยังสูงถึงร้อยล้านหยวน นี่มันของจริงใช่ไหมเนี่ย?!”
“หน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ล้าน สิบล้าน ร้อยล้าน! บ้าไปแล้ว ร้อยล้านจริง ๆ!!”
“ไปสืบดูมาเดี๋ยวนี้ว่ามัจจุราชหน้าหยกคนนั้นเป็นใคร ถ้าภารกิจนี้สำเร็จ บอกได้เลยว่าเราจะได้รับเงินเป็นกอบเป็นกำแน่!”
“ฉันจำได้ว่ามัจจุราชหน้าหยกคนนี้ดูเหมือนจะเป็นอาชญากรระดับ S ที่ทางการต้องการตัว ฉันเคยเห็นชื่อเขาอยู่ในรายชื่อประกาศจับของทางการ”
“แล้วจะรออะไรกันอีกละ? รีบไปตามหาตัวเขาเร็วเข้า นี่เป็นโอกาสที่เราจะได้เงินก้อนโต!”
“ถ้าไอ้หมอนี่อยู่ในป้อมปราการส่งข่าว ใครเจอเขาก่อนก็จะมีสิทธิ์ได้ลุ้นรับเงินร้อยล้านเชียวล่ะ!”
เงินรางวัล 100 ล้านหยวนนี้สร้างความโกลาหลไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
ซึ่งผลการตอบรับนั้นมันเกินกว่าที่หลินหยวนคาดเอาไว้มาก ภายในไม่กี่วัน อย่างน้อย 30% ของคนในป้อมปราการสงครามก็ได้รู้ข่าวนี้ นั่นเป็นเพราะเงิน 100 ล้านหยวนมันไม่ได้น้อย ๆ เลย
“เรียบร้อยค่ะคุณนักล่า หากมีข่าวอะไร ดิฉันจะแจ้งคุณให้ทราบโดยเร็วที่สุดค่ะ” พนักงานสาวโค้งคำนับพร้อมกล่าวอย่างสุภาพ
ในสายตาของเธอ ความสำคัญของแขกคนนี้เหนือกว่านักล่าแรงก์ A ทั่วไปมาก
รู้หรือไม่ว่าไม่ใช่นักล่าทุกคนที่จะใช้จ่ายเงิน 100 ล้านได้ตามต้องการ
“ครับ” หลินหยวนพยักหน้ารับแล้วเตรียมจะเดินออกไป
แต่ขณะที่เขาก้าวไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันกลับไปพูดว่า “เอ่อ… ผมขอตั้งกฎเพิ่มสำหรับภารกิจอีกสักข้อได้ไหมครับ อีก 1 วันถ้าไม่มีใครทำภารกิจนี้สำเร็จ ผมจะขอเพิ่มเงินรางวัลอีกวันละ 5 ล้านหยวน”
“อีกอย่าง ถ้ามีใครมีข้อมูลเกี่ยวกับ ‘มัจจุราชหน้าหยก’ ให้คุณรีบพาเขามาพบผมโดยเร็วที่สุด สำหรับเงินรางวัลผมไม่ติด”
แล้วพนักงานสาวก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง แต่ด้วยหน้าที่การงานเธอจึงรีบตอบว่า “ได้เลยค่ะ”
หลังจากเด็กหนุ่มเดินออกไป เธอก็แอบคำนวณในใจ
หากไม่มีใครทำภารกิจในครั้งนี้สำเร็จ อีก 1 วันเงินรางวัลจะเพิ่มอีก 5 ล้านหยวน
ตามกำหนดส่งภารกิจคือภายใน 30 วัน ซึ่งหมายความว่า… ถ้าคำนวณตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันสิ้นสุดภารกิจ เงินรางวัลที่ได้รับก็จะสูงถึง 250 ล้าน!
แค่คิดถึงกำไรมหาศาลนี้พนักงานสาวก็ถึงกับเข่าอ่อน
ชายลึกลับคนนี้เป็นใครกันแน่?
…
5 วันต่อมา
หลินหยวนเดินออกจากห้องน้ำของโรงแรม เขาใช้ผ้าขนหนูเล็ก ๆ เช็ดหยดน้ำที่ยังเกาะอยู่บนตัว
ร่างกายที่มีมัดกล้ามดูสมบูรณ์แบบไม่ต่างจากประติมากรรมชื่อดัง บนหน้าท้องมีกล้ามเนื้อเรียงกันสวยงามอยู่ 8 ก้อน
หลังจากเช็ดผมเสร็จเด็กหนุ่มก็พูดกับตัวเองเบา ๆ “ระบบ ฉันต้องการลงชื่อเข้าใช้”
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี คุณลงชื่อเข้าใช้สำเร็จเป็นเวลา 255 วัน ได้รับรางวัล: เงินสด 50 ล้าน, คริสตัลอัปเกรดพลัง x10!”
หลินหยวนที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบถึงกับชะงักค้างไป
โฮ่ ระบบช่างเอาใจใส่ฉันจริง ๆ แล้วยังแถมเงินสดให้ด้วย
แต่สำหรับเด็กหนุ่มในตอนนี้ เงินไม่กี่สิบล้านไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไหร่เมื่อเทียบกับคริสตัลอัปเกรดพลัง
ปี๊บ ๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงแจ้งเตือนดังมาจากนาฬิกาข้อมือของเขา
หลินหยวนจึงกดรับสายโดยไม่ลังเล
“สวัสดีค่ะคุณนักล่า ตอนนี้มีคนติดต่อเข้ามาหลายคนบอกว่าพวกเขารู้ข้อมูลเกี่ยวกับ ‘มัจจุราชหน้าหยก’ คุณสะดวกมาพบพวกเขาบ่ายนี้ไหมคะ?”
“ได้ครับ ขอบคุณที่ช่วยจัดการธุระให้ เจอกันตอนบ่ายครับ”
หลังจากวางสายแล้วเด็กหนุ่มก็เดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่มองดูทิวทัศน์ทั่วเมือง
วันนี้เป็นวันที่ 5 นับตั้งแต่ที่เขาโพสต์ภารกิจ
ตอนนี้เงินรางวัลจึงเพิ่มขึ้นจาก 100 ล้านไป 125 ล้าน
เงินรางวัลที่สูงขนาดนี้ย่อมล่อตาล่อใจนักล่าให้เข้ามาร่วมวงมากมาย น่าเสียดายที่ร่างของโม่จิ่วโหยวถูกมังกรกระดูกพิโรธเผาไปจนสิ้นแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะดิ้นรนกันมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางจะค้นหาคนที่หายตัวไปจากโลกนี้เจอ
ในช่วงที่ผ่านมามีหลายคนออกตามหาหลินหยวนโดยอ้างว่าพวกเขาสามารถให้เบาะแสเกี่ยวกับ ‘มัจจุราชหน้าหยก’ และหวังว่าเขาจะยอมจ่ายค่าข่าว
แน่นอนว่าคนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนหลอกลวงทั้งสิ้น
ในดวงตาที่เผยให้เห็นถึงความละโมบเปิดโปงจุดประสงค์ของพวกเขาเต็มที่ พวกเขาเพียงแค่พูดโกหกก็สามารถรับเงินรางวัลจากผู้ออกภารกิจได้แล้ว
น่าเสียดายที่หลินหยวนไม่ใช่คนรวยแต่โง่ เขาทำให้คนโกหกพวกนี้ต้องรับผลของการกระทำแล้วกลับไปแบบมือเปล่า
ถึงอย่างไรเด็กหนุ่มก็ไม่ได้รอคนพวกนี้อยู่
“ไม่รู้ว่า… เมื่อไหร่คนของลัทธิไททันพวกนั้นจะโผล่มา” สายตาของหลินหยวนเย็นชาในขณะที่เขาพูดกับตัวเอง
ถ้าคิดตามหลักเหตุผลแล้วเหตุการณ์นี้ก็ยืดเยื้อมาตั้งหลายวัน หากพวกมันยังอยู่ในป้อมปราการสงคราม ข่าวพวกนี้จะต้องไปถึงหูพวกมันแล้วแน่ ๆ
ขอเพียงคนพวกนั้นยังเป็นห่วงมัจจุราชหน้าหยก พวกมันจะต้องเข้ามาเจรจากับเขาแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของมัจจุราชหน้าหยกแล้ว
ปัจจุบันเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือนก่อนที่พวกเขาจะเริ่มทำตาม ‘แผนการขั้นสุดท้าย’ อย่างเป็นทางการ และค่าหัวที่สูงลิ่วของมัจจุราชหน้าหยกอาจจะส่งผลกระทบต่อแผนเดิมของพวกมัน ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สาวกลัทธิบูชาไททันคนอื่น ๆ จะต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้เสียก่อน
…
เวลา 15:00 น.
ท้องฟ้าเหนือเมืองสดใสซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์เจิดจ้าที่สุดของวัน
หลินหยวนมาถึงสมาคมนักล่าตามเวลาที่ตกลงเอาไว้ เมื่อเขาผลักเปิดประตูห้องที่จองเอาไว้ พนักงานสาวที่เคยต้อนรับเขาก็ได้ยืนรอเขาอยู่ข้างในแล้ว
วันนี้พนักงานสาวยังคงสวมชุดสูทดูเป็นมืออาชีพ เธอยิ้มทักทายแขกทันทีว่า “สวัสดีค่ะคุณนักล่า คนที่แจ้งเบาะแสมาถึงแล้วค่ะ ให้ดิฉันพาพวกเขามาพบคุณตอนนี้เลยดีไหมคะ?”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ “เชิญพวกเขามาเลยครับ”
หลังจากกล่าวจบเขาก็นั่งลงบนโซฟาแล้วหยิบถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมาจิบ
ที่เขามีท่าทีใจเย็นขนาดนี้เป็นเพราะช่วงนี้เชาเจอพวกต้มตุ๋นบ่อย มันเลยทำให้จิตใจของเขาสงบลง
5 นาทีต่อมา ประตูเปิดออกอีกครั้ง และชาย 2 คนก็เดินตามพนักงานสาวเข้ามาในห้อง
“คุณนักล่า ดิฉันพาแขกมาพบแล้วค่ะ หากคุณต้องการอะไรก็เรียกดิฉันได้ตลอดเวลาเลยนะคะ” เมื่อหญิงสาวพาแขกเข้ามาพบ เธอก็เดินออกจากห้องไปอย่างรู้งาน และปิดประตูให้แขกได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว
จากนั้นหลินหยวนก็เงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้า คนที่ยืนด้านซ้ายมีรูปร่างสูงกำยำดูคล้ายกับหอคอยเหล็ก เขาสวมเสื้อผ้าที่ดูยืดย้วย ถึงกระนั้นก็ยังเห็นกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ภายใต้ได้อย่างชัดเจน
ส่วนชายอีกคนมีใบหน้าบึ้งตึง ดวงตาแบบฆาตกรไม่ต่างจากสัตว์ป่าที่พร้อมจะล่าเหยื่อ
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้ง 2 ยังมีไอสังหารแผ่ออกมาจากตัวรุนแรงอีกด้วย ตอนที่พวกเขาเดินเข้ามาในห้อง แม้แต่อุณหภูมิรอบตัวก็ดูเหมือนจะลดลงไปหลายองศา
ต่อให้ป้อมปราการสงครามจะวุ่นวายมากแค่ไหน แต่ก็หาได้ยากที่จะพบอาชญากรที่มีลักษณะเหมือนพวกเขา
ชั่วขณะนั้นแม้แต่ดวงตาของหลินหยวนก็ยังเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น ในหัวของเขาคิดว่าคน 2 คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
แล้วทันใดนั้นผู้ชายร่างสูงใหญ่ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ขอโทษที… นายเป็นคนประกาศค่าหัว ‘มัจจุราชหน้าหยก’ หรือเปล่า?”
ขณะที่ชายตัวสูงพูด เขาก็ปลดปล่อยแรงกดดันออกมาจากร่างกาย ภายใต้แรงกดดันที่เต็มไปด้วยไอสังหารนี้ แม้แต่คนที่มีพลังพิเศษก็ยังรู้สึกหายใจไม่ออก ดูเหมือนว่าเขากำลังเตือนหลินหยวน
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ ฝ่ายที่ถูกกดดันดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านเลย เด็กหนุ่มเอนตัวนั่งบนโซฟาสบาย ๆ พลางตอบว่า “เวลาของฉันมีค่ามาก อย่ามาทำให้ฉันเสียเวลาเปล่าเลย”
“ถ้าพวกนายคิดจะมาถามเรื่องไร้สาระแบบนี้ก็ออกไปเถอะ”
เมื่อชายร่างกำยำได้ยินสิ่งที่หลินหยวนพูด เขาก็หัวเราะเยาะเย้ย “ก็แค่ถามนิดหน่อยเอง นายไม่เห็นต้องโมโหเลยนี่ ใช่ไหม?”
เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกลับมานั่งตัวตรงอีกครั้ง เขาวางมือลงบนโต๊ะแล้วสบตากับอีกฝ่าย
วินาทีต่อมา ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทอง
ขณะเดียวกัน แรงกดดันอันหนักหน่วงก็แผ่ออกมาจากดวงตาคู่นั้น
ภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ แม้แต่ชายทั้ง 2 ที่ดูแข็งแกร่งก็ถึงขั้นหน้าถอดสี
“เอาล่ะ ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย อย่ามาทำให้ฉันต้องเสียเวลา บอกเบาะแสมา หรือไม่ก็ไสหัวออกไปซะ!”
หลินหยวนจ้องชายฉกรรจ์ 2 คนตรงหน้าพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 110
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น