บทที่ 401 สายเกินไปแล้ว
บทที่ 401 สายเกินไปแล้ว
เมื่อได้เห็นสถานการณ์ของฉงป้า ฉือมู่ก็รีบส่งคำเชิญไปยังหัวหน้ากิลด์ต่าง ๆ ให้ทุกคนเข้ามาประชุมในพื้นที่พิเศษ
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานไฟร์ไลท์, จื่อเวยซิงเฉิน,เหลยหลง, เฉียนเฉียนซือหยู, เหิงเจียและไอซ์มิสท์เธาซั่น ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้ากิลด์พันธมิตรทั้ง 6 กิลด์ก็ทยอยเข้ามาในพื้นที่พิเศษกันอย่างครบถ้วน
“สถานการณ์ทางฝั่งฉงป้าเป็นยังไงบ้าง?” เหลยหลงถาม
ฉือมู่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียด ก่อนที่เขาจะพูดต่อขึ้นมาว่า
“คราวนี้พวกเราจำเป็นจะต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่ เพราะถ้าหากฉงป้าพ่ายแพ้เป้าหมายต่อไปย่อมจะต้องเป็นพวกเราอย่างแน่นอน”
หัวหน้ากิลด์พันธมิตรทุกคนต่างก็เข้าใจความอันตรายของสถานการณ์ครั้งนี้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อหวังเถิงประกาศสงครามกับพันธมิตรของพวกเขา มันก็หมายถึงอีกฝ่ายต้องการจะทำลายพวกเขาให้สิ้นซาก
“คุณแน่ใจใช่ไหมว่าฝ่ายตรงข้ามมีผู้เล่นชุดทอง 80,000 คน?” ไอซ์มิสท์เธาซั่น หัวหน้ากิลด์แฟนท่อมสโนว์ถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริง การที่พวกเรายกทัพไปมันก็ไม่ต่างไปจากการพยายามฆ่าตัวตายเลย” ไฟร์ไลท์ หัวหน้ากิลด์ออเรนจ์อะเลิร์ทกล่าว
“ความจริงกองกำลังผู้เล่นชุดทองของพวกเขาน่าจะไม่ถึง 80,000 คนหรอก เท่าที่ฉันเห็นจากการถ่ายทอดสดน่าจะมีอยู่ประมาณ 40,000-50,000 คนได้ อย่างไรก็ตามป้อมปราการของฉงป้าก็มีปืนใหญ่ 4 กระบอก, หอธนู 1,000 หอและกองกำลังนักเวทน้ำแข็งคอยป้องกันอยู่ ตราบใดก็ตามที่พวกเราส่งกำลังเสริมไปเพิ่ม ฉันก็มั่นใจว่าเราจะสามารถรักษาป้อมปราการเอาไว้ได้อย่างแน่นอน” ฉือมู่กล่าว
ไฟร์ไลท์กับจื่อเวยซิงเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะกิลด์ของพวกเขาทั้งสองอยู่ในเมืองเซนต์กอลล์ และในฐานะของพันธมิตรพวกเขาย่อมจะต้องเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“กองกำลังของผมพร้อมแล้ว พวกเราสามารถเข้าสู่สนามรบได้ทุกเมื่อ” ไฟร์ไลท์กล่าว
“ของผมก็เหมือนกัน” จื่อเวยซิงเฉิน
ทั้ง 2 กิลด์นี้เป็นกิลด์ขนาดกลางที่มีสมาชิกอยู่ประมาณ 60,000 คน แม้จำนวนของสมาชิกที่สามารถเข้าร่วมรบได้จริง ๆ จะอยู่ที่ประมาณกิลด์ละ 30,000 คน แต่แค่นั้นมันก็ทำให้ฉือมู่รู้สึกโล่งใจไปได้มากแล้ว
“ขอบคุณพวกคุณทั้งสองคนมาก หลังจากนี้ฉงป้าจะต้องไม่ลืมบุญคุณที่พวกคุณหยิบยื่นความช่วยเหลือให้อย่างแน่นอน” ฉือมู่กล่าวก่อนที่เขาจะเปิดแผนที่ 3 มิติและชี้นิ้วไปยังภูเขาเกอร์และซากเมืองโบราณ ซึ่งเป็นแผนที่ที่อยู่ขนาบข้างป้อมปราการแบล็คร็อค
“หลังจากนี้ขอให้จื่อเวยพาวิเลี่ยนนำกองกำลังไปทางภูเขาเกอร์ ขณะที่ออเรนจ์อะเลิร์ทยกกองกำลังไปทางซากเมืองโบราณ พวกคุณจะทำหน้าที่ยกกองกำลังไปโอบล้อมก่อนที่จะทำการโจมตีกองกำลังของบลัดเติสตี้จากทั้งสองด้าน”
“ไว้ใจพวกเราได้เลย” หัวหน้ากิลด์ทั้งสองคนพยักหน้ารับก่อนที่พวกเขาจะออกไปจากพื้นที่พิเศษ
หลังจากทั้งสองคนได้จากไปแล้ว ฉือมู่ก็หันไปพูดกับเหลยหลงและหัวหน้ากิลด์คนอื่น ๆ ว่า
“ฉันขอให้พวกคุณทั้ง 4 คนส่งคนมาช่วยเท่าที่จะช่วยได้ ฉงป้าได้บอกมาแล้วว่าเขายินดีจะออกค่าเดินทางให้กับกองกำลังของพวกคุณทั้งหมด”
เหลยหลงกับเฉียนเฉียนหันมามองหน้ากัน ก่อนที่เหลยหลงจะพูดออกไปด้วยความลำบากใจ
“ผมคงส่งกองกำลังไปช่วยได้ไม่มากนัก อย่างมากที่สุดผมก็สามารถส่งทีมนักเวทไปช่วยได้ 100 คนเท่านั้น”
“ทางฝั่งฉันก็เหมือนกัน” เฉียนเฉียนกล่าว
ฉือมู่ชะงักค้างไป ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามเอาไปว่า
“พวกคุณสองคนหมายความว่ายังไง? ถ้าฉันจำไม่ผิดในกิลด์ของพวกคุณมีนักเวทระดับสูงที่เรียนรู้เวทมนตร์กึ่งต้องห้ามอยู่กิลด์ละ 10 คนนี่ ทำไมพวกคุณถึงไม่ส่งพวกเขามาช่วยฉงป้าในตอนนี้ล่ะ?”
“กองกำลังของบลูคริสตัลอยู่ห่างจากป้อมของฉันไปเพียงแค่ไม่ไกล ถึงแม้โดยรวมเจตนาของหวังเถิงจะมุ่งไปที่ฉงป้าก็ตาม แต่ถ้าหากฉันส่งนักเวทต้องห้ามทั้งหมดไปแล้วบลูคริสตัลบุกโจมตีป้อมปราการของฉันล่ะ ในตอนนั้นมันก็จะทำให้สถานการณ์ทางฝั่งของฉันแย่ได้เหมือนกัน” เฉียนเฉียนกล่าว
“ป้อมปราการของพวกเราไม่ได้ซื้อปืนใหญ่เวทมนตร์เอาไว้เหมือนกับป้อมปราการของฉงป้า นักเวทต้องห้ามเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นกองกำลังหลักในการรักษาป้อมปราการของพวกเรา ดังนั้นพวกเราต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่คราวนี้พวกเราคงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก” เหลยหลงกล่าว
ฉือมู่อยากจะโต้แย้งแต่เขาก็ไม่สามารถหาคำพูดใด ๆ ออกมาโต้แย้งได้ ท้ายที่สุดสถานการณ์ในตอนนี้มันก็วุ่นวายไปจนหมดแล้วและด้วยกองกำลังที่หวังเถิงได้ครอบครอง เขาก็สามารถที่จะเปลี่ยนเป้าหมายหลักในการโจมตีได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สามารถตำหนิการตัดสินใจของเหลยหลงและเฉียนเฉียนได้
“ฉันเข้าใจแล้ว เอาเป็นว่าพวกคุณส่งกองกำลังมาเท่าที่พวกคุณสบายใจก็แล้วกัน” ฉือมู่กล่าว
เหลยหลงกับเฉียนเฉียนพยักหน้า ก่อนที่ทั้งสองจะออกจากพื้นที่พิเศษไป
ด้วยเหตุนี้ในพื้นที่พิเศษจึงเหลือเพียงแค่ไอซ์มิสท์เธาซั่นและเหิงเจียเท่านั้น แต่กองกำลังของทั้งคู่ก็มีความแข็งแกร่งพอ ๆ กันกับกองกำลังของจื่อเวยพาวิเลี่ยน และแน่นอนว่าในสถานการณ์ปัจจุบันทั้งสองคนก็ตัดสินใจส่งกองกำลังนักเวทมารวมกันเพียงแค่ 300 คน
“หวังว่าคราวนี้พวกเราคงจะต้านพวกมันเอาไว้ได้นะ” ฉือมู่พึมพำกับตัวเองเบา ๆ หลังจากที่ทุกคนออกจากพื้นที่พิเศษไปหมดแล้ว
“หัวหน้า พวกเราควรติดต่อไปหาลู่หยางดีไหมครับ? คราวนี้พวกเราตกหลุมพรางหวังเถิงเข้าจริง ๆ และด้วยกำลังของพวกเราในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าพวกเราไม่มีทางต่อต้านกองกำลังของศัตรูได้เลย หากเราได้กองกำลังของลู่หยางมาช่วยพวกเราก็น่าจะต่อต้านบลัดเติสตี้ได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น” ชิงเฟิงพยายามกล่าวแนะนำ
ฉือมู่เผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างจนปัญญา ก่อนที่เขาจะพูดว่า
“หวังเถิงเพิ่งจะโพสต์กลยุทธ์ที่เขาใช้ในการวางแผนครั้งนี้ ซึ่งมันก็มีทั้งเรื่องที่เขายุยงความสัมพันธ์ของพวกเรากับลู่หยางให้แตกสลาย และยังเปิดโปงเรื่องที่ฉันคุยกับฉงป้าเรื่องที่จะแบ่งส่วนแบ่งป้อมปราการคริมสันของเขาด้วย แล้วนายคิดว่าลู่หยางยังจะเต็มใจหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้กับพวกเราอีกไหม?”
ชิงเฟิงยืนนิ่งตกตะลึงอยู่กับที่ เพราะด้วยสิ่งที่หวังเถิงได้เปิดโปงออกมาขอแค่กองกำลังของลู่หยางไม่โจมตีซ้ำเติมพวกเขาแค่นั้นก็ถือว่าลู่หยางใจดีกับพวกเขามากแล้ว
—
ป้อมปราการคริมสัน
หลังจากที่ลู่หยางเก็บเลเวลได้จนถึง 48 เขาก็ถูกพวกถูเฟิงลากกลับมายังห้องประชุมของป้อมปราการ
“พวกนายคิดจะทำอะไรกันเหรอ?” ลู่หยางถามด้วยรอยยิ้มเมื่อได้เห็นว่าแกนหลักของกิลด์ได้มารวมตัวกันครบ
“หัวหน้าข้างนอกนั่นกำลังทำสงครามกันจนแผ่นดินจะลุกเป็นไฟแล้ว ทำไมคุณถึงยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยล่ะครับ?” ไป๋ฉือถาม
สงครามเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนเที่ยงพวกเขาจึงรอคำสั่งเรียกตัวจากลู่หยางอย่างตื่นเต้น อย่างไรก็ตามในตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยผ่านมานานหลายชั่วโมงแล้ว แต่ลู่หยางก็ยังคงเก็บเลเวลอยู่อย่างสบายใจ
ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องลากตัวลู่หยางกลับมาจากการเก็บเลเวล
“แล้วพวกนายอยากจะให้ฉันทำอะไรล่ะ?” ลู่หยางถามด้วยรอยยิ้ม
“ถึงแม้ฉงป้ากับฉือมู่จะไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ แต่ถ้าหากเราปล่อยให้บลัดเติสตี้ยึดป้อมแบล็คร็อคได้สำเร็จ ในเวลานั้นมันก็จะทำให้พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบได้นะครับ” ฉิงชางกล่าว
ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“จะทำอะไรตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว ไม่ว่าใครจะทำอะไรมันก็ไม่มีทางหยุดความพ่ายแพ้ของฉงป้าไปได้หรอก” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ทำไมล่ะคะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถามพร้อมกับมองไปทางลู่หยางด้วยความประหลาดใจ
“ฉันเพิ่งได้รับข่าวมาว่าครั้งนี้บลัดเติสตี้มีกองกำลังผู้เล่นชุดทองถึง 50,000 คน ขณะที่พวกเรามีกองกำลังผู้เล่นชุดทองแค่ 20,000 กว่าคน การพยายามยกกองกำลังไปรบในที่โล่งก็ไม่ต่างไปจากการนำคนของเราไปตาย”
“อีกอย่างเมื่อเช้านี้โซลออฟอีเทอนิตี้ก็แอบส่งกองกำลังผู้เล่น 50,000 คนเข้าไปในเมืองเซนต์กอลล์ หากฉันเดาไม่ผิดตอนนี้พวกมันน่าจะซุ่มอยู่ในซากเมืองโบราณหรือไม่ก็ภูเขาเกอร์อย่างแน่นอน” ลู่หยางกล่าว
ข่าวนี้เป็นข่าวที่โจวเทียนหมิงรายงานให้เขาทราบด้วยตัวเอง ซึ่งหลังจากที่ลู่หยางพิจารณาสถานการณ์ทุกอย่างแล้วเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าศึกของฉงป้าในครั้งนี้มันย่อมจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฉงป้าอย่างแน่นอน
เมื่อได้รับข่าวพวกฉิงชางต่างก็สูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่
“แบบนี้กำลังเสริมที่พวกฉือมู่ส่งไปช่วยก็คงจะตายไปด้วยกันหมดสินะครับ” บิทเทอร์เลิฟกล่าว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 196
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น