บทที่ 6...3/3
รถทั้งคันถูกยิงจากทั่วทิศทาง แต่กระจกไม่แตก เพียงแต่มีรอยร้าว พวกมันเปลี่ยนแผนมายิงที่ถังน้ำมันของรถแทน คราวนี้บอดี้การ์ดจำต้องพาลัลนาที่ใส่เสื้อกันกระสุนแล้วออกจากรถ เกิดการยิงปะทะขึ้นทันที ลัลนาถูกดันหลังให้วิ่งไป โดยมีบอดี้การ์ดทั้งสองคนคอยคุ้มกัน แต่แล้วหนึ่งในสองบอดี้การ์ดก็ถูกยิงที่ขาจนล้มลง
“วิ่งไป อย่าหยุด มันไม่ฆ่าฉันหรอก”
ลัลนาไม่อยากเชื่อคำพูดนั้น เธอไม่อยากให้ใครต้องมาตายเพราะตัวเอง บอดี้การ์ดที่เหลืออีกคนไม่รั้งรอพาลัลนาวิ่งหนีต่อ แต่เหมือนการถูกล้อมจนต้องวิ่งไปในทิศทางที่พวกมันต้องการ
ปัง...
บอดี้การ์ดสาวล้มลงเมื่อถูกยิงที่ต้นขา ลัลนาพยายามช่วยพยุง แต่กลับถูกผลักพร้อมคำสั่งเสียงเข้มราวกับบอดี้การ์ดไม่กลัวตาย
“ไปต่อ อย่าหยุดวิ่งค่ะ ไม่ต้องห่วงฉัน ไปสิคะ”
ปัง...
เสียงปืนทำให้ลัลนามองกลับมาเพื่อที่จะพบว่าบอดี้การ์ดถูกยิงที่ไหล่อีกนัด บอดี้การ์ดฟุบลงกับพื้นทันที เธอยอมให้เกิดการตายเพราะตัวเองไม่ได้
ลัลนาละล้าละลัง แต่เมื่อคิดว่าเป้าหมายของพวกมันคือเธอ หญิงสาวก็ไม่คิดจะหนีแล้วปล่อยให้ใครมาตายเพราะตัวเอง เธอยืนนิ่งแล้วมองพวกมัน หากเธอตายใครก็ตามที่ต้องการหุ้นของลุงราเมสจะไม่ได้อะไรเลย เพราะในพินัยกรรมนอกจากการแต่งงานที่เธอจะขายหุ้นได้ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเสียชีวิต หุ้นนั้นจะกลับคืนสู่กองกลางของตระกูลไอมาลซึ่งไม่มีใครมีสิทธิ์เป็นเจ้าของ มันจะถูกโอนย้ายให้มูลนิธิต่างๆ ซึ่งลุงราเมสได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นใครก็ตามที่ต้องการตัวเธอย่อมไม่ฆ่าเธอในตอนนี้หรอก
...หวังว่าเธอจะคิดถูก แม่ขาช่วยลัลด้วยนะ
“พวกแกต้องการอะไร ปล่อยบอดี้การ์ดทั้งสองคนไป แล้วเรามาตกลงในสิ่งที่แกต้องการกัน”
ไม่มีคำตอบจากพวกมัน พวกมันปล่อยบอดี้การ์ดทั้งสองคนซึ่งถูกยิงอีกคนละนัดจนลุกขึ้นมาไม่ได้ ปืนถูกยึดไป อย่างน้อยพวกมันก็ไม่ฆ่าบอดี้การ์ดทั้งสองคน เธอหวังว่าทั้งสองคนจะมีชีวิตรอด
ตอนนี้พวกมันพุ่งเป้ามาหาลัลนาแทนย่อมแปลว่าข้อเสนอของเธอมีน้ำหนักมากพอที่จะหยุดการฆ่าได้ ทว่าสิ่งที่พวกมันทำกลับต่างออกไป ไม่ใช่การพาไปที่รถ แต่กลับโปะผ้าที่มีกลิ่นหอมเอียนๆ หญิงสาวพยายามกลั้นหายใจ แต่เพียงไม่นานร่างกายที่ต้องการอากาศก็ค่อยๆ สูดเอาสิ่งที่มาพร้อมกับผ้าผืนนั้น สติของเธอค่อยๆ เลือนราง ขาที่ยืนกำลังอ่อนยวบ แล้วไม่รู้อะไรอีกต่อไป
เธอคงไม่ตาย แต่แค่ทำให้สลบใช่ไหม ลัลนาคิดในห้วงสุดท้ายก่อนที่จะไม่รู้ว่าตัวเองถูกพาไปที่รถ แล้วเพียงไม่กี่วินาทีก็ถูกพาตัวไป
บอดี้การ์ดที่ยังพอมีสติหลงเหลือได้โทรหารามินเพื่อบอกข่าวร้าย ซึ่งยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง ก่อนที่จะสลบไปเพราะเสียเลือดไปมาก
แอนนากับมาริศมารอลัลนาที่ร้านประจำข้างมหา’ลัยที่ทั้งสามคนชอบนัดเจอกันบ่อยๆ เวลาที่งานยุ่ง แต่ยังอยากเจอเพื่อน ร้านนี้จึงเป็นความทรงจำที่ดีของเพื่อนสามคน แอนนาสั่งน้ำชาเขียวปั่นที่ลัลนาชอบไว้รอเพราะคิดว่าไม่น่าจะเกิน 15 นาทีเพื่อนคงมาถึงเพราะบ้านของลัลนาห่างจากที่นี่ไม่ถึง 15 กิโลเมตร ต่อให้รถติดก็ไม่นานไปมากกว่านี้
ทว่าหลังจากรอมาเกือบครึ่งชั่วโมง จนผ่านไปอีก 10 นาที ลัลนากลับยังมาไม่ถึงซึ่งมันแปลกอย่างไรพิกล แอนนาโทรหาลัลนา เช่นเดียวกับมาริศที่สลับกันโทรหาเพื่อน แต่ทั้งสองคนก็ได้ผลไม่ต่างกัน
“ทำไมโทรไม่ติดนะ บอกว่าจะมาป่านนี้ต้องมาถึงแล้วสิ” แอนนาชักไม่สบายใจ ยิ่งเพื่อนเล่าทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองให้ฟังก็ทำให้อดห่วงไม่ได้
“ลองโทรหาคนที่ชื่อรามินสิ ลัลนาเคยให้เบอร์ไว้ไม่ใช่หรือ เขาอาจจะรู้ก็ได้” มาริศเสนอ
“จริงด้วย”
แอนนาโทรหารามินทันที พออีกฝ่ายรับสาย แอนนาก็พูดเร็วๆ รัวๆ ด้วยภาษาอังกฤษเพราะถ้าให้พูดภาษาอาราบิก เธอคงพูดไม่ได้
“สวัสดีค่ะฉันชื่อแอนนานะคะ เป็นเพื่อนของลัลนา”
“ครับ ไม่ทราบว่าคุณแอนนาโทรหาผมทำไมหรือครับ” รามินถามเสียงเรียบดังเดิม แม้ว่าในตอนนี้รถของเขาจะแล่นเร็วกว่า 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
คนของเขาไปที่จุดเกิดเหตุแล้วและกำลังตามสัญญาณจากบางอย่างตามรายงานของบอดี้การ์ดที่ตอนนี้กำลังถูกพาตัวไปส่งโรงพยาบาล เขาไม่คิดว่าเพื่อชีวิตของบอดี้การ์ดทั้งสองคน ลัลนาจะยอมเอาตัวเองไปแลก เธอช่างน่าโมโหและน่านับถือใจในความกล้า ทั้งที่คืนนั้นกลัวจนตัวสั่น มาวันนี้กลับไปทำเรื่องที่เขาไม่คิดว่าเธอจะกล้าทำ
“คือว่าลัลโทรมาบอกว่าจะมาหาฉัน แต่ตอนนี้ยังมาไม่ถึงเลย ทั้งที่น่าจะมาถึงแล้ว ไม่ทราบว่าทางคุณรามินพอจะติดต่อลัลได้ไหมคะ”
“ตอนนี้ลัลนาไม่สะดวกรับสายครับ เอาไว้ผมจะบอกลัลนาให้ วางสายก่อนนะครับ” รามินตอบเพียงเท่านั้น เพราะเรื่องนี้คนนอกอย่ารู้เลยจะดีกว่าเพื่อความปลอดภัยของเพื่อนๆ ลัลนาเอง
แอนนามองโทรศัพท์แล้วยิ่งหัวเสียเพราะรามินวางสายไปทันที คำตอบที่ได้รับช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
มาริศถาม “ได้เรื่องไหม”
“ไม่ได้เรื่องอะไรเลย คุณรามินบอกว่าลัลนาไม่สะดวก ไม่สะดวกเพราะอะไรก็ไม่บอก เราไปแจ้งความดีไหม” แอนนามั่นใจว่าเกิดเรื่องกับลัลนาแน่ๆ รามินเองก็ใช่ว่าจะน่าไว้ใจ
“แจ้งความยังไง ลัลเพิ่งหายไปชั่วโมงเดียวเองนะ เราไปหาลัลที่บ้านกันดีกว่า” มาริศเสนอเพราะรอไปก็ร้อนใจยิ่งกว่าเดิม
“ดีเหมือนกัน แอนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจยังไงก็ไม่รู้”
มาริศรู้สึกได้เหมือนกัน แต่ตอนนี้นอกจากไปบ้านของลัลนาแล้ว พวกเขาไม่มีเบาะแสอื่นใดเลย หากไปที่บ้านลัลนาแล้วไม่เจอตัวค่อยหาทางกันต่อ เขามีเพื่อนเป็นตำรวจที่ขอให้ช่วยในบางเรื่องได้ หากขอให้เกาะรอยสัญญาณโทรศัพท์ของลัลนาก็คงไม่ยากอะไร ทั้งสองรีบเดินทางไปที่บ้านลัลนาด้วยความเป็นห่วงทันที
รามินจะไปช่วยทันมั้ย คราวนี้ของจริงไม่ติงนังนะยัยลัล นางเอกฉันบ่นแล้ว เธอจะให้ฉันอึดถึกไปถึงไหน
มี E-BOOK แล้ว โบว์ก็ยัง up นิยายต่อนะคะ คิดว่าโบว์จะลงให้อ่านถึงบทที่ 14 นะคะ อย่าว่ากันนะคะที่ลงจนจบไม่ได้
E-BOOK บ่วงรักรามินมาแล้วนะคะ ตอนนี้มีใน meb ในประเภทนิยายรักค่ะ
โบว์ทำโปรโมชั่น ลดแหลกมากจาก 259 เหลือ 149 เป็นเวลา 25 วัน ตามภาวะเศรษฐกิจเลย ไม่เคยลดตอนทำโปรโมชั่นหนังสือใหม่ขนาดนี้เลย เร่เข้ามาค่า ซื้อแล้วรบกวนจิ้มดาวให้หน่อยนะคะ วิจารณ์ได้ ถ้าชอบก็ดีใจ ถ้าไม่ชอบอย่าว่าแรงนะคะ คนเขียนหัวใจไม่แข็งแรงค่า
ส่วนเด็กดี กับ ปิ่นโต โบว์ส่งไฟล์ไปทำ E-BOOK แล้ว แต่ช่วงวันหยุดคงปิดทำการเพราะวันหยุด ถ้ามีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
บรรพตี (อัมราน)



แสดงความคิดเห็น