บทที่ 307 พันล้าน

-A A +A

บทที่ 307 พันล้าน

บทที่ 307 พันล้าน

พ่อของเจียงเจ๋อคิดว่าลู่หยางแกล้งพูดให้เขาสบายใจ เขาจึงเผยรอยยิ้มและพูดออกไปว่า

“เมื่อไม่นานมานี้พวกเธอเพิ่งจะเจอกับเหตุการณ์ชิงตัวสมาชิกกิลด์กันสินะ แต่เธอกลับส่งคนไปข่มขู่ฉือมู่กับฉงป้า ซึ่งฉันคิดว่ามันเป็นการตอบโต้ที่รุนแรงเกินไปหน่อย หากครั้งหน้าเดธโซลกับบลัดเติสตี้ยกกำลังมาโจมตี ตอนนั้นเธอจะทำยังไง?”

“ตอนนั้นก็คงจะต้องดูสถานการณ์ก่อนครับ” ลู่หยางตอบ

“ลุงรู้ว่าภายในกิลด์ของเธอมีบลูปริ้นกับอุปกรณ์อยู่ไม่น้อยและมีความสามารถที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูได้ด้วยตัวเอง แต่บลัดบราเธอร์เพียงกิลด์เดียวจะสามารถต้านทานเดธโซลกับบลัดเติสตี้พร้อมกันได้จริง ๆ เหรอ? หากตอนนั้นฉือมู่กับฉงป้าลดทอนกำลังสนับสนุนหรือไม่ส่งคนมาช่วยพวกเธอเลย เธอจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ยังไง?”

ลู่หยางกลัวว่ามันจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ด้วยเช่นกัน เขาจึงเตรียมจะจัดการกับเดธโซลให้เด็ดขาดภายในครั้งเดียว เพราะถ้าหากสถานการณ์นี้กลายเป็นสงครามยืดเยื้อ แม้ว่าในอนาคตเขาจะทำให้เดธโซลล่มสลายไปได้ในที่สุด แต่มันก็จะทำให้บลัดบราเธอร์เสียเวลาในการพัฒนาเพื่อต้านทานกับกองกำลังของลิ่วเจียที่จะเข้ามาในเกมในอนาคต

เมื่อเห็นลู่หยางนิ่งเงียบไม่พูดอะไร พ่อของเจียงเจ๋อจึงเผยรอยยิ้มและพูดขึ้นมาว่า

“ลุงไม่ได้คิดจะทำลายความมั่นใจของเธอหรอกนะ ตรงกันข้ามลุงยังมองว่าพวกเธอมีอนาคตไปได้อีกไกล ตอนนี้พวกเธอกำลังเข้ายึดครองป้อมปราการคริมสันอยู่ใช่ไหม? หากในอนาคตพวกเธอพัฒนาป้อมแห่งนี้จนเสร็จมันจะกลายเป็นแหล่งพักพิงของผู้เล่นในช่วงเลเวล 30-50 ได้เป็นอย่างดี และเพียงแค่ภาษีจากป้อมปราการเพียงอย่างเดียวก็มากพอที่จะเลี้ยงดูกิลด์ได้แล้ว แต่ข้อแม้ก็คือเธอจะต้องรักษาป้อมปราการแห่งนี้เอาไว้ให้ได้”

“เรื่องนั้นเป็นปัญหาใหญ่จริง ๆ ครับ แล้วผมก็กำลังคิดหาวิธีการแก้ไขปัญหาในอนาคตอยู่” ลู่หยางกล่าว

ปัญหาในความคิดของลู่หยางหมายถึงการจัดการเดธโซลและบลัดเติสตี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่พ่อของเจียงเจ๋อกลับตีความว่าลู่หยางต้องการคนเข้ามาลงทุนในกิลด์เพิ่มเติม

“เอาแบบนี้ไหมหลานชาย? ลุงจะช่วยสนับสนุนเงินทุนให้ 100 ล้านเครดิตแลกกับหุ้นส่วน 51% แต่เธอวางใจได้เลยว่าลุงแค่เอาเงินมาลงทุนเท่านั้น ไม่ได้มีความคิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารกิลด์แม้แต่นิดเดียว” พ่อเจียงเจ๋อกล่าว

“คุณลุงครับ ผมรับข้อเสนอนี้ไม่ได้จริง ๆ แต่ผมมีข้อเสนอหนึ่งให้คุณลุงนะครับ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ข้อเสนออะไร?” พ่อเจียงเจ๋อถาม

แววตาของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นคมกริบอย่างฉับพลัน ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า

“หากคุณลุงยอมให้เงินลงทุนผม 1,000 ล้าน ผมจะยอมยกหุ้นให้กับคุณลุง 10%”

“หลานชายแบบนั้นลุงก็ไม่ได้ทุนคืนน่ะสิ” พ่อเจียงเจ๋อตอบหลังจากนั่งอึ้งไปสักพัก

ลู่หยางยังคงหัวเราะโดยไม่คิดมากอะไร เพราะอีกฝ่ายยังคงมองเขาเป็นหลานชายจริง ๆ ท้ายที่สุดหากมีใครมายื่นข้อเสนอที่ฟังดูไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ คน ๆ นั้นก็คงจะถูกอีกฝ่ายไล่ออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว

“ถ้าผมบอกว่าการลงทุนของคุณลุงไม่ได้จำกัดอยู่แค่กิลด์ของผม แต่มันยังมีโครงการอื่น ๆ แฝงอยู่ด้วยล่ะครับ?” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์

“โครงการอะไร?” พ่อของเจียงเจ๋อเริ่มสัมผัสได้ว่าลู่หยางยังคงมีความลับซ่อนอยู่

“ร้านขายยาเพลิงโลหิตและร้านตีเหล็กจงซินทางเหนือของเมือง” ลู่หยางกล่าว

“เธอกำลังจะบอกว่าร้านทั้ง 2 ร้านนั้นเป็นร้านของเธองั้นเหรอ?!” พ่อเจียงเจ๋อกล่าวด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง

ลู่หยางพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“ใช่ครับ ทั้ง 2 ที่นี้เป็นของผมและผมก็ยังถือหุ้นอยู่ครบ 100%”

“เธอนี่มันซ่อนตัวได้อย่างแยบยลจริง ๆ” พ่อเจียงเจ๋อกล่าวพร้อมกับตบโต๊ะลงไปเสียงดัง

ร้านขายยาเพลิงโลหิตมีผลประกอบการที่ดีมากจนถึงขนาดที่ตัวร้านได้ขยายสาขาไปยังเมืองนอร์ทวินด์, เมืองแฮนนิบัลและเมืองซีเอ็มเพอเรอร์แล้ว มันจึงกลายเป็นร้านขายยาเจ้าใหญ่ที่สุดของเผ่ามนุษย์ภายในเซิร์ฟเวอร์จีน ซึ่งภายในร้านก็มีนักปรุงยาระดับสูงอยู่มากกว่า 1,000 คนและมีนักปรุงยาพิเศษอยู่อีกเป็นจำนวนกว่า 200 คน

ขณะเดียวกันร้านเพลิงโลหิตก็ได้ครอบครองสูตรน้ำยาที่ดีที่สุดของเกมในขณะนี้ ซึ่งทุกคนก็คิดว่าเจ้าของร้านขายยาแท้ที่จริงแล้วคือจินปู้ฮวน แต่ใครจะไปคิดว่าในความเป็นจริงลู่หยางคือผู้ที่คอยควบคุมทุกอย่างอยู่จากด้านหลังม่านต่างหาก

ขณะเดียวกันร้านตีเหล็กจงซินก็เป็นร้านที่ขายอุปกรณ์ระดับทองเลเวล 5 และเลเวล 15 ภายใน 4 เมืองใหญ่เช่นกัน ผลประกอบการของร้านนี้ถึงจะทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกอิจฉา แต่พวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าบลูปริ้นของอุปกรณ์ระดับทองเหล่านั้นทางร้านได้ไปหามาจากที่ไหน

“เชื่อผมเถอะครับว่าถ้าหากคุณลุงมาลงทุนกับผม คุณลุงจะไม่มีทางขาดทุนแน่นอน” ลู่หยางกล่าว

“แค่นั้นมันยังไม่พอหรอกนะ” พ่อเจียงเจ๋อส่ายหน้าหลังจากคิดคำนวณอยู่สักครู่

“แล้วถ้าเพิ่มร้านขายยาลอยอลตี้ในเมืองหลวงของเผ่าหมาป่าเข้าไปด้วยล่ะครับ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ร้านนั้นมันก็เป็นของเธอด้วยงั้นเหรอ?!” พ่อเจียงเจ๋อกล่าวด้วยความตกตะลึง

“ใช่ครับ เจ้าของร้านขายยาร้านนั้นคือมู่ยี่เป็นน้องชายที่ผมรับอุปการะมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มู่หยูที่เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขาก็เป็นคนภายในกิลด์ของผม และตอนนี้พวกเขาก็พักอยู่ที่สตูดิโอเดียวกันกับผมด้วย” ลู่หยางกล่าว

การเปิดเผยความลับในครั้งนี้ทำให้พ่อของเจียงเจ๋อตกตะลึงนั่งอึ้งอยู่กับที่ ท้ายที่สุดมันก็เคยมีคนประเมินมูลค่าของร้านเพลิงโลหิตเอาไว้ที่ 200 ล้านเครดิต, ร้านตีเหล็กจงซิน 100 ล้านเครดิตและร้านลอยอลตี้อยู่ที่ 150 ล้านเครดิต

เพียงแค่ค่าประเมินของร้านค้าทั้ง 3 แห่งนี้มันก็อยู่ที่ 450 ล้านเครดิตแล้ว เมื่อจำนวนของผู้เล่นภายในเกมเพิ่มมากขึ้น มูลค่าของร้านค้าเหล่านี้ก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นไปตามจำนวนผู้เล่นด้วยเหมือนกัน และจากประสบการณ์ที่เขาได้ทำธุรกิจมานานหลายปี ในท้ายที่สุดร้านค้าทั้ง 3 แห่งนี้จะต้องมีราคาประเมินเกินกว่า 3,000 ล้านเครดิตอย่างแน่นอน

“หลานชาย ถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เธอพูดจริง ๆ ลุงก็พอจะยอมรับข้อเสนอในครั้งนี้ได้ แต่ลุงก็อยากฟังแผนการสู้รบของเธอด้วย เพราะถ้าสุดท้ายเธอยังหาวิธีจัดการกับเดธโซลและบลัดเติสตี้ไม่ได้ กิลด์ของเธอมันก็อาจจะล่มสลายลงไปด้วย” พ่อเจียงเจ๋อกล่าว

“เห็นแก่คุณลุงเป็นพ่อของเจียงเจ๋อ ผมจะยอมบอกความลับให้ก็ได้ครับ ความจริงหากผมมีเวลาอีก 10 วันในตอนนั้นผมก็จะสามารถกำจัดเดธโซลออกไปได้ภายใต้การรบเพียงแค่ครั้งเดียว” ลู่หยางกล่าว

“เวอร์เกินไปหน่อยหรือเปล่า?” พ่อเจียงเจ๋อกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ เพราะท้ายที่สุดเขาก็รู้เรื่องที่ลู่หยางกำลังขาดแคลนบลูปริ้นมาจากเจียงเจ๋อแล้ว

“ผมพูดจริง ๆ ครับ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม เพราะในปัจจุบันเขาได้รับอาวุธระดับตำนาน, ใบเปลี่ยนอาชีพและบลูปริ้นมาจากดันเจียนดีม่อนแทรปปิ้งเป็นจำนวนมาก

“ผมขอเวลาอีก 10 วันผมจะมีกองกำลังผู้เล่นเลเวล 30 จำนวน 30,000 คนและด้วยทรัพยากรที่กิลด์สะสมเอาไว้จนถึงตอนนี้ทุกคนจะได้รับอุปกรณ์ระดับทองเลเวล 30 ภายใน 5 วัน เมื่อมันได้รวมกับกองกำลังพิทักษ์ราชินี 40,000 คนและกองกำลังของผมอีก 50,000 คน กองกำลังทั้งหมดก็จะสามารถกำจัดเดธโซลได้ในครั้งเดียว” ลู่หยางอธิบายเพิ่มเติม

“โอเค ฉันยอมรับข้อเสนอ 1,000 ล้านแลกกับหุ้น 10%” พ่อเจียงเจ๋อกล่าวพร้อมกับทุบโต๊ะเสียงดัง

“ขอบคุณครับ ผมรับรองว่าแค่ไม่นานคุณลุงก็จะได้รับทุนคืนอย่างรวดเร็ว” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับยื่นมือออกไปจับมือกับชายชรา

“ฉันเชื่อใจเธอ” เจียงถงเหนียนกล่าวพร้อมกับยื่นมือออกไปจับมือด้วยเช่นกัน

เจียงถงเหนียนมีลางสังหรณ์ว่าครั้งนี้มันเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา เพราะถ้าหากในอนาคตลู่หยางสามารถยึดครองป้อมปราการได้เพิ่มอีก 2 แห่ง ภายในเวลาไม่เกิน 2 ปีเขาก็จะได้รับเงินทุนทั้ง 1,000 ล้านกลับคืนมาแล้ว

ทันใดนั้นเองประตูก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหันพร้อมกับเจียงเจ๋อที่วิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน

“พ่อไม่ได้ทะเลาะกับลู่หยางอยู่ใช่ไหม…”

อย่างไรก็ตามเมื่อชายหนุ่มได้เห็นลู่หยางกับพ่อของเขาจับมือกัน มันก็ทำให้เขาทำได้เพียงแต่กระพริบตาปริบ ๆ และถามออกไปว่า

“นี่มันอะไรกันเนี่ย?”

ลู่หยางยิ้มโดยไม่พูดอะไร ขณะที่เจียงถงเหนียนพูดออกมาว่า

“ไอ้เด็กโง่! ฉันกับลู่หยางไม่ได้ทะเลาะอะไรกันสักหน่อย พวกเราเพิ่งจะคุยกันจบและพ่อก็ตัดสินใจให้เงินทุนเขา 1,000 ล้านเครดิตแลกกับหุ้นทั้งหมด 10%”

“อะไรนะ?! พ่อเป็นคนใจกว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” เจียงเจ๋ออุทานอย่างตกตะลึง

เจียงถงเหนียนหัวเราะและพูดว่า

“ออกไปก่อน พ่อต้องคุยกับลู่หยางต่อ มันยังไม่ถึงเวลาที่ลูกจะเข้ามาฟัง”

“เอ่อ…” เจียงเจ๋อเกาหัวพร้อมกับเดินออกจากห้องไป ท้ายที่สุดตั้งแต่เขาจำความได้พ่อของเขาก็ไม่เคยทำธุรกิจขาดทุนเลยสักครั้ง ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเขาคงจะไม่เจริญรุ่งเรืองมาจนถึงขนาดนี้

ลู่หยางมองไปยังบานประตูที่ปิดลงพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า

“ความจริงคุณลุงไม่จำเป็นจะต้องปิดบังเจียงเจ๋อก็ได้นะครับ”

เจียงถงเหนียนลุกขึ้นมาเดินไปข้าง ๆ ลู่หยาง จากนั้นเขาก็ใช้มือจับไหล่ชายหนุ่มและชี้ไปยังแถวตัวอักษรจีนบนผนังพร้อมกับพูดว่า

“เธอเห็นตัวอักษรพวกนี้ไหม?”

ขงจื๊อ: ความวุ่นวายเกิดจากคำพูด 

ถ้าราชาไม่รักษาความลับก็จะเสียขุนนาง 

ถ้าขุนนางไม่รักษาความลับก็จะเสียชื่อเสียง 

ถ้าเรื่องสำคัญไม่เป็นความลับก็จะเกิดอันตราย 

ดังนั้นคนที่มีคุณธรรมจึงควรระมัดระวังในการรักษาความลับและไม่เปิดเผยความลับออกไปง่ายๆ

“ฉันทำธุรกิจโดยอาศัยคติเรื่องนี้มาโดยตลอด จำเอาไว้ว่าเรื่องไหนที่เป็นความลับ มันก็สมควรจะต้องเป็นความลับ หากถึงเวลาที่ยังไม่ควรพูดเราก็ไม่ควรจะพูดความลับออกไปเด็ดขาด แม้ว่าเราจะสนิทกับใครมากขนาดไหนก็ตาม ทุกสิ่งที่เราพูดคุยกันในวันนี้จะจบลงในห้องนี้ ลุงไม่มีทางจะเอาความลับเรื่องนี้ไปเผยแพร่อย่างเด็ดขาดแม้แต่เจียงเจ๋อก็ยังไม่ถึงเวลาที่เขาสมควรจะรู้”

“สาเหตุที่กิลด์ของเธออยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะว่าเธอแบ่งกำลังออกเป็นหลายส่วนทำให้ทุกคนคิดว่าเธออ่อนแอ แต่ถ้าหากมีคนรู้ว่าแท้ที่จริงเธอมีกิจการซ่อนอยู่เบื้องหลังอีกมากมาย คนกลุ่มแรกที่จะทนเรื่องนี้ไม่ไหวคือฉงป้าและฉือมู่ ดังนั้นหากเรายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะดูถูกศัตรูได้ ความลับเหล่านี้ก็ไม่ควรจะต้องแพร่งพรายออกมาอย่างเด็ดขาด” เจียงถงเหนียนกล่าว

ลู่หยางคำนับให้กับชายชราอย่างนอบน้อมพร้อมกับพูดว่า

“ขอบคุณคุณลุงที่สั่งสอนครับ ผมจะจดจำคำสอนเหล่านี้เอาไว้”

“พวกเราไปห้องรับแขกกันเถอะ เย็นนี้อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนนะ” เจียงถงเหนียนกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ

ลู่หยางพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะเดินลงบันไดไปพร้อมกับชายชรา

 

 


 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.