บทที่ 472: ยังกล้าบอกอีกหรือว่ายังไม่มีคนที่ชอบ
“ท่านแม่…” เมื่อมู่ไป๋ไป่เห็นสีหน้ามุ่งมั่นของผู้เป็นแม่ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
“เมื่อก่อนแม่ผิดเอง” ดวงตาของซูหว่านเองก็แดงขึ้นเช่นกัน พร้อมกับที่นางเอื้อมมือมาสัมผัสศีรษะของลูกสาวด้วยความรัก “ตอนนั้นแม่คิดว่าขอเพียงแม่ไม่ต่อสู้หรือแข่งขันกับใคร แม่ก็จะสามารถปกป้องเจ้าได้”
ตอนนี้นางรู้แล้วว่าความคิดของนางนั้นช่างไร้เดียงสามากเพียงใด
ที่นี่คือวังหลวง ถ้าไม่สู้ก็จะถูกกลืนกิน
“ท่านแม่ ท่านอย่ากังวลไปเลย” มู่ไป๋ไป่ขยี้ปลายจมูกตัวเอง ตอนนี้เธอรู้สึกผสมปนเประหว่างอบอุ่นใจและขมขื่น “ท่านพ่อเองก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ข้าแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับหนานซวน ท่านพ่อสัญญาเอาไว้แล้วว่าเราจะพูดคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งหลังประชุม”
เธอมีความสุขที่ซูหว่านเปลี่ยนกลายเป็นคนที่กล้าต่อสู้เพื่อตัวเองมากขึ้น อย่างน้อยการอาศัยอยู่ในวังหลวงแห่งนี้นางก็จะไม่ถูกคนที่มีเจตนาร้ายกลั่นแกล้งอีก
แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกเสียใจกับการเปลี่ยนแปลงของผู้เป็นแม่ด้วยเช่นกัน
หญิงสาวรู้จักซูหว่านดี คนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีไม่เคยคิดร้ายต่อใครเช่นนางไม่เหมาะที่จะอยู่ในวังหลวงซึ่งเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมพร้อมที่จะถูกแทงข้างหลังได้ทุกเมื่อ
“จริงหรือ?” ซูหว่านโล่งใจทันทีที่ได้ยินลูกสาวพูดเช่นนั้น ในที่สุดนางก็เผยรอยยิ้มออกมาได้สักที แต่ชั่วอึดใจต่อมา นางก็ขมวดคิ้วพูดว่า “แต่ตราบใดที่ทูตหนานซวนยังไม่ออกจากเป่ยหลง เราก็ไม่อาจวางใจได้”
“ไม่สิ… หากเจ้าไม่จัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาด คนของหนานซวนก็ยังคงมีโอกาสได้ทุกเมื่อ”
มู่ไป๋ไป่ที่ได้ยินดังนั้นก็กะพริบตาปริบ ๆ เธอเดาได้คร่าว ๆ ว่าท่านแม่กำลังจะพูดเรื่องอะไร
แล้วก็เป็นไปตามที่เธอคาด ต่อมาซูหว่านคว้ามือเธอไปจับและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ไป๋ไป่ หลายปีมานี้เจ้ามีคนที่รู้สึกชอบพออยู่นอกวังหลวงบ้างหรือไม่?”
“พรูดดดด!” เซียวถังถังที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พ่นชาร้อนออกมาทันทีที่ได้ยินดังนั้น “ท่านน้าหว่าน ท่านคิดจะทำอะไรหรือ?”
“หรือว่าท่านคิดอยากจะให้ไป๋ไป่แต่งงานก่อนที่หนานซวนจะบรรลุข้อตกลง?”
“แง้ววว! เซียวถังถัง! ถ้าเจ้าอยากจะพ่นชาเล่นก็พ่นไปเถอะ แต่ทำไมต้องมาพ่นใส่หน้าข้าด้วย!” เจ้าส้มส่งเสียงร้องโวยวายพร้อมกับกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะขณะที่ใบหน้าชุ่มไปด้วยน้ำชา จากนั้นมันก็แยกเขี้ยวกางกรงเล็บใส่หญิงสาว
ทว่าเซียวถังถังไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้ นางจับจ้องไปที่หว่านเฟยด้วยความกังวลราวกับว่านางกลัวว่าอีกฝ่ายจะพยักหน้าแล้วบอกว่าใช่
“ข้าเองก็ไม่อยากให้ไป๋ไป่แต่งงานเร็วเกินไป” ซูหว่านเม้มปากก่อนจะถอนหายใจอย่างจนใจ “แต่ข้าไม่อยากให้นางถูกเหล่าขุนนางในท้องพระโรงยกการแต่งงานของนางมาเป็นเครื่องมือในการสั่งสมอำนาจของตน”
นับตั้งแต่สมัยโบราณ ‘การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์’ ถือเป็นชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ขององค์หญิง
นางไม่ต้องการให้มู่ไป๋ไป่ต้องเข้าไปพัวพันกับชะตากรรมเช่นนี้
“ไป๋ไป่” หว่านเฟยเรียกลูกสาวของตนพร้อมกับยิ้มอ่อนโยน “ถ้าเจ้ามีใครในใจก็บอกแม่ได้เลย แม่ไม่สนใจว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร ขอเพียงแค่เขาเป็นคนดี แม่ก็ยินดีที่จะให้เจ้ากับเขาอยู่เคียงคู่ดูแลกันไปตลอดชีวิต”
“แม่จะทำให้เจ้ากับเขามีความสุขที่สุดแม้ว่าต้องใช้ชีวิตของตัวเองแลกมาก็ตาม”
มู่ไป๋ไป่ตกตะลึงกับคำพูดของผู้เป็นแม่ ในขณะเดียวกันก็มีเงาราง ๆ ของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นในใจของเธอโดยไม่รู้ตัว
“โธ่ ท่านน้าหว่าน ท่านอย่าได้ใจร้อนแบบนั้นสิ” เซียวถังถังขยี้หัวด้วยท่าทางกระวนกระวาย “ไป๋ไป่ร่ำเรียนวิชาแพทย์อยู่ที่หุบเขาหมอเทวดาตั้งแต่ยังเล็ก นางยุ่งจนไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ หรอกเพคะ”
ในใจของหญิงสาวยังแอบหวังว่ามู่ไป๋ไป่จะมาเป็นพี่สะใภ้ของตน!
“เป็นเช่นนั้นหรือ?” ซูหว่านขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ข้าจะสั่งให้คนไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับชายหนุ่มที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในเมืองหลวงมาให้ ถ้าไป๋ไป่ยินดี เจ้าก็เลือกใครสักคนในนั้น”
มู่ไป๋ไป่ตกใจและกำลังจะปฏิเสธ แต่เซียวถังถังที่นั่งอยู่ด้านข้างกลับโพล่งขึ้นมาว่า “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ท่านน้าหว่าน ท่านอยากให้ไป๋ไป่แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นหรือ แล้วแบบนี้จะแตกต่างไปจากการที่นางต้องแต่งงานไปหนานซวนอย่างไร?”
“การแต่งงานเป็นความสุขตลอดชีวิต ไป๋ไป่จะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับคนผู้นั้น เรื่องสำคัญเช่นนี้เราจะต้องเลือกคนที่เรารู้จักดี!”
ซูหว่านกะพริบตามองเซียวถังถังอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยปากว่า “จากสิ่งที่ท่านหญิงกล่าวมา ดูเหมือนว่าท่านมีคนที่เหมาะสมที่จะแนะนำใช่หรือไม่?”
มู่ไป๋ไป่พลันเบิกตากว้าง เธอคาดเดาได้ทันทีว่าเจ้าศิษย์น้องจอมวุ่นวายคนนี้กำลังจะพูดถึงใคร
“ฮ่า ๆๆ จริง ๆ แล้วข้ามีคนที่เหมาะสมคนหนึ่ง” เซียวถังถังหัวเราะร่า จากนั้นนางก็เอามือไพล่หลังและยืดอกพูดว่า “สำหรับคนผู้นี้ ข้าเฝ้าดูเขาเติบโตขึ้นมา”
“ถึงแม้ว่านิสัยของเขาจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่เขาก็เป็นคนมีความรับผิดชอบและเชื่อถือได้มากที่สุด แถมวรยุทธของเขาก็สูงส่งมากเช่นกัน พื้นเพของตระกูลก็ร่ำรวย”
“โดยรวมแล้วแม้ว่าเขาจะไม่คู่ควรกับไป๋ไป่ แต่เขาก็ยังเป็นคนดีคนหนึ่ง”
“จริงหรือ?” ซูหว่านเริ่มสนใจอยากจะรู้จักผู้ชายคนนี้ขึ้นมาทันที “ในเมื่อท่านหญิงรู้จักเขาเป็นอย่างดี คุณสมบัติของเขาจะต้องเหมาะสมกับไป๋ไป่อย่างแน่นอน”
“คนที่ท่านพูดถึงอยู่ในเมืองหลวงหรือไม่? ถ้าสะดวกขอท่านหญิงช่วยเป็นแม่สื่อให้คุณชายกับไป๋ไป่ได้พบปะกันสักครั้ง”
“ท่านไม่ต้องกังวล” เซียวถังถังปัดมือเบา ๆ อย่างสบายอารมณ์ “ข้าสามารถเรียกเขามาได้ทุกเมื่อ”
ฝ่ายที่ได้ยินตกตะลึงไปชั่วขณะ “คนผู้นั้นก็อยู่ในวังหลวงด้วยหรือ?”
“ใช่!” เซียวถังถังพยักหน้าด้วยรอยยิ้มสดใส “เขาเพิ่งมาหาไป๋— อื้อออ!”
มู่ไป๋ไป่รีบพุ่งไปปิดปากศิษย์น้องแทบไม่ทัน พร้อมกับที่แก้มขาวนวลมีรอยแดงแต่งแต้ม “เจ้านี่มันพูดมากจริง ๆ เลย!”
“ท่านแม่ ท่านอย่าไปฟังนางพูดเหลวไหลเลยเพคะ นางแค่แกล้งท่านเล่นเท่านั้น” หญิงสาวหัวเราะแห้ง ๆ ให้ซูหว่านที่กำลังตกตะลึง “ข้าว่ามันเร็วเกินไปที่ข้าจะแต่งงานตอนนี้ ข้ายังพอมีทางแก้ไขปัญหานี้ได้อยู่ ท่านไม่ต้องกังวล”
“ถังถังกับข้ายังมีธุระต้องไปทำอีก เช่นนั้นเราขอตัวกลับห้องกันก่อน ท่านเองก็ควรเข้านอนแต่หัวค่ำนะเพคะ”
หลังจากพูดจบเธอก็ลากตัวเซียวถังถังออกไปโดยไม่รอให้ผู้เป็นแม่ตอบกลับ
ทางด้านหว่านเฟยจ้องแผ่นหลังของหญิงสาวทั้ง 2 ที่หายตัวออกจากเรือนไปอย่างเหม่อลอย หลังจากผ่านไปนาน นางก็เผยรอยยิ้มโล่งใจ “เจ้ายังกล้าบอกอีกหรือว่ายังไม่มีคนที่ชอบ…”
…
มู่ไป๋ไป่ดึงศิษย์น้องจอมป่วนกลับมาที่เรือนของตัวเองก่อนจะยอมปล่อยมือ “เซียวถังถัง เจ้าอยากโดนลงโทษหรืออย่างไร?”
“หืม?” ดวงตาสำนึกผิดของเซียวถังถังกวาดมองไปรอบ ๆ ขณะที่นางพูดว่า “ท่านหมายความว่าอย่างไร ข้าไม่เข้าใจ”
“ไป๋ไป่ สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดกับท่านน้าหว่านไปเมื่อกี้นั้นข้าจริงจัง คนที่ข้าแนะนำให้ท่านเป็นคนดีจริง ๆ”
“ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของเขาก็คือ เขาอายุมากกว่าท่าน…”
มู่ไป๋ไป่ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี “เซียวถังถัง อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงใคร มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะแต่งงานกัน”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?” เซียวถังถังเปลี่ยนมาทำหน้าจริงจัง “ไป๋ไป่ ท่านไม่ควรเอาความคิดของคนอื่นมาตัดสินในเรื่องนี้ พี่ชายของข้ากับท่านเป็นคู่รักสมัยเด็กใช่หรือไม่? พวกท่านทั้ง 2 เคยช่วยชีวิตกันและกัน ด้วยฐานะและตำแหน่งของท่านทั้ง 2 ก็เข้ากันได้ดี”
“ด้วยเงื่อนไขที่ดีเช่นนี้ มองอย่างไรพวกท่านก็เป็นคู่ที่สวรรค์สรรสร้างมา”
“มันไม่ใช่แบบนั้น” มู่ไป๋ไป่อยากจะโต้แย้ง แต่เธอก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นมีเหตุผลอยู่บ้าง
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เธอรู้ว่าเซียวถังอี้นั้นอยู่ในใจเธอเช่นกัน
หญิงสาวไม่รู้ว่าคนผู้นี้เข้ามาแอบซ่อนอยู่ในใจเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ พอเธอรู้ตัวอีกที มันก็สายเกินไปเสียแล้วที่จะสลัดเขาออกไปจากใจ
ถึงกระนั้น เธอสนใจเขาแล้วอย่างไร? เซียวถังอี้ก็ยังคงทำเหมือนเธอเป็นน้องสาวของตัวเองอยู่ดี
มิฉะนั้นแล้ว… เหตุใดเขาจึงไม่อยากยอมรับกับเธอว่าตนเองก็คือจวงอี้หราน?
พอมู่ไป๋ไป่คิดถึงเรื่องนี้ เธอก็อยากจะถอนหายใจดัง ๆ สักที
“ถังถัง การแต่งงานต้องอาศัยความรู้สึก”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 130
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น