March Time Traveler ตอนที่ 4 จิน

March Time Traveler

-A A +A

March Time Traveler ตอนที่ 4 จิน

จิน

 

    'ระบบได้ทำการแก้ไขคำสั่งเรียบร้อย ท่านสามารถเปิดระบบวงแหวนได้ด้วยการเรียกชื่อ ไอสไตน์ ได้เลยค่ะ’เสียงในหัวของมาร์ชดังขึ้น 

 

    “โอเค เสื้อผ้าพร้อม ผู้ติดตามพร้อม ระบบพร้อม ออกเดินทางกันได้แล้ว หวังว่าจะไม่มีอะไรโผล่มาอีกนะ”มาร์ชก้มสำรวจตัวเอง แล้วค่อยๆหันไปมองมารน้อยและเทพน้อย

 

    “ได้เวลาจอมมารออกโรง”มารน้อยพูดขึ้นพร้อมบินวนไปมารอบตัวมาร์ชอย่างร่าเริง ก่อนจะบินตรงไปที่ไหล่ข้างขวาของมาร์ชแล้วนั่งลง

 

   “จอมมงจอมมารอะไร นายท่านจะเป็นจอมเทพต่างหาก”เทพน้อยพูดจบก็เบ้ปาก แล้วค่อยๆขยับปีกบินไปนั่งบนไหล่ข้างซ้ายของมาร์ชบ้าง มาร์ชได้แต่ส่ายหัวที่เห็นพวกมันทะเลาะกันได้ตลอด เทพน้อยรู้หน้าที่ของตัวเอง เธอหลับตาลง สักครู่เดียวโกเลมก็ขยับ มันค่อยๆใช้มือแขนทั้งสองข้างของมันกวาดซากปรักหักพังที่ล้มขวางทางอยู่ออกอย่างง่ายดาย แล้วตัวมันก็สลายลงกลายเป็นดินกองอยู่กับพื้น มาร์ชแอบสังเกตเห็นเทพน้อยหายใจแรงขึ้นนิดหน่อย

 

   “ขอบใจมากเทพน้อย”

 

   “เจ้าค่ะนายท่าน”เธอตอบมาร์ชพร้อมรอยยิ้มเสร็จ ก็ชะโงกหน้าไปแลบลิ้นใส่มารน้อย

 

   “ชิ”มารน้อยสะบัดหน้าหนี

 

    มาร์ชไม่ได้สนใจพวกมันแล้ว เขาเลือกที่จะเดินตรงไปที่ทางออก แต่พอเดินออกจากห้องวิจัยมาได้แค่แป๊บเดียว มาร์ชก็ต้องยืนเกาหัว

 

    “ไปยังไงต่อล่ะทีนี้ มืดก็มืด ทางไปต่อก็ไม่มี”มาร์ชมองไปด้านหน้าจนสุดก็เห็นแต่ผนังกว้างๆเท่านั้น

 

    ‘ไอสไตน์ขออนุญาตเปิดแสงไฟให้นะคะ’เสียงในหัวมาร์ชดังขึ้น และแหวนก็ส่องแสงออกมาสว่างจนมองเห็นรอบตัวได้ชัดเจน

 

    “โอเค ดีเลย แล้วก็ช่วยหาทางออกให้ด้วยเลยนะไอสไตน์”

 

    ‘ได้ค่ะ ทำการเปิดระบบ GPS สแกนตำแหน่ง ทำการระบุตำแหน่งเรียบร้อย ตอนนี้เราอยู่ลึกจากผิวโลก 500 เมตร ค่ะ’เสียงรายงานในหัวมาร์ช

 

    “โอ้โห แล้วนี่ทำไมจุดเกิดของฉันมันถึงต้องมาอยู่ลึกขนาดนี้ด้วยฟะ แล้วเรื่องทางออกล่ะว่าไง ไปทางไหน”มาร์ชบ่นจบก็ถามต่อ

 

    ‘จากการตรวจสอบสถานที่ตรงนี้ เป็นซากห้องวิจัยที่มีเจ้าของ หากต้องการดูแปลนโครงสร้างต้องระบุชื่อเจ้าของสถานที่หรือรหัสผ่านที่ถูกต้องก่อนค่ะ’มาร์ชถึงกับกุมขมับ แค่จะออกไปทำไมยุ่งยากอะไรขนาดนี้ 

 

    “มาร์ช ถ้าไม่ได้ก็ไม่รู้ละ”มาร์ชตอบส่งๆออกไปเพราะคิดอะไรไม่ออกแล้วนอกจากชื่อตัวเอง

 

    ‘ระบุชื่อเจ้าของสถานที่ถูกต้อง กำลังตรวจสอบแปลนโครงสร้าง เสร็จสิ้นการตรวจสอบ เดินไปจนสุดทางเดินจะมีลิฟต์ความเร็วสูงอยู่หลังผนังปูนค่ะ’

 

    “เอ้าถูกเฉยตอนซื้อหวยไม่ถูกงี้มั่ง จะได้เลิกหาไอเทมในเกมไปขาย”มาร์ชแอบตกใจที่คำตอบแบบส่งๆใช้ได้ผล มาร์ชจึงรีบเดินไปตามที่ไอสไตน์บอกทันที เมื่อเดินมาถึงที่หน้าผนังปูน ก็มีลำแสงสีแดงสาดมาที่ตัวมาร์ช ก่อนที่จะได้ยินเสียงประกาศดังทั่วโถงทางเดิน

 

    “สแกนม่านตา ถูกต้อง 

 

     สแกนใบหน้า ถูกต้อง 

 

     สแกนรายนิ้วมือ ถูกต้อง” จบเสียงประกาศที่ดังขึ้น ผนังปูนก็ค่อยๆเลื่อนออกจากกันจนเห็นประตูลิฟต์ มาร์ชเดินไปกดปุ่มลิฟต์ แต่ก็รออยู่พักใหญ่ๆประตูลิฟต์ก็ไม่ยอมเปิดออก

 

    “เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย”มาร์ชเริ่มหงุดหงิดที่ขั้นตอนมันเยอะซะจนเขาไม่ได้ไปไหนสักที

 

    ‘ระบบขัดข้องเนื่องจากด้านบนเกิดความเสียหายรุนแรง จะเริ่มทำการรีเซตระบบใหม่ให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ’เสียงในหัวมาร์ชดังขึ้น จากนั้นไม่ถึง 10 วินาที ประตูลิฟต์ก็เปิดออก มาร์ชไม่รอช้ารีบก้าวเท้าเข้าไปยืนในลิฟต์ทันที ประตูลิฟต์ปิดลงและเริ่มเคลื่อนที่ขึ้นด้วยความเร็วสูง 

 

    ‘กริ๊ง’เสียงประตูลิฟต์เปิดออก มาร์ชมองดูชั้นที่แผงควบคุมลิฟต์ มันแสดงให้เห็นว่าเขาขึ้นมาจากชั้นล่าง 400 เมตรในเวลา 20 วินาที แต่ดูเหมือนลิฟต์จะขึ้นมาสุดได้แค่ชั้นนี้เท่านั้น มาร์ชจึงต้องเดินออกจากลิฟต์มา

 

พอก้าวเท้าพ้นจากระยะลิฟต์ ผนังปูน 2 แผ่นก็เคลื่อนมาปิดสนิทจนทำให้มองเหมือนกับผนังปูนธรรมดาๆ มาร์ชหันหลังกลับชูมือข้างที่สวมแหวนเพื่อใช้แสงส่องทางเดิน มาร์ชเดินไปตามที่ไอสไตน์บอกเส้นทางให้กับเขา เขาต้องเดินเท้าขึ้นบันไดอีก 28 ชั้นจึงจะถึงทางออก ระหว่างทางมาร์ชสังเกตเห็นว่ายิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสูง ก็จะยิ่งพบว่ามีข้าวของและตัวอาคารพังเสียหายหนักขึ้นเรื่อยๆ มาร์ชเริ่มผิดสังเกตมากขึ้นหลังจากเดินขึ้นบันไดมาได้ 15 ชั้น ตามซากเสาบางต้นและผนังรอบๆมีรอยคล้ายๆกระสุนปืนยิงพรุนทั่วทั้งชั้น

 

    “นี่มันรอยกระสุนปืนนี่หน่า จากที่ดูแล้วน่าจะเมื่อไม่นานมานี้เอง ใครเขามายิงกันในซากที่จะพังแหล่มิพังแหล่แบบนี้กัน”มาร์ชพึมพำเบาๆหลังจากตัดสินใจเดินไปสำรวจรอยกระสุนใกล้ๆ มาร์ชตัดสินใจเดินต่อไปเรื่อยๆ เพราะอยากรีบออกจากที่นี่เต็มทีแล้ว จากตอนแรกที่เดินสบายๆเหมือนชมนกชมไม้ พอเห็นรอยกระสุนมาร์ชก็เริ่มระวังตัวมากขึ้น เขาพยายามฟังหาเสียงปืนเผื่อว่าพวกที่มายิงกันยังอยู่ เขาจะได้ไม่ไปโดนลูกหลงเข้า แต่ก็เดินมาจนถึงชั้นที่ 20 แล้วก็ยังไม่ได้ยินเสียงอะไร มาร์ชเลยเบาใจลง 

 

    “หลังซากเสาตรงนั้นมีอะไรอยู่ด้วยล่ะเจ้าค่ะนายท่าน”เทพน้อยพูดพร้อมกับชี้นิ้วให้มาร์ชดู มาร์ชมองตามทิศทางที่เทพน้อยชี้ก็เห็นเหมือนคนนอนอยู่ เลยตื่นตัวรีบพุ่งตัวหลบหลังซากเสาที่อยู่ใกล้ๆ

 

    “ไอสไตน์ปิดแสงที่แหวนให้ที เทพน้อยหายตัวไปดูให้ฉันหน่อยแต่อย่าทำอะไรที่เสี่ยงเกินไปนะ ระวังตัวด้วย”มาร์ชพูดจบแสงที่แหวนก็ดับทันที เทพน้อยก็หายตัวตามที่มาร์ชบอก ในระหว่างที่เดินเท้ามามาร์ชได้ยินมารน้อยกับเทพน้อยเถียงกันตลอดทางมีทั้งเรื่องมีสาระและไร้สาระ มาร์ชได้รู้ข้อมูลจากการเถียงกันของพวกมันว่าเทพน้อยมีความสามรถหายตัวได้ สร้างโกเลมดินและควบคุมมันได้แต่มันมีข้อจำกัด ต้องสะสมพลังเวท 14 วันถึงจะใช้ได้ใหม่อีกครั้ง ส่วนมารน้อยนั้นมีความสามารถซ่อนตัวในเงาได้ สร้างร่างกายขุนพลเผ่ามารแล้วเข้าไปบังคับได้ แต่ก็มีข้อจำกัดเหมือนการสร้างโกเลมของเทพน้อย แล้วก็ทั้งสองสามารถเข้าออกมิติกลับดินแดนของตัวเองได้ตลอด จะออกมาได้ก็ต่อเมื่อมาร์ชเรียกเท่านั้น

 

    “นายท่านเจ้าคะ เขาตายแล้วค่ะ”เสียงเทพน้อยตะโกนมาจากทิศทางที่มีร่างของคนนอนอยู่

 

    “จากที่ดูสภาพศพแล้ว เขาน่าจะตายเพราะบาดแผลใหญ่ตรงกลางหน้าอกนี่ ก่อนที่จะโดนยิงจนพรุนไปทั้งตัวแบบนี้”มาร์ชที่ตามมาสมทบกับเทพน้อยทีหลัง เดินเข้าไปตรวจดูศพแล้ววิเคราะห์อย่างชำนาญ ราวกับว่าเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตาตัวเอง

 

    “ว้าววว นายน้อยเก่งมากวิเคราะห์ได้ถูกต้องเลยขอรับ”มารน้อยพูดขึ้น

 

    “แล้วทำไมนายถึงรู้ว่าฉันวิเคราะห์ได้ถูกต้อง เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่า..”มาร์ชเหมือนจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ก็หยุดพูดไป เขานึกไปถึงสภาพร่างขุนพลมารที่บาดเจ็บสาหัสตอนเจอกันครั้งแรก ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนมารน้อยตอนนี้มันนั่งฉีกยิ้มกว้างจนจะถึงหูบนไหล่มาร์ช

 

    “เป็นอย่างที่นายน้อยคิดนั่นแหละขอรับ ก็คนพวกนี้พยายามจะลงไปข้างล่าง ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งของนายน้อยที่สั่งไว้อย่างเคร่งครัดเท่านั้นเองขอรับ คำรามเสียงดังก็แล้ว เคลื่อนไหวไวไวให้เห็นก็แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ทีท่ากลัว แถมยังโจมตีข้าน้อยก่อนด้วยนะขอรับ”

 

   “ฉันเนี่ยนะสั่งไว้”มาร์ชถามออกไป คราวนี้ไม่ใช่แค่มารน้อยที่พยักหน้าเทพน้อยก็พยักหน้าแล้วพูดเสริมด้วย

 

   “ที่เทพน้อยเรียกโกเลมขึ้นที่ข้างล่างก็เพื่อกันเหนียวเอาไว้ตามที่นายท่านบอกเอาไว้เหมือนกันเจ้าค่ะ”

 

    ‘ทำไมฉันจำไม่เห็นจะได้เลย หรือใครมันแอบล็อคอินไอดีเกมฉันรึเปล่าวะ อย่าให้รู้นะพ่อจะเจื๋อนให้สูญพันธุ์เลย”มาร์ชคิดในใจ

 

    “เมื่อกี้นายพูดว่าคนพวกนี้ใช่ไหม หมายความว่ามีมากกว่า 1 คนถูกต้องไหม”มาร์ชตั้งคำถามต่อไป มารน้อยพยักหน้าแทนคำตอบพร้อมกับมองตรงไปข้างหน้า มาร์ชมองตามพร้อมทั้งออกคำสั่งให้ไอสไตน์เปิดไฟให้เพื่อที่จะเดินไปดู แต่ไม่ต้องเดินไปไกลมาร์ชก็เห็นสภาพจุดปะทะ ถ้าในสถานการณ์ปกติ มาร์ชคงอ้วกแตกแล้ว แต่ที่เขายังยืนมองมันได้เพราะทักษะสภาวะจิตเกมเมอร์ 

 

    “นรกชัดๆ”มาร์ชถึงกับสบถออกมาเพราะภาพตรงหน้า ซากศพที่ตอนนี้ผสมปนเปกันจนแยกไม่ออกว่าชิ้นส่วนไหนเป็นชิ้นส่วนไหน ชิ้นส่วนไหนเป็นเป็นของใครมั่ง รอยเลือดที่กระเด็นไปทั่วบริเวณ ยังกับว่าจะใช้เลือดทาแทนสีเพื่อตกแต่งยังไงยังงั้น 

 

    “ข้าน้อยไม่ได้ทำนะขอรับ นายน้อยอย่าเข้าใจผิด จริงอยู่ว่าข้าน้อยอาจจะฆ่าพวกเขา แต่สภาพที่เห็นนี่เป็นเพราะพวกเขาโดนแรงระเบิดของพวกเขาเองขอรับ”มารน้อยรีบอธิบายเพราะเห็นมาร์ชสบถออกมาแล้วยืนนิ่ง แต่ที่มาร์ชยืนนิ่งไม่ใช่เพราะสภาพศพเป็นเรื่องหลัก แต่ที่มาร์ชยืนนิ่งเพราะเขาจ้องมองอะไรบางอย่างที่ลอยตัวอยู่เหนือซากศพบางซากต่างหาก 

 

    “นั่นมันอะไรอ่ะ”มาร์ชเอ่ยปากถาม แล้วชี้นิ้วออกไป ทั้งมารน้อยและเทพน้อยต่างก็ไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนเหมือนกัน เลยพากันส่ายหัวไปมา ลักษณะของมันเหมือนลูกไฟขนาดเท่าลูกปิงปอง มีเปลวไฟสีแดงและม่วง ในตอนนั้นหัวของมาร์ชก็มีเสียงไอสไตน์ดังขึ้น

 

    ‘สิ่งนั้นคือ ‘จิน’ ค่ะ ผู้คนที่ได้พบมันในตอนแรก บางที่ก็เรียกว่า จิต บางที่ก็เรียกว่า วิญญาณ ในที่สุดพวกเขาก็เลยนำคำทั้งสองมารวมกันและเรียกมันว่า จิน ค่ะ’

 

    “งั้นสรุปว่ามันคือผีที่มีชื่อเรียกใหม่ว่า จิน ใช่ไหม แต่ทำไมศพอื่นๆไม่มีจิน ที่ฉันเห็นมันมีแค่เฉพาะศพบางศพ ทำไมเป็นแบบนั้น”

 

    ‘ไม่ใช่ค่ะ จิน ไม่ใช่ผีค่ะ หากจะพูดถึงอย่างละเอียดต้องเริ่มตั้งแต่จุดเริ่มต้นเลยค่ะ’

 

    ‘นี่ยังไงล่ะ เรื่องราวเกมที่ฉันอยากจะรู้มาตั้งนานแล้ว’มาร์ชคิดในใจ

 

    “งั้นรบกวนด้วยไอสไตน์”มาร์ชพูดออกมา

 

    ‘มนุษย์ได้พัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดด เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปไกลมาก เมื่อเกิดสงครามขึ้นก็เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง และในที่สุดสงครามที่เกิดขึ้นจาก 2 ขั้วอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็เกิดขึ้น อาวุธยุทโธปกรณ์ทุกอย่างถูกนำมาใช้ในสงคราม ความรุนแรงทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จนทั้งสองตัดสินใจใช้อาวุธที่รุนแรงที่สุดโจมตีใส่กันเพื่อทำลายอีกฝ่ายโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา ในขณะที่จักรวาลกว้างใหญ่ไพศาลของมิติคู่ขนาน ก็ได้เกิดสงครามของ 3 เผ่าพันธ์ุ เทพ มาร และอสูร ด้วยเหตุบังเอิญบางอย่าง ทำให้การโจมตีครั้งรุนแรงมารวมที่จุดเดียวกันผ่านมิติคู่ขนานจนเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงจนทำให้มิติปั่นป่วน สิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่มีในจักรวาลรับรู้การมีอยู่ของกันและกัน พวกเขาจึงยุติสงครามลงเพื่อป้องกันการระเบิดที่รุนแรงแบบที่เพิ่งเคยเกิดขึ้น เพราะไม่มีใครคาดเดาได้ว่าหากเกิดการระเบิดอีกครั้งจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทุกเผ่าพันธุ์ส่งตัวแทนมาประชุมและตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาใช้ร่วมกัน แต่มี 1 เผ่าพันธุ์ที่ไม่ยอมร่วมด้วยนั่นคือ เผ่าอสูร’ไอสไตน์หยุดพักเพื่อให้มาร์ชย่อยข้อมูล เมื่อเห็นว่ามาร์ชพยักหน้าเบาๆ จึงเริ่มเล่าต่อ

 

    ‘หลังจากทำตามกฎเกณฑ์ที่ใช้ร่วมกันมานาน มนุษย์และอีกหลายๆเผ่าก็เริ่มแสดงสัญชาตญาณของตัวเองออกมา พวกเขาต้องการการต่อสู้ จึงพยายามแอบสู้กันอยู่เรื่อยมา ในที่สุดผู้ปกครองเหนือเทพทั้งหลาย และผู้ปกครองเหนือมารทั้งหลายก็ได้รู้เข้า พวกเขาจึงเสียสละตัวเองพร้อมทั้งให้คำอวยพรและคำสาปแช่งเหนือเผ่าพันธุ์อื่นๆ ไม่มีใครรู้ว่าคำอวยพรและคำสาปแช่งคืออะไรแต่หลังจากนั้น จิน ก็ได้ปรากฏขึ้นครั้งแรกในจักวาล ทุกคนคิดว่านี่แหละคือคำอวยพรและคำสาปแช่ง ของจอมมารและจอมเทพผู้มีพลังยิ่งใหญ่ของจักวาลนี้’

 

    “ว้าว ผู้พัฒนาเกมช่างคิดเนื้อเรื่องได้ดีจริงๆ”มาร์ชกล่าวชื่นชม

 

    “แล้วสรุปว่า จิน คืออะไร”มาร์ชถามอย่างสนใจ

 

    ‘จิน เปรียบเสมือนพลังวิเศษเฉพาะตัว เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น เด็กคนหนึ่งชอบเล่นตุ๊กตาอย่างมาก และมีความคิดที่อยากให้พวกมันมีชีวิตอย่างแรงกล้า จินก็เกิดขึ้นกับเด็กคนนี้ให้เขาสามารถบังคับตุ๊กตาได้เหมือนมันมีชีวิตจริงๆ แต่ในขณะที่เด็กบางคนก็อาจจะคิดเช่นนี้ แต่ก็ไม่เกิดจินขึ้น จึงไม่สามารถบอกได้ว่า สาเหตุที่จินเกิดขึ้นเป็นเพราะอะไร’

 

    "ทักษะ สกิล พลัง อะไรทำนองนี้สินะ”มาร์ชพยายามเปรียบเทียบ

 

    ‘พวกที่มีจินจะถูกเรียกด้วยคำเฉพาะว่า เกริส (Grurse)มาจากการรวมกันของ Greeting(คำอวยพร)+Curse(คำสาปแช่ง) ซึ่งเกริสจะมีการแบ่งระดับกันด้วย ยิ่งพวกเขาได้รับจินระดับสูงเท่าไรร่างกายของพวกเขาก็จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นตาม พวกเขาได้รับอนุญาตให้สามารถต่อสู้เอาชีวิตกันได้ นอกจากนั้นพวกเขายังมีหน้าที่ป้องกันการมาของเผ่าอสูรอีกด้วย แต่พวกเขาไม่สามารถฆ่ามนุษย์หรือเผ่าพันธุ์ใดๆที่ไม่มีจินได้ ถ้าเมื่อใดก็ตามที่เขาฆ่าจินจะเสื่อมพลังจะหายไป’มาร์ชพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเข้าใจเรื่องราวที่ได้ฟังแล้ว

 

    “แล้วทำไมจิน 2 อันนี้มันถึงสีเปลวไฟไม่เหมือนกัน แล้วฉันต้องทำยังไงถึงจะมีจินได้”มาร์ชที่ให้ความสนใจจินอย่างมาก เขาได้เดินมานั่งลงมองมันอย่างใกล้ชิด

 

    ‘นั่นเป็นการบ่งบอกระดับของจินค่ะ จินแบ่งเป็น 3 ระดับ

 

    1.กายาจิน เปลวไฟสีแดง จินระดับนี้จะต้องใช้เงื่อนไขในการใช้จิน เช่น กินขนมปังเพื่อพ่นไฟ หรือทำให้ตัวเองบาดเจ็บเพื่อพ่นไฟ เป็นต้น

 

    2.วาจาจิน เปลวไฟสีเขียว จินระดับนี้เพียงแค่พูดเงื่อนไขออกมาก็จะสามารถใช้จินได้

 

    3.จิตตาจิน เปลวไฟสีม่วง จินระดับสูงสุดนี้เพียงแค่คิดก็จะสามารถใช้จินได้เลยค่ะ 

 

    แต่มีบางตำนานได้พูดถึงจินอีกระดับหนึ่งด้วยแต่ไม่มีรายละเอียดข้อมูลเพราะคิดว่านั่นเป็นแค่เรื่องที่เล่าต่อๆกันมาไม่หลักฐานที่เป็นชิ้นเป็นอัน ส่วนที่ท่านถามว่าต้องทำยังไงถึงจะมีจินได้นั้น นอกจากจินจะก่อกำเนิดขึ้นเองแล้ว ยังสามารถมีจินได้ด้วยวิธีอื่นด้วยค่ะ’

 

    “วิธีที่ว่าคืออะไร”มาร์ชรีบถามดวงตาลุกวาว เขารู้สึกตื่นเต้นมากในตอนนี้

 

    ‘แย่งชิงแล้วกลืนกินจินเลยค่ะ’สิ้นเสียงไอสไตน์ที่ดังในหัว 

 

     “งั้นขอหม่ำละนะคร้าบบบ”มาร์ชยื่นมือทั้ง 2 ข้างไปหยิบจินมากำไว้ในมือ เขาอ้าปากกว้างแล้วยกมือข้างที่ถือจินเปลวไฟสีม่วงมาจ่อตรงปากเตรียมจะกินมัน แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงไอสไตน์

 

    ‘จริงอยู่ว่าสามารถกลืนกินจินเพื่อใช้จินนั้นๆได้ แต่การกลืนกินจินก็มีข้อจำกัด ท่านจะไม่สามารถกินจินได้เกิน 1 อย่าง ยกเว้นว่าจินนั้นจะเป็นจินสนับสนุนไม่ใช่จินหลัก ส่วนเรื่องรายละเอียดมากกว่านี้ไม่มีระบุในฐานข้อมูลแล้วค่ะ เพราะจินนั้นเป็นสิ่งที่มีเรื่องราว ความลับซ่อนอยู่มากมาย ต้องรวบรวมข้อมูลและศึกษาเพิ่มเติมเอาเองค่ะ’ไอสไตน์อธิบายจบมาร์ชก็รีบหุบปากลงอย่างเสียดาย

 

    “เกือบไปแล้วไหมล่ะ”มาร์ชทำท่าทางโล่งอก เพราะเกือบทำพลาดเพราะความตื่นเต้นจนเกินเหตุของตัวเอง มาร์ชก็เห็นกล่องข้อความเด้งขึ้นตรงหน้า

 

    ‘ท่านได้รับจินใหม่ จินประสาทสัมผัสซามูไรโบราณ (ระดับจิตตาจิน)

 

    ท่านสามารถรู้รายละเอียดความสามารถของจินเมื่อท่านทำการเปิดใช้เท่านั้น’

 

    ‘ท่านได้รับจินใหม่ จินดาบคู่(ระดับกายาจิต)

 

    ท่านสามารถรู้รายละเอียดความสามารถของจินเมื่อท่านทำการเปิดใช้เท่านั้น’

 

    “ฉันต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะกินจิน ไม่ใช่เห็นเปลวไฟสีม่วงจะกินหมด เห้อ งั้นเก็บไว้เป็นทางเลือกในอนาคตดีกว่า เปิดกระเป๋ามิติ”มาร์ชส่ายหัวเสียดายที่ยังไม่สามารถตัดสินใจกลืนกินจินได้ในตอนนี้ ก่อนจะเอื้อมมือยัดจินไปตรงหน้าต่างที่เป็นตารางที่ปรากฏในอากาศตรงหน้าของเขา มือของเขาจมไปในตารางตรงหน้าเหมือนโดนอากาศดูดเข้าไป เขาดึงมือออกมาได้ก็ทำท่าปัดมือ มาร์ชได้รู้เรื่องกระเป๋ามิตินี้ก็ตอนเดินเท้าขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีระบบ สถานะที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเขารวมทั้งทักษะที่มีอยู่ด้วย 

 

            สถานะ

 

ชื่อ มาร์ช             ระดับ 1

 

ฉายา -               อาชีพ -

 

พลังชีวิต 200          พลังเวทย์ 20

 

ความแข็งแกร่ง 10      ความทนทาน 10

 

ความคล่องแคล่ว 10    ความฉลาด 10

 

ความโชคดี 10

 

            แต้มคงเหลือ 0 

 

————————————————————————

 

              ทักษะ

 

ประเภทติดตัว

 

สภาวะจิตเกมเมอร์      (ขั้น2)

 

ร่างทนทาน             (ขั้น2)

 

สื่อสารเผ่ามาร.        (ขั้นสูงสุด)

 

สื่อสารเผ่าเทพ.        (ขั้นสูงสุด)

 

???

 

???

 

???

 

ประเภทใช้งาน

 

-

 

???

 

???

 

     “แต่จะพูดถึงคนพวกนี้ก็แข็งแกร่งเอามากๆเลยนะขอรับ ปกติมนุษย์ไม่น่าจะต่อกรกับร่างขุนพลมารได้ขนาดนี้ ยกเว้นนายน้อยนะขอรับ เป็นเพราะลูกไฟนั่นหรือขอรับที่ทำให้พวกเขาแข็งแกร่ง”มารน้อยพูดขึ้นและประจบมาร์ชไปด้วย

 

    “ใช่แล้ว ลูกไฟที่มารน้อยพูดถึงเรียกว่า จิน มันทำให้มนุษย์มีพลัง”มาร์ชอธิบาย

 

    “อ้อขอรับ จะว่าไปแล้วมีพวกเขาหนีออกไปได้ด้วยนะขอรับ” 

 

    “กี่คนรู้ไหม”

 

    “น่าจะ 5 คนขอรับ ข้าน้อยขอโทษที่ปล่อยให้พวกนั้นรอดไปได้ขอรับ”

 

     “ไม่เป็นไร ยังไงก็ขอบใจมากๆนะมารน้อยที่คอยปกป้องฉัน”มาร์ชหันไปพูดกับมารน้อยที่นั่งอยู่บนไหล่ของเขา

 

     “ข้าน้อยพร้อมจะทำตามทุกอย่างที่นายน้อยบอกให้ทำขอรับ”มารน้อยพูดไปยิ้มไป ก่อนจะชะโงกหน้าไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่เทพน้อย

 

     “ไอ่มารเน่าหยุดเลยนะ”เทพน้อยแหวใส่

 

     “ฉันยังอ่อนปวกเปียกอยู่เลย ทางที่ดีควรให้มารน้อยและเทพน้อย กลับไปมิติของตัวเองก่อนดีกว่า ฉันก็ต้องรีบพัฒนาระดับตัวเองเป็นอันดับแรก”มาร์ชพึมพำกับตัวก่อนจะหันไปบอกให้มารน้อยและเทพน้อยกลับมิติของตัวเองไป ทั้งคู่แม้จะไม่อยากไปแต่ก็ขัดใจมาร์ชไม่ได้ ขณะจะเดินข้ามรอยแยกมิติ ทั้งคู่ยังเถียงกันจนวินาทีสุดท้าย มาร์ชได้แต่ส่ายหัว พอได้รู้เรื่องราวต่างๆมาร์ชก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นอยากที่จะออกไปผจญภัยในเกมใหม่ของเขา เขายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะก้าวเท้าออกวิ่ง เพื่อออกจากซากปรักหักพัง เขากระโดดหลบเศษซากต่างๆที่ขวางทางอย่างคล่องแคล่ว บางทีก็ปีนป่ายสิ่งกีดขวางด้วยความไวมากๆเพราะมีบันไดบางชั้นที่พัง ในที่สุดเขาก็ออกมายืนอยู่ที่ชั้นบนสุด เขากวาดสายตามองออกไปไกล ไม่ได้สนใจซากที่พังรอบๆตัว

 

    “ว้าววว”มาร์ชร้องออกมาเสียงดังอย่างลืมตัว

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.