บทที่ 463: ทำไมเจ้าไม่คิดถึงตัวเองบ้างล่ะ?
เมื่อมู่ไป๋ไป่ได้ยินเซียวถังอี้พูดเช่นนี้ เธอก็รู้สึกพอใจมากขึ้น
หลังจากที่ทั้งคู่กินเกี๊ยวเสร็จ ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว ซึ่งยามนี้จะเห็นรถม้าของเหล่าขุนนางเรียงรายบนท้องถนน
หญิงสาวกลัวว่าจะมีคนจำตนได้ เธอจึงรีบหยิบผ้าคลุมที่เธอเคยใช้ตอนที่ไปตำหนักตี้เฉินเมื่อคืนมาสวมปิดบังใบหน้าไว้
“ท่านไม่คิดจะปิดบังตัวเองบ้างหรือ?” ขณะที่มู่ไป๋ไป่กำลังถูกผ้าคลุมหน้า เธอก็สังเกตเห็นว่าร่างสูงที่อยู่ตรงข้ามกำลังเดินผ่านรถม้าของขุนนางราวกับว่าเขาไม่เห็นมัน
“ไม่จำเป็น” เซียวถังอี้หัวเราะเยาะ “ขุนนางพวกนี้ยื่นฎีการ้องเรียนข้ามากมายทุกปี จะมีเพิ่มอีกสักเรื่องหนึ่งมันก็ไม่สำคัญอะไร”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งชายหนุ่มเป็นที่สรรเสริญในหมู่ชาวประชามากขึ้นเท่าไหร่ สถานการณ์ของเขาภายในท้องพระโรงก็ยิ่งยากลำบากมากขึ้นเท่านั้น
ทุกปีขุนนางหลายคนจะยื่นฎีกาถึงฝ่าบาทโดยกล่าวหาว่าเขาได้กระทำบางอย่างที่ไม่สมควร
ในตอนแรกมู่เทียนฉงก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องนี้
ทว่าภายหลังไม่ได้เป็นแบบเดิมอีกแล้ว
ตั้งแต่นั้นมาเสด็จพี่ก็ชวนเขาไปดื่มด้วยน้อยครั้งลงเรื่อย ๆ
เซียวถังอี้พยายามรวบรวมความคิดของตัวเอง ก่อนจะก้มศีรษะลงมองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังพยายามก้มหน้าอยู่เงียบ ๆ “เจ้ากลับไปนอนก่อนเถอะ ตื่นมาค่อยอ่านตำราแพทย์ ไม่ต้องรีบ”
“ไม่ได้” มู่ไป๋ไป่ส่ายหัวอย่างดื้อดึง “ลางสังหรณ์ของข้าร้องเตือนรุนแรงมาก หากคนของหนานซวนเข้าใกล้เมืองหลวงมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงนี้ข้าไม่อาจทนอยู่เฉย ๆ และพักผ่อนอย่างสงบได้แน่นอน”
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากพักผ่อน แต่เธอไม่มีทางเลือกต่างหาก
หลังจากหญิงสาวพูดจบประโยค เธอก็คิดถึงเรื่องของมู่เทียนฉงและแผนการของหนานซวนที่พวกเขาอาจจะทำโดยไม่รู้ตัว
ขณะเดียวกัน เซียวถังอี้มองดูท่าทางของมู่ไป๋ไป่แล้วพูดว่า “ข้าจะสั่งให้คนส่งจดหมายไปให้จวินฝานเพื่อให้เขาช่วยเรื่องนี้”
“ไม่ ๆๆ” หญิงสาวโบกมือปฏิเสธทันควัน “ท่านพี่รัชทายาทกำลังยุ่งมาก แถมอาการของท่านพ่อก็ไม่มั่นคงด้วย ถ้าท่านพี่ทำราชกิจล่าช้า เขาอาจจะถูกลงโทษ”
“ไม่ได้!”
เซียวถังอี้มองสีหน้าจริงจังของมู่ไป๋ไป่พลางส่ายหัวเบา ๆ “มู่ไป๋ไป่ เจ้าคิดถึงทุกคน แต่ทำไมเจ้าไม่คิดถึงตัวเองบ้างล่ะ?”
“คิดถึงตัวเองหรือ?” หญิงสาวไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไร
ในความคิดของเธอ คนที่เดือดร้อนคือมู่เทียนฉง และเขาก็เป็นพ่อของเธอ ดังนั้นเธอจึงต้องพยายามแก้ไขเรื่องนี้ให้ดีที่สุด
เซียวถังอี้ดูเหมือนจะเข้าใจความคิดมู่ไป๋ไป่เป็นอย่างดี เขาจึงกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่ใช่เป็นพ่อของเจ้าเพียงเท่านั้น เขาเป็นผู้ปกครองแคว้นอีกด้วย เรื่องของเขาก็คือเรื่องของทางการ นอกจากนี้มันยังเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของแคว้นด้วย ดังนั้นเจ้าอย่าได้ปฏิเสธความช่วยเหลือจากผู้อื่น”
หญิงสาวเหม่อมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า พร้อมกับความรู้สึกว่าในวันนี้เขาดูแปลกไป
“หากเจ้าต้องการค้นหาคำตอบให้ได้ภายใน 2 วัน สิ่งเดียวที่เจ้าต้องทำในตอนนี้ก็คือ การระดมคนให้มาช่วยอ่านตำราแพทย์”
“ที่ท่านพูดก็มีเหตุผล” มู่ไป๋ไป่เม้มปากก่อนจะพยักหน้ารับ “ถ้าเช่นนั้นก็ฝากเสด็จอาแจ้งท่านพี่รัชทายาทให้ทราบด้วย และขอให้ท่านพาถังถังกับหวานหว่านมาหาข้า พวกนางคุ้นเคยกับตำราแพทย์เป็นอย่างดี น่าจะอ่านได้เร็วกว่าคนอื่น”
“แต่ในระหว่างที่ส่งพวกนางเข้ามาในตำหนักอวี๋ชิง ท่านต้องทำแบบลับ ๆ ไม่ให้ใครรู้”
เซียวถังอี้หยุดคิดสักครู่ก่อนที่เขาจะตอบตกลง
และเกือบจะในอึดใจเดียวกับที่เขารับปากมู่ไป๋ไป่ องครักษ์เงาจำนวนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ก็พากันแยกย้ายไปทำตามหน้าที่
พอหญิงสาวกลับมาถึงตำหนัก เซียวถังถังกับอวี้หวานหว่านก็กำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่เรือนของเธอเรียบร้อยแล้ว
“ศิษย์พี่!” เด็กหญิงเรียกมู่ไป๋ไป่ทันทีที่เห็นอีกฝ่าย “ข้าได้ยินมาว่าท่านต้องการความช่วยเหลือจากเรา”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ ทำไมเราถึงต้องมาที่นี่ตั้งแต่เช้า?” เซียวถังถังอ้าปากหาวเสียงดัง หน้าตาของนางตอนนี้เหมือนคนที่ยังไม่ตื่น แค่เห็นสภาพนางก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวเพิ่งถูกลากออกมาจากเตียง
“ท่านนี่ช่างทำตัวลึกลับจริง ๆ พอข้าถาม ก็ไม่มีใครยอมบอกอะไร”
สิ้นเสียงพูด หญิงสาวก็ถูกใครบางคนตีหัว
“โอ๊ย! ใครมันบังอาจ!” เซียวถังถังยกมือขึ้นกุมหัวและหันไปมองคนที่ทำร้ายตนด้วยท่าทางโมโห แต่ทันใดนั้นนางก็เห็นพี่ชายของตัวเอง ส่งผลให้ความง่วงก่อนหน้านี้หายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว พร้อมกับที่สีหน้าขึงขังค่อย ๆ ห่อเหี่ยวลงกลายเป็นหน้ามุ่ย
“ท่านพี่… ทำไมท่านพี่ถึงมาอยู่ที่นี่?”
เซียวถังอี้ขมวดคิ้วตำหนิน้องสาว “ดูสภาพของเจ้าสิ นั่งให้เรียบร้อยหน่อย นี่ก็เช้าแล้วไยเจ้ามีสภาพเป็นแบบนี้ ตอนกลางคืนเจ้ามัวทำอะไรอยู่ถึงไม่ยอมนอน”
เซียวถังถังเม้มปากก่อนจะบ่นพึมพำเบา ๆ “ตอนที่อยู่ในหุบเขาหมอเทวดา ไม่มีใครตื่นจนกว่าพระอาทิตย์จะแยงตา”
แน่นอนว่ามันดีกว่าตอนที่นางอยู่บ้านตัวเอง นางต้องตื่นก่อนรุ่งสางเพื่อมาฝึกวรยุทธ
เมื่อคืนหญิงสาวได้ยินว่าพี่ชายไม่ได้กลับไปที่ตำหนัก ดังนั้นนางจึงคิดว่าตนจะสามารถเข้านอนดึกตื่นสายได้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้
แต่สุดท้ายแล้ว นางก็ถูกปลุกให้ตื่นก่อนรุ่งสางเพื่อเก็บข้าวของแล้วมุ่งตรงมาที่ตำหนักอวี๋ชิง
“ช้าก่อน!” ดวงตาของเซียวถังถังเบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมกับที่นางมองสลับไปมาระหว่างมู่ไป๋ไป่กับเซียวถังอี้ “นี่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อคืนพวกท่านทั้ง 2 อยู่ด้วยกันตลอดใช่หรือไม่?”
ผู้เป็นศิษย์พี่ไม่คาดคิดว่าศิษย์น้องจะถามคำถามนี้ขึ้นมา เธอจึงตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นใบหูของเธอก็แดงขึ้น
“เด็กอย่างเจ้าอย่ามายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่” เซียวถังอี้เหลือบมองน้องสาวตัวเอง “หลังจากนี้ให้เจ้าเชื่อฟังคำสั่งของไป๋ไป่”
เซียวถังถังกะพริบตาปริบ ๆ นางทำท่าทางเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง ทำให้ความง่วงที่เคยมีก่อนหน้านี้หายไปจนสิ้น แล้วนางก็ออกไปวิ่งรอบ ๆ เรือนด้วยความตื่นเต้น
ทางด้านมู่ไป๋ไป่รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีที่ถูกศิษย์น้องจ้องด้วยสายตามีเลศนัย แต่เธอก็ทำได้แค่ถอนหายใจเบา ๆ “เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน รอท่านพี่รัชทายาทมาถึงแล้วเราค่อยพูดคุยกันทีเดียว”
“พี่ใหญ่ของท่านก็มาด้วยหรือ?” เซียวถังถังขมวดคิ้วเข้าหากัน ถึงแม้ว่านางจะไม่อยากยอมรับสักเท่าไหร่ แต่นางรู้สึกกลัวมู่จวินฝานมาตั้งแต่เด็กแล้ว
หญิงสาวรู้สึกว่าองค์รัชทายาทนั้นมีบุคลิกเหมือนพี่ชายของตัวเอง ดังนั้นทุกครั้งที่นางกลับมาที่วังหลวงพร้อมกับมู่ไป๋ไป่ นางจะพยายามหลบเลี่ยงผู้ชายคนนี้ให้ได้มากที่สุด
มู่ไป๋ไป่ที่กำลังจะพยักหน้าตอบกลับ จังหวะนั้นเธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอกเสียก่อน เธอจึงรีบหันหลังไปมอง และแน่นอนว่าเธอเห็นมู่จวินฝานกำลังเดินเข้ามาหาตน
บางทีอาจเป็นเพราะว่าเซียวถังอี้ส่งจดหมายไปอย่างกะทันหัน ชายหนุ่มจึงไม่ได้สวมเสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อยเหมือนปกติ เขาสวมเพียงเสื้อคลุมสีเข้ม แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่สามารถบดบังความสง่างามของเขาเอาไว้ได้
มู่ไป๋ไป่ยังเผลอคิดไปเลยว่าคนที่มาที่นี่คือมู่จวินเซิ่ง
“พี่ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหลบราชองครักษ์มาได้” มู่จวินฝานโค้งคำนับให้เสด็จอาก่อน จากนั้นจึงหันมาอธิบายให้น้องสาวฟัง “ดังนั้นพี่จึงมาสายกว่าที่นัดเอาไว้เล็กน้อย”
“ท่านอย่าได้ใส่ใจเลย” มู่ไป๋ไป่ก็รีบโบกมือปฏิเสธก่อนจะแนะนำเซียวถังถังกับอวี้หวานหว่านให้เขารู้จัก “ท่านพี่รัชทายาท นี่คือถังถัง ท่านคงจำนางได้ใช่หรือไม่?”
“ส่วนนี่คือศิษย์น้องของข้า อวี้หวานหว่าน”
มู่จวินฝานไม่ได้เป็นคนถือตัวมาตั้งแต่แรก เขาได้ยกมือขึ้นทำท่าคำนับแบบที่ชาวยุทธใช้กัน
เดิมทีเซียวถังถังก็อยากจะทักทายตอบ แต่นางถูกสายตาของพี่ชายจับจ้องอยู่ตลอดเวลา นางจึงต้องเปลี่ยนท่าทางเป็นการทำความเคารพแบบในวัง
ในทางกลับกัน อวี้หวานหว่านจ้องมององค์รัชทายาทนิ่งอยู่นานโดยที่ไม่ขยับตัว
“หวานหว่าน?” มู่ไป๋ไป่คิดว่าเด็กหญิงกลัว เธอจึงได้เอื้อมมือไปลูบไหล่ปลอบนาง “เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย พี่ใหญ่ของข้าไม่ใช่คนที่ถือตัวอะไร”
อวี้หวานหว่านกลับมามีสติอีกครั้งก่อนจะหันไปมองมู่จวินฝานที่มีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า จากนั้นนางก็รีบลดสายตาลงแล้วตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา
แม่เจ้า บนโลกนี้ยังมีคนที่หน้าตาดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
“ในเมื่อทุกคนมาที่นี่กันครบแล้ว เรามาเริ่มพูดคุยเรื่องสำคัญกันเถอะ” มู่ไป๋ไป่ไม่ได้ใส่ใจพฤติกรรมแปลกประหลาดของอวี้หวานหว่านและรีบเล่าให้ทุกคนฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนตอนที่เธอแอบเข้าไปในตำหนักตี้เฉินพร้อมกับเซียวถังอี้
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 148
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น