บทที่ 430 มุ่งหน้าสู่เผ่าสัตว์อสูร
บทที่ 430 มุ่งหน้าสู่เผ่าสัตว์อสูร
“ลู่หยาง ตอนนี้นายกำลังขาดแคลนเงินทุนอยู่ไม่ใช่เหรอ? ถ้าหากนายได้รับเงินก้อนนี้ไปนายก็จะสามารถซื้อวัตถุดิบเป็นจำนวนมาก ซึ่งมันก็จะทำให้การป้องกันป้อมปราการมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากกว่าเดิมนะ” จางหลินหู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“หากป้อมปราการยังอยู่นายก็สามารถผลิตเงินออกมาได้ตลอดเวลา แต่ถ้ากิลด์สูญเสียป้อมปราการไปแล้ว ในเวลานั้นแม้แต่บลัดบราเธอร์ก็อาจจะแตกสลายออกไปได้เลยนะ” เสินจิ่งฉวนกล่าว
ลู่หยางเผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพูดว่า
“ผมกำลังขาดแคลนเงินทุนอยู่จริง ๆ เพราะเร็ว ๆ นี้ผมจะต้องทำอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่สามารถยอมรับข้อเสนอของพวกคุณได้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เพราะว่าผมไม่สนใจข้อเสนอของพวกคุณ แต่ถ้าหากผมยอมรับข้อเสนอมันก็จะกลายเป็นว่าผมเป็นคนผิดคำพูด”
“ผิดคำพูด?” ชายชราทั้ง 3 ขมวดคิ้วขึ้นมาพร้อมกัน
“ผมเคยบอกกับแกนหลักทุกคนของกิลด์เอาไว้แล้วว่าถ้าหากพวกเขาต้องการจะซื้อหุ้นป้อมปราการที่พวกเขายึดได้ พวกเขาก็สามารถจะซื้อหุ้นได้ 50% จากราคาต้นทุน ถ้าหากผมยอมรับข้อเสนอกับพวกคุณในตอนนี้แล้วผมจะมีหน้ากลับไปเจอกับแกนหลักคนอื่น ๆ ของกิลด์ได้ยังไง” ลู่หยางกล่าว
“นี่คือการทำธุรกิจ มันไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงคำสัญญา ถ้าไม่มีเงินทุนของพวกเราบางทีนายอาจจะรักษาป้อมปราการเอาไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ” เซี่ยหย่วนชานกล่าว
คำพูดของเซี่ยหย่วนชานทำให้ลู่หยางเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างจนใจ จากนั้นเขาก็หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับเปิดอีเมลและหันหน้าจอไปทางชายชราทั้ง 3 คน
“พวกคุณลองดูอีเมลนี้ดี ๆ เมื่อเช้าก่อนที่ผมจะเดินทางมาที่นี่ลูกชายคนโตของตระกูลฉางเจียงได้ส่งอีเมลมาหาผม โดยบอกว่าเขาสนใจจะลงทุน 1,000 ล้านแลกกับหุ้นของกิลด์ 10% แล้วไม่ได้มีความเกี่ยวพันกับธุรกิจอื่น ๆ”
พวกเซี่ยหย่วนชานรีบมองไปทางโทรศัพท์ในทันที ก่อนที่พวกเขาจะเห็นอีเมลของตระกูลฉางเจียงอย่างชัดเจน
“นี่มันไม่ใช่อีเมลปลอมที่นายทำมาหลอกพวกเราใช่ไหม?” เซี่ยหย่วนชานถาม
“เมื่อเช้าหลี่ยี่ฝากบอกผ่านถูเฟิงมาว่าเขาต้องการจะคุยกับผมเป็นการส่วนตัว แต่ผมบอกให้ถูเฟิงประวิงเวลากับทางนั้นเอาไว้ก่อน เพราะผมให้เกียรติมาพูดคุยกับพวกคุณก่อน” ลู่หยางกล่าว
ทันใดนั้นสีหน้าของพวกเซี่ยหย่วนชานก็เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพราะตามมูลค่าที่อีกฝ่ายได้เสนอมา มันก็ตีราคาป้อมปราการของบลัดบราเธอร์เอาไว้สูงถึงป้อมละ 100 ล้านเครดิต แต่ราคาที่ลู่หยางเสนอให้กับพวกเขามันก็มีต้นทุนอยู่เพียงแค่ป้อมละ 10 ล้านเครดิตเท่านั้น
การลงทุนในป้อมปราการราคานี้ไม่สามารถจะหาจากที่ไหนได้อีกแล้ว แต่ถ้าหากลู่หยางตัดสินใจร่วมมือกับตระกูลฉางเจียง พวกเขาก็จะสูญเสียโอกาสในการลงทุนไปตลอดกาล
ชายชราทั้ง 3 หันมาสบตากันอีกครั้ง ก่อนที่เซี่ยหย่วนชานจะกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“เอาเป็นว่าพวกเราตกลงลงทุน 10 ล้านเพื่อซื้อหุ้น 20% ของป้อมปราการวินด์ธันเดอร์”
เสินจิ่งฉวนและจางหลินหู่ต่างก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาด้วยเช่นกัน
ลู่หยางยื่นมือออกไปจับมือกับชายชราทั้ง 3 คน ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“ผมเชื่อว่าหยู่เว่ยน่าจะบอกพวกคุณแล้วว่าหุ้นที่พวกคุณได้รับไปในคราวนี้เป็นหุ้นที่ไม่สามารถนำไปขายต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผมได้ ถ้าหากในอนาคตพวกคุณต้องการจะขายหุ้นออกไปจริง ๆ พวกคุณก็จำเป็นจะต้องขายหุ้นคืนให้กับผมในราคาตลาด ณ เวลานั้น”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา” เซี่ยหย่วนชานกล่าว
ลู่หยางพยักหน้ารับซึ่งหลังจากที่พวกเขาเซ็นสัญญากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ทำการอัปโหลดสัญญาเข้าไปภายในเกมเพื่อให้ทางระบบตรวจสอบว่าสัญญาไม่มีข้อผิดพลาด ซึ่งหลังจากที่เขาได้รับการยืนยันว่าสัญญาไม่มีปัญหา เขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“ผมยังมีธุระที่ต้องรีบกลับไปจัดการ วันนี้ผมขออนุญาตขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“พวกเราไปด้วย” เสินเมิ่งเหยากล่าวโดยมีเซี่ยหยู่เว่ยและจางจื่อโป๋พยักหน้ารับอยู่ใกล้ ๆ
—
“หัวหน้า พวกเราขอโทษแทนพ่อด้วยนะ พวกเราก็ไม่คิดเหมือนกันว่าพ่อ ๆ ของพวกเราจะยังคิดเอาเปรียบคุณอยู่แบบนั้น” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวด้วยความรู้สึกผิด
ลู่หยางมองไปยังสีหน้าที่อึดอัดใจของทั้ง 3 คน ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า
“ไม่เป็นไร การที่พ่อของพวกเธอไม่เชื่อมั่นในตัวฉันมันก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ อย่าลืมนะว่าตอนนี้พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตครั้งใหญ่จริง ๆ แต่ฉันก็เชื่อว่าถ้าหากพวกเราพยายามฝ่าฟันวิกฤตไปด้วยกัน ไม่ว่าวิกฤตจะหนักหนาแค่ไหนแต่พวกเราก็สามารถที่จะฝ่าฟันวิกฤตพวกนั้นไปด้วยกันได้”
“หัวหน้าวางใจได้เลยครับ ถึงแม้พวกเราจะต้องกลับไปยังจุดที่ไม่มีอะไรเลย แต่พวกเราก็ยังจะอยู่กับคุณ” จางจื่อโป๋กล่าว
“นายไม่จำเป็นจะต้องมองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้นหรอก ความจริงฉันไม่เคยกลัวหวังเถิงเลยแม้กระทั่งฉือมู่กับฉงป้าก็ไม่อยู่ในสายตาของฉันด้วยซ้ำ สิ่งที่ทำให้ฉันกังวลจริง ๆ คือกลุ่มทุนที่อยู่ทางฝั่งของเผ่าสัตว์อสูรต่างหาก” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำตอบของลู่หยางทำให้เซี่ยหยู่เว่ยสับสนไปเล็กน้อย เพราะพวกเธอพูดคุยกันเรื่องสถานการณ์ของทางฝั่งเผ่ามนุษย์ แต่ลู่หยางกลับพูดถึงสถานการณ์ของทางฝั่งเผ่าสัตว์อสูรขึ้นมาเฉย ๆ
“ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม
“ทางเผ่าสัตว์อสูรมีกลุ่มทุนเข้ามาลงทุนทั้งหมด 22 บริษัท ตอนนี้พวกเขายังไม่ค่อยเข้าใจเกมนี้มากนักและกำลังต่อสู้กันเองอยู่ อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามีความเข้าใจเกมนี้มากขึ้น พวกเขาก็จะรู้ว่าตัวเองไม่จำเป็นจะต้องลงทุนเพียงแต่ทางฝั่งเผ่าอสูรเท่านั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาเริ่มลงทุนในทั้ง 3 เผ่าพร้อม ๆ กัน ในเวลานั้นพวกเราก็จะกลายเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ” ลู่หยางกล่าว
ในเมืองเซนต์กอลล์มีกิลด์ขนาดใหญ่อยู่มากกว่า 20 กิลด์และถ้าหากว่ากิลด์ไหนได้รับแหล่งเงินทุนขนาดใหญ่ขึ้นมา พวกเขาก็สามารถจะพัฒนากลายเป็นกิลด์ชั้นยอดได้อย่างรวดเร็ว
“ผมมองข้ามเรื่องนี้ไปเลย ถ้าหากว่ามีกลุ่มทุนสัก 5 บริษัทเข้ามาลงทุนทางฝั่งมนุษย์เพิ่มจริง ๆ ในเวลานั้นพวกเราก็คงจะลำบากกว่าในตอนนี้มาก” จางจื่อโป๋กล่าว
“พวกเราพอจะมีวิธีเตรียมพร้อมรับมือพวกเขาไหมคะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม
“ฉันเตรียมพร้อมทุกอย่างเอาไว้แล้วพวกเธอรอดูก็แล้วกัน ฉันรับรองว่ามันเป็นสิ่งที่พวกเธอคิดไม่ถึงแน่นอน” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างลึกลับ
“นายแอบกระซิบบอกพวกเราก่อนไม่ได้เหรอ?” เจียงเจ๋อถามด้วยความอยากรู้
“รอให้ฉันเจรจาเสร็จเรียบร้อยก่อน ถ้าหากฉันพูดไปตอนนี้แล้วการเจรจาล้มเหลวมันก็เท่ากับฉันพูดจาไปเรื่อยไม่ใช่เหรอ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั่นเอง มู่ยี่ก็ติดต่อมาหาลู่หยาง
“สกายวูฟบอกว่าเขาอยากคุยกับพี่เดี๋ยวนี้เลย ผมควรจะตอบเขากลับไปว่ายังไงดี?”
“บอกเขาว่าเที่ยงตรงพวกเราจะเจรจากันที่ร้านขายยาของนาย เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับเขาด้วยตัวเอง” ลู่หยางกล่าว
“ได้ครับ” มู่ยี่ตอบรับก่อนจะวางสายไป
“สำเร็จแล้วใช่ไหม?” เจียงเจ๋อถาม
ลู่หยางตอบกลับด้วยรอยยิ้มแต่ไม่ยอมพูดอะไรกลับไปเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งมันก็ทำให้เจียงเจ๋อหงุดหงิดมากพอสมควร
หลังจากกลับมาถึงเวิร์กช็อป ลู่หยางก็พาเซี่ยหยู่เว่ยกับเสินเมิ่งเหยาไปที่ห้องของฮั่นอิ่งและพาเจียงเจ๋อกับจางจื่อโป๋มาเข้าเกมที่ห้องของเขา
ทันทีที่ปรากฏตัวภายในเกม ลู่หยางก็โดยสารเรือเหาะของเผ่าก็อบลินเพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองหลวงของเผ่าหมาป่า
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” ลู่หยางถามฮั่นชาในระหว่างที่เขากำลังเดินทาง
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะลงมือรุนแรงกันไปหน่อยครับ ตอนนี้ลูกน้องของฉือมู่ไม่กล้าออกมาจากป้อมปราการเลย” ฮั่นชากล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาเกาหัว
“พวกนายฆ่าพวกเขาไปแล้วกี่คน?” ลู่หยางถามด้วยความประหลาดใจ
“ตั้งแต่ 8:00 น. ถึง 11:00 น. พวกเราฆ่าพวกเขาไปแล้วประมาณ 2,000 กว่าคนเฉลี่ยแล้วพวกเราแต่ละคนฆ่าพวกเขาไปได้คนละประมาณ 200 กว่าคนครับ” ฮั่นชาตอบ
“แสดงว่าพวกนายฆ่าพวกเขาทุกนาทีเลยสินะ” ลู่หยางกล่าวหลังจากคำนวณเวลาภายในใจ
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแต่พวกเรามีสกิลบลิ้คสไตรค์ที่สามารถเคลื่อนที่ไปด้านหลังของศัตรูและโจมตีได้ในทันที สกิลนี้มีคูลดาวน์อยู่ที่ 8 วินาทีและสามารถเก็บสะสมการใช้งานได้ 5 ครั้ง เมื่อมีสกิลนี้อยู่การฆ่าคนก็เป็นไปได้ง่ายมาก ๆ เลยครับ ตราบใดก็ตามที่พวกเขาไม่ระวังตัวพวกเราก็สามารถจัดการกับพวกเขาได้ตลอดเลย”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 143
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น