March Time Traveler ตอนที่ 5 การปรากฏตัวของหัวหน้าองค์กร

March Time Traveler

-A A +A

March Time Traveler ตอนที่ 5 การปรากฏตัวของหัวหน้าองค์กร

การปรากฏตัวของหัวหน้าองค์กร

 

    มาร์ชที่ใส่เสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นสีขาว ยืนทอดสายตามองออกไปไกลบนกองซากปรักหักพัง มีแสงจันทร์ส่องลงมาแบบพอดิบพอดีบวกกับสายลมที่พัดผ่านอย่างเบาๆ ทำให้ผมสั้นสีดำของเขาขยับนิดนึง ยังกับว่าเป็นฉากเปิดตัวพระเอกในนิยายที่ยืนท่ามกลางแสงจันทร์ มาร์ชเองก็กำลังเห็นตัวเองในสภาพที่ว่า เลยยืนแอคท่านั้นอยู่นาน

 

    “แม่ พี่เขาไปยืนทำอะไรตรงนั้นอ่ะงับ”เสียงเด็กผู้ชายพูดขึ้นเสียงดัง พร้อมทั้งชี้นิ้วมาที่มาร์ช    

 

    “ไปเร็วลูก อย่าไปมองสงสัยจะเป็นคนบ้า”เสียงผู้หญิงวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าแม่ตอบ

 

    “แล้วทำไมเขาไปยืนอยู่ตรงนั้นได้ล่ะ มันเพิ่งมีเหตุระเบิดไม่ใช่หรอ”เสียงชายหนุ่มดังขึ้นบ้าง

 

    “นั่นสิๆ ไม่น่าจะใช่ผู้บาดเจ็บด้วย ไม่มีแผลหรืออะไรพวกนั้นเลย”เสียงป้าแก่ๆพูดตั้งข้อสังเกตุ

 

    “จะว่าเจ้าหน้าที่ก็ไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้ใส่ชุดเจ้าหน้าที่ สงสัยจะคนบ้าอย่างที่คุณนายเขาว่านั่นแหละ ไม่มีอะไรแล้ว ไฟก็ไม่ได้ลามไปบ้านเรา แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันกันเถอะ”คราวนี้เป็นเสียงชายแก่พูด แล้วทุกคนที่มามุงดูประมาณ 10 กว่าคนก็บ่นพึมพำกันเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันไปจากบริเวณถนนที่ตัดผ่านซากห้องวิจัย มาร์ชก็เพิ่งจะรู้ตัวว่ามีคนมุงดูตัวเองอยู่ก็ตอนที่เสียงเด็กพูดขึ้น แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากยืนค้างท่านั้นฟังพวกเขาซุบซิบระยะเผาขน แต่พอพวกเขาแยกย้ายกันออกจากบริเวณจนหมดมาร์ชก็เริ่มเดินลงจากซากปรักหักพังมาที่ถนน

 

    “โถ่ พระเอกจะเปิดตัวอย่างอลังการทั้งที ดันมีคนมามองว่าเป็นคนบ้าซะงั้น คนพวกนี้มีตาหามีแววไม่”มาร์ชบ่นอุบ

 

     “มุ่งหน้าเข้าเมืองดีกว่า ไอสไตน์นำทางทีนะ”มาร์ชพูดกับปัญญาประดิษฐ์ของตัวเอง แล้วเขาก็เดินไปตามเส้นทางที่ถูกบอกในหัวของเขา มาร์ชเดินช้าๆชมเมืองไป ทุกอย่างแปลกใหม่มากในสายตาเขา ถึงแม้จะเคยเห็นผ่านภาพยนตร์มาบ้าง แต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ที่เห็นมันด้วยตาตัวเองแบบนี้ มาร์ชยังไม่ค่อยเจอคนเท่าไร แต่สังเกตเห็นว่ามีรถที่น่าจะเป็นรถตำรวจของยุคนี้ลอยเคลื่อนตัวด้วยความไวมากๆสวนเขาไปหลายคัน มีรถสีดำที่มีกระจกดำสนิทลอยในขบวนรถตำรวจด้วย 

 

    “โคตรคูล รถในเกมนี้ไม่มีล้อใช้การลอยแล้วเคลื่อนที่เอาสินะ รถตำรวจก็โคตรสุดทั้งไวทั้งสวย มีรถสีดำตามหลังด้วยสงสัยจะเป็นพวกคนสำคัญมั้ง ว่าแต่จะไปไหนกันทางนั้นมันชนบทดีดีนี่เองนะ ไปทำไรก็ช่างเขาเหอะเข้าเมืองต่อดีกว่า”ว่าแล้วมาร์ชก็เดินชิวๆเข้าเมืองต่อ

 

     ที่ซากห้องวิจัยตอนนี้มีรถตำรวจและรถสีดำมาจอดอยู่อย่างละ 5 คัน ก่อนที่รถตำรวจ 2 คันที่จอดอยู่ด้านหลังสุดจะค่อยๆขยับช้าๆมันเริ่มขยับชิ้นส่วนต่างๆก่อนจะสลับไปมา จนกลายเป็นหุ่นยนต์ยืน 2 ขาที่ถืออาวุธปืนยาวในมือ พวกมันเดินไปยืนที่ถนนปากทางเข้าซากห้องวิจัยที่มีชาวบ้านมายืนมุงดู

 

     “บริเวณนี้เป็นพื้นที่อันตราย ขอให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง ออกจากบริเวณนี้ทุกคน หากใครฝ่าฝืนจะใช้มาตรการรุนแรงในการจัดการ ต้องขออภัยในความไม่สะดวก”หุ่นยนต์ตำรวจได้ทำการประกาศเสียงดังวน 3 รอบ ชาวบ้านที่มามุงดูได้ยินก็พากันเดินออกห่างโดยทันที 

 

    “ตาแก่จมูกไวดีนี่”ชายหนุ่มที่อายุน่าจะสัก 20 นิดๆ แต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำ ที่อกซ้ายมีเข็มกลัดสัญลักษณ์ดวงตาสีแดงตัดขอบด้วยสีเงินติดอยู่พูดขึ้น หลังจากที่เขาเดินลงมาจากรถสีดำแล้วเจอกับชายแก่อีกคนที่เดินลงมาจากรถสีดำอีกคัน 

 

    “ฮ่าๆๆ ถ้าข้าจมูกไวแล้วหมอนั่นเรียกว่าอะไรดีล่ะ ฮ่าๆๆ”ชายแก่ที่ตัวโต อายุ 60 แล้ว แต่ดูบึกบึนแข็งแรงเหมือนคนอายุ 40 สวมชุดสูทสีแดงเลือดหมู ที่อกซ้ายของเขาติดเข็มกลัดสัญลักษณ์กรงจักสีดำตัดขอบด้วยสีทอง พูดไปหัวเราะไป แต่ปรายตามองไปที่ผู้ชายอีกคนที่ยังนั่งอยู่ในรถสีดำที่จอดอยู่หน้าสุด

 

    “พวกผู้ชายนี่พูดจาอวดเบ่งใส่กันได้ตลอดเลยสินะ ว่าแต่จะไม่ลงจากรถหน่อยหรอ อุตส่าได้มาเจอกันทั้งที”ผู้หญิงหุ่นดีสวมชุดเดรสสั้นเกาะอกรัดรูปสีแดง ที่อกซ้ายติดเข็มกลัดรูปคฑาสีขาวตัดขอบด้วยสีดำ เดินตรงไปที่รถสีดำคันที่ชายแก่ปรายตามอง พูดขึ้นแล้วพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก

 

    “เป็นการรวมตัวที่คึกคักกันจังเลยนะครับ”ชายหนุ่มที่อายุสัก 19 พูดขึ้นหลังจากที่เขาบิดขี้เกียจแล้วหาวจนน้ำตาไหล เขาใส่เสื้อยืดสีขาวทับด้วยเสื้อสีฟ้าลายสัปปะรด กางเกงขาสั้นสีฟ้า และรองเท้าแตะ ที่หน้าอกซ้ายมีเข็มกลัดรูปแส้สีแดงตัดขอบด้วยสีขาวติดอยู่ แล้วมันก็ดูเหมือนจะหลุดได้ตลอดเวลาพูดขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่มีใครสนใจที่เขาพูดสักคน

 

    “จะทำอะไรก็ทำกันไปเลย ฉันแค่มาดูสถานการณ์แค่นั้น”ชายที่นั่งอยู่ในรถพูดเสียงเรียบหลังจากที่เขาลดกระจกรถลงเล็กน้อยพอที่จะให้เสียงเขาดังออกมาข้างนอก แสงไฟจากรถสาดเข้าไปให้เห็นสูทสีขาวที่เขาใส่ มีเข็มกลัดสัญลักษณ์ตรีศูลสีทองติดที่อกด้านซ้ายของเขา

 

    “เห้อยังเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อเหมือนเดิมเลยสินะนายเนี่ย”ผู้หญิงคนเดิมพูดขึ้น แล้วเดินออกจากรถที่ชายชุดสูทขาวนั่งอยู่ ตรงไปหารถตัวเองก่อนจะขึ้นไปนั่ง รถเริ่มขยับก่อนที่เธอจะลดกระจกลง แล้วชะโงกหน้าออกมา

 

    “ฉันไม่สนไอ้รอยแยกมิติอะไรนั่นหรอก ฉันแค่จะมาเจอเขาแค่นั้น”เธอหยุดพูด มองไปที่รถที่ชายชุดสูทสีขาวนั่งอยู่

 

     “มีอะไรก็ฝากเลขาฉันไว้แล้วกัน บัยส์”เธอพูดจบก็โบกมือเล็กน้อย แล้วก็กลับไปนั่งในรถ ปิดกระจกแล้วรถก็เคลื่อนที่ออกไป

 

    “ถ้าเจ๊แกไปแล้วผมก็ไม่มีธุระอะไรที่นี่แล้วเหมือนกัน ได้ดูหุ่นสะบึ้มแค่แป๊บเดียวเองน่าเสียดายจริงๆ”ชายหนุ่มเสื้อฟ้าลายสัปปะรดพูดแล้วก็กลับขึ้นรถแล้วออกรถตามไปทันที

 

    “ฮ่าๆเด็กหนุ่มสาวสมัยนี้ตรงไปตรงมาจริงๆ ฮ่าๆๆ”ชายแก่ชุดสูทสีแดงเลือดหมูมองตามรถที่เคลื่อนออกไปแล้วก็หัวเราะออกมา

 

    “แล้วนี่ตาแก่จะเอายังไง”ชายหนุ่มชุดสูทสีดำถามขึ้น

 

    “ขอเข้าไปดูหน่อยก็แล้วกันไหนๆก็มาแล้ว หรือถ้าเจ้าเกิดกลัวขึ้นมาก็รออยู่ตรงนี้แหละเดี๋ยวข้าจะลงไปคนเดียว ฮ่าๆๆๆ”เสียงหัวเราะดังยังไม่ทันจบร่างของชายแก่ก็อันตธานหายไปจากจุดที่ยืน แล้วไปโผล่ที่กลางซากปรักหักพัง พร้อมกับที่มีร่างของชายชุดสูทสีดำปรากฏข้างๆ     

 

     “รีบๆตรวจสอบให้มันจบๆ อย่ามาถ่วงแข้งถ่วงขาผมก็แล้วกันตาแก่”ชายชุดสูทสีดำพูดจบก็หายไปจากตรงนั้นทันที

 

    “เป็นหนุ่มนี่มันดีจริงๆ กระปรี้กระเปร่าได้ตลอดฮ่าๆๆ”แล้วร่างของชายแก่ก็หายไปจากซากปรักหักพังด้วยอีกคน

 

    “มีอะไรก็ไปรายงานฉันที่ห้องแล้วกัน”ชายชุดสูทสีขาวที่นั่งอยู่ในรถพูดเสียงเรียบกับลูกน้องที่นั่งอยู่ในรถกับเขา ก่อนที่ตัวเขาจะหายไปจากรถ

 

     ในบรรดาคนที่มามุงดูอยู่บริเวณถนนหน้าซากห้องวิจัย มีคนที่เคยได้เข้าไปในซากห้องวิจัยปนอยู่ด้วย นั่นก็คือ หมวดไนซ์ เขาย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้ง เขาตั้งใจว่าจะมาเก็บจินของพรรคพวกที่ตายเพราะแรงระเบิด แต่พอมาถึงก็เห็นชาวบ้านมุงดูอยู่ เลยเดินเข้าไปปะปนกับชาวบ้านเพื่อสังเกตการณ์ แล้วก็ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหน้าซากห้องวิจัยทุกอย่าง หมวดไนซ์เลยปลีกตัวออกมาแล้วเปิดระบบวงแหวนติดต่อหาผู้กองทันที

 

    “ฮัลโหล ว่าไงหมวดไนซ์ได้จินใครมั่งล่ะ”ปลายสายหรือผู้กองรับแล้วถามด้วยเสียงห้าวๆ เพราะหมวดไนซ์ได้โทรมาปรึกษาผู้กองเรื่องนี้ก่อนที่จะตัดสินใจกลับไปเอาจินที่ซากห้องวิจัย

 

    “ไม่ได้เลยครับผู้กอง”

 

    “ไม่ได้เลยหมายความว่าไง”แล้วหมวดไนซ์ก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่ตัวเองเห็นให้ผู้กองฟัง

 

    “ถ้าถึงขั้นตัวเป้งขนาดนั้นลงมาเกี่ยวด้วยก็คงไม่ใช่เรื่องที่เราจะทำอะไรได้แล้วล่ะหมวดไนซ์”ผู้กองพูดขึ้นหลังจากนั่งฟังที่หมวดไนซ์เล่าจบ

 

    “ตอนแรกเห็นแค่หัวหน้าองค์กรเนตรปรลัย กับหัวหน้าองค์กรจักรนิลกาฬ ผมก็ตกใจจะแย่อยู่แล้ว สักพักหัวหน้าองค์กรยพุเรศคฑาเดินไปที่รถอีกคันหนึ่งที่จอดอยู่ ถึงจะไม่ได้เห็นว่าเป็นใครที่อยู่ในรถ แต่ผมเดาว่านั่นน่าจะเป็นหัวหน้าองค์กรสุรารักษ์ตรีศูล เพราะอีกคนที่เดินลงจากรถคนสุดท้ายเป็นหัวหน้าองค์กรแส้อสุรา ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นถึงขนาดที่ระดับพวกเขาต้องมารวมตัวกัน แต่มันทำให้ผมตัดใจเรื่องจินของพรรคพวกที่ตายทันที”หมวดไนซ์พูดมือของเขากำแน่น เมื่อนึกถึงภาพระเบิด เขาอยากจะแข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่ต้องสูญเสียพรรคพวกไป ไหนจะเรื่องที่ผู้กองตัดสินใจรับผิดชอบด้วยการเลิกทำงานเป็นทหารรับจ้างหลังเกิดเหตุครั้งนี้อีก เขาเลยตั้งใจจะกลืนกินจินเพื่อให้ตัวเองเป็นเกริส

 

    “เอาหน่า ไม่ต้องคิดมากไม่มีใครโทษหมวดหรอก ที่ข้าตัดสินใจเลิกทำเพราะแก่แล้วอยากพักผ่อน มันก็แค่ได้จังหวะพอดีเท่านั้นเอง หมวดยังอายุน้อยยังต้องเจออะไรอีกเยอะ ค่อยๆคิดเอาว่าจะทำอะไร มีอะไรก็ติดต่อหาข้าได้ตลอด”ผู้กองพูดปลอบหลังจากได้ยินเสียงที่รู้สึกผิดหวังของหมวดไนซ์

 

    “ครับผู้กอง เดี๋ยวผมขอเข้าไปเที่ยวย้อมใจในเมืองก่อนนะครับ”พูดจบหมวดไนซ์ก็ตัดสาย

 

    “เน่ๆเมื่อกี้มีคนบ้าอยู่ที่นั่นด้วยแหละ สงสัยคุณตาเกริสกับพี่ชายเกริสมาตามจับเขามั้ง”เสียงเด็กคนที่เห็นมาร์ชพูดกับกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกัน 

 

    “จะบ้าหรอ พี่ชายเกริสไม่ได้มีหน้าที่มาจับคนบ้าซะหน่อย สงสัยมีเผ่าอสูรโหดๆมาบุกมากกว่า”เสียงเด็กอีกคนพูดเถียง

 

    “ช่ายๆถ้าเป็นเผ่าอสูรกระจอกๆไม่ต้องถึงมือคุณตากับพี่ๆหัวหน้าองค์กรเกริสหรอก”เสียงเด็กชายอีกคนสนับสนุน

 

    “นี่พ่อหนูบอกว่ามีคนบ้าอยู่ที่นั่นหรอ”หมวดไนซ์ที่ได้ยินเด็กๆพูดกันก็เกิดความสงสัยเลยเข้าไปถามเด็กๆ เด็กคนที่ได้เห็นมาร์ชเลยพยักหน้า แล้วเล่าให้หมวดไนซ์ฟัง

 

    “น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถขอดูข้อมูลความทรงจำเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีได้ เลยไม่รู้เลยว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง จะไปถามพวกผู้ใหญ่ก็จะดูน่าสงสัยเกินไป รู้แค่ว่าเขาใส่เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้นสีขาวแค่นั้นเอง แต่มาคิดๆดูแล้ว ถ้าฉันยังรู้เรื่องนี้พวกองค์กรเกริสจะไม่รู้เรื่องหรอ ป่านนี้หมอนั่นคงโดนสักองค์กรจับไปสอบสวนแล้วล่ะ”หมวดไนซ์ที่กำลังขี่พาหนะเหมือนมอเตอร์ไซต์มุ่งหน้าเข้าเมืองพูดกับตัวเอง

 

    ทางด้านมาร์ชพอเริ่มเข้าใกล้ตัวเมืองมากขึ้น ก็เริ่มมีผู้คนมากขึ้น และทุกคนที่เดินสวนกับมาร์ชล้วนแล้วแต่มองเขาจนถึงขั้นเหลียวหลังมองตาม

 

    “ตะลึงในความหล่อของเราสินะ”มาร์ชเห็นท่าทางพวกเขาที่มองมาก็อมยิ้มอย่างภูมิใจ แต่หลังๆมามาร์ชก็เริ่มยิ้มไม่ออกเพราะที่คนทั้งหลายมองเขาเป็นเพราะเหตุผลอื่นไม่ใช่เหตุผลที่แสนจะน่าภูมิใจของเขา

 

    “เธอเดินไปเร็วๆสิเดี๋ยวก็โดนมันจับเป็นตัวประกันเอาหรอก”

 

    “น่าสงสารหน้าตาก็พอไปวัดไปวา ไม่น่าเป็นบ้าเลย”

 

    “แกแล้วนั่นเขาจะเดินไปไหนต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไหมอ่ะ”

 

    “ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาหรอกแก” นั่นคือเสียงของคนที่เดินผ่านมาร์ชพูดซุบซิบกัน แต่มันก็ดังพอที่มาร์ชจะได้ยิน

 

    “สงสัยต้องทำอะไรกับเรื่องเสื้อผ้าที่ใส่ก่อน ไม่งั้นเดินไปไหนคงมีแต่คนหาว่าเราเป็นคนบ้าไม่หยุดแน่นอน”มาร์ชก้มหน้ามองชุดที่ตัวเองใส่ส่ายหัวเล็กน้อยก็เดินเข้าเมืองต่อ

 

    “อ อ เอเลี่ยน”มาร์ชที่เดินเข้ามาถึงตัวเมืองแล้ว ได้หลุดปากพูดออกมาเมื่อเห็นภาพบางอย่าง ซึ่งการหลุดปากของเขามันเสียงดังพอที่จะทำให้ผู้คนที่กำลังเดินไปมาในเมืองต้องหยุดเดินแล้วพากันมองมาที่เขาอย่างสงสัย แล้วคำซุบซิบก็เกิดขึ้นในกลุ่มผู้คนที่มองมาประเด็นหลักก็คือเขากลายเป็นคนบ้าโดยสมบูรณ์แบบไปแล้ว แต่ที่มาร์ชหลุดปากออกมาแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะมาร์ชได้เห็นมนุษย์ต่างดาวหลากหลายเผ่าพันธุ์เดินผสมปนเปกับมนุษย์ในเมือง บ้างพูดคุยกระหนุงกะหนิง บ้างเดินกอดกัน บ้างป้อนไอศกรีมกัน และอีกมากมายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จนมาร์ชเผลอหลุดปากแบบนั้นออกมา แต่ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทำคือมามุงดูมาร์ชแล้วชี้ไม้ชี้มือมาที่มาร์ช มาร์ชที่เพิ่งนึกถึงตอนไอสไตน์เล่าเรื่องจินได้ ก็รู้สึกอายที่หลุดปากออกไปแบบนั้น เลยคิดจะรีบหนีไปจากตรงนี้ แต่จู่ๆผู้คนและมนุษย์ต่างดาวที่มามุงเขาอยู่ก็แยกตัวออกจากกัน แหวกเป็นเส้นทางมาจนถึงจุดที่มาร์ชยืนอยู่ แล้วผู้ชายสองคนที่แต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำมีเข็มกลัดสัญลักษณ์ตรีศูลสีทองติดที่อกด้านซ้าย ในมือมีกระเป๋าสี่เหลี่ยมสีดำถืออยู่ เดินตรงมาหามาร์ช

 

    “คุณชื่ออะไร”1ใน2คนพูดขึ้นเมื่อมาหยุดยืนตรงหน้ามาร์ช 

 

    “เดี๋ยวก่อนสิครับ ก่อนจะถามชื่อใครคุณควรจะบอกชื่อตัวเองก่อนไหมละครับ มันเป็นมารยาทที่ควรทำนะผมว่า”มาร์ชเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม แต่ย้อนถามฝ่ายตรงข้ามด้วยการเล่นคำ แต่มาร์ชก็ตั้งเดินถอยหลังครึ่งก้าวเมื่อพูดจบ

 

    ‘ชายคนนี้รับรู้ได้ว่าฝั่งเราจะโจมตี เลยก้าวถอยหลังแบบนั้น อาจจะไม่คนธรรมดา’ชายคนที่ถามชื่อมาร์ชคิดในใจ ในขณะที่มือเขายกขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้อีกคนที่มาด้วยหยุดทำอะไรที่คิดอยู่ ก่อนที่ชายอีกคนจะพยักหน้าเล็กน้อย

 

    “ต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท ผมกิตและอีกคนกาย เป็นคนขององค์กรสุรารักษ์ตรีศูล มีอำนาจในการประเมินระดับของเกริสเพื่อจัดสรรการทำภารกิจให้ถูกตามความสามารถของระดับเกริส”ชายคนเดิมพูดอธิบาย

 

    “ผมชื่อมาร์ช แต่ผมไม่ได้เป็นเกริสนะครับ เกรงว่าจะมีการเข้าใจผิดอะไรรึเปล่า”มาร์ชตอบและยืนในท่าทางผ่อนคลายกว่าตอนแรก เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าแนะนำตัวเองและไม่ได้คิดจะโจมตีเขาแล้ว

 

    “เรื่องรายละเอียดไปคุยกันที่รถดีกว่าครับ”กิตพูด ก่อนจะเอียงตัวและผายมือกลับไปทางที่เขาเดินมา มันมีรถสีดำกระจกดำสนิทแต่ไม่ได้ดูดีเท่าคันที่เขาเห็นวิ่งในขบวนรถตำรวจก่อนหน้าจอดอยู่ แล้วมาร์ชก็เดินตามกิตและกายไปที่รถ

 

    “พวกเราตรวจพบคุณที่ซากห้องวิจัยแห่งหนึ่งหลังเกิดการระเบิด”กิตพูดพร้อมเปิดรูปที่ลอยอยู่ในอากาศให้มาร์ชดูหลังจากที่พวกเขาขึ้นมานั่งในรถแล้ว มันเป็นรูปถ่ายมุมสูงตอนที่มาร์ชยืนแอคที่ซากห้องวิจัย

 

    “อ่อพอดีผมเห็นว่าวิวมันสวย เลยไปยืนแอคทำเท่เล่นๆอ่ะครับ”มาร์ชตัดสินใจโกหกออกไปเพราะดูแล้วจะต้องตอบคำถามเยอะแยะ ถ้าเขาตอบคำถามแบบจริงๆ เขาไม่อยากเสียเวลาตรงนี้มาก อยากออกไปผจญภัยข้างนอกมากกว่า

 

    “อ่องั้นเรารบกวนขอตรวจระดับเกริสคุณหน่อยนะครับ”กิตพูดพร้อมยกกระเป๋าสีดำขึ้นมากดปุ่มบางอย่างบนกระเป๋า กระเป๋านั่นก็เปิดออก ภายในกระเป๋ามีใบไม้ที่ส่องแสงสว่างออกมาได้ 1 ใบ กับสายไฟที่โยงจากใบไม้ไปที่หน้าปัดดิจิตอล

 

    “อ่าๆคุณเปิดกระเป๋าเตรียมจะวัดให้ได้ซะขนาดนี้ ผมคงปฏิเสธคุณไม่ได้แล้วล่ะครับ ผมต้องทำยังไงมั่งว่ามาเลย”

 

    “คุณมาร์ชแค่ยื่นมือมาแตะที่ใบมะกอกจากสวนเอเดน แล้วหลับตาลงเหมือนคนทำสมาธิแค่นั้นเลยครับ”กิตอธิบาย มาร์ชก็ทำตามคำอธิบายเพราะอยากให้มันเสร็จๆไป

 

    ‘มันจะไปวัดได้ยังไงก็ฉันยังไม่ได้กินจินสักอันเลย บอกแล้วไม่ฟังอยากให้วัดก็จะวัดให้’มาร์ชคิดในใจขณะหลับตาอยู่ แต่พอลืมตาขึ้นมาก็ต้องงงที่เห็นสีหน้าของกิตและกายที่มันบ่งบอกว่าทั้งคู่กำลังตกใจอะไรบางอย่างอยู่

 

    “มีอะไรรึเปล่าครับ ถ้ามันวัดไม่ได้ก็ไม่แปลก ผมก็บอกแล้วว่าผมไม่ใช่เกริส”มาร์ชถามออกไป

 

    “ป ..ปเปล่าครับ ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ ทางเราจะแจ้งผลการวัดให้ในภายหลังนะครับ”กิตพูดแล้วรีบปิดกระเป๋าสีดำลง เขาเปิดประตูรถแล้วเดินออกมาส่งมาร์ชที่นอกรถ แล้วก็ขอตัวลาแล้วรีบกลับขึ้นรถก่อนจะออกรถไปทันที

 

    “อะไรของพวกเขาว่ะ ทำตัวแปลกๆ แต่เดี๋ยวดิฉันก็ลืมขอยืมลิดไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ใส่เลย รีบไปไหนกันแว้”มาร์ชที่ยืนเกาหัว ต้องเงยหน้ายิ้มแห้งๆให้กับผู้คนรอบตัวที่พากันมองมาที่เขาอีกครั้ง

 

     ที่ห้องของหัวหน้าองค์กรสุรารักษ์ตรีศูล ชายชุดสูทสีขาวนั่งฟังสรุปรายงานผ่านระบบวงแหวนของเขา

 

     ‘เหตุการณ์ปรากฏตัวของรอยแยกเผ่ามารและเผ่าเทพที่ซากห้องวิจัยสรุปว่า มีผลมาจากการระเบิดของทหารรับจ้างกลุ่มหนึ่งที่รับงานที่นั่นเลยทำให้มิติเกิดการปั่นป่วน จนตรวจพบรอยแยกของเผ่ามารและเผ่าเทพในช่วงเวลาสั้นๆ ส่วนบุคคลที่น่าสงสัยนั้นได้ส่งเจ้าหน้าที่องค์กรไปทำการตรวจวัดระดับเกริสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาเป็นเกริสอย่างแน่นอน และระดับพลังของเขาที่วัดได้คือ

 

      

 

1หรือเกริสที่อ่อนแอที่สุดเท่าที่เคยมีการตรวจวัดพลังเกริสมา’

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ เพียงเรียงรัก

55 ผิดคาดแฮะ นึกว่าจะวัดได้พลังเทพๆ ที่ไหนได้เครื่องทดสอบวัดได้กากสุดซะงั้น

รูปภาพของ Princeofmist88

ยังมีอะไรให้สับขาหลอกอีกเยอะครับ ฮ่าๆๆ

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.